ทะลุมิติไปเป็นสนมตัวน้อยผู้ทำอาหารรสเลิศ - บทที่ 3 ออกไปจากที่แห่งนี้(รีไรท์)
- Home
- All Mangas
- ทะลุมิติไปเป็นสนมตัวน้อยผู้ทำอาหารรสเลิศ
- บทที่ 3 ออกไปจากที่แห่งนี้(รีไรท์)
บทที่ 3 ออกไปจากที่แห่งนี้(รีไรท์)
เสียงชายโกรธจัดตวาดดังลั่น “นังแพศยา นี่เจ้าคิดจะเขียนหนังสือถึงข้างั้นรึ! ข้ายังไม่ได้หย่ากับเจ้าเลย อยากจะออกไปจากที่นี่นักหรือไร?”
กลิ่นสุราราคาถูกผสมกับกลิ่นของสีชาดโชยมาจากร่างกายของเหยียนฟู่กุ้ยผู้มีหนวดเครารุงรัง เขาหอบหายใจหนักจนหน้าอกกระเพื่อมขึ้นลง ขณะที่เดินไปหาท่านแม่ด้วยสีหน้าบูดบึ้ง ขวดสุราในมือก็ถูกโยนทิ้งอย่างไม่ตั้งใจ
“นังแพศยา หากเจ้าไป ข้าจะเป็นฝ่ายทิ้งเจ้า! ในเมื่อเจ้าไม่มีลูกชาย เจ้าก็ต้องออกไป! แม่ม่ายจางที่อยู่ตรงทางเข้าหมู่บ้านยังดีกว่าเจ้าเสียอีก!” เหยียนฟู่กุ้ยพูดพลางเงื้อมือขึ้นหมายจะตบท่านแม่ รอยฝ่ามือสีแดงปรากฏขึ้นบนใบหน้าซีดเซียวในทันใด เหยียนจื่อซ่อนตัวอยู่บนเตียง เด็กน้อยกลัวเกินกว่าจะส่งเสียงอะไรออกมา
เหยียนอี้ซ่อนตัวอยู่ข้าง ๆ เมื่อมองออกไปข้างนอกก็เห็นแม่เฒ่าหลี่วิ่งมา นางกลอกตาแล้วรีบตะโกนว่า “ท่านย่าตื่นแล้ว!”
“เสียงดังอะไรกัน! กลับมาก็เสียงดัง! ปล่อยให้คนแก่อย่างข้านอนพักหน่อยไม่ได้หรือไร!” แม่เฒ่าหลี่เดินมา ใบหน้าอึมครึมมืดมนยิ่ง
“ท่านแม่มาก็ดีแล้ว! ข้าแค่กำลังสั่งสอนบทเรียนให้นังบ้านี่ หากเจ้ากล้าหย่ากับข้า เจ้าได้เสียใจแน่!” เหยียนฟู่กุ้ยเห็นแม่เฒ่าหลี่เดินมาก็ยกมุมปากทักทายนางทันที จากนั้นก็ช่วยพยุงแม่เฒ่านั่งลง
เมื่อได้ยินเช่นนี้ แม่เฒ่าหลี่ก็พ่นลมหายใจออกพรวดด้วยความเย็นชาพลางหยิบเสื้อผ้าสะอาดขึ้นมาเช็ดเท้าที่เปื้อนโคลนของตน เสร็จแล้วก็ซัดทิ้งไปที่มุมห้อง
“ท่านย่า นั่นคือเสื้อผ้าของท่านแม่นะเจ้าคะ” เหยียนจื่อที่มองดูเสื้อผ้าบนพื้นเอ่ยอย่างนอบน้อมไปขดตัวกลัวไป
“แล้วอย่างไร? ข้าไม่ได้จ่ายค่าทำเสื้อผ้าให้แม่เจ้า เสียดายที่ข้าเอามาเช็ดเท้าอย่างนั้นหรือ? เหอะ เป็นของเสียเปลืองเปล่าอยู่ในตระกูลเหยียนจริง ๆ ข้าจะใช้มันไม่ได้เลยรึ?” แม่เฒ่าหลี่เหลือบมองลูกสะใภ้
เหอซื่อนั่งอยู่บนเตียง ใบหน้าหม่นหมอง ไม่กล้าพูดอะไรสักคำ
