ทะลุมิติไปเป็นสนมตัวน้อยผู้ทำอาหารรสเลิศ - บทที่ 114 น้ำอมฤต
บทที่ 114 น้ำอมฤต
เหยียนอี้กล่าว “หม่อมฉันได้ยินมาว่าหมอผีพื้นบ้านใช้น้ำอมฤตเขียนอักษร หากมันแห้งแล้วจะมองไม่เห็นอะไรเลย และหากรนด้วยไฟ ตัวอักษรจะปรากฏขึ้นทันที พวกหมอผีชอบใช้เป็นลางร้ายกล่าวคำบอกเล่าเทพเจ้า แสร้งเป็นผีสางหลอกลวงชาวบ้าน”
“วิธีนี้ฟังดูน่าทึ่ง แต่แท้จริงแล้วคือน้ำมะนาวที่เปลี่ยนสีเมื่อถูกความร้อน แต่ที่ข้าเพิ่งดมไปเมื่อครู่ เล่มนี้ไม่มีกลิ่นมะนาวเพคะ”
หลี่หรงอวี่ถามต่อ “ข้าเองก็เคยได้ยินเรื่องนี้มาเช่นกัน ยังมีน้ำอมฤตที่เมื่อสัมผัสน้ำจะเปลี่ยนแปลงไป ใช่หรือไม่”
เหยียนอี้กล่าว “ใช่แล้ว นั่นคือสารส้มเพคะ”
หลี่หรงอวี่เทน้ำหนึ่งแก้วแล้วสาดลงบนกระดาษตำรา น้ำซึมเข้ากระดาษ ทว่าไม่มีอักษรใดปรากฏ เห็นจะมีแต่ตำราที่เปียก หมึกบนตัวอักษรเริ่มเลือนราง
เหยียนอี้รีบเช็ดน้ำด้วยแขนเสื้อ โชคดีที่มันเปียกไม่มาก ถึงแม้ตัวอักษรบนกระดาษจะเลือนลางไปบ้างแล้ว นางก็ยังมองออกอยู่บ้าง
ใช้น้ำและใช้ไฟไปแล้วก็ล้วนยังไม่ถูกต้อง สุดท้ายก็หาไม่เจอ ทั้งสองคนไม่มีวิธีใดแล้ว
เหยียนอี้กางตำราออกบนโต๊ะอย่างระมัดระวังแล้วทิ้งไว้ให้แห้ง
เวลานี้ หลี่หรงเฉิงไม่สนใจเหล่าคนรับใช้ในวังที่กำลังห้ามปราม เขาเดินเข้ามาในตำหนักโดยตรง เมื่อเขาเห็นเหยียนอี้ก็ตกตะลึง ไม่รู้จะทำตัวอย่างไร
หลี่หรงอวี่ตรัสกับเหยียนอี้ว่า “เรื่องหาแผนผัง ดูแล้วต้องวางแผนระยะยาว ข้ากับชายแปดมีเรื่องต้องหารือ…”
ทว่าเมื่อวานเหยียนอี้กับอากุ้ยลี่ได้ยินเรื่องทั้งหมดแล้ว จึงบอกกับหลี่หรงอวี่ว่า “ฝ่าบาท หากเป็นเรื่องการแต่งงานเชื่อมไมตรีขององค์ชายแปด ไม่จำเป็นต้องปิดบัง เมื่อวานหม่อมฉันได้ยินหมดแล้ว”
หลี่หรงเฉิงถามนางด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “งั้นเหยียนจื่อ…”
เหยียนอี้บอก “เหยียนจื่อยังไม่รู้เรื่องนี้เพคะ”
หลี่หรงเฉิงก้มศีรษะลงถามหลี่หรงอวี่ “ท่านพี่รอง เมื่อวานท่านบอกจะคิดวิธีแก้ปัญหา คิดวิธีออกบ้างหรือไม่”
หลี่หรงอวี่ส่ายหัว “ชายแปด ถึงเจ้าจะไม่ยอมแต่งงานกับผู้อื่น แต่ชายสี่กับชายห้า เจ้าเคยถามความยินยอมพวกเขาหรือไม่ ถึงแม้ว่าข้าจะใช้กลอุบาย หรือทำให้เสด็จพ่อเปลี่ยนพระทัยให้เปลี่ยนเป็นผู้อื่นแต่งงานกับชาวหุยหูแทนเจ้า แต่สิ่งที่ตัวเจ้าไม่ต้องการ ก็อย่าทำกับผู้อื่นเลย”
หลี่หรงเฉิงรีบตรัส “ท่านพี่รอง ท่านเคยบอกว่าองค์หญิงอากุ้ยลี่ไม่เต็มใจแต่งงานกับพวกเราชาวอวี๋ เรื่องนี้จะคลี่คลายได้ก็ต่อเมื่อพี่น้องของเราคนใดคนหนึ่งออกมาแต่งงานกับนางไม่ใช่หรือ?”
