cat2auto | นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย PDF
  • หน้าหลัก
  • อ่านมังงะ
  • เว็บอ่านมังงะ
  • นิยายวาย [Yaoi]
  • Nekopost
  • Niceoppai
  • รออัพเดท
  • มังงะ18+
  • แทงหวย24
  • manga
Advanced
  • หน้าหลัก
  • อ่านมังงะ
  • เว็บอ่านมังงะ
  • นิยายวาย [Yaoi]
  • Nekopost
  • Niceoppai
  • รออัพเดท
  • มังงะ18+
  • แทงหวย24
  • manga
  • Romance
  • Comedy
  • Shoujo
  • Drama
  • School Life
  • Shounen
  • Action
  • MORE
    • Adult
    • Adventure
    • Anime
    • Comic
    • Cooking
    • Doujinshi
    • Ecchi
    • Fantasy
    • Gender Bender
    • Harem
    • Historical
    • Horror
    • Josei
    • Live action
    • Manga
    • Manhua
    • Manhwa
    • Martial Arts
    • Mature
    • Mecha
    • Mystery
    • One shot
    • Psychological
    • Sci-fi
    • Seinen
    • Shoujo Ai
    • Shounen Ai
    • Slice of Life
    • Smut
    • Soft Yaoi
    • Soft Yuri
    • Sports
    • Tragedy
    • Supernatural
    • Webtoon
    • Yaoi
    • Yuri
Prev
Next

ทะลุมิติไปเป็นสนมตัวน้อยผู้ทำอาหารรสเลิศ - บทที่ 29 ข้าวโพดกรอบ (รีไรท์)

  1. Home
  2. All Mangas
  3. ทะลุมิติไปเป็นสนมตัวน้อยผู้ทำอาหารรสเลิศ
  4. บทที่ 29 ข้าวโพดกรอบ (รีไรท์)
Prev
Next

บทที่ 29 ข้าวโพดกรอบ (รีไรท์)

เหยียนอี้ฟังสิ่งที่ท่านยายกับท่านตาพูด สังเกตว่าเหอจวงไม่กลับมาครึ่งชั่วยามแล้ว การทะเลาะกันของทั้งคู่เป็นการทะเลาะวิวาทครั้งใหญ่จริง ๆ

แต่มันเกี่ยวอะไรกับนางด้วยเล่า?

ป้าจางมักจะทำตัวหน้าไม่อายต่อครอบครัวของนาง ตอนนี้เมื่อมองไปที่ใบหน้าทะมึนของนาง เหยียนอี้ก็มีความสุขเล็กน้อย

ท่านย่ายังคงเอ่ยไม่หยุด นางถอนหายใจ พูดต่ออีกว่า “ข้าจะทำอย่างไรได้บ้าง”

เหอซื่อลังเลอยู่ครู่หนึ่ง นางพูดกับนางจางว่า “พี่สะใภ้ ในเมื่อครอบครัวมีปัญหา เหตุใดเจ้ายังรั้นเก็บเครื่องประดับไว้? เจ้าควรคืนมันให้ไวแล้วตามพี่ชายของข้าไป”

นางจางพ่นลมอย่างเย็นชา “ตอนนี้เจ้าพัฒนาขึ้นนะ ถึงขั้นแนะนำเรื่องในครอบครัวของเราได้”

เมื่อเหอซื่อถูกขัดเช่นนั้น นางที่กำลังจะเอ่ยปากแต่ก็ไม่อาจพูดสิ่งใดออกมาอีก

เมื่อเห็นว่าเป็นเรื่องภายในครอบครัวของพวกเขา หลิวจูจึงไม่สามารถอยู่ได้อีก เขาเลยจากไป

เหยียนจื่อจับมือของเหยียนอี้ นางอยากไปจากตรงนี้ แต่เหอซื่อเป็นห่วงสุขภาพพ่อแม่ของนางเลยยังไม่อยากจากไปไหน เหยียนอี้จำต้องอยู่กับนางต่อ

หลังจากนั้นไม่นาน เหอจวงก็กลับมา ใบหน้าแดงเห่อราวกับดื่มสุรามา เขาเห็นทุกคนรวมตัวกันอยู่ แต่ก็ไม่ได้เอ่ยคำใด ทำเพียงแค่นั่งลงเท่านั้น

