ทะลุมิติไปเป็นสนมตัวน้อยผู้ทำอาหารรสเลิศ - บทที่ 21 ตระกูลเหยียนถูกขับไล่ออกไป (รีไรท์)
- Home
- All Mangas
- ทะลุมิติไปเป็นสนมตัวน้อยผู้ทำอาหารรสเลิศ
- บทที่ 21 ตระกูลเหยียนถูกขับไล่ออกไป (รีไรท์)
บทที่ 21 ตระกูลเหยียนถูกขับไล่ออกไป (รีไรท์)
ภายในบ้านหลังเล็ก
เหยียนอี้เห็นกระดานซักผ้าบนพื้นก็นึกแปลกใจ นางตบหัวแล้วพูดว่า “ดูสิ ท่านแม่ลืมนำกระดานซักผ้าไปแล้วอีกแล้ว เหยียนจื่อเจ้ารออยู่ที่บ้านนะ ข้าจะเอาไปให้นางเอง!”
จากนั้นนางก็หยิบกระดานซักผ้าขึ้นมาแล้วรีบออกไป ตลอดทางเหยียนอี้เร่งฝีเท้าให้เร็วและเร็วขึ้น ตอนแรกนางยังคงยิ้ม แต่ยิ่งนางเดินมากเท่าไหร่นางก็ยิ่งรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติมากขึ้นเท่านั้น นางเห็นกองเสื้อผ้าและอ่างไม้ตกอยู่บนพื้น ของพวกนี้เพิ่งถูกท่านแม่นำออกมาไม่ใช่หรือ?
“ท่านแม่?”
“ท่านแม่!?” เหยียนอี้ร้องไห้ออกมาด้วยความตื่นตระหนก คิ้วของนางขมวดแน่น นางรู้สึกถึงลางไม่ดี หัวใจเต้นแรงจนแทบจะทะลุออกมาจากอก
เมื่อนางมองย้อนกลับไปก็พบรอยลากมากมายบนพื้น ขวดสุราหกระเนระนาดอยู่!
“แย่แล้ว!”
เหยียนอี้ฉลาด นางถือกระดานซักผ้าไว้ในมืออย่างแน่นหนาแล้วเดินไปตามเส้นทาง
ภายในป่าที่ทั้งร้อนและแห้ง บวกกับเสียงจักจั่นร้องหรีดหริ่ง เหยียนอี้ค่อย ๆ เขยิบเท้าเข้าไปใกล้ทีละนิด เม็ดเหงื่อผุดพรายออกจากศีรษะ นางไม่รู้ตัวเลยว่าตอนนี้มือกำลังสั่นเทาเพียงใด ขอแค่ได้พบแม่ของนางก็เท่านั้น
“ไปให้พ้นนะ!”
“นังแพศยา! ยังกล้าตะโกนอีกรึ อยากให้มีผู้ใดเห็นเจ้าตอนนี้รึ!”
ยิ่งเหยียนอี้เข้าใกล้มากเท่าไหร่เสียงก็ยิ่งดังชัดขึ้นเท่านั้น!
นั่นคือเสียงของท่านแม่และเหยียนฟู่กุ้ย!
เหยียนอี้กลืนน้ำลายอึกใหญ่ มือกระชับกระดานซักผ้าแล้วเดินอย่างระมัดระวังไปทางต้นเสียง
ในที่สุดนางก็เศษเสื้อคลุมของเหอซื่อที่ถูกฉีกออก เหอซื่อกำลังจับเสื้อผ้าของนางไว้อย่างสิ้นหวัง! ดวงตาแดงก่ำ ท่าทางลนลานทำอะไรไม่ถูก เหยียนอี้บันดาลโทสะทันใด!
