ทะลุมิติไปเป็นสนมตัวน้อยผู้ทำอาหารรสเลิศ - บทที่ 25 เฉินฟู่เซินที่ทำอะไรไม่ได้เลย(รีไรท์)
- Home
- All Mangas
- ทะลุมิติไปเป็นสนมตัวน้อยผู้ทำอาหารรสเลิศ
- บทที่ 25 เฉินฟู่เซินที่ทำอะไรไม่ได้เลย(รีไรท์)
บทที่ 25 เฉินฟู่เซินที่ทำอะไรไม่ได้เลย(รีไรท์)
“อ่า… พี่หลิวอาหารวันนี้ไม่เลวเลย กินให้มากขึ้นเถิด” เหอซื่อรีบปกปิดความเขินอายของนาง โดยการคีบขนมโก๋ชิ้นหนึ่งไปให้หลิวจู แต่บังเอิญชนกับบ๊วยเขียวต้มที่หลิวจูคีบขึ้นมาให้นางเช่นกัน
ความเขินอายฉายชัดอยู่บนใบหน้าของเหอซื่อ นางรีบดึงตะเกียบกลับมาแล้วกินต่อไปอย่างเงียบ ๆ
“ท่านแม่ ข้าจะไปตัดฟืน ไม่มีฟืนที่บ้านแล้วเจ้าค่ะ!” เหยียนอี้วางชามลงและพูดเสียงดังกับเหอซื่อราวกับกลัวเฉินฟู่เซินจะไม่ได้ยิน
“เหยียนจื่อไปนอนเถิด แล้วข้าจะซื้อซานจาทอดคลุกน้ำตาลกลับมาให้เจ้า”
เมื่อเหยียนจื่อได้ยินคำว่าซานจาทอดคลุกน้ำตาล นางก็คิดถึงรสหวานอมเปรี้ยวขึ้นมาทันใดจึงตอบตกลง
เหอซื่อกล่าวว่า “เหยียนอี้ เจ้าไปเร็วเข้าเถิด ระวังบนภูเขาด้วย!”
ในเวลานี้ หลิวจูไม่เข้าใจสถานการณ์เลยพูดว่า “ฟางเอ๋อร์ เหตุใดเจ้าไม่บอกว่าไม่มีฟืนที่บ้าน ข้าจะได้นำมาให้!”
เฉินฟู่เซินที่นิ่งเงียบมาตลอดรีบพูดว่า “ลุงหลิว ข้าจะไปกับเหยียนอี้ ท่านพักผ่อนอยู่ที่นี่เถิด!”
ทันทีที่เขาพูดจบ เฉินฟู่เซินก็ถูกเหยียนอี้ลากออกจากลานบ้าน
“เฉินฟู่เซิน เจ้าเข้าใจความซับซ้อนแบบนี้ได้อย่างไร” เหยียนอี้อยากรู้อยากเห็นเหลือเกิน นางคิดไม่ถึงว่าเฉินฟู่เซินผู้ไม่เป็นมิตรและเงียบตลอดมาจะรู้วิธีแก้สถานการณ์ให้ราบรื่น
เฉินฟู่เซินไม่รู้จะกล่าวสิ่งใด ในความเป็นจริงเขายังคงพยายามซ่อนความไม่สบายใจเอาไว้
“เฉินฟู่เซินดูแม่ของข้าในวันนี้สิ นางน่ารักมาก ดูเหมือนผู้หญิงที่ตกหลุมรักอีกครั้งเชียว!” เหยียนอี้ก้มลงเพื่อตัดฟืนในขณะที่คิดถึงความสัมพันธ์ที่คลุมเครือระหว่างแม่ของนางกับหลิวจู
“เหยียนอี้ วันนี้เจ้าก็น่ารักมากเช่นกัน” เฉินฟู่เซินพึมพำเบา ๆ กับตัวเอง
