ทะลุมิติไปเป็นสนมตัวน้อยผู้ทำอาหารรสเลิศ - บทที่ 13 เป็นที่นิยมมาก(รีไรท์)
บทที่ 13 เป็นที่นิยมมาก(รีไรท์)
เหยียนอี้อุ่นเตา สับไก่เป็นเส้นบาง ๆ ด้วยความรวดเร็วแล้ววางไว้บนจาน เห็ดถูกหั่นเป็นทรงสี่เหลี่ยมลูกเต๋า ทวงท่านั้นรวดเร็วและสวยงามจนทำให้ลุงหลี่เจิ้งและเหอซื่อตกตะลึง
หลังจากนั้น นางเทน้ำมันร้อนลงไปผัดต้นหอม แล้วม้วนเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยก่อนจะจุ่มลงไปในหม้อ
ในหม้อส่งเสียงแตกฉ่า กลิ่นหอมของไก่และกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของต้นหอมลอยสะพัด เมื่อเห็นว่าไก่พอสุกได้ที่ นางก็ใส่ผักและเห็ดเข้าไปในหม้อ กลิ่นเห็ดลอยขึ้นมาทันที หอมเย้ายวนจนพาให้ผู้คนน้ำลายไหล บางส่วนลอยฟุ้งออกไปทางหน้าต่าง
หลังจากนั้นไม่นาน เหยียนอี้ก็ออกมาจากครัวด้วยรอยยิ้มร่า “ผัดไก่ใส่ผักกับเห็ดเจ้าค่ะ”
หลังจากนั้นนางก็พันเนื้อปลาด้วยต้นหอม เทน้ำมันและเกลือลงในหม้อ ปิดฝาหม้อให้แน่นแล้วตุ๋นเป็นเวลาหนึ่งชั่วยาม
ในช่วงเวลาเดียวกัน เหยียนอี้จัดการกับหัวปลาเช่นเดียวกับขั้นตอนก่อนหน้านี้ ต้มพร้อมกับเครื่องเทศทั่ว ๆ ไป ในที่สุดน้ำแกงปลาอันแสนหอมก็อร่อยได้ที่แล้ว
หลังจากนั้นเหยียนอี้ก็ยกตะกร้าใบใหญ่ที่ถูกห่อเอาไว้ด้วยผ้ามาวาง ภายในนั้นบรรจุผลโทงเทงอยู่ เหอซื่อเห็นแล้วก็มองไปที่เหยียนอี้ด้วยความประหลาดใจ “อี้เอ๋อร์ ผลโทงเทงไม่ใช่หรือ จะเอาไปทำอะไรได้ เจ้าคิดจะทำอะไรหรือ?”
คงไม่มีใครรู้ว่าผลโทงเทงสามารถทำวุ้นได้
เหยียนอี้ไม่หยุดมือ นางล้างผลโทงเท ถูผิวซ้ำแล้วซ้ำเล่าก่อนจะตอบไป “ประเดี๋ยวท่านแม่ก็จะรู้เองเจ้าค่ะ”
ในขณะที่รอให้ข้าวสุก เหยียนอี้ก็ไปเก็บสะระแหน่
ผลโทงเทงเปลี่ยนเป็นสีโปร่งใส นางใส่สะระแหน่ตามลงไป จากนั้นวางลงในถัง
ทุกคนต่างพากันประหลาดใจ ก่อนจะถูกดึงดูดใจด้วยอาหารที่ถูกนำออกมาวางเรียงราย
บนโต๊ะสี่เหลี่ยมมีทั้งผัดไก่ใส่ผักกับเห็ด หัวปลานึ่ง ชิ้นปลาตุ๋น และแกงมันเทศ ทันทีที่นำอาหารมาวางเรียบร้อย ทุกคนก็ลอบกลืนน้ำลายพร้อมคิดในใจว่า ‘ช่างหอมเสียจริง!!’
แม่เฒ่าของหลี่เจิ้งยิ่งยินดีปรีดา นางจับมือของเหยียนอี้ กล่าวชมว่า “อี้เอ๋อร์ เจ้าช่างเป็นเด็กดีจริง ๆ!”
เหยียนอี้นำเนื้อปลาชิ้นหนึ่งใส่ลงในชามของแม่เฒ่าแล้วพูดว่า “ลองชิมดูเถิดเจ้าค่ะ!”
หลังเนื้อปลาขาวแน่นชุ่มด้วยน้ำส้มสายชูเข้าไปในโพรงปาก เนื้อปลาก็แทบจะละลายอยู่ด้านใน ไม่ได้ลิ้มรสคาวแม้แต่นิด อีกทั้งยังได้กลิ่นจาง ๆ จากต้นหอมอีกต่างหาก
“สาวน้อย เจ้าเป็นแม่ครัวที่ยอดเยี่ยมเหลือเกิน! นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้กินเนื้อปลาที่นุ่มลิ้นเช่นนี้ เจ้าลองดูสิ!” หญิงชราลิ้มรสเนื้อปลา อดไม่ได้ที่จะกล่าวยกย่อง
หลังจากฟังคำพูดของหญิงชรา ทุกคนที่เหลือก็แทบจะรอไม่ไหวที่จะหยิบตะเกียบลิ้มรส
ครู่ต่อมาบนโต๊ะอาหารก็ว่างเปล่า ลูก ๆ ของครอบครัวหลี่เจิ้งต่างลูบพุงกลมโตแล้วเรอออกมา หนึ่งในนั้นกล่าวชมกับเหยียนอี้ “ท่านพี่อี้ ท่านจะอยู่ที่บ้านของพวกข้าต่อไปก็ได้นะ อาหารที่ท่านปรุงอร่อยมาก! เอิ้ก…”
เหยียนจื่อมองเขาแล้วทำหน้ามุ่ย “ไม่ได้ นี่คือพี่สาวของข้า!”
