ทะลุมิติไปเป็นสนมตัวน้อยผู้ทำอาหารรสเลิศ - บทที่ 20 มารดาผู้ทุกข์ยาก (รีไรท์)
- Home
- All Mangas
- ทะลุมิติไปเป็นสนมตัวน้อยผู้ทำอาหารรสเลิศ
- บทที่ 20 มารดาผู้ทุกข์ยาก (รีไรท์)
บทที่ 20 มารดาผู้ทุกข์ยาก (รีไรท์)
เหยียนอี้สำลักจนมิอาจพูดสิ่งใดได้อีก หยดน้ำตาร่วงลงมาไม่หยุด นางร้องไห้ราวกับสายฝนพรำลงมาบนทุ่ง
แม้จะเห็นภาพนี้แล้ว แม่เฒ่าหลี่ก็ยังไม่หยุด นางลุกขึ้นยืนโดยไม่สนดินที่เปรอะเปื้อนร่างกายนางแล้วชี้ไปที่เหยียนอี้ ขมวดคิ้วและตะโกนว่า “นังเนรคุณ เจ้าไปที่เมืองเพื่อขายของ ลืมบิดาบังเกิดเกล้าของเจ้าไปเสียสิ้น ตอนนี้พ่อของเจ้าต้องการพาเจ้ากลับบ้าน แต่เจ้ากลับไม่เต็มใจเช่นนี้!”
หลี่เจิ้งยังคงงุนงง ครอบครัวเหยียนทำเกินไปแล้ว เมื่อมองดูแม่เฒ่าหลี่ตะโกนถ่มน้ำลาย เขาก็หันไปกล่าวกับนางด้วยเสียงแผ่วเบา
“ทะเลาะกันด้วยเรื่องอะไร? เหอซื่อลูกอีกสองคนกับเหยียนฟู่กุ้ยได้แยกทางกันแล้ว เหตุใดเจ้าถึงต้องการเรียกร้องจากพวกนางอีก ตอนนี้ยังต้องการให้พวกนางที่มีชีวิตที่ดีกลับไปรึ? มันไม่น่าละอายไปหน่อยหรือ? หากเจ้าคิดสักนิด คงไม่สูญเสียลูกสะใภ้และลูก ๆ ไปหรอก!”
ได้ยินเช่นนั้นเหยียนฟู่กุ้ยก็ไม่รู้จะพูดสิ่งใด ลุงหลิวกล่าวด้วยใบหน้าเคร่งขรึมต่อว่า “ครั้งสุดท้ายที่เจ้าทำลายลานบ้านของสามแม่ลูก ข้าไม่อาจเมินเฉยได้ มีใครบ้างในหมู่บ้านไม่ยอมช่วยเหลือกันและกัน มีแต่เจ้านั่นแหละที่เลวทราม!”
ในบรรดาชาวบ้าน มีหญิงบางคนที่เห็นอกเห็นใจเหอซื่อและครอบครัวของนาง เลยช่วยพูดให้ว่า “ใช่แล้ว ฟางเอ๋อร์ เจ้าอย่ากลับไปนะ อี้เอ๋อร์ทำเงินได้ ตอนนี้พวกเขาเลยมาขอเงินอย่างไรล่ะ หากพวกเจ้ากลับไป พวกเขาก็คงถูกทุบตีและถูกดุด่าเช่นเดิม!”
“แม่เฒ่าหลี่ รีบไปเสียเถิด อย่ามาสร้างความอับอายที่นี่ ออกไปจากหมู่บ้านอู่ซานซะ!”
“ใช่แล้ว ออกไปเร็วเข้า! ช่างน่าอับอายเสียจริง ๆ!”
ชาวบ้านพูดถึงเรื่องนี้ทีละคน ตระกูลเหยียนสูญเสียชื่อเสียง แม่เฒ่าหลี่ไม่อาจอยู่ได้อีกต่อไป นางถ่มน้ำลายใส่ชาวบ้าน หยิบสร้อยข้อมือที่เพิ่งตกลงบนพื้นยัดเข้าไปในแขนเสื้อ บ่นอุบแล้วเดินจากไป
“เอาล่ะ ๆ แยกย้ายกันเถิด! ตอนนี้อากาศร้อน กลับบ้านไปพักผ่อนเสีย!” หลี่เจิ้งโบกมือให้ชาวบ้าน ช่วยเหอซื่อหยิบตะกร้าบนพื้นแล้วส่งให้พวกนาง
ลุงหลิวก็มองไปที่เหอซื่อแล้วถอนหายใจ จากนั้นจึงพูดอย่างทำอะไรไม่ถูกว่า “ข้าขอโทษที่สร้างปัญหาให้เจ้า!”
