ทะลุมิติไปเป็นสนมตัวน้อยผู้ทำอาหารรสเลิศ - บทที่ 6 ชีวิตใหม่(รีไรท์)
บทที่ 6 ชีวิตใหม่(รีไรท์)
เหอซื่อทอดถอนใจพลางขมวดคิ้วเล็กน้อย นางเม้มปากแล้วพูดว่า “อี้เอ๋อร์ เหยียนจื่อ แม่จะจัดการทุกอย่างเอง แม่ทำผิดต่อเจ้าทั้งคู่จริง ๆ ทั้งหมดเป็นเพราะแม่ไร้ความสามารถ แม่สัญญาว่าจะไม่ทำให้พวกเจ้าต้องผิดหวังอีกแล้ว”
ขณะที่พูด น้ำตาก็เอ่อล้นขอบตาคล้ายกำลังจะร่วงหล่น
เมื่อเห็นดังนั้น เหยียนอี้ก็รีบก้าวไปข้างหน้า คว้ามือท่านแม่พร้อมกับแย้มรอยยิ้ม “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านกำลังพูดเรื่องอะไรน่ะ เราได้เริ่มก้าวแรกแล้ว เรามีลานบ้านของตัวเอง เมื่อวันเวลาผ่านพ้นไป ทุกอย่างจะดีขึ้นเองเจ้าค่ะ”
“ตอนนี้ก็เข้าฤดูร้อนแล้ว มีแม่น้ำสายเล็ก ๆ ข้าง ๆ ลานบ้านของเรา อาจมีปลาและกุ้งตัวเล็กอยู่ด้วยก็ได้ วันนี้มาทำความสะอาดลานด้วยกันเถิดเจ้าค่ะ ส่วนปลาและกุ้งเหล่านั้นเดี๋ยวข้าไปจับเอง!”
“ท่านพี่ ท่านจับปลาและกุ้งได้จริงหรือเจ้าคะ? ลุงหวังที่อยู่บ้านข้าง ๆ ยังจับไม่ได้เลย ตัวปลามันลื่นมากนะ” เหยียนจื่อมองพี่สาวของตนอย่างกระตือรือร้น และไม่อยากเชื่อเลยจริง ๆ ว่าพี่สาวตนจะจับปลาได้
เหยียนอี้ลูบศีรษะผู้เป็นของน้องสาวพลางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “แน่นอน ข้าจะพาเจ้าไปพรุ่งนี้!”
ณ ลานเล็ก ๆ ที่ทรุดโทรมคึกคักเพราะสามแม่ลูก วันนี้เพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น และปัญหาของพวกเขาทั้งสามก็คือมื้ออาหาร!
หลังจากทำความสะอาดมาหนึ่งวัน เช้าวันรุ่งขึ้น เหอซื่อก็เริ่มเจ็บคอเพราะนางให้เด็ก ๆ ใช้เตียง ส่วนตนนอนพิงผนังทั้งคืน
“ท่านแม่ ตัวข้าคันมากเลย!” เหยียนจื่อลุกขึ้นแต่เช้า เกาแขนและขาไม่หยุด
เหอซื่อดึงเหยียนจื่อมาที่ลานบ้าน แล้วยกชายแขนเสื้อขึ้นมาถึงหัวไหล่ก่อนจะต้องขมวดคิ้วแน่น แขนเล็ก ๆ ของบุตรสาวเต็มไปด้วยตุ่มแดงบวม ผู้เป็นแม่เห็นแล้วรู้สึกไม่สบายใจแม้แต่น้อย
“อี้เอ๋อร์ เจ้ามีตุ่มพวกนี้ด้วยหรือไม่?” เมื่อเห็นสิ่งนี้ นางก็รีบไปหาเหยียนอี้แล้วถามด้วยความเป็นห่วง
“ท่านแม่ ข้าไม่มีตุ่มพวกนั้นหรอกเจ้าค่ะ ข้าเก่งกว่าเหยียนจื่อเยอะ แต่เราคงนอนเตียงนี้ไม่ได้แล้ว มันอาจจะมีเชื้อราอยู่ข้างในเจ้าค่ะ” เหยียนอี้แอบเกาตุ่มที่หลังมือของนาง
เพียงแค่คืนแรกเท่านั้น เด็กทั้งสองกลับประสบเรื่องแย่ ๆ เช่นนี้แล้ว คนเป็นแม่มองลึกเข้าไปในดวงตาของลูก ๆ แล้วก็รู้สึกเจ็บปวดในใจ นางโอบกอดเด็กทั้งสองและร้องไห้ออกมา “ฮึก… แม่ขอโทษ ขอโทษจริง ๆ แม่มันไม่มีความสามารถ เหยียนอี้ เหยียนจื่อแม่ขอโทษเจ้าทั้งสองด้วย”
เหยียนจื่อเกาตุ่มบนร่างกายของนาง ภายในดวงตาเอ่อล้นไปด้วยน้ำตา เวลานี้มีเพียงเหยียนอี้เท่านั้นที่คิดว่าจะเปลี่ยนชีวิตปัจจุบันของนางได้อย่างไร มันจะต้องไม่เป็นเช่นนี้ ไม่มีที่นอนและไม่มีอาหารกิน เป็นไปไม่ได้ที่พวกนางทั้งสามจะใช้ชีวิตอยู่เช่นนี้
เวลาผ่านไปนานกว่าท่านแม่จะคลายอ้อมแขนปล่อยทั้งสองคนไป จากนั้นนางดึงหญ้าจากพื้นเพื่อที่จะถูบนร่างกายของเด็กทั้งสอง
ท่านแม่หยิบสะระแหน่กำใหญ่มาถูที่แขนของเหยียนจื่อ แล้วมองตุ่มพวกนั้นก่อนเอ่ยเบา ๆ ว่า “มันยังคันอยู่หรือไม่?”
