ทะลุมิติไปเป็นสนมตัวน้อยผู้ทำอาหารรสเลิศ - บทที่ 104 เทพธิดาชนเผ่า
บทที่ 104 เทพธิดาชนเผ่า
บทที่ 104 เทพธิดาชนเผ่า
“จะเกิดอะไรขึ้นหรือเพคะ?” เสียงที่ตอบกลับมาไม่ใช่เสียงของอากุ้ยลี่ แต่เป็นเสียงของอาเหมียนต้า
หลี่หรงอวี่ขึ้นเสียงเล็กน้อย “ราชวงศ์ของอาณาจักรอวี๋จะคิดว่าข่านของหุยหูไร้ความจริงใจ ทั้งยังทำให้มีคนตายในอาณาจักรอวี๋ ปลุกปั่นยุยงให้เกิดสงครามระหว่างประเทศ จากนี้สันติระหว่างอาณาจักรอวี๋กับหุยหูจะสูญสิ้น”
อากุ้ยลี่ถอนหายใจ “หากข้าตาย ชาวหุยหูจะก่อจลาจลกับพวกเจ้าทันที ทูตของอาณาจักรเหยียนที่ยังอยู่ในเมืองหลวงของพวกเจ้า พวกเขาจะฉวยโอกาสแพร่ข่าวลือทำลายชื่อเสียงอาณาจักรอวี๋”
นางเปิดปากพูดเป็นครั้งแรก ภาษาของนางดีกว่าอาเหมียนต้าหลายเท่านัก
เสียงของนางสดใสไพเราะ คล้ายกับความงามของนาง เพียงแต่ในเสียงนั้นเจือความเย็นชานับไม่ถ้วน ฟังแล้วไร้ความรู้สึกใด ๆ
หลี่หรงอวี่ยิ้มแล้วกล่าวว่า “นับว่าเจ้ายังรู้ความดีมาก”
อากุ้ยลี่มองเขาอย่างเย็นชา
หลี่หรงอวี่จึงกล่าวต่อ “แต่สุดท้ายในใจเจ้าไม่ได้อยากตาย ไม่สิ เจ้าอยากตายจริง ๆ แต่เจ้าไม่กล้าตายต่างหาก หากคนอยากตายจริง ๆ พวกเขาจะไม่มีทางใช้วิธีโง่เขลา เจ็บปวดตายช้าอย่างการอดอาหารหรอก”
นิ้วของอากุ้ยลี่กระตุกเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่านางผงะหลังจากถูกรีดความในใจออกมา
หลี่หรงอวี่เห็นว่าเขากล่าวถูกต้องจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่เขายังคงจ้องไปที่ดวงตาของอากุ้ยลี่ด้วยรอยยิ้มแสร้งทำเป็นผ่อนคลาย แต่ในขณะเดียวกันก็ลอบสังเกตนางไปด้วย
“ในใจเจ้าคงรู้ดี สถานการณ์หุยหูอ่อนแอ ชายแดนติดกับอาณาจักรเหยียน ถูกชาวเหยียนจับตามองมาตลอด พวกเราสองอาณาจักรยังไม่มีพรมแดนติดกัน แต่ไหนแต่ไรอยู่อย่างสันติกันมาตลอด ข่านแห่งหุยหูตัดสินใจวางแผนงานแต่งงานเชื่อมสัมพันธไมตรีทางไกล”
อากุ้ยลี่ฟังเขาวิเคราะห์สถานการณ์สามอาณาจักรอย่างไม่คาดคิด อดไม่ได้ที่จะเงี่ยหูฟัง
หลี่หรงอวี่ถามนาง “หากครั้งนี้การแต่งงานระหว่างหุยหูกับอวี๋ล้มเหลว ยั่วยุอาณาจักรอวี๋ให้โกรธเคือง เจ้าคิดว่าชาวหุยหูจะมีชีวิตสงบสุขจนถึงตอนนี้หรือไม่”
อากุ้ยลี่แสดงความไม่พอใจ “ทหารอาณาจักรอวี๋จะข้ามทรายเหลืองเพื่อข้าได้อย่างไร ข้ามทะเลทรายเพื่อโจมตีชาวหุยหูน่ะหรือ?”