นางยกกระดานซักผ้าในมือขึ้นโดยไม่รู้ตัว วิ่งเข้าไปอย่างรวดเร็วจนได้ยินเสียงลมพัดผ่านใบหู
นางใช้กระดานซักผ้ากระแทกเข้าที่หลังคอของเหยียนฟู่กุ้ย การกระทำอุกอาจทุกอย่างจึงหยุดลง
“แม่รีบหนีไป ลุกขึ้นเร็วเข้า ลุกขึ้น!” เหยียนอี้ไม่สนใจเหยียนฟู่กุ้ยที่ล้มลงกับพื้น นางรีบเดินหน้าไปใส่เสื้อผ้าให้มารดา มือเหอซื่อสั่นเทาไม่อาจคุมได้ เหยียนอี้จึงต้องกุมเอาไว้ในอ้อมแขน
“ท่านแม่… ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ข้าอยู่ที่นี่แล้ว ข้าตีเหยียนฟู่กุ้ยจนเขาหมดสติไปแล้ว เรารีบกลับบ้านกันเถิด” เหยียนอี้ตัวสั่นเทิ้มด้วยความตื่นตระหนก เหอซื่อเห็นแล้วก็ตกใจ ค่อย ๆ ปลอบโยนนางเบา ๆ
เป็นครั้งแรกที่นางทุบศีรษะคนด้วยกระดานซักผ้า นางไม่รู้ว่ามันรุนแรงเกินไปหรือไม่ แต่เหยียนอี้ก็รวบรวมสติ แสร้งทำเป็นสงบ ช่วยเหอซื่อที่เริ่มมีเรี่ยวมีแรงให้นั่งลงใต้ต้นไม้ ก่อนจะไปตรวจสอบลมหายใจของเหยียนฟู่กุ้ย
แม้ว่าเหยียนฟู่กุ้ยจะล้มลงกับพื้น แต่โชคดีที่เขาแค่สลบไป บางทีเขาอาจจะแค่เมาและหลับไปก็เป็นได้ เหยียนอี้มองไปที่ด้านหลังของคอที่นางเพิ่งฟาดไป เมื่อคิดว่าไม่มีอะไรร้ายแรงนางจึงคิดแผนใหม่
เหยียนอี้ช่วยเหอซื่อกลับบ้าน พูดกับนางว่า “ท่านแม่ ข้าคิดหาวิธีที่จะทำให้ครอบครัวเหยียนไม่มาสร้างความเดือดร้อนให้เราอีกได้แล้ว ท่านแม่กลับไปพักผ่อนก่อน แล้วข้าจะกลับมาเมื่อท่านตื่น!”
เหอซื่อกลัวว่าเหยียนอี้จะไปที่บ้านเหยียนเพื่อสร้างปัญหา นางเป็นห่วงและหวาดกลัวมาก แต่นางรู้จากก้นบึ้งของหัวใจว่าเหยียนอี้เป็นคนที่ตัดสินใจแล้ว แม้เอาวัวมาฉุดก็หยุดไม่อยู่ นางทำได้เพียงกังวลกับเรื่องนี้เงียบ ๆ
เหยียนอี้ดึงเหยียนจื่อขึ้นและกระซิบสองสามคำ เหยียนจื่อหัวเราะ ตามเหยียนอี้ไปที่ป่า
หลังจากนั้นไม่นานเด็กสาวสองคนก็วิ่งออกจากป่า พบเข้ากับแม่จ้าวซึ่งกลับมาจากการซักเสื้อผ้า
เมื่อเห็นทั้งสองคนเอะอะโวยวาย แม่จ้าวก็ถามว่า “อี้เอ๋อร์ เหยียนจื่อ เหตุใดพวกเจ้าถึงดูรีบร้อนขนาดนี้”
เหยียนอี้และเหยียนจื่อทำหน้าตื่นตระหนก ตะโกนตอบว่า “ป้า ๆ พวกข้าเพิ่งเห็นเหยียนฟู่กุ้ยเปลือยกายต่อสู้กับชายคนหนึ่งในป่า เหยียนฟู่กุ้ยถูกกดลงบนพื้นและส่งเสียงอะไรบางอย่างไม่รู้…”
นางจ้าวเป็นสตรีนางหนึ่ง ฟังได้ไม่นานนางก็เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น นางแสดงท่าทางขยะแขยง ถุยน้ำลายลงบนพื้น