นางจางแอบอับอายจึงพยายามดึงเขาขึ้น แต่เหอจวงสะบัดนางออกทันที

นางจางเสียหน้าต่อหน้าครอบครัวเหยียนอี้ ไฟโกรธปะทุขึ้นมาอีกครั้ง นางเท้าเอว ตะโกนด่าด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “เจ้าไม่ต้องมาให้ข้าเห็นหน้าที่นี่อีก ไอ้คนไร้ประโยชน์! เอาแต่โทษว่าเป็นความผิดของข้า มีชายเช่นนี้อยู่บนโลกได้อย่างไร!”

เหอจวงตอบกลับอย่างเดือดดาล “ใช่ ข้าไม่มีประโยชน์ ส่วนเจ้ามี! ครอบครัวของข้าไม่อาจหาเงินทองเครื่องประดับมาให้เจ้าได้!”

นางจางถ่มน้ำลาย “หากเป็นภรรยาของคนอื่นไม่ต้องพูดถึงต่างหูเงินคู่หนึ่ง แม้แต่ต่างหูทองคำก็สามารถซื้อได้!”

เหอจวงลุกขึ้นยืนแล้วพูดว่า “งั้นเจ้าไม่ไปเป็นภรรยาของคนอื่นเสียเล่า?”

“เจ้า…” นางจางโกรธมาก แต่นางพูดไม่ออก

“เอาล่ะ!” ท่านตาตบโต๊ะ ทอดถอนใจออกมา “คู่รักที่น่าสงสาร ต่ำต้อย ช่างน่าเวทนาจริง ๆ!”

แม้เหยียนอี้จะไม่เคยชอบป้าคนนี้ แต่นางก็ไม่อยากได้ยินพวกเขาทะเลาะกันเท่าไรนัก

จริงสิ ต่างหูเงินหนึ่งคู่มันมีมูลค่าเท่าใดกัน?

เรื่องเช่นนี้ ก็สมควรอยู่ที่สามารถทำคู่สามีภรรยาจากครอบครัวที่ยากจนระหองระแหงกันได้

“สุดท้ายแล้ว ก็เป็นเจ้าที่โอ้อวดว่าเมื่อขายข้าวโพดและทำเงินได้ เจ้าจะให้เครื่องประดับดี ๆ แก่ข้า คราวนี้ข้าซื้อเครื่องประดับด้วยตัวเอง แต่กลับถูกทำให้อับอายขายหน้า! ข้าไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว!” นางจางพรั่งพรูคำพูด วิ่งปรี่เข้าหาเสา

เหอจวงรีบคว้านางจางจนหัวนางกระแทกเข้ากับแผ่นอกตน

ทั้งสองโอบกอดร้องไห้ ใส่กัน

เหอซื่อทนมองไม่ไหว นางคิดว่าพี่ชายของนางเป็นคนที่ซื่อสัตย์ที่สุด แม้ว่าพี่สะใภ้ของนางจะค่อนข้างไร้เหตุผลและขี้โกงไปบ้าง แต่ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคนนั้นดีเสมอ เหตุใดถึงเรื่องเอะอะขนาดนี้ได้กัน?

การแต่งงานของนางเองไม่ได้เป็นไปด้วยดี ดังนั้นนางจึงหวังว่าพี่ชายของนางจะไม่เป็นเช่นนั้น

ท้ายที่สุดต้นเหตุเป็นเพราะข้าวโพดยังไม่ได้ขาย

แม้ว่าเหยียนจื่อจะยังเด็ก แต่ก็สามารถเห็นได้อย่างชัดเจน นางจึงถามเหอซื่อว่า “ท่านแม่ หากข้าวโพดในบ้านของท่านตาถูกขายไปพวกเขาจะไม่ทะเลาะกันใช่หรือไม่เจ้าคะ”

เหอซื่อพยักหน้า “ใช่ แต่เจ้าได้ยินลุงหลิวพูดแล้วนี่ว่าข้าวโพดในเมืองขายไม่ได้ เราจะทำอย่างไรได้บ้าง”

เราจะทำอย่างไรได้บ้าง?

เหยียนอี้ได้ยินแล้วในใจของนางก็พลันเกิดแสงสว่างวาบ

“เอาล่ะ เงียบได้แล้ว หยุดร้องไห้เสียทีเจ้าค่ะ” เหยียนอี้พูดกับนางจางและเหอจวง “ข้าสามารถช่วยท่านขายข้าวโพดได้ทั้งหมด แต่ข้ามีเงื่อนไขเดียว ต้องแบ่งปันผลกำไรเจ็ดส่วนให้ครอบครัวของข้า”

นางจางหยุดหลั่งน้ำตาแล้วถามอย่างสงสัย “เด็กน้อยเจ้าคิดอะไรอยู่ เลิกเพ้อฝันได้แล้ว”

“เด็กสาวตัวเล็ก ๆ มักจะมีความคิดดี ๆ ข้าถามเจ้าว่าท่านเต็มใจให้ข้าเจ็ดต่อสามหรือไม่” เหยียนอี้กล่าว

นางจางกล่าวว่า “ข้าวโพดนี้เป็นรายได้หลักของเรา ข้าทำงานอย่างหนักมาเป็นปีตั้งแต่หว่านเมล็ดไปจนถึงใส่ปุ๋ย รดน้ำ เก็บเกี่ยว กว่าจะได้ทำให้แห้ง เราใช้ความพยายามอันขมขื่นมากมาย หากเจ้าเพียงแค่ช่วยขายมัน แต่กลับได้รับถึงเจ็ดส่วน เจ้าไม่โลภมากไปหน่อยหรือ?”

เหยียนอี้หัวเราะ “หากข้าไม่ช่วย ท่านจะไม่สามารถหาเงินได้หรือ หากท่านตกลง อย่างน้อยท่านจะได้รับสามส่วนของผลกำไร ไม่ว่าท่านจะต้องการหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับท่านแล้ว”

นางจางยังต้องการตั้งคำถาม แต่ท่านตาได้กล่าวไปแล้ว “อี้เอ๋อร์ เจ้าเป็นเด็กฉลาดมาตลอด หากเจ้าสามารถขายข้าวโพดชุดนี้ได้จริง ๆ จะดีมาก”

เหยียนอี้กล่าวว่า “ท่านตาท่านยาย แม้ว่าจะเป็นกำไรเพียงสามส่วน แต่ข้ารับประกันได้ว่ารายได้มากกว่าการขายข้าวโพดเพียงอย่างเดียวเจ้าค่ะ”

สองวันต่อมา ‘แผงข้าวโพด’ ถูกวางไว้บนถนนภายใต้ความสงสัยของตระกูลเหอ

เหยียนอี้บดข้าวโพดบางส่วนเป็นผง ผสมกับไข่และเติมน้ำลงไป จากนั้นนำซังข้าวโพดเคี่ยวน้ำตาล ชุบด้วยไข่และผงข้าวโพดที่่เตรียมก่อนหน้านั้น แล้วทอดในกระทะน้ำมันจนเป็นสีเหลืองทอง

หลังจากนึ่งในหม้อ มันจะกลายเป็นข้าวโพดสีทองกรอบชุ่มด้วยน้ำราดหวานพิเศษส่งกลิ่นหอมยั่วยวน

เทียบกับประสบการณ์ก่อนหน้านี้ในการขายวุ้น ข้าวโพดกรอบนี้ขายได้ง่ายมาก ชาวบ้านบอกปากต่อปากอย่างรวดเร็ว คนพากันมาต่อแถวซื้อยาวเหยียด

เดิมทีราคาข้าวโพดต่ำมากในปีนี้ ต่อให้ขายห้าสิบเหวินก็ไม่มีใครสนใจซื้อ อย่างไรก็ตามข้าวโพดกรอบนี้มีราคาเพียงสิบเหวินต่อชิ้นทว่ากลับขายดีมาก

เหยียนอี้ นางจาง เหอจวง เหอซื่อ และชายชราสองคนตั้งแผงขายของในทิศตะวันออก ตะวันตก และกลางเมือง แผงลอยสามแห่งมีแถวยาวต่อ

ทั้งครอบครัวยุ่งมากจนแม้แต่เหยียนจื่อที่เอาแต่เล่นยังต้องถูกควบคุมตัวไปที่แผงเพื่อผสมน้ำเชื่อมข้าวโพด

