ทะลุมิติไปเป็นสนมตัวน้อยผู้ทำอาหารรสเลิศ - บทที่ 2 เหอซื่อผู้น่าสงสาร(รีไรท์)
- Home
- All Mangas
- ทะลุมิติไปเป็นสนมตัวน้อยผู้ทำอาหารรสเลิศ
- บทที่ 2 เหอซื่อผู้น่าสงสาร(รีไรท์)
บทที่ 2 เหอซื่อผู้น่าสงสาร(รีไรท์)
ขณะถือชามข้าว เหอซื่อก็ปล่อยโฮทั้งน้ำตาพลางพึมพำเสียงเบา “ข้าเป็นคนไร้ความสามารถ… ไม่อาจให้กำเนิดลูกชายให้กับพ่อของเจ้าได้ ไหนจะต้องให้เจ้าทั้งสองทนทุกข์ทรมานทุกเช้าค่ำ”
“ท่านแม่เจ้าคะ ท่านกำลังพูดเรื่องอะไร? เหตุใดถึงไร้ความสามารถ! ก็เป็นท่านเองไม่ใช่หรือที่คอยทำงานบ้านทั้งหมดเพียงผู้เดียว?” เหยียนอี้พูดพลางดึงแขนเสื้อขึ้นเช็ดน้ำตาให้มารดา ขณะที่เหยียนจื่อในวัยสิบหนาวก็เรียนรู้โดยทำตามพี่สาวเพื่อปลอบโยนแม่ของตนบ้าง
“แต่ข้าทำได้แค่สิ่งเหล่านี้ เฮ้อ… ครอบครัวใดในหมู่บ้านไม่มีลูกชายบ้างเล่า? มีเพียงแต่ข้าที่ไม่ได้ให้กำเนิดลูกชาย ท่านย่าของเจ้าก็อยากอุ้มหลานชายมาก เป็นข้าเองที่ไร้ประโยชน์…”
ยิ่งพูดมากเท่าไรเหอซื่อยิ่งอัดอั้นมากขึ้นเท่านั้น หยาดน้ำตารินรดหยดลงใส่ชามข้าว ร่วงเผาะลงบนแขนเสื้อ
เหยียนอี้ถอนหายใจ หญิงสาวหยิบชามจากมือของมารดาแล้วป้อนนางสองสามคำ จากนั้นก็เอ่ยขึ้นว่า “ท่านแม่… ท่านบอกว่าอยากให้กำเนิดลูกชาย แต่ตอนนี้ท่านพ่อกลับบ้านบ้างหรือยัง? พอกลับถึงบ้านมาก็ทำเหมือนเดิม ไม่ทำร้ายท่านก็ทุบตีสั่งสอนข้ากับน้อง ท่านแม่ไม่รู้หรือว่าตอนนี้ท่านพ่อกำลังทำอะไรอยู่ข้างนอก? กลับมาทีไรมีกลิ่นหอมโชยมาทุกที แล้ววันนี้แผลที่คอเป็นอย่างไรบ้างเล่า? ตอนนี้แขนกับขายังมีรอยเขียวฟกช้ำอยู่เลย!”