เหอซื่อกำลังจะเรียกลุงหลิวเพราะนางต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ลุงหลิวพูดขึ้นมาก่อน “ข้าจะไปอธิบายกับผู้ใหญ่หลี่เจิ้งเกี่ยวกับเรื่องต่าง ๆ เพราะไม่ว่าอย่างไร ข้าก็เป็นชายโสด คงไม่เหมาะสมที่จะใกล้ชิดกับพวกเจ้า”
หลังจากนั้นหลิวจูก็หันหลังกลับพร้อมกับฟืนบนหลัง
ทั้งสามคนได้ยินสิ่งที่ลุงหลิวพูดในที่สุด แต่พวกนางไม่มีความสุข เหยียนจื่อถึงกับดึงมือของมารดาและเม้มริมฝีปากแน่น
ผ่านไปนาน เหอซื่อก็ส่ายหน้าและถอนหายใจ นางดึงลูกสาวสองคนออกมาและกล่าวเสียงต่ำ “กลับบ้านกันเถิด”
หลังจากวันนั้น แม้ว่าพวกนางมักจะได้พบกับเหยียนฟู่กุ้ยบ้าง แต่เมื่อพวกนางเดินผ่าน เขาก็ไม่ได้ทำอะไรเกินเลยแต่อย่างใด
ทั้งสามคนขายวุ้นและมีเงินมากขึ้น ดังนั้นพวกนางจึงคิดจะซื้อเสื้อผ้า
เหอซื่อเพียงแค่เลือกผ้ามา จากนั้นก็ทำชุดสำหรับผู้หญิงสามคน
“ท่านแม่ หลายวันมานี้ท่านดูดีขึ้นไม่น้อย ถูกต้องแล้วที่จะอยู่ห่างจากท่านพ่อเจ้าค่ะ!” ในลานบ้าน เหยียนอี้มองไปที่เหอซื่อในชุดใหม่ของนางแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม
เหอซื่อสวมเสื้อคลุมผ้าสีน้ำเงินเข้มทับเสื้อคลุมบาง ๆ รองเท้าฟางที่นางเคยใส่ก็ถูกเปลี่ยนเป็นรองเท้าผ้าเช่นกัน รูปร่างหน้าตาของนางดูดีขึ้นมากเพราะอาหารการกินที่ดีขึ้น
หากนางออกไปข้างนอก กล่าวว่านางเป็นดอกไม้ของหมู่บ้านก็ไม่เกินไปนัก
เชือกสีแดงสองเส้นผูกผมเหยียนจื่อไว้ นางวิ่งไปหาเหอซื่อ ยิ้มกว้างเสียจนเผยให้เห็นฟันเขี้ยวสองซี่ จากนั้นพูดว่า “ใช่แล้ว ท่านแม่สวยมากเจ้าค่ะ”
เหอซื่อที่ยืนอยู่ในลานพร้อมที่จะซักเสื้อผ้าอดไม่ได้ที่จะหน้าแดงเมื่อลูกสาวสองคนเยินยอนาง นางก้มศีรษะและพูดว่า “เจ้ากำลังพูดถึงอะไร ข้าแก่แล้วนะ พวกเจ้าต่างหากที่ยังเป็นหญิงงดงาม”
“ท่านแม่ของเราสวยใช่หรือไม่เหยียนจื่อ” เหยียนอี้หันไปทางน้องสาวและตบไหล่ของอีกฝ่าย รอยยิ้มบนใบหน้าของนางหวานปานน้ำผึ้ง
“ใช่ ๆ ท่านแม่ของข้าสวยมาก!”
เหอซื่อยืดตัวตรง หยิบอ่างไม้ขึ้นจากพื้นและกระชับเอาไว้ในอ้อมแขนของนาง ก่อนจะพูดกับลูกสาวสองคนว่า “เอาล่ะ! แม่จะไปซักผ้า เจ้าสองคนไปเล่นที่บ้านก่อน! เรื่องอาหารกลางวันปล่อยให้เป็นหน้าที่ของอี้เอ๋อร์ก็แล้วกัน!”
“ตกลง ข้าสัญญาว่าจะตั้งใจทำอาหารให้อร่อย ๆ เพื่อแม่ของข้าเลย!”
