ทะลุมิติไปเป็นสนมตัวน้อยผู้ทำอาหารรสเลิศ - บทที่ 22 การพบกันครั้งแรกกับเด็กหนุ่มผู้มีพระคุณ(รีไรท์)
- Home
- All Mangas
- ทะลุมิติไปเป็นสนมตัวน้อยผู้ทำอาหารรสเลิศ
- บทที่ 22 การพบกันครั้งแรกกับเด็กหนุ่มผู้มีพระคุณ(รีไรท์)
บทที่ 22 การพบกันครั้งแรกกับเด็กหนุ่มผู้มีพระคุณ(รีไรท์)
ฤดูร้อนนี้ดูเหมือนจะสั้นนัก แต่วันนี้ก็เป็นวันที่ร้อนที่สุดอีกวันหนึ่ง ช่วงเวลานี้ในปีก่อน มีชาวบ้านเป็นโรคลมแดดระหว่างที่ทำงานในทุ่งนากันหลายคน ถึงขั้นมีคนที่ไม่อาจทนความร้อนได้จนเสียชีวิต
เหยียนอี้คิดว่านางทำเงินได้มากแล้วจากการขายวุ้นเมื่อไม่กี่วันก่อน ดังนั้นในวันที่ร้อนจัดเช่นนี้คงดีกว่าหากทำวุ้นให้มากขึ้นแล้วส่งไปให้ชาวนาที่ทำงานกลางทุ่งกลางนาและผู้สูงอายุบางคน นอกจากช่วยคลายความร้อนแล้ว ยังทำให้ชื่อเสียงของวุ้นเลื่องลือขึ้นเรื่อย ๆ ด้วย
วันรุ่งขึ้น เหยียนอี้ขอให้เหอซื่อและเหยียนจื่อตามไปตามปกติ นางอยู่นอกเมืองจนถึงช่วงเที่ยงวันเพื่อแจกจ่ายวุ้นให้เหล่าชาวนาและผู้สูงอายุ เมื่อเหอซื่อได้ยิน ก็รับรู้ได้ว่าบุตรสาวคงเติบโตเป็นคนที่อ่อนโยนขึ้นเรื่อย ๆ
ในช่วงบ่าย เหยียนอี้ย่ำเท้าผ่านสันเขาพร้อมกับวุ้นบนหลัง แสงอาทิตย์ขับแสงร้อนระอุ แลเห็นภาพตรงหน้าพร่ามัวไปหมด
ในตอนนั้นเอง นางบังเอิญได้พบกับหลิวจูที่กำลังทำงานอยู่
“ลุงหลิว แค่คิดว่าท่านต้องทนร้อนเพียงใดเวลาทำงาน วันนี้แม่กับข้าเลยทำวุ้นมามากกว่าเดิม เรียกชาวบ้านให้มากินสักชิ้นเพื่อบรรเทาความร้อนเถิดเจ้าค่ะ” เหยียนอี้ รอยยิ้มอาบอยู่บนใบหน้า
หลิวจูรีบยินดี “ข้าจะเรียกให้พวกเขามาที่นี่ ขอบใจเจ้านะเหยียนอี้ เจ้าใจดีมาก!”
หลิวจูเรียกชาวบ้านที่ทำงานอยู่ท่ามกลางทุ่งนารอบตัวมา ตอนแรกทุกคนคิดว่าพวกเขาจะต้องจ่ายเงิน แต่เมื่อเหยียนอี้บอกว่าทุกคนสามารถเอาไปได้เลยไม่ต้องจ่ายเงิน พวกเขาเหล่านั้นก็ต่างยกย่องนางว่าช่างเป็นเด็กสาวจิตใจดียิ่ง
ระหว่างทางกลับบ้าน เหยียนอี้บังเอิญผ่านตระกูลหลี่เจิ้ง มีชามเหลืออยู่ในตะกร้าเพียงไม่กี่ใบ นางจึงเรียกเด็กหญิงรับใช้ของหลี่เจิ้งให้มาเอาวุ้นให้แม่เฒ่าและเด็ก ๆ
เหยียนอี้นั่งอยู่บนกองหญ้าข้างถนน พักผ่อนอยู่สักพัก เมื่อเห็นสาวใช้ของหลี่เจิ้งตามมา นางก็เตรียมที่จะลุกออกไป
“พี่เหยียนอี้ เดี๋ยวก่อน!” สาวใช้รั้งเหยียนอี้ไว้
“นายหญิงบอกว่าครอบครัวฆ่าหมูเมื่อไม่กี่วันก่อน กำลังจะให้คนส่งเนื้อไปให้ครอบครัวของเจ้า เจ้ามาพอดีเลย นำมันกลับบ้านด้วยเถิด นายหญิงยังบอกอีกว่าวุ้นอร่อยยิ่งนัก!”