“เหยียนฟู่กุ้ยเป็นคนเช่นนี้เองหรือ ตอนแรกข้าคิดว่าเขาหน้าตาดีมาก เขาจะเลิกกับภรรยาได้อย่างไร? แต่ปรากฏว่าเขามีงานอดิเรกเช่นนี้… เหยียนอี้ ทิ้งเขาไว้ตามลำพังเถิด พวกเจ้าสองคนรีบกลับบ้านให้เร็ว”
เหยียนอี้พยายามอย่างมากที่จะซ่อนรอยยิ้มของนางไว้ นางคิดว่าป้าจ้าวมีชื่อเสียงในเรื่องปากสว่าง นางสัญญาว่าทั้งหมู่บ้านอู่ซานจะรู้เรื่องนี้ในอีกไม่กี่วัน แม้ว่าเหยียนฟู่กุ้ยจะมีปากเป็นร้อย เขาก็ไม่อาจแก้ตัวได้เป็นแน่
เมื่อนึกได้เช่นนี้ เหยียนอี้ก็พยักหน้าเชื่อฟังแล้ววิ่งกลับบ้านไปพร้อมกับเหยียนจื่ออย่างรวดเร็ว
“เจ้าสองคนกลับมาแล้ว แม่กลัวแทบตาย พวกเจ้าไปบ้านครอบครัวเหยียนมาอย่างนั้นหรือ” เหอซื่อยืนอยู่ที่ประตูและถามอย่างกังวลทันทีที่เห็นพวกนางกลับมา
เหยียนอี้เล่าทุกอย่างอย่างละเอียดตั้งแต่ต้นจนจบ เหอซื่ออดไม่ได้ที่จะหน้าแดงและดุเหยียนอี้ด้วยรอยยิ้ม นางคิดวิธีนี้ไม่ถึงเลย
ในตอนเช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น เหยียนอี้ไปที่ตลาดกับเหอซื่อและเหยียนจื่อเพื่อขายวุ้น เห็นได้ชัดว่าอากาศเริ่มร้อนขึ้นทุกวัน เมืองอู่ซานตั้งอยู่ในพื้นที่ต่ำ อากาศจึงร้อนขึ้นเรื่อย ๆ ธุรกิจของวุ้นจึงเจริญรุ่งเรืองมากขึ้นเรื่อย ๆ เช่นกัน
มีป้าคนหนึ่งพาหลานสาวตัวน้อยของนางมาซื้อวุ้น เหอซื่อกำลังเก็บเงินอยู่พอดี
ป้าผู้นั้นพูดกับเหอซื่อว่า “โชคดีที่เจ้าแยกทางกับเหยียนฟู่กุ้ยไปก่อนหน้านี้ เจ้าคงไม่รู้ว่าเหยียนฟู่กุ้ยชอบบุรุษ ไม่แปลกใจเลยที่เขาแย่กับเจ้าขนาดนี้” ด้วยเหตุนี้นางจึงตบไหล่เหอซื่ออย่างเห็นใจ จากนั้นพาหลานสาวตัวน้อยของนางไปที่อื่นต่อเพื่อซื้อผัก
เหอซื่อกลั้นยิ้ม แสร้งทำเป็นไม่รู้อะไรแล้วเก็บเงินต่อไป
หลังจากนั้นไม่นาน เหยียนฟู่กุ้ยก็มาพร้อมกับกลิ่นสุราเช่นเคย หลายคนรอบตัวก็เริ่มชี้มือชี้ไม้ไปที่เขา
“เหยียนฟู่กุ้ยชอบบุรุษ”
“ทำไมวันนี้เหยียนฟู่กุ้ยไม่พาชายคนนั้นมาด้วยเล่า”
…
เหยียนอี้อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจให้เหยียนฟู่กุ้ยหลังจากฟังความคิดเห็นของผู้คนรอบตัวเขา ใครใช้ให้เขาทำตัวไร้ยางอายในอดีตเล่า? ตอนนี้เขาสมควรได้รับมันแล้ว
เหยียนฟู่กุ้ยรู้สึกว่าสายตาของทุกคนจดจ้องอยู่ที่เขา ตอนเดินผ่านภัตตาคารกุ้ยซาน เด็กในร้านผู้หนึ่งมองเขาโดยไม่เกรงกลัว เหยียนฟู่กุ้ยเห็นดังนั้นก็โกรธมากจนถึงกับเข้าไปคว้าคอเสื้อแล้วถามว่าหัวเราะอะไร
ก่อนหน้านี้เด็กในร้านมักถูกเหยียนฟู่กุ้ยรังแก เขาคิดว่าในที่สุดคราวนี้เขาจะได้แก้แค้นเสียที เขาจึงตะโกนว่า “ทุกคนมาดูนี่เร็ว เหยียนฟู่กุ้ยอยู่ที่นี่แล้ว!”