หลังจากนั้นเหอซื่อก็ยกอ่างล้างหน้าออกจากลานไปยังแม่น้ำ
ทว่าระหว่างทางนางได้พบกับเหยียนฟู่กุ้ยที่กำลังเมามายพร้อมกับจอกสุราในมือ เดินโซซัดโซเซมาจากฝั่งตรงข้าม
แม้ว่าเหอซื่อจะไม่มอง แต่ภาพของเขายังคงรบกวนในจิตใจอยู่ดี เมื่อเหอซื่อหันไปใช้ถนนอีกสายหนึ่ง นางก็ได้ยินเสียงหยาบคายของเหยียนฟู่กุ้ยดังขึ้นมา
“โอ้ นานแล้วนะเนี่ยที่ข้าไม่ได้เจอเจ้า ดูดีขึ้นไม่น้อย เฮ้ เจ้าตั้งใจจะยั่วยวนผู้ชายคนนั้นด้วยชุดใหม่ของเจ้ารึ?”
เหอซื่อบังคับให้ตัวเองไม่สนใจแล้วหันหลังกลับไป แต่ใครเล่าจะรู้ว่าเหยียนฟู่กุ้ยพุ่งพรวดเข้ามาหา รอบตัวเขามีกลิ่นสุราที่คุ้นเคยคละคลุ้งไปทั่ว
เหยียนฟู่กุ้ยสวมกอดเหอซื่อจากด้านหลัง คว้าเอวของนาง ปล่อยให้อ่างไม้ที่นางถืออยู่ตกพื้นไป เสื้อผ้าที่อยู่ข้างในหกกระจาดกระจัดกระจายไปทั่วพื้นดิน
“หญิงแพศยา ทำเป็นหันไปทางอื่น แสร้งทำเป็นจำข้าไม่ได้ บอกว่าไม่อยากกลับบ้านกับข้า! หึ วันนี้ข้าจะทำให้เจ้ารู้ว่าใครเป็นผู้ชายของเจ้า!” เหยียนฟู่กุ้ยจูบเข้าที่คอเหอซื่อ
“ไปให้พ้น ไป๊!” เหอซื่อที่ถูกกักขังไว้ในอ้อมแขนพยายามผลักใบหน้าของเหยียนฟู่กุ้ยออกไปด้วยมือทั้งสองข้าง
เหยียนฟู่กุ้ยเมามาย ไม่กี่วันก่อนหน้าเขาทะเลาะกับเหอซื่อต่อหน้าชาวบ้าน บอกว่านางต้องกลับไปกับเขา ทว่าท้ายที่สุดเขาก็ต้องเป็นฝ่ายถอย วันนี้บังเอิญพบเหอซื่ออีกครั้ง เจอกันคราวนี้นางดูดีขึ้นมากแล้ว
“ไปให้พ้นรึ? ได้!” ด้วยเหตุนี้เหยียนฟู่กุ้ยจึงลากเหอซื่อเข้าไปในป่าข้าง ๆ
ต้นไม้ใหญ่อยู่ติดกัน ตอนนี้ยังคงเป็นฤดูร้อน หญ้ากำลังงอกขึ้นสูง จักจั่นบนต้นไม้กำลังส่งเสียงร้อง
ทันทีที่เหยียนฟู่กุ้ยเข้าไปเขาก็เริ่มฉีกเสื้อผ้าของเหอซื่อ เสื้อผ้าที่ถูกทำใหม่ถูกฉีกออก เผยให้เห็นผิวขาวเนียนของเหอซื่อ เสียงอ้อนวอนร้องขอความเมตตาของนางยิ่งกระตุ้นความปรารถนาของเหยียนฟู่กุ้ยเป็นเท่าทวี
“นังโสเภณี เจ้าเป็นอะไร เจ้ากำเนิดลูกสองคนให้ข้า ตอนนั้นข้าไม่เห็นเจ้าจะกรีดร้องมากขนาดนี้!” เหยียนฟู่กุ้ยงึมงำ เริ่มฉีกกระโปรงของเหอซื่อด้วยมือของเขา
ใบหน้าเหอซื่อเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา นางร้องไห้จนหมดแรง สองมือพยายามคว้าเสื้อผ้ามากอดเอาไว้อย่างสิ้นหวัง ดวงตาบวมแดง ผมเผ้ายุ่งเหยิง แม้ว่านางจะดิ้นรนอีกสักกี่ครั้ง แต่นางก็ยังคงเป็นลูกแกะในกำมือของเหยียนฟู่กุ้ยอยู่ดี