เหยียนอี้ขัดจังหวะขึ้น “อากุ้ยลี่งดงามราวกับนางเซียนบนสวรรค์ เกรงว่าไม่มีชายหนุ่มในใต้หล้าคนใดที่จะไม่หลงใหลนาง องค์ชายสี่กับองค์ชายห้า สุดท้ายอาจจะยินยอมก็ได้นะเพคะ”
หลี่หรงอวี่ส่ายหน้าแล้วตรัสว่า “ชายสี่เจ้าแผนการเกินไป อีกทั้งยังเป็นที่โปรดปราน ส่วนเจ้าห้านั้นขี้ขลาดอ่อนแอ ทุกเรื่องฟังเพียงแต่เสียนเฟย ไม่ใช่คู่ที่ดีนัก องค์หญิงอากุ้ยลี่เป็นคนน่าสงสาร ข้าจะปล่อยคนดีอย่างชายแปดหนีไปได้อย่างไร อยากฝังนางทั้งชีวิตหรือ?”
หลี่หรงเฉิงตรัสอย่างโกรธเคือง “ในใจข้ามีแต่เหยียนจื่อ ชั่วชีวิตนี้ไม่อาจมีใครอื่น แต่งกับอากุ้ยลี่แล้วข้าจะยังเป็นคนดีอยู่หรือ พี่รอง ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้ท่านยังคิดแทนสตรี เหตุใดท่านไม่นึกถึงข้าบ้าง! เหตุใดท่านไม่ไปแต่งงานกับนางด้วยตัวเองเล่า!”
หลีาหรงอวี่ฟังน้องชายโยนโทสะมาที่ตนเองก็ไม่ได้โกรธอะไรมากนัก
แต่เหยียนอี้บอกกับหลี่หรงเฉิงว่า “องค์ชายแปด ท่านเอาแต่บอกว่าต้องการเหยียนจื่อ ต่อให้วันนี้ท่านไม่แต่งงานกับอากุ้ยลี่ ท่านก็สามารถแต่งงานกับเหยียนจื่อได้หรือ?”
“ข้า…” หลี่หรงเฉิงตัดสินใจเด็ดขาด “วันนี้ถึงข้าจะไม่ใช่องค์ชายอีกต่อไป ข้าไม่อาจสูญเสียเหยียนจื่อได้!”
ทว่าเหยียนอี้กลับส่ายหัว “องค์ชายแปด แม้ว่าท่านจะวิ่งไปที่ราชสำนัก กล่าวว่าต่อจากนี้ไปจะสละตำแหน่งองค์ชายแห่งราชวงค์ ยินยอมเป็นสามัญชน ท่านคิดว่าฮ่องเต้จะทรงยินยอมหรือเพคะ ตรงกันข้าม เขาจะทำให้เหยียนจื่อตาย ไร้แผ่นดินกลบฝังเสียมากกว่า”
คำพูดนี้หลี่หรงอวี่ก็บอกกับเขาเมื่อวานเช่นกัน แต่เขาไม่มีทางเลือกจริง ๆ เขายอมสละทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อผู้หญิงที่เขารัก แต่สุดท้ายแล้วเขาจะไม่สามารถปกป้องนางได้เชียวหรือ
เหยียนอี้กล่าวต่อ “องค์ชายแปด ท่านคือพญาอินทรีโฉบฉวยอยู่บนท้องฟ้า ส่วนนางเป็นเพียงนกนางแอ่นใต้ต้นหลิวทางตอนใต้ของแม่น้ำแยงซีก็เท่านั้น ท่านกับ… ท่านกับนางสุดท้ายแล้วต่างไร้วาสนาต่อกัน ไม่มีทางทำอย่างไรได้เลย ปล่อยวางจากกันเถิด”
หลี่หรงอวี่มองไปที่เหยียนอี้ ในหัวใจพลันว่างเปล่า นางบอกให้หลี่หรงเฉิงฟังคนเดียวเสียที่ไหน เห็นได้ชัดว่าจงใจพูดให้เขาได้ยินด้วย