“เจ้าว่าอะไรนะ” เหยียนอี้ได้ยินว่าเฉินฟู่เซินเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง
“ข้าไม่ได้พูดอะไร” เฉินฟู่เซินฟื้นคืนสติ พลันรู้สึกอายขึ้นมา
“เหตุใดเจ้าไม่ตัดฟืนล่ะ” เหยียนอี้มองไปที่ตะกร้าไม้เปล่าข้าง ๆ เฉินฟู่เซิน นางถามด้วยความประหลาดใจ
“ข้า… ข้าตัดไม้ไม่เป็น” เฉินฟู่เซินรู้สึกอับอาย เขาไม่เคยตัดฟืนเลยตั้งแต่เด็ก หลังจากที่แม่เขาเสียชีวิต เขาก็ใช้ชีวิตตัวคนเดียว มักจะซื้อขนมปังนึ่งชิ้นใหญ่กินเป็นอาหารเสมอ
ตัวเขาเองเป็นคนเร่ร่อน เช่นนั้นแล้วเขาจะตัดฟืนไปเพื่ออะไร
“ชิ!” เหยียนอี้มองไปที่เฉินฟู่เซินเหมือนเขาเป็นคนไม่เอาถ่าน
“เฉินฟู่เซิน เจ้าเป็นคนอย่างไรกันแน่? เป็นคุณชายหรือ แต่สภาพโทรมเช่นนี้ จะเป็นคุณชายก็ไม่ใช่ เป็นขอทานก็ไม่เชิง แต่เจ้าก็ไม่อาจทำงานใช้แรงได้ เจ้าช่างแปลกคนเสียจริง!” นางจินตนาการไม่ออกเลยว่าเฉินฟู่เซินเป็นคนเช่นไร เขาดูลึกลับยิ่งนัก
“มา ๆ ข้าจะสอนวิธีตัดไม้ให้เจ้า” เหยียนอี้ดึงเสื้อของเฉินฟู่เซิน แล้วกระตุ้นให้เขามาดูว่านางตัดฟืนอย่างไร
เฉินฟู่เซินเดินตามไปอย่างเชื่อฟัง ทว่าจิตใจของเขาเต็มไปด้วยความคิดมากมาย ไม่ได้ตั้งใจดูว่าเหยียนอี้ตัดฟืนอย่างไร
“เจ้าทำได้ไหม” หลังจากทำให้ดูอยู่หลายครั้ง เหยียนอี้ก็เงยหน้าขึ้นถาม
เหยียนอี้เงยหน้าขึ้น แสงแดดแยงตานางพอดีจนทำให้ลืมตาไม่ขึ้น บาางส่วนส่องเม็ดเหงื่อบนหน้าผากเป็นประกาย เห็นพวงแก้มแดงเรื่อ
เฉินฟู่เซินดึงสติกลับมาและมองไปที่เหยียนอี้อย่างไม่อาจละสายตาไปจากนางได้
“เจ้ากำลังฟังข้าอยู่หรือไม่” เหยียนอี้มองไปที่ใบหน้าของเฉินฟู่เซิน พลันรู้สึกรำคาญใจ
“อา ๆ ฟังอยู่!” เฉินฟู่เซินหยิบมีดผ่าฟืนขึ้นมาอย่างงุนงงพลางคิดว่า ‘วันนี้ข้าแปลกมาก ข้าเอาแต่คิดว่าเหยียนอี้ดูดี… พูดตามตรงนางก็เป็นเพียงแค่คนธรรมดาทั่วไป’
เฉินฟู่เซินก้มตัวลงจะตัดฟืน อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้คิดว่าจะชนเหยียนอี้ที่กำลังก้มลงเพื่อตัดฟืนเช่นกัน
“อ๊ะ!” เหยียนอี้อุทาน “เฉินฟู่เซิน! เจ้าจะฆ่าข้าหรือ!”