เมื่อเห็นว่าไม่มีใครพูดอะไร เหยียนอี้ก็รีบดึงตัวเหยียนฟู่กุ้ยแล้วกล่าวว่า “ท่านพ่อ ท่านอยากได้น้องชายมาตลอด อีกทั้งยังบอกว่าท่านแม่ไร้ความสามารถ ข้าเห็นว่าท่านพ่ออยากเจอแม่ม่ายจางที่อยู่หน้าหมู่บ้านนักนี่ แค่ท่านหย่ากับท่านแม่แล้วแต่งกับแม่ม่ายจาง ให้นางมาเป็นสะใภ้ตระกูลเหยียนแทนไม่ดีกว่าหรือ พวกข้ากับท่านแม่จะหลีกทางให้ พวกข้าจะได้ไม่อยู่ขวางหูขวางตาพวกท่านด้วย”
“เหอะนังเด็กบ้า เจ้าก็รู้ตัวนี่ว่าแม่ของเจ้าไร้ความสามารถ”
แม่เฒ่าหลี่สีหน้าบึ้งตึง นางหยิบสร้อยข้อมือของเหอซื่อที่วางอยู่บนโต๊ะหมายจะสวมใส่ แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไรนางก็ไม่สามารถใส่มันได้ หลังจากแม่เฒ่าหลี่พยายามอยู่นาน ในที่สุดนางก็สวมมันได้เสียที
หญิงชราดึงแขนเสื้อลงปิดสร้อยเอาไว้ ดวงตาของนางดูระรื่น กระนั้นยังตะโกนออกมาด้วยสีหน้ารังเกียจเดียดฉันท์
“ใช่แล้วฟู่เอ๋อร์ ทิ้งผู้หญิงไร้ความสามารถผู้นี้และแต่งงานกับแม่ม่ายจางเสีย นางมีเอวกลม ก้นผาย นางต้องให้กำเนิดหลานชายตัวใหญ่ได้เป็นแน่ แล้วแม่จะได้ไม่ต้องเสียเงินไปใช้กับเรื่องไร้สาระอีก” ขณะที่แม่เฒ่าหลี่พูด นางก็เหลือบมองเหยียนอี้กับเหยียนจื่อ
ด้านนอก จักจั่นกำลังส่งเสียงร้องเรียก สายลมร้อนพัดลอดหน้าต่างที่พังทลายเกิดเสียงเอี๊ยดอ๊าด แต่ในบ้านของตระกูลเหยียนนั้นกลับหนาวเย็นอย่างมาก ยิ่งเป็นแบบนี้เหอซื่อก็ยิ่งท้อแท้
เหยียนฟู่กุ้ยเห็นว่าเรื่องของเขากับแม่ม่ายจางไม่สามารถปกปิดได้อีกต่อไป ดังนั้นเขาจึงพูดง่าย ๆ ว่า “ให้ตายเถอะ วันนี้ข้าจะปล่อยเจ้าไป ถือว่าข้าได้ไล่ความโชคร้ายออกไปก็แล้วกัน!”
หลังจากพูดอย่างนั้น เหยียนฟู่กุ้ยก็รีบไปที่ประตู แต่เหยียนอี้กลับคว้าหมับที่มุมเสื้อของเขา
“ท่านพ่อ ท่านจะหย่ากับท่านแม่ไม่ได้นะ ท่านพ่อกับท่านแม่เพียงแค่ห่างกันก็พอ” เหยียนอี้มองมาที่เขาและพูดพลางดึงที่มุมเสื้อของเหยียนฟู่กุ้ย
“ห่างกัน? อะไร? ข้าพอแล้ว หากให้กำเนิดเด็กผู้ชายไม่ได้ ข้าก็มีสิทธิ์ที่จะทิ้งนาง!” เหยียนฟู่กุ้ยตะโกนด้วยความโกรธเกรี้ยว
แต่ถึงอย่างนั้นเหยียนอี้จะเต็มใจให้เขาหย่ากับท่านแม่ได้อย่างไร หากทำเช่นนั้น จะเอาชื่อเสียงของท่านแม่ไปไว้ที่ใด? แต่แล้วคิ้วของนางก็ยกขึ้นเล็กน้อย ดวงตาพลันขลับประกายสดใส
“ท่านพ่อ มันไม่ใช่ความผิดของท่านแม่เสียหน่อยที่ไม่สามารถให้กำเนิดลูกชายได้ แต่เป็นความผิดของท่านพ่อที่ทุบตีท่านแม่ทุกวันต่างหาก หากท่านยืนกรานที่จะหย่าก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ แต่ท่านต้องคืนสินเดิมของท่านแม่มาทั้งหมด!”