แต่แม้เขาจะไม่ได้ยินยอม ความไม่ยินยอมและความเจ็บปวดของเขาก็ไม่ได้น้อยไปกว่าองค์ชายแปด ถึงแม้เขาจะไม่ได้ร้องไห้โวยวายเหมือนองค์ชายแปดก็ตาม
แต่พวกเขาเกิดเป็นคนจากราชวงศ์เช่นนี้ก็ต้องแย่งชิงเพื่ออนาคต จำต้องพิจารณาปัญหาต่าง ๆ มากมาย ราคาของการแย่งชิงนั้นมีมากมายเหลือเกิน
“ชายแปด” หลี่หรงอวี่เรียกน้องชาย
หลี่หรงเฉิงกุมศีรษะตนเอง ไม่อยากรับรู้อะไรอีกต่อไป
หลี่หรงอวี่ถอนหายใจเบา ๆ แล้วนั่งบนเก้าอี้ เรียกน้องชายอีกครั้ง “ชายแปด”
เสียงของเขานิ่งมากจนเหยียนอี้เกือบคิดว่าเขาไม่สนใจความรู้สึกของน้องชายคนที่แปดของเขาเสียแล้ว
หลี่หรงเฉิงก้มศีรษะลง “ท่านพี่รอง เมื่อคืนท่านบอกว่าท่านคิดวิธีออก ข้าเชื่อว่าหากท่านสัญญา ไม่เคยทำไม่ได้”
หลี่หรงอวี่ถอนหายใจ “ใช่ ข้ามีวิธี”
เมื่อหลี่หรงเฉิงได้ยินคำพูดเหล่านี้ เขาก็กระโดดขึ้นราวกับคว้าฟางช่วยชีวิต แล้วถามขึ้นอย่างรวดเร็ว “วิธีอะไร อย่าพูดอ้อมค้อม ท่านพี่รอง ท่านรีบพูดเร็ว!”
เหยียนอี้อดไม่ได้ที่จะเหยียดตัวตรง พร้อมกับคาดหวังเล็ก ๆ น้อย ๆ แม้ว่านางจะไม่เห็นด้วยกับความสัมพันธ์ของเหยียนจื่อกับองค์ชายแปด นางรู้ดีว่าพวกเขาสองคนฐานะต่างกัน ยากจะเป็นไปได้
แต่… หากมีทางออกที่สวยงามก็คงดี ถึงแม้สุดท้ายพวกเขาทั้งสองคนจะไม่ได้อยู่ด้วยกันก็ตามเพราะความหวังช่างริบหรี่นัก ได้แต่หวังพึ่งปาฏิหาริย์เท่านั้นกระมัง
หลี่หรงอวี่ขมวดคิ้ว แต่ยังไม่ได้กล่าวอะไรออกมา
หลี่หรงเฉิงรีบคว้าไหล่พี่ชายแล้วตะโกนอย่างเร่งเร้า “ท่านพี่รอง ท่านมีวิธีอะไรรีบพูดเร็วเข้า ใกล้จะออกราชการช่วงเช้าแล้ว ไม่มีเวลาแล้ว!”
ทว่าหลี่หรงอวี่กลับตรัสว่า “ชายแปด เจ้ารับราชโองการสมรสครั้งนี้เถิด”
ทันทีที่พูดจบ ไม่เพียงแต่หลี่หรงเฉิงที่ตกตะลึง แม้แต่เหยียนอี้เองก็ตกตะลึงเช่นกัน
“ท่านพี่รอง ท่านพูดอะไร?” หลี่หรงเฉิงถาม
หลี่หรงอวี่ยืนยันคำเดิม “ข้าบอกว่า งานสมรสครั้งนี้เจ้าควรตอบตกลง”
หลี่หรงเฉิงปล่อยมือของหลี่หรงอวี่อย่างไม่เชื่อหูตัวเอง หัวเราะเสียงแหบแห้งออกมา “องค์ชายรอง ท่านบอกว่าท่านมีวิธี ข้าเชื่อท่าน ข้ารอท่านหนึ่งคืนจริง ๆ สุดท้ายวิธีของท่านก็คือไม่ให้ข้าทำอะไรเลย ตอบตกลงอะไรกัน?”