เมื่อเห็นว่าเหยียนอี้กำลังจะล้มลง เฉินฟู่เซินก็รีบโยนมีดผ่าฟืนทิ้งไปแล้วรีบจับเหยียนอี้ไว้
เฉินฟู่เซินรู้สึกว่าช่วงเวลานั้นดูเหมือนจะผ่านไปช้าเหลือเกิน เสื้อผ้าที่พลิ้วไหวของเหยียนอี้ ดวงตาที่น่ากลัวคู่นั้น และแก้มที่ขึ้นสีบ่มแดดปรากฏขึ้นในสายตา
“เจ้ากำลังทำอะไร”
“เจ้าบาดเจ็บตรงไหนหรือไม่”
ทั้งสองพูดพร้อมกัน
“ข้าเปล่า”
“ข้าไม่เป็นไร”
ทั้งสองตอบพร้อมกัน
“อืม เจ้าจะตัดฟืนหรือไม่? หากไม่ก็รีบกลับไปเสีย แผลยังไม่หายสนิท ไปพักผ่อนเถิด” เหยียนอี้พูดอย่างแข็งกร้าว หันหลังกลับไปตัดไม้เงียบ ๆ ต่อ
เฉินฟู่เซินอ้าปากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่หลังจากคิดอยู่พักหนึ่งเขาก็ไม่ได้พูดอะไร ก่อนจะหันไปหยิบตะกร้าฟืนขึ้นมา และตัดฟืนในความเงียบ
‘เฉินฟู่เซินกำลังทำอะไรอยู่? เขาดูแปลกมาตั้งแต่เช้าแล้ว แต่ช่างเถอะ ข้าเหนื่อยจะเถียงกับเขาแล้ว’ เหยียนอี้ทำหน้าบูดบึ้ง
‘ข้าเป็นอะไรไป? เลิกคิดได้แล้วเฉินฟู่เซิน!’ เฉินฟู่เซินถือมีดผ่าฟืน ทว่าเขาไม่อาจสงบสติอารมณ์ได้เลย
เดิมทีเฉินฟู่เซินต้องการช่วยเหยียนอี้ตัดฟืน แต่ก็พบว่าเขาไม่ได้ดูตอนที่นางสาธิตวิธีตัดฟืน เขาจึงทำอะไรไม่ได้เลย ตอนนี้เขาอายเกินกว่าจะถามนาง ช่างน่าอายจริง ๆ
“เจ้าจะกลับบ้านหรือไม่?” เหยียนอี้เหลือบมองตะกร้าที่ว่างเปล่าของเฉินฟู่เซินและพูดอย่างโกรธเคืองว่า “ไป ๆ กลับบ้านได้แล้ว”
เมื่อนางกลับถึงบ้าน เหยียนอี้นั่งลงเพื่อสับฟืน ครั้นเห็นเฉินฟู่เซินยืนอยู่อีกด้านหนึ่งท่าทางเก้ ๆ กัง ๆ ก็รู้สึกเศร้าเล็กน้อย
“เฉินฟู่เซิน ในเมื่อเจ้าอยู่ที่บ้านของข้าเพื่อช่วยงาน ข้าก็จะให้งานสับฟืนแก่เจ้า เร็วเข้า ไม่จำเป็นต้องมีทักษะใด ๆ เจ้าก็ทำได้แน่!” เหยียนอี้กล่าว
เฉินฟู่เซินรีบไปหยิบขวานในมือของเหยียนอี้ เขาเลียนแบบท่าทางนาง แล้วเตรียมที่จะสับฟืน
อย่างไรก็ตามขวานไม่เชื่อฟัง มันสับไม่โดนฟืนแต่เกือบจะโดนขาของเด็กหนุ่มแทนเสียแล้ว
เหยียนอี้ซึ่งยืนอยู่ด้านข้างทนดูไม่ได้อีกต่อไป นางรีบพูดว่า “อืม ทำไมเจ้าไม่ไปเอาน้ำล่ะ? แค่มีพละกำลังก็ขนน้ำได้”
“ผู้ชายคนนี้… ทำอะไรไม่เป็นเลยหรือไร” เหยียนอี้พึมพำ
“ข้า… ตักน้ำไม่ได้” เฉินฟู่เซินกลัวว่าเขาจะทำเรื่องน่าล้ออีกในภายหลัง เขาจึงต้องถามเหยียนอี้ว่าจะทำอย่างไร
“เจ้าตักน้ำก็ไม่ได้รึ!” เหยียนอี้อุทาน “เจ้าไม่ใช่ลูกชายของครอบครัวร่ำรวยที่จะทำเรื่องเรียบง่ายเช่นนี้ไม่เป็น แม่ของเจ้าไม่ได้สอนเจ้าหรือ”
