ทะลุมิติไปเป็นสนมตัวน้อยผู้ทำอาหารรสเลิศ - บทที่ 12 การทำอาหารที่บ้าน(รีไรท์)
- Home
- All Mangas
- ทะลุมิติไปเป็นสนมตัวน้อยผู้ทำอาหารรสเลิศ
- บทที่ 12 การทำอาหารที่บ้าน(รีไรท์)
บทที่ 12 การทำอาหารที่บ้าน(รีไรท์)
พอเหอซื่อเอ่ยปาก หลี่เจิ้งก็สบายใจ ผ่อนรอยยิ้มออกมาจนเห็นเส้นริ้วรอยที่หางตา เขายังกล่าวอีกว่า
“เหยียนอี้ แม่เฒ่าของข้าไม่อยากอาหารมาโดยตลอด แต่เมื่อนางได้ชิมน้ำแกงปลาของเจ้าเข้าไป นางก็รู้สึกอยากอาหารมากขึ้น นางขอให้ข้าเชิญเจ้ามาพรุ่งนี้ นางแก่มากแล้ว ข้าไม่อยากทำให้นางรู้สึกแย่ ข้าแค่อยากเชิญพวกเจ้ามาเที่ยวเล่นบ้านข้า แล้วคงขอรบกวนให้ทำอาหารให้สักหน่อย”
หลังจากฟังคำพูดของทั้งสอง เหยียนอี้ก็เข้าใจ นางยืดเสื้อผ้าของนางให้ตรงแล้วให้คำมั่นกลับไป “ตกลงเจ้าค่ะ ข้าจะทำอาหารอร่อย ๆ ให้ในวันพรุ่งนี้ ลุงหลี่เจิ้งช่วยเราสามคนไว้มาก พวกเราตอบแทนลุงหลี่เจิ้งช้าไปเสียด้วยซ้ำเจ้าค่ะ!”
ลานบ้านคึกคักไปด้วยเสียงพูดคุยคลอหัวเราะ ในที่สุดยามเย็นที่อากาศแสนเย็นสบายก็มาเยือน นภามืดมิดพร่างพราวไปด้วยแสงระยิบระยับจากดวงดาว ตอนนี้พวกนางมีโต๊ะ เก้าอี้ และเตียงในบ้านแล้ว กล่าวได้ว่าดูเหมือนบ้านเหมือนช่องกับเขาเสียที
หลังจากเห็นด้วยกับหลี่เจิ้งแล้ว เหยียนอี้ก็เริ่มคิดว่าจะทำอาหารอะไรในวันพรุ่งนี้ดี สุดท้ายแล้วไม่ว่าหมู่บ้านจะรวยแค่ไหน แต่ก็ไม่มีวัตถุดิบที่ดีพอสักเท่าไร กระนั้นเพียงแค่ทำอาหารให้คนชรามีความสุขก็ถือได้ว่าเป็นเรื่องที่ดี
ยามกลางคืนทั้งสามคนนอนอยู่บนเตียงเดียวกัน แม้ว่าเตียงจะเล็ก แต่แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว
เหยียนอี้ลุกขึ้นดื่มน้ำกลางดึก นางได้ยินมารดาร้องไห้สะอึกสะอื้นด้วยน้ำเสียงต่ำพร่า
เหอซื่อนั่งข้างเตียง ดวงตามองไปยังพระจันทร์บนท้องฟ้าผ่านหน้าต่าง น้ำตาหลั่งรินท่วมดวงหน้า
“ท่านแม่ เหตุใดท่านถึงร้องไห้เจ้าคะ” เหยียนอี้ค่อย ๆ คลานลงมาจากเตียง แล้วสวมใส่เสื้อคลุมบาง ๆ บนร่างของมารดา นางนั่งลงข้าง ๆ ถามออกไปเสียงแผ่วเบา
เมื่อเหอซื่อรู้ตัวว่าถูกเห็นแล้วก็รีบก้มศีรษะเช็ดน้ำตาด้วยมืออันเรียวบาง นางพยายามกลั้นน้ำตา แค่นยิ้ม ก่อนจะส่ายหัวแล้วพูดว่า “แม่เพิ่งตื่นน่ะ… แล้วลมพัดทรายเข้าตาแม่ ไม่มีอะไรหรอก แล้วเหตุใดเจ้าถึงลุกขึ้นมา”
เหอซื่อแก้ตัว ทว่าเหยียนอี้รู้ว่านางมีบางอย่างอยู่ในใจ เลยนั่งลงข้างเตียง กุมมือเหอซื่อไว้ โอบกอดไหล่ของนางแล้วพูดว่า “ท่านแม่ มันไม่มีลมหรือทรายแม้แต่น้อย ท่านแม่กังวลว่าท่านพ่อจะมาหาเรื่องอีกใช่หรือไม่เจ้าคะ? กังวลว่าเขาจะตีเราอีกใช่หรือไม่”
เหอซื่อที่ก้มศีรษะอยู่ส่ายหัว มือยังปิดหน้าปิดตา น้ำตาเปียกชุ่มอยู่บนนิ้วมือ รอยฟกช้ำบนปากของนางยังไม่ได้จางหายไป เหยียนอี้เห็นภาพนี้ก็รู้สึกเจ็บไปทั้งใจ
เหยียนอี้เห็นมารดาส่ายหัว นางจังคาดเดาถึงเหตุผลของการร่ำไห้ครั้งนี้
นางกระชับมือเหอซื่อ ถามอย่างถี่ถ้วนออกไป “เป็นเพราะลุงหลิวใช่หรือไม่เจ้าคะ”