หลี่หรงอวี่พยักหน้า “ชายแปด.. หากเจ้าไม่ตอบตกลง…”
หลี่หรงเฉิงตัดรอน “ข้าไม่ยอม สุดท้ายผลจะเป็นอย่างไร ใหญ่โตจนรับไม่ไหวงั้นหรือ งั้นข้าไม่อยากเป็นองค์ชายแล้ว ข้าจะไปเป็นสามัญชน… แม้ว่าต้องถูกเนรเทศไปไกลสามพันลี้ ข้าก็อยากแต่งเหยียนจื่อเป็นภรรยา”
หลี่หรงอวี่ฟังจบก็เงื้อฝ่ามือฟาดหน้าน้องชาย หลี่หรงเฉิงเองก็ไม่ได้หลบ เขากลับเงยหน้าขึ้นรับฝ่ามือพี่ชายแต่โดยดี
หลี่หรงอวี่เงื้อมือขึ้นไปในอากาศ ก่อนจะตบลงอีกครั้ง หลี่หรงเฉิงไม่ได้ถอยหลังกลับแต่อย่างใด
เหยียนอี้ที่ยืนอยู่ระหว่างพวกเขาทั้งสองรีบแยกพวกเขาออกจากกัน แล้วกล่าวกับหลี่หรงเฉิงว่า “องค์ชายแปด ท่านกำลังพูดเรื่องไร้สาระอะไร แม้ว่าท่านจะรักเหยียนจื่ออย่างสุดซึ้ง มั่นคงไม่เปลี่ยนแปลง แต่ก็ไม่ใช่ว่าท่านจะไปเป็นสามัญชนได้!”
“ท่านไม่คิดหรือ หากความสัมพันธ์ส่วนตัวของท่านกับเหยียนจื่อเปิดเผยต่อหน้าฮ่องเต้ ท่านคือลูกชายของเขา แน่นอนว่าไม่เป็นไร แต่เหยียนจื่อจะยังมีชีวิตอยู่หรือไม่”
หลี่หรงเฉิงตรัส “ข้ากับเหยียนจื่อรักกันอย่างแท้จริง เปิดเผยอย่างตรงไปตรงมา เหตุใดจึงสู้หน้าผู้คนไม่ได้ ข้าจะไปขอร้องเสด็จพ่อให้พระราชทานงานสมรส หากเสด็จพ่อไม่ยินยอม… หากเขาไม่ยินยอม ข้าก็จะใช้ชีวิตของข้าปกป้องเหยียนจื่อ…”
“เจ้าโง่!” หลี่หรงอวี่ตวาดอย่างแรง “ผู้คนในวังมีใครไม่รู้ว่าเจ้าอยู่ฝั่งข้า? เรื่องของเจ้ากับเหยียนจื่อนับเป็นเรื่องเล็ก พูดถึงความสัมพันธ์ชายหญิงนับเป็นเรื่องใหญ่ ในวังหลวงถือเป็นเรื่องสกปรก หากถูกชายสี่รู้เรื่องนี้ขึ้นมาจะกลายเป็นปัญหาใหญ่ ไม่เพียงแต่เหยียนจื่อ แม้แต่มารดาเจ้าก็ต้องโดนไปด้วย!”
“ข้ากับนางบริสุทธิ์ใจ เป็นเรื่องสกปรกในวังหลวงตรงไหน! ” นัยน์ตาของหลี่หรงเฉิงแดงก่ำ “พี่สี่มีสาวใช้ข้างห้องตั้งมากมาย เสด็จพ่อไม่เห็นตรัสอะไรสักคำ เหตุใดข้ากับเหยียนจื่อถึงทำไม่ได้!”
หลี่หรงอวี่ตบหน้าหลี่หรงเฉิงอีกครั้ง ตะคอกอย่างโมโห “หากเจ้าอยากให้เหยียนจื่อเป็นสาวใช้ข้างห้อง ข้าก็จะไม่ห้ามเจ้าอย่างแน่นอน แต่เจ้าจะเอาเหตุผลอะไรไปปฏิเสธการแต่งงานกับองค์หญิงแห่งหุยหู!”
หลี่หรงเฉิงถูกฝ่ามือตบก็ตะลึง ตั้งแต่เล็กจนโต ท่านพี่รองเคยตีเขาเมื่อไหร่กัน?