เฉินฟู่เซินรู้สึกแย่ที่จะอยู่บ้านเฉย ๆ เขาจึงออกมาช่วยเหยียนอี้ขายที่แผงทุกวัน

เขาอยู่ในหมู่บ้านอู่ซานมาเป็นเวลานาน คนที่ไล่ล่าเขาไม่เคยมาอีกเลย เขาจึงโล่งใจ ไม่ต้องกังวลเวลาอยู่ข้างนอกอีก

เป็นครั้งแรกที่เฉินฟู่เซินไปที่ถนนเพื่อเร่ขายของ เขาเขินอายมาก ไม่รู้จะทำอย่างไรกับข้าวโพดในมือ

ทว่าเขาเป็นคนที่หน้าตาหล่อเหลาจึงไม่จำเป็นต้องป่าวประกาศมากมาย ตราบใดที่เขาหยุดบนถนนก็จะมีสาว ๆ วัยสิบเจ็ดหรือสิบแปดหนาวมารุมซื้อทันที

เมื่อกลับบ้านก็พบว่าเฉินฟู่เซินขายได้มากที่สุด

นางจางมีความสุขเหมือนอยู่ในทุ่งดอกไม้ ทุกคืนนางมักจะหยิบกล่องเงินขึ้นมาดู นางไม่เพียงแต่จ่ายเงินคืนค่าต่างหูเงิน แต่ยังเอาเงินสดไปซื้อปิ่นปักผมทองคำได้ด้วย

เหอจวงอดไม่ได้ที่จะบ่นนางจางเกี่ยวกับการใช้จ่ายเงิน

กระนั้นยามครอบครัวมีเงินเหลือก็ถึงเวลาที่จะใช้จ่าย เหอจวงขอให้นางจางซื้อพระพุทธรูปหยกองค์เล็ก ๆ ให้เหอซื่อและปล้องยาสูบดี ๆ ให้บิดา

เหยียนอี้เป็นเจ้าของความคิด แต่นางขอน้อยที่สุด นางไม่ได้ซื้ออะไรให้ตัวเองนอกจากชุดใหม่สำหรับคนในครอบครัว

ในวันนั้นมีซุ้มผงสีชาดอยู่ข้างแผง ล้อมรอบด้วยกลุ่มเด็กสาว

เฉินฟู่เซินเห็นว่าเหยียนอี้ไม่ได้มองมันด้วยซ้ำ เขาจึงถามอย่างสงสัย “เจ้าเองก็เป็นหญิง เหตุใดเจ้าไม่ซื้อผงสีชาดใด ๆ เลย?”

เหยียนอี้กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้าอยู่หน้าหม้อต้มน้ำมันในครัวทุกวัน ข้าจะต้องการผงสีชาดไปทำไม? ยิ่งกว่านั้นข้าจะแต่งไปให้ใครดูกันเล่า”

เฉินฟู่เซินกล่าวว่า “เจ้าแต่งตัวให้ข้าหรือเหยียนจื่อดูก็ได้”

เหยียนจื่อกำลังตีไข่ เมื่อได้ยินดังนั้นนางก็ยิ้ม “ท่านพี่ ท่านจะซื้อกล่องสีชาดให้ข้าหรือไม่”

เหยียนอี้พูดว่า “เจ้าอายุเท่าไร? เจ้าต้องการสีชาดแบบไหน? เข้าใจแล้ว ข้าแค่ทาสีน้ำตาลแดงจากถังหูลู่บนหน้าของเจ้าก็พอสินะ”

…

ธุรกิจยังคงเฟื่องฟู ทุกอย่างขายเกลี้ยงในเวลาไม่นาน เหยียนอี้เตรียมปิดแผงขายของแล้วกลับบ้าน

ขณะที่นางกำลังจะจากไปก็ได้ยินเสียงร้องโอดโอย

ชายวัยกลางคนสวมหมวกนั่งอยู่บนถนน มือกุมท้องตัวเองกลิ้งไปบนพื้นและร้องไห้

เหยียนจื่อวิ่งไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น ทันใดนั้นนางก็ถูกชายคนนั้นคว้าข้อมือไว้ นางตื่นตระหนก ต้องการดึงมือออก แต่อีกฝ่ายแข็งแกร่งมาก จนในที่สุดนางต้อร้องลั่นออกมา