เมื่อได้ยินชื่อลุงหลิว เหอซื่อก็เงยหน้าขึ้นแล้วมองเหยียนอี้ด้วยดวงตาแดงก่ำ นางถอนหายใจ ยอมกล่าวถึงความสัมพันธ์ในอดีตของนางกับลุงหลิวออกมา
ปรากฏว่าเมื่อครั้งที่เหอซื่อและหลิวจูยังเด็ก พวกเขาต่างชอบพอกัน แต่แม่เฒ่าเหอไม่ยอมให้นางแต่งงานกับหลิวจูด้วยเพราะนางเกลียดที่ครอบครัวของหลิวจูยากจน ไม่ว่าเหอซื่อจะพูดอย่างไร ท่านพ่อและท่านแม่ก็ไม่เห็นด้วย หลังเหอซื่อแต่งงานกับตระกูลเหยียน ความสัมพันธ์กับลุงหลิวก็ยุติลง
ต่อมาครอบครัวหนึ่งยินดีที่จะแต่งงานกับครอบครัวหลิว แต่เมื่อพวกเขากำลังจะแต่งงาน ลุงหลิวพลาดขาหักขณะตัดฟืน การแต่งงานจึงเป็นอันยกเลิกไป
หลังจากนั้นผู้คนในหมู่บ้านก็ไม่เต็มใจที่จะแต่งงานกับเขาอีก จนถึงตอนนี้ลุงหลิวยังคงอาศัยอยู่ตามลำพัง แม้ว่าชาวบ้านมักจะพูดคุย หัวเราะกับเขา และขอความช่วยเหลือจากเขา แต่พวกเขาก็ยังนินทาเรื่องที่เขาเป็นโสด
หลังจากได้ยินเรื่องนี้ เหยียนอี้มองไปที่เหอซื่อ นางไม่เคยคิดว่าจะมีเรื่องราวเช่นนี้เกิดขึ้นระหว่างแม่และลุงหลิวเลย
ค่ำคืนนั้นหนาวเหน็บราวกับไอเย็นจากน้ำแข็ง หลังจากที่เหอซื่อพูดจบ น้ำตาก็หยุดรินไหล นางมองไปที่เหยียนอี้ด้วยดวงตาบวมแดงแล้วเอ่ยขึ้นช้า ๆ “เอาล่ะ ข้าสามารถบอกเจ้าได้เพียงเท่านี้ ตอนนี้ข้าแค่อยากให้เจ้าและน้องสาวของเจ้ามีชีวิตที่ดี ไม่ต้องถูกพ่อของเจ้าทุบตีอีก ข้าก็พอใจแล้ว”
เหยียนอี้มองไปที่เหอซื่อ ก่อนลูบแผ่นหลังบางของนางเบา ๆ “ท่านแม่ ทุกอย่างจะดีขึ้นในวันข้างหน้า เหยียนจื่อและข้าจะมีชีวิตที่ดีเจ้าค่ะ”
หลังจากสองคนคุยกันเสร็จ พวกเขาก็กลับไปนอนบนเตียง หลับตาลงเพื่อเข้าสู่ห้วงนิทรา เหยียนอี้จ้องมองไปที่ดวงจันทร์นอกหน้าต่างพลางคิดถึงสิ่งที่แม่ของนางพูด นางรู้สึกอับจนหนทางในใจ กว่าจะข่มตานอนได้ก็ใช้เวลาอยู่เนิ่นนาน
เช้าวันรุ่งขึ้น เหอซื่อตื่นแต่เช้าตรู่มาซักเสื้อผ้าของลูกสาวทั้งสองแล้วอุ่นแกงปลาของเมื่อคืน แต่ละคนมีชามน้ำแกงของตัวเอง พวกนางซดน้ำแกงจนเกลี้ยงชาม
ใกล้เที่ยงแล้ว หลี่เจิ้งรีบมาชวนเหยียนอี้และเหยียนจื่อตามเขาไป
หลังจากเข้าไปในบ้านของหลี่เจิ้ง หนึ่งในครอบครัวที่ร่ำรวยที่สุดในหมู่บ้าน สิ่งที่ทำให้ตกตะลึงคือห้องครัว
ปลา ไก่ และหมูล้วนอยู่มีพร้อม ผักเห็ด ต้นหอม น้ำมัน เกลือ ซีอิ๊ว และน้ำส้มสายชู ของทั้งหมดถูกจัดเรียงอย่างเรียบร้อย
เหยียนอี้รู้สึกประหลาดใจมากกว่าเดิมเมื่อเห็นผลโทงเทงตะกร้าใหญ่ หากพวกเขาผสมกับน้ำตาลเคี่ยวเพื่อทำวุ้นในฤดูร้อนมันจะอร่อยมาก!
แม้นี่ไม่ใช่ครอบครัวที่ร่ำรวย แต่เป็นเพียงเจ้าของบ้านเล็ก ๆ ในหมู่บ้านก็ตาม
หลี่เจิ้งตามเหยียนอี้ไปที่ห้องครัวแล้วเอ่ยยิ้ม ๆ “เมื่อเช้านี้ ข้าซื้อของมามากมาย เจ้าสามารถใช้ได้ตามที่เจ้าต้องการ ถ้าเจ้ามีสิ่งใดให้ช่วยก็เรียกข้าได้!”
“เจ้าค่ะ ลุงหลี่เจิ้ง มาทานอาหารดี ๆ ในวันนี้ให้ท่านแม่เฒ่ามีความสุขกันดีกว่า!” เหยียนอี้พูดพลางม้วนแขนเสื้อขึ้น จากนั้นก็สวมผ้ากันเปื้อนเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับศึกใหญ่