ทะลุมิติไปเป็นสนมตัวน้อยผู้ทำอาหารรสเลิศ - บทที่ 58 ปลาตากแห้ง
บทที่ 58 ปลาตากแห้ง
หลังทำอาหารกลางวันเสร็จ เหยียนอี้ดึงเก้าอี้มานั่งลงในที่เย็น ๆ เพียงแห่งเดียว ซึ่งคือข้างประตูสวนด้านหลังห้องเครื่องหลวง
อากาศร้อนมาก ภายในห้องเครื่องจุดไฟตลอดทั้งวันทำให้อุณหภูมิในห้องสูงกว่าข้างนอก ด้วยอากาศที่ร้อนเช่นนี้ เมื่อนางทำอาหารหนึ่งจาน นางจึงเหงื่อออกเต็มตัวไปหมด พาให้นางหมดความอยากอาหาร
ขณะนี้ สาวใช้สองคนในสวนด้านหลังกำลังทำปลาแห้ง เนื่องจากอากาศร้อนจึงยากที่จะเก็บปลาเสี่ยวหยิน[1] ที่ถูกขนส่งมาหลายพันลี้จากทะเลสาบไท่หูให้ยังสดใหม่ ดังนั้นพวกเขาจึงต้องฆ่าพวกมันก่อนที่พวกมันจะตายและนำไปตากแห้ง
หลังจากนั้นไม่นาน ลานก็เต็มไปด้วยกลิ่นฉุนของปลา แต่เหยียนอี้ไม่อยากกลับเข้าไปในห้องเครื่องที่แสนจะร้อนอบอ้าว ดังนั้นนางจึงเลือกที่จะนั่งอยู่ที่เดิม
ตั้งแต่นางมาถึงห้องเครื่องหลวง ฮ่องเต้สั่งให้นางทำอาหารทุกวัน
พระราชวังหลวงไม่ง่ายเหมือนพระราชวังชั่วคราว อาหารประจำวันของฮ่องเต้ต้องมีอาหารทอดร้อนแปดจาน น้ำแกงแปดจาน ช้อนน้ำแกงสี่คัน ของหวานสามอย่าง และชาห้าถ้วย นอกจากนั้นต้องมีอาหารนึ่งและอาหารตุ๋นจำนวนมาก โดยปกติจำนวนจานอาหารจะปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์
บางครั้งจู่ ๆ ฮ่องเต้ก็สั่งอาหารจานพิเศษโดยไม่ทันตั้งตัว
เหตุใดฮ่องเต้ถึงกินอาหารมากมายถึงเพียงนี้?
มีอาหารหลายเมนูที่คนครัวปรุงไม่ทัน พวกเขาสามารถทำได้เพียงสี่หรือห้าจานเท่านั้น
ในช่วงแรก เหยียนอี้ได้ทำเมนูผักและผลไม้แบบพิเศษรวมถึงอาหารแปลกใหม่บางอย่างที่ไม่เคยมีในรั้ววัง
ต่อมาเมื่อเห็นว่าเหยียนอี้เป็นแม่ครัวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในสายตาของฮ่องเต้ พ่อครัวและขันทีจึงขอให้นางปรุงน้ำแกงที่ซับซ้อนและทำยาก
มิใช่ชื่นชมเหยียนอี้ แต่เป็นเพราะพวกเขาอยากให้งานที่ลำบากที่สุดแก่นาง
การปรุงน้ำแกงต้องใช้หลายสิ่งหลายอย่างและสิ่งที่เป็นพื้นฐานที่สุดคือตัวน้ำแกงว่าความเค็มนั้นพอดีหรือไม่ ส่วนสิ่งสำคัญที่สุดคือความร้อนของน้ำแกงต้องไม่มากหรือน้อยเกินไป จำเป็นต้องคอยดูตลอดเวลา
ยิ่งกว่านั้นฮ่องเต้สั่งอาหารในเวลาที่ไม่ซ้ำกันในแต่ละวัน ดังนั้นนางต้องเริ่มปรุงในตอนเช้าและค่อย ๆ ต้มด้วยไฟอ่อน ๆ เมื่ออาหารพร้อมถวาย น้ำแกงจะต้องไม่ร้อนไปและไม่เย็นเกินไป ไม่อาจเคี่ยวไว้นานได้เพราะจะสูญเสียรสชาติที่สดใหม่ อย่างไรก็ตามหากความร้อนไม่เพียงพอ รสชาติน้ำแกงจะไม่กลมกล่อม