‘แม่ของเจ้าไม่ได้สอนเจ้าหรือ’ คำพูดเหล่านี้ยังคงดังก้องอยู่ในหูของเฉินฟู่เซิน ครั้งแล้วครั้งเล่า เฉินฟู่เซินกำหมัดของเขาแน่น เมื่อหลายปีก่อนชายที่ขับไล่แม่และเขาออกไปก็เอ่ยเช่นนี้
“แม่ของเจ้าไม่ได้สอนให้เจ้าขอบคุณข้าหรือ? ข้าไม่ได้ฆ่าเจ้า… แต่ได้ให้ความช่วยเหลือเจ้าแล้ว”
เหยียนอี้มองไปที่หมัดที่กำแน่นและเส้นเลือดปูดโปนบนหน้าผากของเฉินฟู่เซิน นางพลันคิดว่าบาดแผลของเขากำเริบจึงรีบเข้าไปช่วยดูแผล แต่เขาผลักนางออกไปทันใด
‘อะไรกัน? เขาปฏิบัติต่อความปรารถนาดีของข้าแบบนี้อีกแล้ว’ เหยียนอี้รู้สึกแย่ ส่วนอารมณ์ยังบูดบึ้งดังเดิม
‘นางไม่ได้หมายความอย่างนั้นเฉินฟู่เซิน อย่าเทียบสิ่งเหล่านี้กับเหยียนอี้! ได้โปรดเฉินฟู่เซิน!’ การต่อสู้ภายในใจของเฉินฟู่เซิน ทำเขาเศร้าหมองยิ่งกว่าเดิม
‘แปลกนัก ข้าต้องการทำให้นางพอใจ แต่ข้าก็อยากแกล้งนาง ข้าชอบเห็นนางหงุดหงิด ชอบให้นางเรียกข้าว่าโง่ อยากอยู่กับนางให้มากขึ้น ความรู้สึกนี้คืออะไร? มันแปลกจริง ๆ’
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เฉินฟู่เซินไม่เคยรู้สึกเช่นนี้มาก่อน มันเป็นความรู้สึกที่น่าสับสน แต่เขาชอบมัน เขาตื่นเต้นที่ได้เห็นนางในเวลากลางวัน เมื่อยามรัตติกาลมาถึง เขามักมองไปที่แสงจันทร์แล้วครุ่นคิดคิดถึงนางอีกครั้ง
“บางทีเราอาจจะอยู่ด้วยกันมานานแล้วก็ได้” เฉินฟู่เซินกระซิบกับตัวเอง
ในตอนเย็น ห้องครัวส่งกลิ่นหอมดึงดูดใจอีกครั้ง
“ท่านพี่! มื้อเย็นวันนี้คืออะไร” เหยียนจื่อยืนเขย่งปลายเท้าเพื่อดูว่ามีอะไรอยู่ในหม้อ
เฉินฟู่เซินยืนอยู่หลังประตูห้องครัว ลอบมองเหยียนอี้ทำอาหารอย่างลับ ๆ ผมยาวของนางถูกมัดไว้ด้านหลังศีรษะ มีปิ่นไม้ไผ่เสียบผมอยู่ ใบหน้าเปื้อนไปด้วยคราบเขม่า มีดในมือของนางเร็วมาก ในไม่ช้าก้านสีขาวบนเขียงก็ถูกตัดเป็นเส้นบาง ๆ
“เหยียนจื่อ ข้าลืมซื้อผักวันนี้ เราจะทำอาหารกินในตอนเย็น และปรุงอาหารแสนอร่อยในวันพรุ่งนี้ ไปดูว่าท่านแม่กำลังทำอะไรอยู่ เมื่ออาหารพร้อมแล้วพี่สาวจะเรียกหาเจ้า ตกลงไหม” เหยียนอี้พูดพลางมองไปยังแมวโลภเหยียนจื่อ
“ได้เลย!” เหยียนจื่อวิ่งออกจากครัว
‘โชคดีที่เด็กหญิงตัวเล็กไม่ได้สังเกตเห็นข้า’ เฉินฟู่เซินถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เวลาอาหารเย็นเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดในครอบครัวมาโดยตลอด แต่วันนี้เต็มไปด้วยความกระอักกระอ่วน
