ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต - เล่มที่ 13 บทที่ 362 นิทานเรื่องตากุ้งยิงและหูกุ้งยิง
- Home
- All Mangas
- ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต
- เล่มที่ 13 บทที่ 362 นิทานเรื่องตากุ้งยิงและหูกุ้งยิง
สายลมพัดโชยมา โบกพัดปอยผมตรงหน้าผากและข้างหูเซี่ยยวี่หลัวให้ปลิวขึ้น ก่อนติดอยู่บนริมฝีปากชุ่มชื้นของนาง
ริมฝีปากสีแดงดุจโลหิต เส้นผมสีดำดุจน้ำหมึก ทั้งสองต่างขับให้อีกฝ่ายดูเด่น แม้จะเป็นยามค่ำคืน ก็ยังมองเห็นอย่างชัดเจน
เซียวยวี่เอื้อมมือออกไปอย่างไม่อาจควบคุมตัวเองได้ จับเส้นผมที่ติดอยู่บนริมฝีปากเซี่ยยวี่หลัวขึ้น
ปลายนิ้วของเขาไม่ทันระวังจึงสัมผัสโดนริมฝีปากแดงของเซี่ยยวี่หลัว
ทันใดนั้น ในห้วงภวังค์พลันหวนนึกถึงเรื่องตอนกลางวัน สัมผัสที่ริมฝีปากสีแดงของเซี่ยยวี่หลัวประทับบนแก้มตัวเอง
ริมฝีปากของนางนุ่มมาก ชุ่มชื้นมาก ประทับลงบนแก้มของเขา แก้มของเขาแทบจะโดนเผาไหม้จนแดง
บัดนี้ได้สัมผัสอีกครั้ง เซียวยวี่รู้สึกว่าปลายนิ้วของตัวเองก็ใกล้จะไหม้แล้วเช่นกัน
เขามองเซี่ยยวี่หลัวแวบหนึ่ง คนตรงข้ามสีหน้าเรียบสงบ เห็นได้ชัดว่าไม่ได้เก็บเรื่องนี้มาใส่ใจ
เซียวยวี่ฝืนสะกดความรู้สึก พยายามสงบสภาวะอารมณ์ภายในใจไว้
เขาคิดแล้วเชียว การฝึกฝนของเขายังตื้นเขินนัก ยามทำเรื่องเช่นนี้ มีแต่โทษต่อตนเอง ไม่มีโทษต่อผู้อื่น
เซียวยวี่รีบรวบเส้นผมเหล่านั้นขึ้น จากนั้นจึงนำไปพาดไว้ด้านหลังใบหูของเซี่ยยวี่หลัว
ปลายนิ้วสัมผัสโดนใบหูของเซี่ยยวี่หลัวที่เย็นเล็กน้อย เซียวยวี่ตกใจจนร่างกายแทบสั่น
เขาลุกลี้ลุกลน เพียงกล่าวว่า “ข้ากลับห้องก่อน” จากนั้นจึงหนีไปด้วยความลนลาน
ราวกับว่าเซี่ยยวี่หลัวที่อยู่ข้างหลังเป็นสัตว์ร้ายที่กินมนุษย์ได้อย่างไรอย่างนั้น
ในที่สุดร่างกายของเซี่ยยวี่หลัวที่เกร็งประหนึ่งสายคันธนูก็ผ่อนคลายลง ผ่อนลมหายใจยาวด้วยความโล่งอก
เมื่อครู่ยามเซียวยวี่สัมผัสโดนริมฝีปากของนาง ในห้วงภวังค์ของนางกลับคิดว่า หากอมนิ้วมือนี้ไว้ในปาก จะรู้สึกเช่นไร? มีรสชาติอย่างไร?