เหยียนอี้รับชิ้นหมูมาแล้วขอบคุณนางอย่างรวดเร็ว “บอกท่านยายว่าเมื่อข้าปรุงเนื้อนี้เสร็จ ข้าจะเอามาให้นาง!”
เมื่อเหยียนอี้กลับถึงบ้าน นางก็เริ่มทำอาหารเย็นอีกครั้ง ขาหมูที่ได้รับจากหลี่เจิ้งในวันนี้ช่างยั่วยวนใจเสียจริง
เหยียนอี้ต้มน้ำร้อนในหม้อ ลวกขนหมู หักกีบหมูออกเป็นชิ้นเล็ก ๆ ใส่ลงในหม้อแล้วต้มด้วยไฟแรง จากนั้นนางรีบไปตักน้ำบาดาลมา เมื่อกีบหมูถูกต้มเสร็จแล้วจึงแช่กีบหมูลงในน้ำนั้น
ด้วยวิธีนี้ผิวหมูจะเรียบเนียนและแน่นโดยไม่เสียรสชาติ
จากนั้นวางเท้าหมูลงในน้ำเกลือเก่าที่เตรียมไว้มาเป็นเวลานาน แล้วจุ่มลงในน้ำในบ่อเป็นเวลาราวหนึ่งชั่วยาม หลังจากนั้นขาหมูน้ำเกลือแช่เย็นก็เสร็จเรียบร้อย
เหยียนอี้รีบนำไปส่งให้ครอบครัวของหลี่เจิ้ง แม่เฒ่าได้ลิ้มรสมัน ชื่นชมฝีมือของนางอีกครั้ง
แม่เฒ่าจับมือเหยียนอี้แล้วพูดว่า “ช่างน่าเสียดายที่เจ้าไม่ใช่หลานสาวตัวน้อยของข้า… ถ้าเจ้าเป็นหลานสาวข้า ข้าคงจะได้กินอาหารอร่อย ๆ ทุกวัน!”
เหยียนอี้ยิ้มหวาน “ตราบใดที่ท่านชอบ ข้าจะทำอาหารมาให้ท่านเสมอเจ้าค่ะ!”
…
เหยียนอี้กลับมาทันเวลามื้อเย็นพอดี ครอบครัวนางนั่งอยู่ในลานบ้านท่ามกกลางบรรยากาศยามพลบค่ำ สายลมฤดูร้อนพัดผ่าน พวกนางต่างทานอาหารเย็นอย่างมีความสุข
เช้าวันรุ่งขึ้นครอบครัวของเหยียนอี้รีบไปที่เมืองเพื่อขายวุ้นตามปกติ
วันนี้เป็นวันมีตลาด ชาวนาในเขตชานเมืองรีบไปที่ตลาดเพื่อขายผักผลไม้และธัญพืช พวกพ่อค้าเองก็รีบไปจับจองเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับช่วงครึ่งหลังของปี
“ดูสิ! นี่คือเหยียนอี้ เมื่อวานนี้นางมาส่งวุ้นให้เราเพื่อคลายร้อน นางเป็นเด็กสาวที่ดีจริง ๆ”
“จริงหรือ? วันข้างหน้าข้าคงต้องอุดหนุนนางมากหน่อยแล้ว!”
