ทะลุมิติไปเป็นสนมตัวน้อยผู้ทำอาหารรสเลิศ - บทที่ 102 นอกวังหลวง
ตอนที่ 102 นอกวังหลวง
ตอนที่ 102 นอกวังหลวง
องค์รัชทายาทหลี่หรงอวี่กับองค์ชายแปดหลี่หรงเฉิงออกมาจากวังพร้อมกัน มีเรื่องสำคัญอะไรที่ต้องออกนอกวังงั้นหรือ
หลี่หรงเฉิงรีบคุมบังเหียน ก่อนจะหยุดม้าต่อหน้าเหยียนอี้อย่างรวดเร็ว
ส่วนหลี่หรงอวี่นั้นเห็นเหยียนอี้ก่อนหลี่หรงเฉิง แต่ทักทายช้ากว่าไม่กี่ก้าว
“พี่สาวเหยียนอี้ ท่านกลับมาจากนอกวังแล้วหรือ?” หลี่หรงเฉิงถาม
แม้ว่าเขาจะแก่กว่าเหยียนอี้ครึ่งปี แต่ล่าสุดเขาเรียกเหยียนจื่อมาคุยเป็นการส่วนตัวเพื่อถามถึงพี่สาวของนาง ช่างประจบประแจงเหิมเกริมนัก
เหยียนอี้รีบคำนับ “ถวายบังคมองค์ชายเพคะ” จากนั้นนางก็คำนับหลี่หรงอวี่จากระยะไกล “ถวายบังคมองค์รัชทายาทเพคะ”
หลี่หรงอวี่รีบควบม้าไปด้านหน้า เอื้อมมือลงมาช่วยแล้วกล่าวขึ้นว่า “ลุกขึ้นเถิด”
แต่หลี่หรงเฉิงอยู่ใกล้และเร็วกว่าหลี่หรงอวี่ เขาจึงลงจากหลังม้าประคองเหยียนอี้ขึ้น
แม้ว่าจะอยู่นอกกำแพงวัง แต่เหยียนอี้ไม่อยากทำผิดกฎ นางจึงรีบถอยหลังไปครึ่งก้าว
จี้ชิงเฟิงถือไหสุรายืนอยู่ข้างหลังเหยียนอี้ จนกระทั่งเห็นคนสองคนที่ออกมาจากวังทักทายเหยียนอี้ เขาจึงเชื่อว่านางมาจากวังจริง ๆ
นี่คือ…องค์รัชทายาท?
จี้ชิงเฟิงจ้องไปที่หลี่หรงอวี่
จี้ชิงเฟิงเห็นหลี่หรงเฉิงไม่ได้แต่งกายเหมือนเหมือนคนในวังจึงไม่คำนับ อีกทั้งยังถามเหยียนอี้ว่า “เขาเป็นใคร”
“อา เขา…” เหยียนอี้กำลังจะพูด แต่จี้ชิงเฟิงวางไหสุราลง คารวะหลี่หรงอวี่เสียก่อน “องค์ชายอาณาจักรอวี๋ ข้าเสื่อมใสมานานแล้ว”
หลี่หรงอวี่ชำเลืองไปที่เขา
เห็นเดินตามเหยียนอี้ ทั้งยังถือไหสุราในมือ นึกว่าเป็นเพียงขันทีของวังที่ออกไปซื้อสุรากับเหยียนอี้ แต่บุรุษผู้นี้กลับแต่งกายด้วยชุดผ้าไหมราคาแพง น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยพลัง จะเป็นเพียงขันทีได้อย่างไร?
“หืม?” หลี่หรงเฉิงถามขึ้น “สำเนียงนี้ฟังดูไม่เหมือนพวกเราชาวอวี๋เลย?”
จี้ชิงเฟิงก้าวไปข้างหน้า เม้มปากเล็กน้อยก่อนจะกล่าวว่า “มาจากอาณาจักรเหยียน”
ใจของเหยียนอี้สั่นสะท้าน อาณาจักรเหยียน? หือ? เขาเป็นทูตของอาณาจักรเหยียนหรือ?