“ท่านแม่ ลุงหลิวหายไปไหนหรือเจ้าคะ” เหยียนอี้ถาม
“อืม… อ้อ! ใช่ มาเถอะ กินข้าวกัน” เหอซื่อหน้าแดงเมื่อเอ่ยถึงหลิวจู
“ฟู่เซิน ทำไมเจ้าไม่กินเล่า? กินเร็วเข้า” เหอซื่อเร่งเร้าให้เฉินฟู่เซินกิน
“ขอรับ” เฉินฟู่เซินยังคงนิ่งสงบ หยิบตะเกียบขึ้นมาและเริ่มกิน
เหยียนอี้ก็เริ่มกินอาหารบนโต๊ะ บางทีนางอาจอารมณ์ไม่ดีจึงทำให้รู้สึกว่าอาหารที่นางปรุงรสชาติไม่อร่อยนัก ช่างมัน ลืมไปเสียเถอะ
หลังอาหารเย็น เฉินฟู่เซินพยายามเสนอตัวล้างจานและจัดห้องครัว เหอซื่อเถียงกับเขาไม่ได้ จึงต้องปล่อยให้เฉินฟู่เซินทำตามที่บอก
เหยียนอี้มองไปที่เฉินฟู่เซินในห้องครัว และตำหนิตัวเองที่พูดไม่ดีต่อเขาในวันนี้
“เฉินฟู่เซิน ข้าขอโทษ ข้าไม่ควรบอกว่าเจ้าทำอะไรไม่ได้เลย” เหยียนอี้ยืนอยู่อย่างเงียบ ๆ นอกประตูห้องครัวและก้มศีรษะของนาง
เฉินฟู่เซินเงยหน้าขึ้นจากความสับสนและมองเหยียนอี้ที่ก้มศีรษะอยู่ เขาคิดว่านางเป็นเหมือนสัตว์ตัวเล็ก ๆ ที่อ่อนโยนตัวหนึ่ง
“ไม่เป็นไรหรอก มันเป็นความผิดของข้า ข้าจะเรียนให้หนักในอนาคต” เฉินฟู่เซินพูดอย่างแข็งกร้าว
“เฉินฟู่เซิน อย่าอารมณ์เสียเลย” เหยียนอี้วิ่งเหยาะ ๆ ไปดึงชายเสื้อของเฉินฟู่เซิน
นางดึงชายเสื้อของเด็กหนุ่มอีกครั้ง… เด็กหนุ่มชอบท่าทางสนิทสนมเช่นนี้ของนางยิ่งนัก ราวกับเป็นสัตว์ตัวน้อย ช่างน่ารักน่าเอ็นดู เฉินฟู่เซิน ยิ้มและพูดว่า “ก็ได้”
“มาทำความสะอาดด้วยกันเถอะ!” เหยียนอี้หยิบชามขึ้นมาใส่ในอ่างไม้ นั่งยอง ๆ ข้างเฉินฟู่เซินและหยิบจับอย่างระมัดระวัง
เส้นผมของเหยียนอี้กระจัดกระจายอยู่ รูบนติ่งหูเล็ก ๆ ของนางไม่ได้แขวนต่างหูที่สวยงาม ทว่ากลับดูธรรมดาเรียบง่าย
ร่างกายของเหยียนอี้มีกลิ่นอาหาร กลิ่นควันไฟ กลิ่นความอบอุ่นของครอบครัวหล่อล้อมอยู่
เหอซื่อกำลังเดินไปห้องครัวเพื่อต้มน้ำร้อน แต่เมื่อผ่านประตูห้องครัวนางกลับเห็นเฉินฟู่เซินและเหยียนอี้พิงกันล้างจาน รอยยิ้มจาง ๆ พลันปรากฏขึ้นที่มุมปากของนาง
เหยียนอี้กำลังก้าวเข้าสู่วัยแรกรัก เฉินฟู่เซินเองก็เริ่มรู้จักความรักเป็นครั้งแรก พวกเขาอายุใกล้เคียงกันและเข้ากันได้ดีขึ้นทุกวัน คงยากนักที่จะไม่ตกหลุมรัก
โชคดีที่เฉินฟู่เซินเป็นเด็กดี เขาเป็นคนซื่อสัตย์ นางจึงวางใจปล่อยเหยียนอี้ไว้ข้างเขา
เหอซื่อออกจากครัวอย่างเงียบ ๆ และกลับไปที่ลานบ้านเพื่อไปหาเหยียนจื่อแทน