เมื่อเห็นว่ากิจการเริ่มดีขึ้นเรื่อย ๆ เหอซื่อก็มีความสุขล้นจนต้องยิ้มออกมา นางเริ่มมีความหวังสำหรับวันข้างหน้าที่ดีขึ้นแล้ว
วันนี้ วุ้นขายหมดตั้งแต่ก่อนเที่ยง ดังนั้นพวกนางจึงต้องปิดแผงลอยก่อนแล้วค่อยกลับบ้าน
ในวันที่วุ่นวายนี้มันช่างเป็นเรื่องยากที่จะมีเวลาพักผ่อนในช่วงบ่าย
“ท่านแม่ อีกไม่กี่วันก็จะเป็นวันเกิดของท่าน ท่านไม่ได้ฉลองวันเกิดมานานแล้ว ตอนนี้เราทำเงินได้เยอะ ปีนี้เราจะทำอาหารดี ๆ ซื้อผ้าดี ๆ เป็นของขวัญวันเกิดให้ท่านแม่กัน” เหยียนอี้จับมือเหอซื่อแล้วพูดด้วยเสียงเริงรื่น
เหอซื่อลูบศีรษะของเหยียนอี้ มองไปที่มืออันหยาบกร้านของบุตรสาวแล้วพูดว่า
“อี้เอ๋อร์ แม่แก่มากแล้ว ไม่ต้องฉลองวันเกิดหรอก เจ้าและเหยียนจื่อเสียอีกที่ได้รับความทุกข์ทรมาน ความขมขื่นกับข้ามาหลายปี ตอนนี้ด้วยทักษะการทำอาหารที่ดีของเจ้า เราเลยมีรายได้เข้ามา เจ้าไม่อยู่ที่นี่ก็ไม่เป็นไร ข้าจะเก็บเงินนี้ไว้ให้เจ้าและเหยียนจื่อเป็นสินสอดสำหรับแต่งงาน”
ในใจเหยียนอี้เจ็บปวดขึ้นมาเล็กน้อย ท่านแม่มักจะคิดถึงแต่พวกนางเสมอมา คอยปกป้องเลี้ยงดูพวกนางมาตลอด ตอนนี้ไม่สามารถแม้แต่จะฉลองวันเกิดให้ตัวเอง
คืนนั้นเด็กสาวสองคนนอนบนเสื่อไม้ไผ่ พูดคุยกันอย่างเงียบ ๆ ถึงเรื่องจัดงานวันเกิดให้แม่
เมื่อพูดถึงแผนการที่คิดไว้ก็พากันหัวเราะอย่างสนุกสนาน
เช้าวันรุ่งขึ้น เหยียนอี้และเหยียนจื่อบอกกับเหอซื่อว่าพวกนางจะไปเล่นในเมือง และขอให้เหอซื่อขายวุ้นเพียงคนเดียว
เมื่อเหอซื่อได้ยินว่าสองพี่น้องจะไปเล่นในเมือง เหอซื่อก็ตอบตกลง โดยไม่ลืมที่จะกำชับพวกนางให้ระวัง อย่าให้ถูกหลอกเอาได้
เมื่อได้ยินดังนั้นสองสาวก็จับมือกันแล้ววิ่งออกไป
เหยียนอี้พาเหยียนจื่อไปหาร้านโคมไฟในเมือง ในฤดูกาลนี้มีเพียงไม่กี่คนที่ทำโคมไฟ พวกนางหาอยู่นานกว่าจะพบร้านขาย
ทั้งสองคนตกลงกับเจ้าของร้านว่าพวกนางจะวางโคมบัวสามดวงและโคมแดงหกดวง บนโคมแดงจะเป็นภาพครอบครัวแสนสุขของพวกนาง
หลังจากเจรจาราคาแล้ว นางก็เตรียมที่จะจ่าย ทันใดนั้นก็มีมือเอื้อมมาคว้าถุงเงินไปจากมือของเหยียนอี้อย่างรวดเร็ว
เหยียนอี้รีบวิ่งตามหัวขโมยไปโดยพลัน
“ช่วยด้วย ช่วยด้วย มีคนขโมยเงิน!” เหยียนจื่อตกใจร้องตะโกน
ตอนที่ผู้คนได้ยินว่าถุงเงินของเหยียนอี้ถูกขโมย คนก็มายืนมุงบดบังทิศทาง หัวขโมยเห็นว่าไม่มีทางออก เขาจึงดึงเหยียนอี้เข้ามาจับไว้แล้วดึงกริชออกมาจี้ที่คอของเหยียนอี้
เขาตะโกนบอกฝูงชนด้วยสีหน้าโหดเหี้ยม “หากพวกเจ้าไม่ปล่อยข้าไป ข้าจะฆ่านาง!”