หลี่หรงอวี่เจอกับกู้ฉวี่จี๋ทูตแห่งอาณาจักรเหยียนในงานเลี้ยงวันนั้น ทว่าจี้ชิงเฟิงไม่ได้อยู่ในคณะฑูต วันนี้มีชาวอาณาจักรเหยียนคนใดมาเมืองอวี๋อีกบ้าง? เขาต้องเป็นจี้ชิงเฟิง องค์ชายแห่งอาณาจักรเหยียนแน่แท้
หลี่หรงเฉิงคาดเดาไว้แล้ว เมื่อเขาเห็นว่าอ๋องรุ่ยชินของอาณาจักรเหยียนมองดูเหล่าองค์ชายด้วยท่าทีโอหัง อีกทั้งดวงตาก็เต็มไปด้วยการดูถูกชาวอวี๋
แม้เขามักจะถูกพูดจาเยาะเย้ย และคราวนี้ก็ไม่มีข้อยกเว้น หลี่หรงเฉิงจึงกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “องค์ชายแห่งอาณาจักรเหยียนช่างมีอารมณ์สำราญใจนัก มาถึงอวี๋ ไม่เข้าเฝ้าฮ่องเต้ แต่กลับมาช่วยคนครัวของวังถือไหสุรา”
“หือ? หนิวอ้ายฮวา เจ้าเป็นคนครัวของวังหรือ” จี้ชิงเฟิงหันไปถามเหยียนอี้
เหยียนอี้ได้ยินประโยคนี้ก็รู้สึกอับอายยิ่งนัก จนแทบอยากมุดหัวเข้าไปซุกในดินทันที
“ฟุบ…” หลี่หรงเฉิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเสียงดังออกมา
ใบหน้าหลี่หรงอวี่กลับดูไม่ได้เล็กน้อย
“ข้า… ข้าจะกลับวังก่อน” เหยียนอี้ถวายพระพรหลี่หรงอวี่ ก้มศีรษะ ยกไหใบใหญ่ขึ้น แล้วเดินไปที่ทางเข้าประตูวัง
ไหสุราใหญ่นั้นใบไม่น้อย เหยียนอี้ยืนขึ้นกะทันหันจึงเซจนเกือบล้ม ยังดีที่หลี่หรงอวี่ประคองเอวของนางไว้ก่อน เขาอาสาว่า “มันหนักเกินไป ข้าเอง”
ในเวลาที่เขากำลังจะเอื้อมไปหยิบไหสุราจากมือของเหยียนอี้
จี้ชิงเฟิงเร็วกว่าก้าวเดียว ชายหนุ่มหยิบไหสุราขึ้นก่อนจะกล่าวว่า “ข้าถือมันมาแล้ว ก็ต้องไปถือไปส่งให้สุดทาง ข้าถือแทนเจ้าเอง นำทางสิ”
เหยียนอี้ไม่ยอมปล่อยไหสุรา “ข้าต้องเข้าวัง”
ทว่าจี้ชิงเฟิงขัดขึ้น “งั้นดีเลย พวกเขาเพิ่งว่าข้ามาถึงเมืองอวี๋แต่ยังไม่ได้เข้าเฝ้าฮ่องเต้ งั้นวันนี้ข้าก็เข้าวังไปเข้าเฝ้าเสียเลย”
หลี่หรงอวี่วางมือบนไหสุราพลางกล่าวว่า “เสด็จพ่อคงไม่ทราบว่าอ๋องรุ่ยชินมาถึงเมืองหลวงแล้ว เหตุใดท่านไม่กลับไปที่พักก่อน แล้วค่อยเขียนฎีกาทูลอีกครั้งเล่า”
กระนั้นจี้ชิงเฟิงก็ไม่ยอมปล่อยไหสุรา “พวกข้าอาณาจักรเหยียน ไม่มีกฎมากมายเช่นพวกท่าน พวกข้าอยู่ที่ประตูพระราชวัง หากฮ่องเต้ออกมาไล่ตีข้าก็ต้องไปหรือ? ข้าคือจี้ชิงเฟิง มิใช่อาคันตุกะหรือ?”