ผู้ใหญ่ที่โต๊ะได้ยินเด็กสองคนพูดเช่นนั้นก็หัวเราะร่า
“อี้เอ๋อร์ทำอาหารได้อร่อยมาก ช่างเป็นฝีมือการทำอาหารที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ!” หญิงชราจับมือของอี้เอ๋อร์แล้วกล่าวอย่างมีความสุขพลางใช้มือที่เหี่ยวย่นตบบนหลังมือของเหอซื่อเบา ๆ นางมองเหอซื่อด้วยแววตาจริงจัง “ฟางเอ๋อร์ให้กำเนิดลูกสาวที่ดีจริง ๆ พวกนางทั้งสองช่างหลักแหลมยิ่งนัก”
เหอซื่อที่นั่งอยู่ด้านข้าง แก้มกลายเป็นสีแดงระเรื่อ นางก้มศีรษะ แย้มยิ้มอย่างเขินอาย
เหยียนอี้ที่นั่งถัดจากหญิงชราพลันนึกถึงวุ้นที่นางทำไว้ขึ้นมาได้ นางจึงรีบลุกขึ้นแล้วปรี่เข้าไปในครัว
พอเปิดฝาวุ้นออกมา พวกมันก็ใสหมดแล้ว แม้ดูเหมือนว่ามันจะไม่ถูกแช่แข็งหมด แต่ก็เกือบจะเสร็จแล้ว ส่วนภายในชามเต็มไปด้วยกลิ่นสะระแหน่
“ลองชิมกันเถิด! วุ้นนี้สามารถบรรเทาความร้อนและความกระหายได้เจ้าค่ะ” เหยียนอี้พูดพลางวางชามไว้บนโต๊ะ
ไม่มีใครเคยกินสิ่งนี้มาก่อน พวกเขาคิดเพียงว่าอาหารในชามนี้เป็นเหมือนน้ำก็ไม่เชิง น้ำแกงหรือก็ไม่ใช่ มันมีลักษณะโปร่งใสและสดใส ทั้งยังมีกลิ่นเหมือนสะระแหน่
เหยียนจื่อตักวุ้นเข้าปากอย่างกล้าหาญก่อนจะกลืนมันลงคอไป วุ้นเนื้อลื่น รสชาติของสะระแหน่อบอวลอยู่ในจมูก เหยียนจื่อสั่นสะท้านไปทั้งตัว
“ท่านพี่ นี่คือสิ่งใดกัน มันอร่อยมาก!” เหยียนจื่ออุทาน ชิมอีกคำหนึ่ง เย็นสะท้านไปทั้งร่าง
เมื่อเห็นปฏิกิริยาของเหยียนจื่อ คนอื่น ๆ เลยพากันชิม ผลลัพธ์เต็มไปด้วยคำชื่นชม
…
หลังจากจบมื้อเย็น หญิงชราที่นั่งอยู่ในห้องจับมือของเหยียนอี้แล้วพร่ำยกย่องถึงความดีความชอบ นางถอดสร้อยข้อมือสีเงินออกแล้ววางลงบนมือของเหยียนอี้ แม้ใบหน้าของนางจะเหี่ยวย่น แต่กลับดูสงบมาก ไม่เหมือนกับแม่เฒ่าหลี่แม้แต่นิด
“ท่านยาย ท่านทำอะไรเจ้าคะ? ข้าไม่ต้องการสร้อยข้อมือนี้เจ้าค่ะ!” เหยียนอี้รีบถอดสร้อยข้อมือออก ดวงตามองไปที่หญิงชราอย่างกังวล
หญิงชรากดมือของเหยียนอี้เบา ๆ และค่อย ๆ เอ่ยขึ้นว่า “อี้เอ๋อร์ ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นเด็กดี พวกเจ้าทั้งสามใช้ชีวิตลำบากมามาก ฝีมือการทำอาหารของเจ้าในวันนี้มีค่าเทียบเท่ากับสร้อยข้อมือเส้นนี้ เจ้าจะมาที่นี่บ่อยได้เท่าที่เจ้าต้องการ ข้ามีความสุขยิ่งที่ได้พบเจ้า”
เหยียนอี้มองลงมาที่สร้อยข้อมือ มันเป็นสร้อยข้อมือสีเงินซึ่งถูกแกะสลักเล็กน้อยเป็นลวดลายบางอย่าง มันส่องประกายออกมาจาง ๆ เห็นได้ชัดว่าหญิงชราสวมติดตัวมานานแล้ว
“ข้าให้เจ้า สร้อยข้อมือนี้อาจไม่ใช่ของมีค่ามากมาย ข้าเคยสวมมัน และตอนนี้ข้ายินดีมอบมันให้กับเจ้า เก็บเอาไว้เถิด” หญิงชราลูบศีรษะของเหยียนอี้และเหยียนจื่อ นางมองไปที่สองสาวด้วยความปีติ เหอซื่อเห็นแล้วชื่นใจมากล้น
หลี่เจิ้งที่นั่งอยู่ข้าง ๆ คะยั้นคะยอ “รับมันไปเถิดอี้เอ๋อร์ ในภายภาคหน้านางจะเป็นท่านยายของเจ้า เจ้ามาที่นี่อีกกี่ครั้งก็ได้”
เหยียนอี้พยักหน้า ไม่ปฏิเสธที่จะรับสร้อยข้อมืออีก