หลี่หรงอวี่ยิ้ม “ทำไมจะไม่ได้ล่ะ? เจ้าคิดว่าข่านของพวกเจ้าสามารถต้านทหารแสนนายของอาณาจักรเราได้อย่างนั้นหรือ”
อากุ้ยลี่ถึงกับยิ้มเย็นชา “ข่านส่งข้ามาเป็นของบรรณาการ แต่ไม่ได้ผล แต่ถึงอย่างนั้นเพื่อข้าแล้ว คิดว่าเขาจะยอมก้มหัวให้พวกเจ้าหรือ?”
หลี่หรงเฉิงส่งเสียง ‘โอ้’ ออกมาเล็กน้อย “เพราะแบบนั้นเจ้าจึงไม่สนใจชีวิตความตายข่านของพวกเจ้าสินะ ถึงอย่างไร ทหารของอาณาจักรอวี๋จะบุกประชิดชายแดนเป็นแน่ กลุ่มแรกที่ต้องตายคือชาวบ้านกับนักรบของหุยหู เมื่อถึงตอนนั้น โลหิตจะนองธารา ซากศพกองเป็นภูเขา ญาติพี่น้อง ชาวบ้านในเผ่าจะต้องทนทุกข์ทรมานจากสงคราม ที่พลัดพรากจากบ้าน คนที่เจ้ารักกับสหายของเจ้าจะต้องชดใช้สิ่งที่เกิดขึ้น”
อากุ้ยลี่พลิกตัวนอนลงบนเตียงแล้วถามกลับ “ความตายของพวกเขาจะเกี่ยวกับข้าได้อย่างไร”
หลี่หรงอวี่ตะลึง
หญิงสาวผู้นี้อายุเพียงยี่สิบปี มีรูปโฉมงามสะคราญดั่งจันทรา ดวงตากระจ่างใส รูปร่างเดียงสาบริสุทธิ์ดุจพรจากสวรรค์ แต่ใจของนางกลับเป็นไม้ผุเฉาตายก็มิปาน
สิ่งที่หลี่หรงอวี่เพิ่งพูดไปเมื่อครู่นั้นอาจจะดูเกินจริงไปบ้าง เขาอยากให้นางกลัว ทว่านางไม่กลัว ราวกับว่าทุกสิ่งไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับนาง หรือแท้จริงแล้วนางจะเป็นคนเย็นชา?
เขาเหลือบมองอาเหมียนต้าที่อยู่ด้านข้าง พยายามแสดงสีหน้าเป็นการบอกใบ้ให้นางเล็กน้อย แต่สาวใช้ตัวน้อยยังคงร้องไห้ ดวงตาของนางแดงก่ำ ไม่อาจพูดคำใดออกมา
ลั่วอิ๋งจึงเกลี้ยกล่อม “องค์หญิงอากุ้ยลี่ บ่าวได้ยินว่าชาวหุยหูเรียกท่านว่าเทพธิดาชนเผ่า ปฏิบัติต่อท่านเหมือนองค์หญิง คิดว่าพวกเขาก็รักท่านเช่นกัน ข่านส่งท่านมาที่ต้าอวี๋ แม้ท่านจะไม่เต็มใจ แต่ชาวบ้านในเผ่าของท่านนับพันล้วนเห็นท่านเป็นดั่งความหวังของเผ่า”
อากุ้ยลี่นอนอยู่บนเตียง หันหน้าไปทางผนัง ไม่ได้สนใจหลี่หรงอวี่หรือผู้ใด เมื่อได้ยินลั่วอิ๋งพูดคำว่า ‘เทพธิดาชนเผ่า’ นางก็ลืมตาขึ้นแล้วหัวเราะเสียงดัง
ลั่วอิ๋งถึงกับงงงวย
เดิมทีลั่วอิ๋งทำตามคำสั่งของฝ่าบาทจึงได้กล่าวคำพูดเช่นนี้ คิดว่าคำพูดเหล่านี้จะไปกระตุ้นปฏิกิริยาขององค์หญิงแห่งหุยหูมากขึ้น
ทว่าไม่รู้เหตุใด จู่ ๆ นางจึงหัวเราะ หมายความว่าอย่างไรกัน?
“ใช่แล้ว ข้าน่ะเป็นเทพธิดาชนเผ่า” อากุ้ยลี่หัวเราะ “เจ้ารู้หรือไม่ พวกเขาบอกว่าข้าคือเทียนซานบนหิมะ บอกว่าข้าเป็นบัวหิมะที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในสระคุนหลุน ฮ่าฮ่าฮ่า… ข้าจึงต้องเสียสละชีวิตเพื่อแต่งงาน เสียสละชีวิตของข้าเพื่อความผาสุกและความสงบสุขให้พวกเขาใช่หรือไม่?”
หลี่หรงอวี่กับลั่วอิ๋งมองหน้ากัน ทั้งยังตกใจกับเสียงหัวเราะของนาง
อาเหมียนต้าคุกเข่าลงข้างเตียงของอากุ้ยลี่ พูดเป็นภาษาหุยหูว่า “อันวา! ท่านต้องมีชีวิตอยู่! หากท่านตายแล้ว อันวาจะเป็นอย่างไร”
ทั้งหลี่หรงอวี่กับลั่วอิ๋งไม่เข้าใจภาษาหุยหู มิอาจรู้ว่าอาเหมียนต้าถึงพูดอะไร แต่หลี่หรงอวี่ฟังเข้าใจสองคำ นั่นคือคำว่า ‘อันวา’
บทสนทนาระหว่างอาเหมียนต้ากับอากุ้ยลี่ มีคำนี้ปรากฏขึ้นหลายครั้ง ราวกับว่าเป็นชื่อคน อีกทั้งสีหน้าของอากุ้ยลี่ยังอ่อนลงทุกครั้งที่ได้ยินคำนี้
เป็นไปได้ไหมว่าสาเหตุที่นางไม่ต้องการแต่งเข้าอาณาจักรอวี๋ เพราะชายหนุ่มชื่อ ‘อันวา’ คือคนรักของนาง?
หลี่หรงอวี่มองอากุ้ยลี่ที่อยู่บนเตียงคนป่วย เวลานี้ไม่ควรพูดอะไรทั้งนั้น
เขาได้รับคำสั่งจากฮ่องเต้ให้รับผิดชอบการรับทูตของเผ่าหุยหูและอาณาจักรเหยียนในครั้งนี้ อากุ้ยลี่เป็นองค์หญิงที่ชาวหุยหูส่งมาแต่งงาน หากมีสิ่งใดผิดพลาดเขาจะต้องเป็นคนรับผิดชอบทั้งหมด
ดังนั้นตำแหน่งของเขา คือต้องการให้องค์หญิงอากุ้ยลี่มีชีวิตปลอดภัยมากที่สุด รวมถึงยินยอมแต่งงานกับองค์ชายอาณาจักรอวี๋
แล้วความรู้สึกของอากุ้ยลี่ล่ะ
เห็นได้ชัดว่านางมีคนรัก แต่ไม่สามารถอยู่ร่วมกับนางได้ ต้องจากบ้านเกิดห่างกันหมื่นลี้เพื่อแต่งงานกับชายแปลกหน้าที่นางไม่รู้จัก ห่างไกลทะเลทรายเทียนซาน ชีวิตนี้กลับไปไม่ได้อีกแล้ว สิ่งที่นางบอกมาทั้งหมดนั้น ไม่ใช่ว่าโหดร้ายไปหรือ?”
หลี่หรงอวี่รู้สึกสงสาร
ถึงแม้ว่าในฐานะองค์ชายแห่งอาณาจักรอวี๋ เขาไม่ควรเห็นอกเห็นใจผู้อื่นเช่นนี้ก็ตาม
เมื่อเห็นการแสดงความเห็นอกเห็นใจของเขา ลั่วอิ๋งก็รีบตบแขนของเขาอย่างเงียบ ๆ หลี่หรงอวี่ได้สติขึ้นมาทันที เขาระบายลมหายใจ ตรัสกับอากุ้ยลี่ว่า “ความสัมพันธ์ระหว่างสองอาณาจักร เดิมทีไม่ใช่เรื่องที่ผู้หญิงอย่างเจ้าจะมาเกี่ยวข้อง แต่มาถึงจุดนี้แล้ว เจ้าควรเลือกความปลอดภัยของตัวเองก่อน หากมีชีวิตอยู่ย่อมมีหนทางให้เลือกเดินใช่หรือไม่”
อากุ้ยลี่ยิ้มเยาะ “ตอนนี้ข้านับว่ามีทางเลือกหรือ ไม่มีสิทธิ์เลือกว่าจะอยู่อย่างไรด้วยซ้ำ ตัดสินใจตายก็ไม่ได้หรือ?”
หลี่หรงอวี่กล่าวตอบ “หากเจ้าตายแล้ว เจ้าจะไม่ได้เห็นอันวาอีกตลอดชีวิตนี้”
อากุ้ยลี่หยุดชะงักเมื่อได้ยินชื่อ ‘อันวา’ จากปากของหลี่หรงอวี่
อาเหมียนต้าร่ำไห้กับองค์หญิงของนาง “หากพวกเขานำศพของท่านกลับ ท่านข่านจะเปลี่ยนอันวาให้กลายเป็นศพด้วย! อากุ้ยลี่ ท่านตื่นเถอะนะ!”
นิสัยชาวหุยหูนั้นรักอิสระ ประเพณีของพวกเขาไม่เข้มงวดเท่ากับชาวหุยหูตอนกลาง ถึงอาเหมียนต้าจะเป็นสาวใช้ของอากุ้ยลี่ แต่นางก็ไม่เรียกอากุ้ยลี่ว่า ‘องค์หญิง’ แต่เรียกด้วยชื่อ ในที่สุดคำพูดของนางก็ปลุกอากุ้ยลี่ให้ตื่นขึ้น
นางลุกขึ้นจากเตียงด้วยมือที่สั่นเทา บีบข้อมือของอาเหมียนต้าไว้แน่น แล้วยิ้มอย่างโศกเศร้า “หากข้าตาย เขาก็จะตายด้วย! หากข้าตาย เขาก็จะตายด้วย!”
อากุ้ยลี่หัวเราะอยู่นาน ทว่าเนื่องจากนางไม่ได้กินอะไรมาหลายวัน ร่างกายนางจึงอ่อนแอ ลำคอของนางแห้งผาก สุดท้ายจึงไอออกมาเป็นระยะ
ทันใดนั้น นางก็คุกเข่าลงกับพื้นแล้วยกชามโจ๊กขึ้น
เป็นเพราะชามโจ๊กถูกทิ้งไว้นานแล้ว โจ๊กร้อนจึงกลายเป็นโจ๊กเย็น นางหยิบช้อนด้วยมือที่สั่นเทาแล้วกินโจ๊กคำโต คำแล้วคำเล่าจนหมดทั้งชาม ทุ่มเทช่วยชีวิตอากุ้ยลี่ไม่น้อย
แม้จะเป็นเรื่องโหดร้ายที่ทำให้หญิงสาวคนหนึ่งต้องแต่งงานกับคนแปลกหน้าที่ไม่รู้จัก แต่เรื่องนี้เป็นที่อย่างไรก็ต้องเกิดขึ้น มีเพียงฮ่องเต้แห่งอาณาจักรอวี๋เท่านั้นที่เป็นผู้ตัดสินใจเลือกองค์ชายที่จะแต่งงาน
ถึงหลี่หรงอวี่จะเป็นองค์รัชทายาทแห่งตำหนักบูรพา แต่ก็ทำอะไรไม่ได้
แต่โชคดีที่นางไม่อยากตายอีกแล้ว ใช่ไหม?
หลี่หรงอวี่วางใจและสั่งให้ลั่วอิ๋งคอยดูแลต่อ จากนั้นตัวเขาก็เดินออกไป
แต่อากุ้ยลี่หยุดเขาแล้วถามขึ้น “เจ้าชื่ออะไร”
อาเหมียนต้าบอกอากุ้ยลี่เสียงเบา “พระองค์เป็นองค์รัชทายาทแห่งอาณาจักรอวี๋”
อากุ้ยลี่หัวเราะเบา ๆ สมกับเป็นสาวงาม รอยยิ้มผุดขึ้นเล็กน้อย “ข้าได้ยินมาว่า…ข้าต้องแต่งงานกับองค์ชายอาณาจักรอวี๋ องค์รัชทายาท…ไม่ใช่ว่าเป็นองค์ชายหรือ?”
หลี่หรงอวี่ตกใจอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักว่าดูเหมือนเขาจะสร้างปัญหาใหญ่ให้กับตัวเองเสียแล้ว
แต่ก่อนที่เขาจะได้โต้ตอบ หญิงสาวสวมชุดผ้าไหมก็วิ่งเข้ามาจากนอกประตู นางผลักหมอหลวงเปี้ยนกับลั่วอิ๋งที่ยืนอยู่ข้างประตูออกไป เดินไปด้านหน้าหลี่หรงอวี่ แล้วข่มขู่อากุ้ยลี่ออกมา “อยู่ที่ไหน นังปีศาจสาวที่บังอาจหมายปององค์รัชทายาท!”
ในวังแห่งนี้ ผู้เดียวที่กล้าบุกเข้ามาเช่นนี้คือบุตรีคนเดียวของฮองเฮา องค์หญิงผิงหยาง
“ผิงหยาง นี่คือองค์หญิงอากุ้ยลี่ของหุยหู อย่าหยาบคาย” หลี่หรงอวี่เห็นว่าองค์หญิงผิงหยางกำลังจะตบอากุ้ยลี่จึงรีบดึงนางออกไปทันที
“แน่นอน ข้ารู้!” เมื่อถูกหลี่หรงอวี่ดึงไว้ นางจึงลดมือลง
เดิมที นางได้ยินว่าองค์หญิงแห่งหุยหูมาอาศัยอยู่ในวัง นางงดงามราวกับเทพเซียน รูปร่างหน้าตาแตกต่างจากชาวอวี๋ ผู้คนที่เจอนางยกยอราวกับมัจฉาจมวารี ปักษีตกนภา งามล่มเมือง ฟังผู้อื่นชื่นชมนางมาสามวันไม่หยุดหย่อน เพียงเป็นคนงามธรรมดาเท่านั้นเสียมากกว่า
ผิงหยางได้รับคำเทิดทูนมากมาย มารดานางเป็นถึงฮองเฮารูปโฉมงดงามในวังหลวง ทั้งยังไม่เคยเห็นใครได้คำเทิดทูนเช่นนี้มาก่อน นางอยากรู้เหลือเกิน ยิ่งตอนนี้ องค์หญิงหุยหูกำลังจะแต่งงานกับองค์ชายพระองค์ใดพระองค์หนึ่งแล้วอาจกลายเป็นพี่สะใภ้นางในอนาคต
วันนี้จึงนึกอยากมาตำหนักหลินเจียง เพื่อชมคนงามในตำหนักนี้ว่าเป็นเช่นไร
ใครจะคิดว่าทันทีที่นางเข้ามา ก็ได้ยินองค์หญิงอากุ้ยลี่พูดประโยคพล่อย ๆ อย่าง ‘องค์รัชทายาทก็เป็นองค์ชายด้วย’ นางจึงอดขุ่นเคืองขึ้นมาอย่างเสียไม่ได้