เสียงของชายคนนั้นดังกว่าเหยียนจื่อมาก ดึงดูดความสนใจของผู้คนที่เดินผ่านไปมาได้ในทันที

เหยียนอี้และเฉินฟู่เซินรีบไปดู

ชายสวมหมวกจับข้อมือเหยียนจื่อไว้พลางตะโกนว่าปวดท้อง

เหยียนอี้พยายามดึงเหยียนจื่อกลับ แต่ขยับไม่ได้แม่แต่นิด นางสาปแช่งว่า “ไอ้คนตาขาว เจ้ามาจับน้องข้าไว้ด้วยเหตุใด?”

เมื่อเห็นว่าเหยียนอี้เป็นเพียงเด็กสาวตัวน้อยเย้าเสน่ห์ เขาก็ทวีความไร้ยางอายมากขึ้น ตะโกนว่า “ปวดท้อง! โอ๊ยยย ปวดมาก! ไม่นะไม่ ข้ากำลังจะตาย…”

เหยียนอี้พูดอย่างโกรธเคือง “หากเจ้าปวดท้องก็ไปพบหมอ เหตุใดเจ้าถึงจับน้องสาวของข้าไว้”

“ข้าปวดหลังจากกินข้าวโพดของเจ้า!” เขาร้องตะโกน

“เหลวไหล! มีคนกินข้าวโพดกรอบของเราเยอะมาก ไม่เห็นมีใครเป็นอะไรเลย!” เหยียนจื่อรีบแก้ต่าง

“หากมันไม่เจ็บวันนี้ก็ยากที่จะรับประกันได้ว่ามันจะไม่เจ็บในวันพรุ่งนี้! ข้ากินข้าวโพดของเจ้าเมื่อวานนี้ จู่ ๆ วันนี้มันก็เจ็บขึ้นมา!” เขายังคงร้องไห้

เหยียนอี้รู้ว่าวันนี้นางได้พบกับคนขี้ขลาด เมื่อนางเข้าไปพัวพันกับสุนัขขี้เรื้อนเช่นนี้ คงเป็นเรื่องยากที่จะกำจัดมันได้ นางเป็นคนขายอาหาร คำว่า ‘ชื่อเสียง’ คือทุกสิ่ง หากชายคนนี้ยังตะโกนต่อไปเช่นนี้ ชื่อเสียงที่ดีของนางจะถูกทำลาย

“เจ้า… เจ้าอย่ากล่าวหาเราอย่างผิด ๆ ข้าวโพดกรอบของข้าตั้งแต่วัตถุดิบจนถึงการผลิตนั้นสะอาดและถูกสุขลักษณะ ต่อให้เจ้าจะฟ้องผู้ตรวจการ ข้าก็ไม่กลัว!” เหยียนอี้กล่าว

แต่เสียงของชายคนนั้นดังมาก มีผู้คนมากมายตรงที่เกิดเรื่อง นางตะโกนออกไปสองสามคำ แต่ก็ถูกเสียงผู้อื่นกลบจนหมด

ชายวัยกลางคนยังคงจับเหยียนจื่อไว้ เมื่อเห็นว่ามือของเขาแข็งแกร่งเพียงใด ใบหน้าเล็ก ๆ ของเหยียนจื่อก็เปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยความเจ็บ

ชายคนนั้นยืนขึ้น มือกุมอยู่ที่ท้อง จากนั้นชี้นิ้วไปที่เหยียนอี้แล้วพูดว่า

“สาวน้อย เจ้ายังไม่ได้ออกเรือน มิสมควรที่จะปรากฏตัวต่อหน้าผู้คนและเร่ขายของบนถนนเช่นนี้ ตอนนี้เจ้ายังกระทำการชั่วร้ายอีก ข้าไม่รู้ว่าเครื่องเทศอันตรายชนิดใดถูกผสมเข้าไปในข้าวโพด ข้าจะตายอยู่แล้ว เจ้าสารภาพมาเสียดีกว่า”

เหยียนอี้โต้เถียงกับเขาสองสามคำ แต่เสียงของนางเล็ก มันจึงไม่มีประโยชน์ที่จะเถียงต่อ ทำได้แค่ถ่มน้ำลาย คารมคมคายของนางไม่สามารถใช้ในฝูงชนได้อีก