ใบหน้าหลี่หรงอวี่ยังคงประดับไปด้วยรอยยิ้ม เขารู้สึกว่าไหสุราที่อยู่ในมือของจี้ชิงเฟิงมีพลังภายในที่แข็งแกร่งไหลออกมาผ่านฝ่ามือ
กลายเป็นว่าบุรุษสองคนแย่งกันถือไหสุรา เหยียนอี้ถูกประกบไว้ตรงกลาง พื้นผิวไหสุราร้อนระอุขึ้นเรื่อย ๆ
หลี่หรงอวี่ไม่ได้คลายรอยยิ้มลง “องค์ชายมาที่อาณาจักรต้าอวี๋ของพวกข้า ก็ต้องปฏิบัติตามกฎวังของพวกเรา วันพรุ่งนี้ค่อยมาใหม่เถิด”
จี้ชิงเฟิงหัวเราะเสียงเยาะ “ข้าจะเข้าไปข้างใน”
คนหนึ่งพูดคำหนึ่ง อีกคนพูดคำหนึ่ง ตอนแรกพวกเขาแสร้งพูดด้วยท่าทีผ่อนคลาย ทว่าต่อมากลับยิ่งพูดเร็วขึ้น ท่าทีก็ยิ่งเคร่งขรึมมากขึ้นเรื่อย ๆ สุดท้ายกลายเป็นการประลองกำลังภายในแทนเสียนี่
แม้เหยียนอี้จะไม่เข้าใจเรื่องทักษะการต่อสู้ แต่นางเคยได้ยินจากเฉินฟู่เซินไม่กี่คำ จึงพอรู้ว่าเมื่อยอดฝีมือประลองกำลังภายในก็ไม่ควรไปขัด เพราะนั่นอาจทำให้ธาตุไฟแตกซ่าน
นางอยู่ตรงกลางระหว่างทั้งสองคน กอดไหสุราไว้แน่น นางรู้สึกว่าไหสุราเริ่มหนักขึ้นเรื่อย ๆ ทว่านางไม่กล้าผ่อนแรง เพราะกลัวว่าจะรบกวนการประลองของทั้งคู่ มิฉะนั้น หากมีบางอย่างเกิดขึ้นกับองค์ชาย เกรงว่ามีหัวเดียวก็คงไม่พอ!
หลี่หรงเฉิงเห็นทั้งสองคนเจอกันไม่ทันไรก็จะตีกันเสียแล้ว เขาทั้งร้อนใจทั้งจนปัญญา เหยียนอี้ก็ไม่ต่างกัน นางไม่กล้าขยับเพราะกลัวไปขัดจังหวะเข้า
ซ้ำยังเห็นการประลองระหว่างทั้งคู่ยังไม่จบสิ้นเสียที ในที่สุดเหยียนอี้ก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป
ไหสุรานี้ยิ่งร้อนขึ้นเรื่อย ๆ นางจะยังถือไว้ได้อย่างไร? ไม่มีอะไรต้องกล่าวซ้ำอีก
ไม่นานนักก็มีเสียง ‘เพล้ง’ ดังขึ้น ไหสุราร่วงหล่นบนพื้น ปล่อยสุราสีน้ำตาลแดงเข้มไหลนองทั่วบริเวณ
หลี่หรงอวี่กอดเอวเหยียนอี้ ถีบเท้าไปด้านหลัง ไม่ให้สุรากระเด็นโดนเสื้อผ้าเหยียนอี้ ทว่าเสื้อคลุมตนเองกลับเปื้อนสุราไม่น้อย
จี้ชิงเฟิงก้าวถอยหลังอย่างรวดเร็ว สุราไม่โดนเขาแม้แต่นิดเดียว
เหยียนอี้ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ทว่าหลังจากนั้นหลี่หรงอวี่ก็ไม่ได้ปล่อยเอวของนาง
เหยียนอี้เตี้ยกว่าเขามาก เมื่อองค์รัชทายาทโอบเอวของนางไว้ ร่างของนางชิดจึงแนบไปกับแผ่นอก ได้ยินเสียงหอบหายใจระรัวดังแว่ว อาจเป็นเพราะการประลองถูกขัดจังหวะ กำลังภายในได้รับผลกระทบไม่น้อย หลี่หรงอวี่จึงรีบจัดการกดข่มพลังภายในของตนทันที
จี้ชิงเฟิงฟื้นคืนพลังกลับมาดังเดิม ใบหน้ากลับมาเป็นปกติ เขาเห็นเหยียนอี้ถูกหลี่หรงอวี่กอดอยู่ด้านหน้า คิ้วก็ขมวดชิดอย่างเสียไม่ได้