ตอนนั้นนางเกือบอดใจไม่ไหว อีกเพียงนิดเดียวก็จะอมแล้ว
หลังจากนางตระหนักถึงความคิดในใจตนเอง เซี่ยยวี่หลัวก็ไม่กล้าคิดอีก รีบเบือนหน้าหลบ แสร้งทำเป็นไม่คิดอะไร ถึงแม้สีหน้าจะไม่เปลี่ยน แต่ภายในใจกลับเหมือนมีคลื่นยักษ์ถาโถมนานแล้ว
ในภายหลังเห็นเซียวยวี่หนีไปอย่างลนลานราวกับคนกำลังหนีเจ้าหนี้ก็มิปาน เซี่ยยวี่หลัวจึงส่ายหน้าด้วยความกลัดกลุ้ม หรือว่าท่าทางสตรีบ้าตัณหาของตัวเองดูชัดเจนเกินไป จึงทำให้เซียวยวี่ตกใจกลัว?
ก่อนหน้านี้ปรารถนาในร่างกายของเขา ตอนนี้ปรารถนาในมือของเขา มันช่าง…
เมื่อก่อนไม่รู้เลยว่าตัวเองบ้าตัณหาถึงเพียงนี้!
เซียวจื่อเมิ่งที่อยู่ข้างๆ ปิดตาไว้ เอาแต่ท่องว่าไม่ฟังไม่ดู
“พี่สะใภ้ใหญ่ ข้าลืมตาได้หรือยังเจ้าคะ? ” เสียงเด็กตัวเล็กฟังใสกังวาน เซี่ยยวี่หลัวถึงกับตกใจสะดุ้ง
“ทำไมเจ้าถึงยังอยู่ตรงนี้? ” ควรกลับห้องแล้วไม่ใช่หรือ?
เซียวจื่อเมิ่งปิดตาพลางส่ายหน้า “ข้าอยู่ตรงนี้ตลอดเจ้าค่ะ! แต่ข้าไม่เห็นอะไรและไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้นเจ้าค่ะ! ”
เรื่องที่ว่าไม่เห็นก็ยังพอเป็นไปได้ แต่เรื่องที่ว่าไม่ได้ยิน…
เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกว่าน่าขันนัก จึงกล่าวเป็นเชิงหยอกเย้า “เจ้าไม่ได้ปิดหูเสียหน่อย! ”
นางดึงมือทั้งคู่ของเซียวจื่อเมิ่งลง เพียงเห็นว่าดวงตาคู่กลมโตปิดสนิทอยู่ พร้อมบุ้ยปากสูง แทบจะแขวนตะเกียงน้ำมันได้ ท่าทางราวกับข้าไม่ได้แอบดูจริงๆ
เซียวจื่อเมิ่งลืมตาขึ้นช้าๆ ท่าทางลนลานทำตัวไม่ถูก “พี่สะใภ้ใหญ่ ข้าไม่ได้ปิดหู ได้ยินท่านกับพี่ใหญ่คุยกัน จะเป็นหูกุ้งยิงหรือไม่เจ้าคะ? ”
หูกุ้งยิง?
“มันคือสิ่งใด? ” เซี่ยยวี่หลัวไม่เคยได้ยินคำนี้มาก่อน
เซียวจื่อเมิ่งเบ้ปาก กล่าวด้วยท่าทางอัดอั้นใจเสียยิ่งกว่าอะไร “พี่รองบอกว่า ห้ามข้าดูท่านกับพี่ใหญ่ บอกว่าหากเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็นจะเป็นตากุ้งยิง ข้าไม่เห็นเลยแม้แต่น้อย แต่ข้าได้ยินสิ่งที่ไม่ควรได้ยิน จะเป็นหูกุ้งยิงหรือไม่เจ้าคะ? ”
อะไรคือเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็น? ได้ยินสิ่งที่ไม่ควรได้ยิน?
นางกับเซียวยวี่บริสุทธิ์เสียยิ่งกว่าอะไร ต่างก็ประพฤติตัวดี!
เจ้าเด็กตัวแสบ...