เหยียนจื่อหัวเราะ จากนั้นก็ตอบกลับไปหลังจากกระโดดโลดเต้นอยู่สองครั้ง “ดีขึ้นมากแล้วเจ้าค่ะท่านแม่”
เหยียนอี้นำสะระแหน่มาถูตนเองแล้วหันไปหามารดา “ท่านแม่ ข้าอยากไปดูที่แม่น้ำหน่อย ตอนนี้เราไม่มีอะไรกินเลยแล้วก็ไม่มีเงินด้วย ดังนั้นหากไปที่แม่น้ำ บางทีเราอาจจะจับปลาได้บ้างก็ได้เจ้าค่ะ”
ท่านแม่ซึ่งนั่งอยู่บนโขดหินลังเลอยู่ครู่หนึ่ง และในที่สุดก็พยักหน้า “เอาตามอย่างเจ้าว่า ระวังตัวด้วยเล่า”
“ท่านพี่ ข้าไปด้วย ข้าไปด้วย!” เหยียนจื่อมองมารดาด้วยดวงตาที่สดใส
คนถูกมองยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ หางตาปรากฏรอยย่นเล็กน้อย สายตาทวีความอ่อนโยนขึ้นเรื่อย ๆ “ไปเถิด เจ้าทั้งสองไปด้วยกัน”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เหยียนอี้กับเหยียนจื่อจึงวิ่งออกไปด้วยกัน
แสงอาทิตย์ยามเช้ากำลังอุ่นพอดี มีแสงแดดสาดส่องผ่านแมกไม้ลงมา หญ้าสีเขียวที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าของนางกำลังชูต้นสูง และในบางครั้ง พวกนางก็ยังสามารถเห็นจักจั่นนอนอยู่บนลำต้น
เสียงน้ำไหลดังชัดขึ้นเรื่อย ๆ เหยียนอี้คว้าตัวเหยียนจื่อเพื่อให้เดินเร็วขึ้น จนในที่สุดนางก็สามารถมองเห็นแม่น้ำที่ใสสะอาดจากระยะไกล
“เจ้าเคยเห็นมันไหม? เหยียนจื่อดูนั่นสิ! มีฟองอากาศออกมาจากแม่น้ำด้วย! ข้าอยากลองจับมัน” เหยียนอี้อุทานเมื่อมองไปที่ฟองอากาศขนาดใหญ่ หัวใจของนางพองโตด้วยความปีติยินดี
เหยียนจื่อมองไปที่ฟองอากาศตรงหน้า นางเงยศีรษะขึ้นแล้วพูดว่า “ข้าเห็น แต่พี่จะจับมันได้หรือ?”
แสงแดดสีทองที่ส่องประกายกระทบสองพี่น้องทำให้พวกเขารู้สึกมีความสุขและอบอุ่นหัวใจ
เหยียนอี้หัวเราะร่า นางเดินมาที่แม่น้ำ ถอดรองเท้า พับแขนเสื้อ วางมือบนเอวแล้วขยิบตาให้เหยียนจื่อ พร้อมกับพูดด้วยรอยยิ้มว่า “วันนี้รอกินเนื้อปลาและซุปปลาเป็นมื้อเที่ยงได้เลย!”
เมื่อเหยียนอี้เริ่มก้าวลงไปที่ริมแม่น้ำก็เกิดน้ำกระเซ็นไปมาตรงบริเวณที่ห่างไกลออกไป
“ดูสิ ปลามันกลัวท่านพี่หมดแล้ว!” เหยียนจื่อนั่งริมแม่น้ำแล้วชี้ไปที่ระลอกคลื่นที่อยู่ไกลออกไปแล้วพูดกับเหยียนอี้
“เดี๋ยวก่อน พวกมันน่าจะอยู่ที่นี่อีกสักพัก เจ้าไปหาไส้เดือนมาให้ข้าที” เหยียนอี้พูดเบา ๆ กับเหยียนจื่อในขณะที่นางกำลังก้มตัวแล้วปล่อยมือของนางลงในน้ำ
สิ่งที่ปลาพวกนี้ชอบมากที่สุดคือไส้เดือน นางเคยตามปู่ไปที่แม่น้ำเพื่อจับปลา นางจับได้ปลาไนตัวใหญ่ทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นปลาดุกใหญ่ ปลาเฉา และอื่น ๆ แต่วันนี้นางไม่ได้คาดหวังว่าจะอิ่มท้องได้ด้วยการจับปลาหรอก
“ท่านพี่ ข้าจับมาให้แล้ว ๆ” เหยียนจื่อเรียนรู้จากเหยียนอี้โดยการลงน้ำด้วยเท้าเปล่า พับแขนเสื้อขึ้น แล้วไปยืนอยู่ข้าง ๆ พี่สาวของตน ในฝ่ามือมีไส้เดือนตัวเล็ก ๆ สองสามตัวที่ยังมีชีวิตอยู่ เกาะกันเป็นกลุ่มดิ้นไปมา
“เอาล่ะ เจ้ารอข้าอยู่ตรงนี้นะ! อย่าขยับ!” เหยียนอี้บีบไส้เดือนให้เลิกดิ้น จับมันใส่ไว้มือ สงบสติอารมณ์แล้วมองดูการเปลี่ยนแปลงในน้ำ
เวลาดูเหมือนจะหยุดนิ่งไปชั่วขณะ ทั้งคู่ไม่ได้พูดคุยใด ๆ มีเพียงเสียงลมพัดใบไม้และเสียงร้องแหลมของเหล่าแมลงเท่านั้น