หลี่หรงเฉิงรีบเข้ามาถามหลี่หรงอวี่ทันที “องค์ชายสอง เป็นอะไรหรือไม่”
หลี่หรงอวี่ส่ายหัว
จี้ชิงเฟิงตบชุดเบา ๆ สองครั้ง ราวกับว่ามีฝุ่นละอองสกปรกบนไหสุรา ชายหนุ่มส่ายหน้าไปมาแล้วกล่าวว่า “ช่างน่าเสียดาย น่าเสียดายที่ข้าอุตส่าห์ใช้เงินมากมายซื้อสุราไหนี้ให้เจ้า”
หลี่หรงอวี่เหลือบมองเหยียนอี้ ทว่าเขามองไม่เห็นความพอใจของนาง จึงหันไปหาหลี่หรงเฉิงแล้วบอกว่า “น้องแปด เดี๋ยวไปร้านอาหารซื้อสุรามาสองไห แล้วส่งไปให้นาง”
หลี่หรงเฉิงผงกศีรษะ จูงม้าออกมา ก่อนจะกระโดดขึ้นหลังม้าจากไป
จิ้ชิงเฟิงกล่าวทั้งที่รอยยิ้มยังอยู่บนใบหน้า “องค์ชายแปด สุราชนิดนี้มาจากภัตตาคารจุ่ยเซียนต้งถิง จริงสิ…หนิวอ้ายฮวา สุราชนิดนี้เรียกอะไรหรือ”
ทว่าเหยียนอี้ตอบกลับอย่างโกรธเคืองว่า “ไม่รู้!”
สีหน้าหลี่หรงอวี่ดีขึ้นเมื่อเห็นจี้ชิงเฟิงกับเหยียนอี้ไม่ได้ดูมีไมตรีต่อกัน นางไม่รู้ตัวตนที่แท้จริงของจี้ชิงเฟิง เมื่อคิดว่าทั้งสองคนไม่ได้สนิทกัน ใบหน้าจึงฉายรอยยิ้มออกมา จากนั้นก็ยอมปล่อยเหยียนอี้แล้วกล่าวยิ้ม ๆ ออกมา “หากเจ้าไม่บอก น้องแปดก็ชดเชยให้เจ้าไม่ได้”
เหยียนอี้กล่าวเสียงเบา “จะให้องค์ชายแปดไปซื้อสุราได้อย่างไร ประเดี๋ยวข้าไปซื้อ….”
หลี่หรงอวี่ชี้ไปที่จี้ชิงเฟิง “ไม่ได้ เจ้าต้องรีบกลับไปที่วัง พวกข้าจะไปแทนเจ้าเอง”
เหยียนอี้คิดแล้วก็เห็นด้วย หากยังไม่กลับวัง เกรงว่าจะจัดการกับองค์อาณาจักรเหยียนองค์นี้ไม่ได้ นางจึงกล่าวกับหลี่หรงเฉิงว่า “องค์ชายเพคะ นี่คือสุราปี้เย่ฮวาโหย่วจากภัตตาคารจุ่ยเซียนต้งถิงเพคะ”
หลี่หรงเฉิงหัวเราะเสียงดัง “เอาล่ะ เดี๋ยวข้าจะให้อาหยุนไปส่งสุราที่ตำหนักฉืออัน”
เขาโบกมือ ก่อนจะขี่ม้าออกไป
หลี่หรงอวี่มองดูเสื้อผ้าบนตัวของเขาที่ย้อมด้วยสุราเป็นน้ำตาลแดง ถึงแม้เสื้อผ้าสีดำจะมองไม่ออก แต่ก็เปียกชื้น เกรงว่าจะดูไม่งามนัก มองแล้วมิน่าออกจากประตูได้ เขาต้องกลับไปตำหนักเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าเสียก่อน ประจวบเหมาะกับที่ต้องรอน้องแปด เขาจึงพูดกับเหยียนอี้ว่า “พวกเรากลับกันเถอะ”
เหยียนอี้พยักหน้าอย่างรวดเร็ว ไม่รอหลี่หรงอวี่ขี่ม้า นางรีบเดินไม่กี่ก้าวก็เข้าไปในประตูวังแล้ว
จี้ชิงเฟิงไม่ได้ตามไป แต่เขาโบกมือไปทางหลี่หรงอวี่ “ข้าได้ยินมาว่าคราวนี้องค์ชายอาณาจักรอวี๋ต้อนรับทูตของอาณาจักรเหยียนเป็นการส่วนตัวทีเดียว ทั้งเรื่ององค์หญิงหุยหูเข้าวังด้วย อีกสองวันจะมีงานเลี้ยงใช่หรือไม่?”