สรุปแล้วมันเป็นการปรุงที่ต้องพิถีพิถัน
การทำน้ำแกงเป็นสิ่งที่ทรมานที่สุด นางมาแต่เช้าทุกวันและไม่สามารถปลีกตัวไปที่ใดได้อย่างง่ายดาย นางต้องจ้องมองไปที่กองไฟและคอยพัดมันเป็นครั้งคราว
ยิ่งไปกว่านั้น ฮ่องเต้ไม่เชื่อมั่นในวิธีการเก็บรักษาน้ำแกง หากนำน้ำแกงที่เก็บไว้ไปส่งให้ฮ่องเต้ มันมักจะถูกนำกลับมาและเทลงในถังขยะ
เหยียนอี้ยังคงต้องทำน้ำแกงที่แตกต่างกันสามอย่างในทุกวัน จะเกิดอะไรขึ้นหากฮ่องเต้ต้องการดื่มพวกมันพร้อมกัน?
‘ทั้งหมดเป็นเพราะขันทีหยวน
แต่นางจะทำสิ่งใดได้บ้าง? เขาเป็นหัวหน้าคนครัว
บางครั้งเหยียนอี้จะนึกถึงตัวเองเมื่อครั้งที่นางมายังห้องเครื่องหลวงเป็นครั้งแรก นางไม่คุ้นเคยกับสถานที่นี้ นางทำอาหารหลายจานตามคำสั่งของฮ่องเต้ และเป็นที่ชื่นชอบของเขา ทำให้พ่อครัวคนอื่นต่างอิจฉา
พวกเขาทั้งหมดเป็นพ่อครัวที่มีชื่อเสียง แต่นางเป็นเพียงหญิงสาวในชนบทจากเมืองห่างไกลไร้คนรู้จัก แน่นอนว่าพวกเขาย่อมไม่มั่นใจในฝีมือนาง
แล้วนางจะโน้มน้าวพวกเขาได้อย่างไร?
มันไม่ได้ง่ายเหมือนตอนที่อยู่ในเมืองอวิ๋นเจี้ยน
เหยียนอี้ไม่สามารถคิดหาวิธีที่ดีได้ ดังนั้นนางจึงต้องควบคุมตัวเองและทำตัวไม่ให้โดดเด่นเข้าไว้ เวลาผ่านไปคงจะทำให้ความบาดหมางของนางกับคนอื่น ๆ บรรเทาลง
“แม่ครัว เจ้าว่างมากหรือ” ขันทีหยวนเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า และแกล้งเตะเก้าอี้ของเหยียนอี้
เก้าอี้ไม่ได้วางอยู่บนพื้นที่เรียบมากนัก จึงทำให้นางเกือบจะล้มลง
“มีสิ่งใดให้ข้าช่วยท่านได้บ้าง” เหยียนอี้ลุกขึ้นยืนทันทีและถามด้วยความเคารพ
ขันทีหยวนชี้ไปที่สาวใช้สองคนในสวนด้านหลัง และกล่าวว่า “พวกนางช่วยกันตากปลาเช่นนี้มานานแล้ว เจ้าไปช่วยพวกนางเสีย หัวหน้าไห่จะได้ไม่โกรธเมื่อเขากลับมา
‘ข้าเป็นข้ารับใช้ระดับหก ส่วนเจ้าสูงกว่าข้าเพียงระดับเดียว เจ้ากล้าสั่งให้ข้าทำเช่นนี้ได้อย่างไร’
นางทำได้เพียงคิดแต่ไม่กล้าแสดงความไม่พอใจออกมาบนใบหน้า นางรีบตอบรับและวิ่งไปช่วยสาวใช้อีกสองคนตากปลา
‘โอ้ ปลาพวกนั้นคาวมาก’
แน่นอนว่าปลาแห้งคาวเช่นนี้ไม่สามารถส่งให้ฮ่องเต้รับประทานได้ หลังจากตากปลาจนแห้งแล้วก็เก็บไว้เพื่อเตรียมทำเป็นอาหารสำหรับเหล่าคนรับใช้ของแต่ละตำหนัก
อีกด้านหนึ่ง ไห่เทียนอี้ หัวหน้าห้องเครื่องหลวงกลับมาจากข้างนอก เขาเดินไปรอบ ๆ ห้องเครื่อง ก่อนจะไปที่สวนด้านหลัง แต่แล้วก็ต้องขมวดคิ้วทันที
“พวกเจ้าทำปลาตากแห้งพวกนี้ไปเพื่อสิ่งใดกัน? รีบไปเอามันไปทิ้ง!”