ทว่าช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานนี้เอง ก็มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งเตรียมจะเข้าไปถีบหัวขโมย
แต่เนื่องจากมีคนมากเกินไป เด็กหนุ่มกลัวว่ามีดจะทำร้ายผู้คนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ เขาเลยเลือกที่จะถีบมือของหัวขโมยที่จี้เหยียนอี้อยู่แทน หัวขโมยรีบปล่อยเหยียนอี้ ก่อนจะถือมีดพุ่งปราดไปที่เด็กหนุ่ม
แลดูเหมือนเด็กหนุ่มจะได้รับบาดเจ็บมา การเคลื่อนไหวของเขาเลยช้าเล็กน้อย เขาเข้าไปต่อสู้กับหัวขโมยเป็นเวลานานก่อนที่จะเอาชนะมาได้ในที่สุด
ฝูงชนพากันอุทานออกมา ต่างคนต่างยกย่องเด็กหนุ่มสำหรับความกล้าหาญครั้งนี้
ไม่นานทางการก็มาลากหัวขโมยไป
“ผู้มีพระคุณ! ผู้มีเมตตา! เดี๋ยวก่อน!” เหยียนอี้ได้สติแล้ว นางรีบเรียกหาผู้ช่วยชีวิต
“มีอะไร” เสียงของเด็กหนุ่มผู้นั้นแหบพร่า ลมหายใจก็แลดูเย็นเยือก
เหยียนอี้เงยหน้าขึ้นมองเด็กหนุ่มที่สูงกว่านางมาก ดวงตาของเขาแจ่มชัด ทว่าแววตามีความระแวดระวังและความนิ่งงันคลออยู่เต็มเปี่ยม
เพียงแค่ถูกมองแบบนี้เหยียนอี้ก็รู้สึกกลัวที่จะคุยกับเขาแล้ว
“ผู้มีพระคุณ ข้า… ข้าไม่รู้ว่าจะตอบแทนเจ้าอย่างไร” เหยียนอี้ตอบไปอย่างลังเลใจ
“ไม่จำเป็น” คำตอบของเด็กหนุ่มนั้นห้วนสั้น ไม่แฝงอารมณ์ใด ๆ พูดจบก็เดินจากไปไม่สนใจใดใดอีก
เหยียนอี้เห็นหยาดเลือดไหลลงจากแขนเขาไม่หยุด นึกถึงกริชในมือคนร้ายเมื่อครู่ได้ก็ชักจะรู้สึกผิด
ทุกอย่างเกิดขึ้นจากความประมาทของนาง นางจะไม่รับผิดชอบเลยได้อย่างไร?
เด็กหนุ่มเดินหันหน้าเข้าหาดวงอาทิตย์ แสงสาดส่องลงบนร่าง ผ้าผ่อนตามตัวสะบัดพลิ้วไปตามสายลม
‘ฤดูร้อนเช่นนี้ ไม่รู้ว่าบาดแผลของเขาจะติดเชื้อหรือไม่’ เหยียนอี้คิดในใจ ‘หากข้ามีโอกาสได้พบเขาอีกครั้งข้าต้องตอบแทนเขาให้ดี’
“ท่านพี่” เหยียนจื่อเรียกเหยียนอี้ ดึงเสื้อผ้าของนางไว้
“เหยียนจื่อเจ้าเป็นอะไรหรือไม่? เหตุใดเจ้าไม่รอในร้าน? ออกมาคนเดียวเช่นนี้มันอันตรายนะ” เหยียนอี้ดุน้องสาวอย่างโกรธ ๆ
“ท่านพี่ พี่ชายคนนั้นช่วยท่านไว้งั้นหรือ” เหยียนจื่อถามพลางชะเง้อมองไปยังเด็กหนุ่มที่เดินจากไป
“ใช่แล้ว พี่ชายคนนั้นช่วยเรา เราต้องตอบแทนเขา หากครั้งต่อไปได้พบกัน เราจะต้องขอบคุณให้ได้!” เหยียนอี้วางมือบนหัวเหยียนจื่อแล้วกล่าวออกไป