หลังจากที่เหยียนอี้พูดออกมาแบบนั้น เหอซื่อคล้ายกับมีบางสิ่งจุกอยู่ในลำคอจนพูดไม่ออก นางทำได้เพียงปิดหน้าร้องไห้สะอึกสะอื้น
“ท่านแม่ อย่าร้องไห้สิเจ้าคะ ดูสิ่งที่ท่านทำเพื่อตระกูลเหยียน ทั้งซักผ้า ทำอาหาร ทำความสะอาด ให้อาหารหมู… ทำทุกอย่างแล้ว แต่ผลลัพธ์ที่ได้เล่า? ท่านพ่อยังทุบตีท่านเหมือนเดิม ส่วนท่านย่าเล่าทำอะไรดี ๆ บ้าง? ข้าสงสารท่านแม่นัก” เหยียนอี้ตัดพ้อ น้ำตาพาลเอ่อคลอรอบดวงตา
แม้จะเป็นเพียงเดือนเดียวที่นางโผล่มาที่นี่ แต่นางก็รู้สึกถึงความรักของแม่ที่ไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน
สิ่งใดอร่อยมักถูกเก็บไว้ให้สองพี่น้องเสมอ ทุกเช้าท่านแม่จะลุกขึ้นมาถักผมเปียให้ลูกสาว หรือเมื่อใดที่ได้ผ้าผืนหนึ่งมา นางชั่งใจที่จะปักเย็บให้ตนเอง ทว่าไม่เคยลังเลที่จะเก็บไว้ให้ลูกทั้งสองเลย…
สิ่งที่เหยียนอี้จำได้ดีที่สุดคือเมื่อใดและตราบใดที่ท่านแม่อยู่ด้วย ไม่ว่าแม่เฒ่าหลี่หรือเหยียนฟู่กุ้ยจะดุด่าและทุบตีอย่างไร ท่านแม่จะคอยปกป้องพวกนางไม่ให้ได้รับบาดเจ็บเลยสักครั้ง
ท่านแม่พยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อปกป้องลูกสาวทั้งสอง ส่วนหนึ่งของการบาดเจ็บของนางก็เกิดจากการปกป้องเหยียนอี้และเหยียนจื่อ
“แต่ข้าทำอะไรไม่ได้ ที่เป็นแบบนี้ ข้าไม่มีทางเลือก” นางสำลัก พยายามกลืนอาหารที่เหยียนอี้ป้อนอีกคำหนึ่ง
“ท่านแม่วางแผนที่จะอยู่แบบนี้ตลอดไปหรือเจ้าคะ? เหยียนจื่อกับข้ากลัวว่าสักวันท่านจะจากเราไปน่ะสิ” เหยียนอี้วางชามข้าวลงแล้วโอบกอดมารดาไว้ ศีรษะซบลงบนไหล่ผู้เป็นแม่ ละม้ายคล้ายลูกนกที่กำลังซุกตัวอยู่ข้างกายแม่นก สามแม่ลูกกอดมอบความอบอุ่นให้แก่กัน แม้จะดูน่าสงสารแต่ก็เต็มไปด้วยความอบอุ่นหัวใจ
“เหยียนอี้ เหยียนจื่อ ข้าจะปกป้องพวกเจ้าเอง แม้ว่าจะไม่อยากใช้ชีวิตเฉกเช่นนี้ ทว่ากลับไม่มีทางเลือก… ทำได้เพียงโทษแม่คนนี้ที่ทำตามความคาดหวังของใครไม่ได้ ขอโทษทำให้เจ้าสองคนเกิดมาเป็นหญิง” เหอซื่อเช็ดน้ำตา กอดลูกทั้งสองไว้พลางพูดเสียงเบา
ในอ้อมแขนของมารดา เหยียนอี้เงยศีรษะขึ้นพร้อมกับพึมพำเสียงค่อย “ท่านแม่เจ้าคะ เหตุใดพวกเราสามคนไม่ออกไปจากที่แห่งนี้ล่ะ? ออกไปจากบ้านตระกูลเหยียน พวกเราไม่ต้องอยู่แบบนี้อีกต่อไปแล้วก็ได้ ท่านพ่อกับท่านย่าเองก็ไม่อยากเจอหน้าเราเหมือนกันนี่เจ้าคะ”
เมื่อได้ยินดังนั้น เหอซื่อถึงกับผงะแน่นิ่งไปครู่หนึ่ง นางกะพริบตาปริบ ๆ แล้วรีบปิดปากของเหยียนอี้ “เจ้าไปเรียนรู้เรื่องนี้มาจากใคร? หากท่านย่าได้ยินเข้า… เจ้าจะถูกทุบตีเอาได้”