“ทุกคนลองคิดดูสิ พวกเราเคยลิ้มรสข้าวโพดมานานกว่าสิบปี เหตุใดมันถึงกลายเป็นอาหารอันโอชะที่สุดในโลกหลังผสมส่วนผสมอื่น ๆ? เป็นเพราะใส่สิ่งใดที่ไม่ควรใส่ลงไปหรือไม่” ชายคนนั้นร้องโอดครวญ

เมื่อเห็นว่าบางคนในฝูงชนเริ่มชี้ไปที่เหยียนอี้ เขาก็รู้สึกตื่นเต้นมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้วพูดจาใส่ร้ายต่อไป

“ข้าได้ยินมาว่าในสมัยราชวงศ์เว่ยและจินมีพิษที่เรียกว่าผงห้าศิลา[1] เมื่อกินมันเข้าไปผู้คนจะรู้สึกว่ามันเป็นอาหารอันโอชะ แต่หากกินมากเกินไป พวกเขาจะต้องพบกับความเจ็บปวดที่ไม่อาจทนได้”

เมื่อชายวัยกลางคนพูดเช่นนี้ เขาก็พูดว่า “โอย” อีกครั้ง

“พวกเจ้าลองคิดดูสิ เจ้ากินอาหารของสาวน้อยตระกูลเหยียนแล้วไม่รู้สึกอยากกินอาหารอื่นอีกเลยหรือไม่? เจ้าปวดท้องกันหรือไม่”

[1] 五石散 (อู่สือส่าน) ผงห้าศิลา เป็นยาเสพติด

Prev
Next
MY READING HISTORY
You don't have anything in histories
POPULAR MANGA
กระบี่จงมา
กระบี่จงมา
บทที่ 992.2 ดอกไม้แดงบนภูเขาเขียวดุจเพลิงลุกไหม้ 27 พฤศจิกายน 2024
บทที่ 992.1 ดอกไม้แดงบนภูเขาเขียวดุจเพลิงลุกไหม้ 27 พฤศจิกายน 2024
323r
ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ
ตอนที่ 2138 จะทำลายพวกเจ้า 27 พฤศจิกายน 2024
ตอนที่ 2137 เทือกเขาแห่งความตาย 27 พฤศจิกายน 2024
เทพกระบี่มรณะ (chaotic sword god)
เทพกระบี่มรณะ (chaotic sword god)
ตอนที่ 2528 - การตัดแขน 27 พฤศจิกายน 2024
ตอนที่ 2527 - ชำระหนี้แค้น 27 พฤศจิกายน 2024
61d44445LSpjhqcZ
เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ
บทที่ 869 ที่หลบภัย 27 พฤศจิกายน 2024
บทที่ 868 ผมซับเหงื่อให้ครับ 27 พฤศจิกายน 2024
Full-time-Artist-ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิ
Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน
ตอนที่ 775 อาภรณ์หลวมโพรกมิเสียดาย เพื่อเจ้าข้าผ่ายผอมยอมอิดโรย 27 พฤศจิกายน 2024
ตอนที่ 774 ผีเสื้อรักบุปผา 27 พฤศจิกายน 2024
นิยายแปล-~จ้าวนักสู้เกิดใหม่ทั้งทีดันเป็นนางร้าย-~-ลูน่าอยากรีไทร์แล้ว
[นิยายแปล] ~จ้าวนักสู้เกิดใหม่ทั้งทีดันเป็นนางร้าย ~ ลูน่าอยากรีไทร์แล้ว
ตอนที่ 53 - 030:แผนการฝึกนักบุญ⑦ ค้นหาศัตรู 27 พฤศจิกายน 2024
ตอนที่ 52 - 029:แผนการฝึกนักบุญ⑥ ก่อนการต่อสู้ 27 พฤศจิกายน 2024
Here for more Popular Manga

Comments for chapter "บทที่ 29 ข้าวโพดกรอบ (รีไรท์)"

MANGA DISCUSSION

ใส่ความเห็น ยกเลิกการตอบ

You must Register or Login to post a comment.

  • HOME
  • COOKIE POLICY

© 2025 Madara Inc. All rights reserved