หลี่หรงอวี่พยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะขึ้นหลังม้า
จี้ชิงเฟิงกล่าวต่ออีกว่า “สาวใช้คนนั้นเป็นคนครัวของวังหลวง เจ้าควรเรียกนางมาทำอาหารให้ข้าสักจานสองจาน”
หลี่หรงอวี่ไม่สนใจเขา ตะโกนว่า “ไป!” แล้วแนบขากับท้องม้า จากนั้นควบม้าไปทางประตูวัง
จี้ชิงเฟิงหัวเราะ เขานั่งยอง ๆ พลางเหยียดนิ้วจุ่มสุราที่เหลืออยู่บนชิ้นส่วนเครื่องลายครามที่แตกของไหสุรา ชิมรสชาติสุราดูคร่าว ๆ พลางกล่าวด้วยรอยยิ้ม “สุราดี! สุราดี!”
หลี่หรงอวี่ขี่ม้าผ่านเข้ามายังวังชั้นใน เรียกขันทีให้จูงม้าไปเก็บที่คอกม้า ก่อนจะกลับตำหนักบูรพา
เดินไปไม่นานนัก เขาก็เห็นสตรีผู้หนึ่งกำลังอาละวาด เรือนผมถูกโพกไว้ด้วยผ้าโพกผม แต่งกายดูประหลาดพิลึก
สตรีผู้นั้นรีบเดินมาอย่างรีบร้อน ชนเข้ากับหลี่หรงอวี่แล้วล้มลงกับพื้น
หลี่หรงอวี่เห็นนางแต่งกายประหลาด ไม่คล้ายสาวใช้ในวัง เขาจึงถามออกไป “เจ้าเป็นใคร?”
ใบหน้านางเต็มไปด้วยน้ำตา นางทรุดลงบนพื้นอยู่นาน ไม่อาจลุกขึ้นได้ ทำได้เพียงร่ำไห้
หลี่หรงอวี่อดขมวดคิ้วอย่างเสียไม่ได้ เขาถามออกไปอีกครั้ง “เจ้าเป็นใคร?”
หญิงสาวผู้นั้นเงยหน้าขึ้นมอง นางพูดอะไรบางอย่างแต่มันเป็นภาษาที่เขาไม่อาจฟังออก ภาษาเองก็ประหลาดนัก เขาหยุดครู่หนึ่ง ฟังคำพูดอันฟังไม่ได้ศัพท์ต่อไป “หมอ… หมอ… อยู่ที่ไหน”
เป็นเพราะภาษาของนางไม่ดีนัก อีกทั้งยังคร่ำครวญเสียงดัง หลี่หรงอวี่ต้องฟังถึงสองครั้งจึงเข้าใจ
เขานึกได้ว่าตอนที่พบกับทูตหุยหู มีคนคณะทูตใช้สำเนียงเช่นนี้ คล้ายสำเนียงชาวหุยหู ดูเหมือนว่าหญิงสาวผู้นี้จะเป็นสาวใช้ขององค์หญิงหุยหูรูปงามที่แต่งเข้าวัง
“เจ้าค่อย ๆ พูด เกิดเรื่องอะไรขึ้น” หลี่หรงอวี่ถามนางอย่างใจเย็น
นางปาดน้ำตา แต่เพราะนางไม่รู้จักหลี่หรงอวี่ จึงสงสัยเล็กน้อย นางถามอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ว่า “ท่านเป็นใคร?”