ทั้งสองกลับไปที่ร้านโคมไฟเพื่อจ่ายเงินมัดจำ ก่อนจะตรงกลับบ้าน หัวเราะไปพลางพูดคุยไปพลางตลอดทาง
“เหยียนจื่อ จำไว้ว่าอย่าบอกท่านแม่เกี่ยวเรื่องวันนี้เชียว ข้าเกรงว่าท่านจะกังวล!” เหยียนอี้คิดว่าหากเหอซื่อรู้เรื่องนี้ นางจะต้องรู้สึกเสียใจอย่างแน่นอน
“ตกลง! ข้าสัญญา!” เหยียนจื่อตอบเหยียนอี้ด้วยสีหน้าจริงจัง
ในเวลานี้มันใกล้จะพลบค่ำแล้ว เหอซื่อเตรียมอาหาร ตั้งตารอการกลับมาของลูกสาวทั้งสองอยู่ที่หน้าประตู วันนี้เปลือกตาขวาของนางกระตุก จึงรู้สึกไม่สบายใจเพราะกลัวว่าจะมีบางอย่างเกิดขึ้นกับลูก ๆ ของตน
ทันทีที่นางเห็นลูก ๆ เดินเคียงข้างกันบนถนน เหอซื่อก็รีบเรียกพวกนางให้กลับมา อาหารที่เตรียมไว้ก็พร้อมเรียบร้อยแล้ว
“โคลนพวกนี้… เกิดเรื่องอะไรขึ้นใช่หรือไม่” ดวงตาของเหอซื่อเฉียบคมนัก นางเห็นสิ่งสกปรกมากมายบนเสื้อผ้าของเหยียนอี้
“ไม่มีอะไรหรอกท่านแม่ ข้ากับน้องเล่นกันอยู่บนถนน แล้วข้าก็บังเอิญหกล้ม!” เหยียนอี้รีบโกหก
เหอซื่อไม่สนใจฟัง นางชำเลืองมอง เห็นรอยขีดข่วนที่คอของเหยียนอี้ รอยราวกับถูกบาดด้วยมีด
นางรีบถามว่า “แผลนี้ เกิดอะไรขึ้น? เหยียนฟู่กุ้ยกลับมาแก้แค้นเจ้างั้นหรือ?”
เมื่อเห็นว่านางไม่อาจซ่อนเรื่องนี้ได้ เหยียนอี้จึงบอกเหอซื่อถึงเรื่องราวทั้งหมด
นางหลั่งน้ำตาอย่างปวดใจ กระนั้นก็ลุกไปหาผ้าชุบน้ำสะอาดมาเช็ดรอยเลือดให้เหยียนอี้อย่างระมัดระวัง
“เด็กหนุ่มผู้นั้นเป็นคนดีจริง ๆ เขาทำความดีโดยไม่ทิ้งชื่อไว้ข้างหลัง ในอนาคตเขาจะได้รับรางวัลจากการทำความดีอย่างแน่นอน!” เหอซื่อพึมพำ
ไม่กี่วันต่อมาเหอซื่อก็ไปที่แม่น้ำสายเล็ก ๆ ที่ทางเข้าหมู่บ้านเพื่อซักเสื้อผ้า เหยียนอี้และเหยียนจื่อตามไปเพื่อที่จะเล่นน้ำ พวกนางพากันไปที่แม่น้ำ เสียงหัวเราะดังคลอไปตลอดทาง
พริบตานั้นเหยียนอี้เห็นเงาหนึ่งวูบผ่านสายตาไป เป็นบุรุษผู้หนึ่งยืนอยู่ข้างป่าริมฝั่งแม่น้ำ ร่างของเขาค่อย ๆ ล้มลง เหยียนอี้รีบวิ่งไปด้านหน้า
ลักษณะและรูปร่างที่คุ้นเคยนี้… เขาคือเด็กหนุ่มที่ช่วยชีวิตนางเมื่อไม่กี่วันก่อน!
เด็กหนุ่มพิงต้นไม้หายใจผะแผ่ว เสื้อผ้าเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดหลายจุด ดูเหมือนว่าได้รับบาดเจ็บสาหัส