“ท่านแม่เจ้าคะ ข้าพูดด้วยความสัตย์จริง ลูกสาวของช่างไม้จางทางทิศตะวันออกของหมู่บ้านก็แยกตัวออกมาไม่ใช่หรือ? ท่านแม่เองคงไม่อยากอยู่แบบนี้หรอก เหยียนจื่อกับข้าเองก็กลัวท่านพ่อจะตีเราทุกครั้งที่กลับบ้านมา ท่านแม่ ท่านหย่ากับท่านพ่อเถอะ พวกเราไม่อยากอยู่กับเขาแล้ว” เหยียนอี้มองเข้าไปในดวงตาของมารดา กล่าวออกมาด้วยถ้อยคำจริงจัง
“เด็กน้อยเอ๋ย เจ้ากำลังพูดถึงอะไร? ไปรู้เรื่องพวกนี้มาจากไหน? ถ้าแยกตัวไปแล้วจะทำอย่างไรต่อ? เจ้ากับน้องไม่เด็กแล้ว อีกประเดี๋ยวก็ต้องแต่งงานออกเรือน ครั้นถึงยามนั้นพวกเจ้าจะเข้าไปเป็นสะใภ้บ้านไหนไม่ได้เลย” เหอซื่อตอบกลับ สิ่งที่เอ่ยทั้งหมดก็เพราะนึกถึงแค่ลูกสาวทั้งสองเท่านั้น
“ท่านแม่… เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับข้าและเหยียนจื่อ ท่านเองก็รู้ดีว่าถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป มันก็ไม่มีประโยชน์ ปล่อยให้ท่านพ่อไปหาแม่ม่ายจางดีกว่า มีความสามารถนักก็ให้ปล่อยให้นางให้กำเนิดลูกชายไปสิ! เราสามคนใช้ชีวิตในแบบของตัวเอง ไม่ต้องมองหน้ากันอีกต่อไป ไม่ต้องกลัวโดนทุบตีอีกตอนกลางดึก… มันคงจะดีไม่น้อยไม่ใช่หรือ?” คำพูดของเหยียนอี้ดังก้องอยู่ในหัวใจของคนฟัง ก่อเกิดเป็นความปรารถนามิอาจอธิบายได้
เหอซื่อมองเหยียนอี้หลังจากที่แน่นิ่งอยู่นาน นางเม้มริมฝีปากที่แห้งแตกเป็นร่อง ดวงตายังคงฉายชัดถึงความสับสน “ไม่เป็นไรจริง ๆ แม่ แม่จะ…”
“เหยียนจื่อกับข้าจะสนับสนุนท่านเจ้าค่ะ ท้ายที่สุดแล้ว ชีวิตคือสิ่งสำคัญที่สุดไม่ใช่หรือเจ้าคะ? ท่านแม่ลองคิดดูสิ”
มารดานางก้มศีรษะลงเพื่อขบคิด ฝ่ามือมีเหงื่อผุดซึมออกมา นางอ่อนโยนและอ่อนน้อมถ่อมตนอยู่เสมอ ยามที่กำลังคิดถึงเรื่องเช่นนี้ หัวใจก็พลันเต้นระรัว
“เหยียนอี้ แม่เขียนหนังสือหย่าให้ท่านพ่อไม่ได้ ถ้าข่าวแพร่สะพัดออกไปจะน่าอายเพียงใด และอีกอย่างแม่ก็ไม่รู้หนังสือ…”
“ท่านแม่เจ้าคะ ท่านขอให้ลุงหลี่เจิ้งเขียนหนังสือหย่าให้ก็ได้นี่ นอกจากนี้ สิ่งที่ท่านพ่อกระทำ ทุกคนในหมู่บ้านต่างกำลังจับตาดูอยู่ ฉะนั้นท่านแม่ไม่ต้องกังวลไป” เหยียนอี้ตบมือเหอซื่อเบา ๆ เพราะในที่สุดเจ้าตัวก็พร้อมจะออกไปจากที่นี่แล้ว รู้สึกราวกับได้ยกหินที่หนักอึ้งออกจากอกก็ไม่ปาน
ท้ายที่สุด ถ้าอยากจะอยู่รอดในที่แห่งนี้ จะต้องทิ้งชายเจ้าชู้คนนั้นไปซะ… ทิ้งตระกูลเหยียนไป! สิ่งที่สำคัญที่สุดในการออกจากตระกูลเหยียนของนางคือท่านแม่… เมื่อเห็นสตรีข้างกายพยักหน้าตอบรับ เหยียนอี้ก็จะเริ่มก้าวแรกได้เสียที
ทว่าเสียงประตูถูกเปิดออกก็ดังขึ้น…