เหยียนอี้ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เอ่ยอย่างใจเย็น
ทันทีที่ได้ยินคำพูดนี้ เหยียนฟู่กุ้ยกับแม่เฒ่าหลี่ราวกับได้สติ แม่เฒ่าหลี่ที่นั่งอยู่ไม่ไกลและกำลังแอบหมุนสร้อยข้อมืออยู่พลันเบิกตากว้าง นางจะถอดมันออกได้อย่างไร! สินสอดทองหมั้นเดิมถูกใช้ไปแล้ว
“นังเด็กบ้า เจ้ากำลังพูดถึงอะไร? สินเดิมจะถูกเก็บไว้มาจนถึงตอนนี้ได้อย่างไร? พวกเจ้าสามคนกินอาหารของตระกูลเหยียนทุกวัน เหตุใด… ตอนนี้อยากถุยน้ำลายคืนข้าอย่างนั้นหรือ?” แม่เฒ่าหลี่ดึงแขนเสื้อลงปิดสร้อยข้อมือเอาไว้อีกครั้ง
เหยียนอี้เห็นการเคลื่อนไหวเล็ก ๆ แม่เฒ่าหลี่ เธอจึงเผยรอยยิ้ม ชี้ไปที่สร้อยบนข้อมือของแม่เฒ่าหลี่ ก่อนจะกล่าวว่า “ตราบใดที่ท่านพ่อและท่านแม่แยกจากกัน พวกเราก็ไม่ต้องการสร้อยข้อมือเส้นนี้อีกต่อไป!”
ไม่ต้องการสร้อยข้อมือ? ดวงตาของแม่เฒ่าหลี่ส่อประกายขึ้นในทันที นางเลยถามอย่างระมัดระวัง “ไม่ต้องการมันจริง ๆ อย่างนั้นหรือ?”
“ใช่ ไม่ต้องการมันจริง ๆ!”
หลังจากนั้น แม่เฒ่าหลี่ก็ใช้ศอกจิ้มเหยียนฟู่กุ้ยอย่างลับ ๆ แล้วกระซิบว่า “การหย่าเป็นสิ่งที่ดีสำหรับเจ้านะ ไม่เลวเลย เจ้าสามารถแต่งงานกับแม่ม่ายจางได้หลังจากที่นังนี่จากไป แล้วให้แม่ได้อุ้มหลานชาย ส่วนสร้อยข้อมือนี่ก็สามารถนำไปแลกเป็นเงินตัดเสื้อผ้าให้หลานชายได้!”
เมื่อเห็นดวงตาแม่เฒ่าหลี่เป็นประกาย เหยียนอี้ก็รู้ว่าอีกฝ่ายติดกับแล้ว
หลังจากนั้นไม่นาน เหยียนฟู่กุ้ยก็กระแอมสองครั้ง จากนั้นพูดเสียงขุ่นเคืองกับเหอซื่อที่อยู่บนเตียง “หย่าก็หย่า! เป็นอันตกลงตามนี้ แต่พวกเจ้าห้ามเอาอะไรออกไปจากตระกูลเหยียนทั้งสิ้น!”
“ตกลง! แค่นั้นแหละ! หย่าเลยเถิด พวกเราสามคนจะได้ออกไปจากที่แห่งนี้! จากนี้ไปเราจะไม่มาเหยียบที่นี่อีก!” เหยียนอี้ที่ยืนข้างท่านแม่กับน้องสาวพูดออกมาพร้อมกับรอยยิ้ม