ชาวบ้านมารวมตัวกันด้วยความนึกสนุก
ฝูงชนพากันชี้และหัวเราะประชดประชันเป็นครั้งคราว
เสี่ยวเอ้อพูดเสียงดัง “นายข้าบอกว่าเหยียนฟู่กุ้ยถูกพบว่าทำสิ่งที่ไร้ยางอายกับชายคนหนึ่งในป่าเมื่อวานนี้ ยามนี้เขาโกรธ จับข้าไม่ปล่อย สมควรจะถูกทุบตีหรือไม่”
เหยียนฟู่กุ้ยโกรธมากจนยกกำปั้นขึ้นหมายจะต่อยเข้าที่ใบหน้าของเสี่ยวเอ้อ ทันใดนั้นหลิวจูก็ยกไม้ขึ้นมาขวางหมัดที่ต่อยเสี่ยวเอ้อแล้วแยกเหยียนฟู่กุ้ยออกไป
เสียงกระซิบในฝูงชนกลายเป็นการเยาะเย้ย แม้แต่ผู้หญิงที่เพิ่งซื้อผักก็โยนผักและไข่เน่าใส่เหยียนฟู่กุ้ย
เหยียนฟู่กุ้ยไม่สนใจ เขากลับบ้านพลางคิดว่าเหตุใดคนในตลาดจึงพูดเกี่ยวกับเขาเช่นนั้น
ระหว่างทางไม่ว่าเขาจะไปที่ใด การถากถางเหล่านั้นก็ติดตามเขาไป ข่าวลือแพร่กระจายไปทั่วทุกที่ แม้ว่าเหยียนฟู่กุ้ยจะโกรธเกรี้ยว แต่เขาก็ไม่สามารถอธิบายได้
ข่าวลือดังกล่าวแพร่กระจายไปถึงหูของแม่เฒ่าหลี่ หลังจากนั้นไม่นานจิตใจของแม่เฒ่าหลี่ก็กระจ่างขึ้นและเดาว่าทั้งหมดเป็นผีมือของเหยียนอี้ เด็กหัวหมอคนนั้น อย่างไรก็ตาม เรื่องกลายมาเป็นเช่นนี้แล้ว นางจะทำอย่างไรได้บ้าง?
วันนี้เมื่อแม่เฒ่าหลี่ไปตลาดเพื่อขายกำไล หญิงชราทุกคนมองนางด้วยสายตารังเกียจ ต่างพากันสาปแช่งว่านางเป็นผู้หญิงเลวและไม่สามารถเลี้ยงดูลูกชายให้ดีได้
…
เมื่อพระอาทิตย์ตกดิน วุ้นก็ถูกขายหมดก่อนเวลา เหยียนอี้มองธุรกิจที่เฟื่องฟู และคิดว่าในเทศกาลกลางฤดูใบไม้ร่วง ทั้งครอบครัวจะสามารถกินขนมไหว้พระจันทร์ได้ นอกจากนั้นยังทำเสื้อผ้าใหม่และซื้อเครื่องเรือนได้ ในวันข้างหน้าธุรกิจจะเจริญรุ่งเรืองกว่านี้ พวกนางจะมีชีวิตที่ดีขึ้นแน่นอน
ระหว่างทางกลับบ้านป้าจ้าวกำลังล้างผัก เมื่อเห็นเหอซื่อ นางก็รีบเข้ามา
“ฟางเอ๋อร์ เจ้ารู้หรือไม่ว่าเหยียนฟู่กุ้ยและครอบครัวของเขาได้เก็บข้าวของพร้อมที่จะออกจากหมู่บ้านแล้ว! ส่วนแม่ม่ายจางที่ทางเข้าหมู่บ้านก็ทิ้งเหยียนฟู่กุ้ย แล้วยังโกงเงินของตระกูลเหยียนเพื่อเป็นการแก้แค้นด้วยนะ!”
เมื่อเหอซื่อได้ยินสิ่งนี้ก็รู้สึกสงสารแม่เฒ่าหลี่เล็กน้อยที่ต้องถูกโยงเกี่ยวเพราะลูกชาย แต่นางก็รู้สึกโล่งใจมากเมื่อนึกถึงสิ่งที่ตระกูลเหยียนได้ทำกับนางในอดีต
เมื่อมองเหยียนอี้ที่กำลังพูดและหัวเราะกับเหยียนจื่อ นางก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ ในอดีตเมื่อสองสาวพี่น้องต้องทนทุกข์และเติบโตขึ้นมาในสภาพแวดล้อมที่ไม่ดี แต่ตอนนี้ทุกอย่างดีขึ้นแล้ว สองพี่น้องเติบโตได้สง่างามขึ้นเรื่อย ๆ
เมื่อนางกลับถึงบ้าน เหยียนอี้ก็วางตะกร้าของนางลงแล้วไปที่ลานเพื่อตัดต้นหอมและใบงาสีม่วงที่นางปลูกไว้เมื่อไม่นานมานี้ ส่วนมือเย็นเป็นผักที่นางนำกลับมาจากตลาด
วันนี้เป็นวันที่เหยียนฟู่กุ้ยถูกขับไล่ แน่นอนว่ามันคุ้มค่าที่จะเฉลิมฉลอง!
เหยียนอี้นำผ้ากันเปื้อนมามัดรอบเอว ม้วนแขนเสื้อ ก่อนลงมือตัดเต้าหู้อย่างประณีต เสร็จแล้วก็หั่นไข่เยี่ยวม้าเป็นแปดชิ้นวางลงในหม้อ
นางโรยต้นหอม พริกแดงและพริกเขียว เทซีอิ๊วขาวแล้วตามด้วยน้ำส้มสายชู จากนั้นเทน้ำมันร้อนหนึ่งช้อน ใส่ไข่เยี่ยวม้าและเต้าหู้ โรยด้วยต้นหอม น้ำมัน สุดท้ายถึงพร้อมวางบนโต๊ะ
หมูสามชั้นในหม้อดินขนาดเล็กกำลังเคี่ยวเดือดปุด ๆ ส่งกลิ่นหอมลอยออกมาจากลานเล็ก ๆ สักพักแล้ว
ป้าจ้าวชะเง้อคอของนางออกมานอกรั้วแล้วถามว่า “หอมมาก อี้เอ๋อร์ เจ้าทำอาหารอะไรอยู่หรือ?”
เหยียนอี้เปิดฝาหม้อดินหม้อเล็ก เพิ่มถั่วแห้งและใบงาสีม่วงสองสามใบลงไป ในเวลาเดียวกันก็พูดกับป้าจ้าวว่า “หมูสามชั้นตุ๋นน้ำแดง ป้าจ้าวเข้ามากินด้วยกันสิเจ้าคะ!”
ในช่วงเวลาสั้น ๆ อาหารเย็นก็พร้อม ไข่เยี่ยวม้ากับเต้าหู้พาให้เย็นสดชื่น หมูสามชั้นตุ๋นน้ำแดงอันหอมฉุย อีกทั้งน้ำแกงเห็ดและใบงาสีม่วงส่งกลิ่นหอมตลบอบอวลในห้อง เกิดบรรยากาศอบอุ่นจากคนที่มารวมตัวกัน ณ ที่นี่
เมื่อนึกถึงหลิวจูผู้เคยช่วย ใบหน้าเหอซื่อก็พลันแดงระเรื่อ นางขอให้เหยียนอี้ส่งหมูสามชั้นตุ๋นให้ลุงหลิว เหยียนอี้ยิ้ม เติมเนื้อลงในชามดินเผาแล้วส่งให้เขา
“ลุงหลิว แม่ของข้าขอให้ข้าส่งหมูตุ๋นให้ท่าน แม่บอกว่าต้องขอบคุณที่ท่านช่วยเหลือครอบครัวของเรา มิฉะนั้นเหยียนฟู่กุ้ยคงจะยังคุกคามนาง อีกทั้งแม่ของข้ายังกล่าวว่าไม่ต้องเกรงใจ หากหลังจากนี้ท่านจะมาเฉลิมฉลองเทศกาลฤดูใบไม้ผลิ ท่านสามารถมาท่านอาหารที่บ้านเราแล้วเฉลิมฉลองเทศกาลด้วยกันได้เจ้าค่ะ!” เหยียนอี้กล่าวพร้อมเสียงหัวเราะ
เหยียนอี้เห็นว่าลุงหลิวไม่ได้พูดอะไร แม้ในความเป็นจริงเขาชอบเหอซื่อจากก้นบึ้งของหัวใจก็ตาม ยิ่งกว่านั้นเขาเป็นคนจริงใจ หากลุงหลิวและเหอซื่อกลายเป็นคู่สามีภรรยาขึ้นมาจริง ๆ ครอบครัวเราไม่เพียงแต่จะมีรายได้มากขึ้น แต่แม่ของนางยังสามารถพึ่งพาเขาได้อีกในหลายอย่างด้วย