เขาตรัสเสียงอู้อี้ “ข้าไม่มีทางทำผิดต่อเหยียนจื่อให้นางเป็นน้อยได้”
“หากเจ้าคิดจะไม่เป็นองค์ชายแล้วก็สามารถแต่งงานกับนางใช่หรือไม่ เจ้าคิดโยนปัญหาทิ้งไป เสด็จพ่อกับฮองเฮาจะปล่อยเหยียนจื่อหรือ? คิดว่าจะไม่บันดาลโทสะใส่นางใช่หรือไม่?” หลี่หรงอวี่ถาม
หลี่หรงเฉิงปิดหน้า ลมหายใจหอบขึ้นลงแปรปรวน ในใจเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง เขาเกิดในราชวงศ์ เป็นองค์ชายที่ไม่เป็นที่โปรดปราน เขาช่วยเหลืออะไรตัวเองไม่ได้อย่างแท้จริง
“ทำไมต้องเป็นข้า” หลี่หรงเฉิงพึมพำ “เสด็จพ่อมีองค์ชายมากมาย ทำไมต้องเลือกข้า ยังมีองค์ชายสี่ องค์ชายห้า… เสด็จพ่อเลือกข้าเพียงเพราะมารดาข้าฐานะต่ำต้อยหรือ?”
หลี่หรงอวี่ไม่ได้ตอบกลับ เพราะเรื่องนี้ก็เป็นความจริงเช่นกัน
งานแต่งงานเชื่อมไมตรีกับหุยหูเป็นเรื่องความสำคัญของทั้งสองอาณาจักร หุยหูอยู่ห่างไกลกับอาณาจักรอวี๋ ถึงแม้จะไม่ใช่อาณาจักรใหญ่โตสำหรับองค์ชาย แต่หากแต่งองค์หญิงแห่งหญิงหุยเป็นชายา ย่อมดีกว่าที่จะแต่งงานกับบุตรสาวของขุนนางคนสำคัญของอาณาจักร เพราะนั่นยิ่งทำให้เขารักษาฐานะมากขึ้น
ย้อนกลับไปเมื่อนานมาแล้ว ชาวหุยหูมักจะใกล้ชิดกับอาณาจักรเหยียนเสมอ งานแต่งเชื่อมไมตรีกับอาณาจักรเหยียนจึงเป็นเพียงฉากหน้าการเชื่อมสัมพันธ์ แต่หากองค์หญิงอาณาจักรเหยียนแต่งกับหุยหูอันห่างไกล ย่อมเป็นราชินีอันยิ่งใหญ่
หากวันใดที่สองอาณาจักรเกิดสงคราม ชนเผ่าหุยหูจะเป็นฝ่ายเข้ามาช่วยอาณาจักรอวี่ องค์ชายอาณาจักรอวี่ผู้ใดแต่งงานกับองค์หญิงหุยหู ไฉนเลยจะน่าอับอาย?
องค์ชายสี่หลี่หรงซือมีความทะเยอทะยานตลอดเวลา เขาเป็นที่โปรดปรานของฮ่องเต้ ถึงแม้มารดาของเขาจะถูกขับไล่ไปยังตำหนักเย็น แต่ฮ่องเต้ก็ไม่ได้มีใจออกห่าง พระองค์ยังคงวางพระทัยดังเดิม ถึงกระทั่งผลักดันให้แข่งขันกับองค์รัชทายาท
แม้แต่องค์ชายห้าหลี่หรงหัวก็ยังไม่ยินยอมลงไปในบ่อน้ำโคลนแห่งนี้ มารดาของเขาอย่างเสียนเฟยหวาดกลัวทุกสิ่งอย่างที่อยู่ต่อหน้า เอาแต่ร้องไห้คร่ำครวญ
เสียนเฟยอยู่ตำหนักกลาง ไม่ได้เป็นที่โปรดปรานมากนัก แต่นางก็เป็นบุตรสาวผู้สูงศักดิ์จากสกุลที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวง ปู่ทั้งสองของนางได้รับศาลบรรพชนเซ่นไหว้ทุกปี
สำหรับฮ่องเต้แล้ว ประการแรก เห็นแก่หน้าเหล่าขุนนาง ประการที่สอง รำคาญเสียงร้องไห้ของพระสนม การแต่งงานครั้งนี้ไม่มีผู้ใดอยากรับ สุดท้ายจึงโยนมันลงบนหัวของหลี่หรงเฉิง