สาวใช้พูดอย่างรีบร้อนว่า “ท่านหยวนบอกว่าวันนี้พระอาทิตย์กำลังสูง เขาขอให้เราทำปลาเหล่านี้ให้เป็นปลาแห้งเจ้าค่ะ”
ไห่เทียนอี้เรียกขันทีหยวน เขารีบวิ่งมาด้วยความรีบร้อน และก่อนที่เขาจะกล่าวคำใด เขาก็ถูกไห่เทียนยี่ทุบตีอย่างรุนแรง
ไห่เทียนอี้ดุอย่างเกรี้ยวกราด
“เจ้ากำลังทำสิ่งใดอยู่!?”
ขันทีหยวนรีบเอ่ยอย่างรู้สึกผิด “เมื่อวันก่อน องค์ชายสามได้รับปลาเหล่านี้เป็นเครื่องบรรณาการจากทะเลสาบไท่หู หลายตัวกำลังจะตาย ข้ากลัวว่ามันจะเสียเปล่าหากปล่อยให้พวกมันตายไป นั่นเป็นเหตุผลที่ข้าขอให้สาวใช้ทำปลาแห้งโดยเร็วที่สุดขอรับ”
“ช่างเป็นคนโง่เง่าไร้ประโยชน์จริง ๆ! ปลาพวกนี้มีค่าเพียงใดเจ้ารู้หรือไม่? มันไม่สามารถเอาไปเลี้ยงได้เลยงั้นหรือ? จงลากหญิงทั้งสามเข้าไปในห้องลงโทษแล้วลงแส้พวกนางยี่สิบครั้ง!” ไห่เทียนอี้สั่งเสียงดัง
ขันทีหยวนรีบพยักหน้ารับคำอย่างว่าง่าย
สาวใช้พึมพำกับเหยียนอี้ว่า “ข้าเห็นว่าขันทีหยวนมักจะประจบประแจงหัวหน้าไห่ แต่เวลานี้หัวหน้าไห่กลับดุด่าเขาอย่างไม่ปรานีเลย”
เมื่อสาวใช้กำลังจะเตือนให้เหยียนอี้ระวัง ไห่เทียนอี้ก็ดุขันทีหยวนอีกครั้งว่า “เหตุใดเจ้าถึงยังยืนอยู่ตรงนั้นอีก? พาพวกนางไปทั้งหมด! นำปลาพวกนี้ไปทิ้งด้วย! มันเหม็นเหลือเกิน!”
เหยียนอี้ถอนหายใจอย่างเงียบงัน งานครึ่งวันที่นางทำกลายเป็นไร้ประโยชน์ นางต้องเริ่มใหม่จากศูนย์
หลังจากถูกดุด่าเสร็จ ช่วงพลบค่ำเหยียนอี้และสาวใช้สองคนทำงานเป็นเวลาครึ่งชั่วยามช่วยกันทิ้งปลาตากแห้ง ทำให้พวกนางเหงื่อออกมากและมีกลิ่นคาวติดตามตัว พวกนางต้องกลับไปอาบน้ำ
ในชั่วพริบตาก็ถึงเวลาสำหรับอาหารค่ำ ตั้งแต่เที่ยงวัน เหยียนอี้ได้ทำซุปกระดูกวัวหนึ่งหม้อ[2] และซุปไข่ปลาหนึ่งชาม[3] เมื่อนางจัดการกับปลาแห้งและอาบน้ำเสร็จ นางก็รีบกลับไปทำซุปไข่กับเต้าหู้และมะเขือยาวอย่างรวดเร็ว
หลังจากฮ่องเต้สั่งอาหาร ห้องเครื่องหลวงก็ยุ่งอีกครั้ง หลางกวนเอ๋อร์ยกถาดอาหารมาแล้วใส่ลงในโถลายครามกันความร้อน
ไห่เทียนอี้มองไปยังอาหารทีละจาน จากนั้นขันทีก็ลองทดสอบเข็มทีละเข็ม เมื่อเขาเหลือบไปเห็นจานที่เหยียนอี้ทำ เขาจ้องมองนางอยู่ครู่หนึ่งและตะโกนอย่างเดือดดาลทันที
“เจ้าบังอาจนัก? เจ้ากล้าทำน้ำแกงสำหรับฮ่องเต้ทั้งที่ตัวเจ้าเหม็นกลิ่นคาวได้อย่างไร” ไห่เทียนอี้สาปแช่ง
เหยียนอี้ได้กลิ่นร่างกายของนางและพบว่ามีกลิ่นปลาแห้งจาง ๆ แต่นางต้องทิ้งปลาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากสัมผัสมัน อย่างไรก็ตามนางกลับไปอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วก่อนทำอาหาร ดังนั้นอาหารที่นางนำมานั้นสะอาดและไม่มีกลิ่นคาวปลาแห้งแน่นอน
เขาจะทำให้เป็นปัญหาขึ้นมาทำไม
“ท่านไห่ ข้าอาบน้ำแล้วเจ้าค่ะ” เหยียนอี้กล่าว
“บ๊ะ!” ไห่เทียนอี้ดุ “ในวันแรกที่เจ้าเข้ามาในห้องเครื่อง เจ้าถูกสอนแล้วไม่ใช่รึว่าเมื่อเตรียมอาหารสำหรับฮ่องเต้ เจ้าจะต้องสะอาด อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วอย่างไร กลิ่นคาวยังหลงเหลืออยู่เลย!”
เหยียนอี้ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยกฝาซุปขึ้นและพูดว่า “ท่านไห่โปรดดมกลิ่นดู มีกลิ่นของปลาอยู่ในนั้นหรือไม่เจ้าคะ”
เขาทำสีหน้าเหนื่อยหน่ายแล้วถามย้อนว่า “ซุปย่อมเต็มไปด้วยกลิ่นคาวของปลา เจ้ามีจมูกไว้ประดับหน้าหรืออย่างไร”
หลางกวนเอ๋อร์ย้อนว่า “นี่คือซุปไข่ปลาซึ่งมีกลิ่นของปลาตามธรรมชาติ หากไม่มีกลิ่นปลาในซุปปลามันจะเป็นเรื่องน่าขันที่สุดในโลกแล้วขอรับ”
ไห่เทียนอี้ยกแปรงปัดฝุ่นขึ้นและตบหน้าหลางกวนเอ๋อร์ แม้แปรงปัดฝุ่นจะดูนุ่มนวล แต่ก็ทำจากแผงคอม้า เมื่อมันกระทบใบหน้าหลางกวนเอ๋อร์ ทำให้เขาทั้งคันและเจ็บแสบ ไม่นานใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีแดงตามรอยตบ
“ดีมาก ตอนนี้ห้องเครื่องหลวงยังไม่ได้แซ่เหยียน แต่มีคนเต็มใจที่จะยืนหยัดเพื่อนางเสียแล้ว!”
หลางกวนเอ๋อร์ยกมือขึ้นมากุมใบหน้าตัวเองและย้อนอีกว่า “นี่คือพระราชวังของราชวงศ์หลี่ และที่นี่เป็นห้องเครื่องหลวง ท่านคิดว่าชื่อของสถานที่แห่งนี้คือไห่งั้นหรือ”
ไห่เทียนอี้โกรธมากจนมือของเขาสั่น และเขากำลังจะเดินเข้าไปตีเหยียนอี้ แต่ทว่ามีคนเดินเข้ามาขวาง ซึ่งก็คือโจวเจีย
เมื่อเห็นการเผชิญหน้าระหว่างไห่เทียนอี้กับเหยียนอี้ โจวเจียก็เข้าใจเล็กน้อย แต่ตำแหน่งของไห่เทียนอี้สูงกว่าเขามาก ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าพูดอะไร เขาจำต้องทักทายและพูดว่า “ข้ามาที่ห้องเครื่องเพื่อตรวจดูอาหารเย็น เหตุใดยังไม่เตรียมอาหารเย็นเล่าขอรับ”
เมื่อไห่เทียนอี้เห็นว่าอีกฝ่ายเป็นขันทีใกล้ชิดราชวงศ์ คงไม่เหมาะสมสำหรับเขานักที่จะเอะอะเกี่ยวกับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ในห้องเครื่อง ดังนั้นเขาจึงพูดเพียงว่า “เรากำลังจะทำเดี๋ยวนี้ แต่แม่ครัวคนใหม่ไม่สะอาดและทำซุปสกปรก ข้ากลัวว่ามันจะกินไม่ได้ โปรดปิดตาข้างหนึ่งและให้อภัยนางด้วยเถิดขอรับ”
“เรื่องนั้นไม่สำคัญแล้วเพราะฝ่าบาทไม่ได้ตรัสว่าวันนี้พระองค์อยากดื่มซุป ท่านไห่ส่งซุปมาเถิด สาวใช้จะนำไปวางไกล ๆ ในเมื่อฝ่าบาทไม่ได้อยากดื่มอยู่แล้ว พระองค์คงไม่สนใจมันขอรับ”
“ไม่ เราทำไม่ได้ เราจะส่งซุปสกปรกไปยังตำหนักฮ่องเต้ได้อย่างไร? หรือไม่เช่นนั้น เราขอให้ขันทีน้อยชี้แจงแทนเราว่าแม่ครัวทำผิดพลาดในการทำซุปได้หรือไม่? เราจะจัดการกับนางที่นี่ขอรับ”
เมื่อครั้งที่โจวเจียอยู่ในพระราชวังชั่วคราวของลั่วหยาง เขารู้จักเหยียนอี้และต้องการปกป้องนาง ดังนั้นเขาจึงถามว่า “เจ้าทำผิดพลาดครั้งใหญ่อะไร? เหตุใดถึงถวายน้ำแกงสามชามไม่ได้”
ไห่เทียนอี้ภาคภูมิใจในตัวเองและไม่เต็มใจที่จะอธิบายให้ขันทีตัวเล็ก ๆ ฟัง เขาเพียงพูดว่า “ผู้มาใหม่ในวังย่อมทำผิดพลาดเล็กน้อย ทางเราจะจัดการเองขอรับ”
เห็นได้ชัดว่าขันทีโจวเจียอยู่ในภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก หากเขาจากไปเฉย ๆ โดยไม่ทำสิ่งใด เหยียนอี้คงจะถูกจับและถูกลงโทษอย่างรุนแรง แต่ดูเหมือนเขาจะช่วยอะไรเหยียนอี้ไม่ได้เลย
ในฐานะหัวหน้าของห้องเครื่อง ไห่เทียนอี้พูดคำไหนต้องเป็นคำนั้น ใครจะกล้าทำให้เขาขุ่นเคืองกัน?
“ขันทีโจว วันนี้ข้าทำซุปใหม่ มันสะอาดและปลอดภัยแน่นอน แต่หัวหน้าไห่กลับรู้สึกว่าซุปมีกลิ่นไม่ดี เขาจึงไม่กล้านำถวายฮ่องเต้ พูดถึงเรื่องนี้อาจเป็นเพราะทักษะที่แย่ของข้าด้วย” เหยียนอี้ไม่รอให้ไห่เทียนอี้พูด นางรีบโกหกโจวเจียก่อน
[1] ปลาเสี่ยวหยิน (小银鱼) คือปลาขนาดเล็ก ลำตัวเรียว สีขาว
[2] ซุปกระดูกวัว (牛骨汤) คือต้มกระดูกวัวผสมผักเล็กน้อย
[3] ซุปไข่ปลา (乌鱼蛋汤 ) คือต้มไข่ปลาโรยด้วยผักชี