เซี่ยยวี่หลัวกัดฟัน ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันดังกรอด “…พี่รองของเจ้าอยู่ที่ไหน? ”
“เขากำลังฝึกเขียนหนังสืออยู่ที่ห้องเจ้าค่ะ”
เซี่ยยวี่หลัวขานตอบทีหนึ่ง “เช่นนั้นเจ้าไปบอกพี่รองของเจ้า ว่าคืนนี้ให้ฝึกเขียนเพิ่มอีกสิบตัว ให้เขาฝึกเขียนดีๆ เขียนไม่เสร็จห้ามนอนหลับ”
เซียวจื่อเมิ่งขานตอบทีหนึ่ง “เพราะอะไรเจ้าคะ? ”
“พี่รองของเจ้าเป็นตากุ้งยิง อ่านตำราและเขียนหนังสือให้มาก ถึงจะรักษาหายได้! ”
“พี่สะใภ้ใหญ่ เช่นนั้นข้าเป็นหูกุ้งยิงหรือไม่เจ้าคะ? ” เซียวจื่อเมิ่งรู้สึกกังวลยิ่งนัก
เซี่ยยวี่หลัวประคองศีรษะของเซียวจื่อเมิ่งไว้ มองดูหูของนางอย่างตั้งใจ จากนั้นจึงกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “เป็นหูกุ้งยิงจริงด้วย! ”
เซียวจื่อเมิ่งทำปากเบ้ทันที
ถึงแม้ไม่รู้ว่าตากุ้งยิงและหูกุ้งยิงคือสิ่งใด แต่เด็กเล็กย่อมรู้สึกว่าการเป็นโรคนั้นคือเรื่องไม่ดี จึงอยากร้องไห้ “พี่สะใภ้ใหญ่ ทำอย่างไรดีเจ้าคะ? มีทางรักษาให้หายหรือไม่เจ้าคะ! ข้าไม่อยากเป็นหูกุ้งยิง! ”
เซี่ยยวี่หลัวเห็นแล้วอยากขำ ตบศีรษะของนางเบาๆ กล่าวด้วยสีหน้าจริงจังเป็นพิเศษ “จื่อเมิ่งไม่ต้องกังวล โรคนี้รักษาง่ายเสียยิ่งกว่าอะไร พี่สะใภ้ใหญ่ย่อมมีวิธีรักษา คืนนี้ก็สามารถรักษาเจ้าให้หายได้แล้ว! ”
เซียวจื่อเมิ่งได้ยินว่าคืนนี้พี่สะใภ้ใหญ่สามารถรักษานางจนหาย จึงยิ้มออกมาทันที กอดเซี่ยยวี่หลัวพลางเอ่ยถาม “พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านรีบบอกมาว่าใช้วิธีอะไรเจ้าคะ? ”
“ขอเพียงคืนนี้พี่สะใภ้ใหญ่เล่านิทานให้เจ้าฟังเพิ่มอีกสองเรื่อง เล่าจบเมื่อไรหูกุ้งยิงก็หายแล้ว! ”
ถึงแม้จะเป็นหูกุ้งยิง แต่ตอนค่ำจะได้ฟังนิทานเพิ่มสองเรื่อง เซียวจื่อเมิ่งก็ดีใจจนรู้สึกเบิกบานยิ่งนัก ประคองหน้าเซี่ยยวี่หลัวก่อนจุมพิตสองที
ข้างซ้ายหนึ่งที ข้างขวาหนึ่งที บนนั้นยังมีน้ำลายเปียกชุ่ม จุมพิตจนเซี่ยยวี่หลัวรู้สึกใจอ่อนระทวย
“พี่สะใภ้ใหญ่ ข้าจะไปบอกพี่รองเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ! ”
เซียวจื่อเมิ่งวิ่งแจ้นไปบอกเซียวจื่อเซวียน “พี่รอง พี่สะใภ้ใหญ่บอกว่าคืนนี้ให้ท่านฝึกเขียนเพิ่มอีกสิบตัวเจ้าค่ะ”
“สิบตัวหรือ? ” ทุกคืนเซียวจื่อเซวียนจะเขียนห้าตัว เขียนตัวละหนึ่งหน้า หน้าละสามสิบตัว เขาใกล้เขียนเสร็จสามตัวแล้ว เหลืออีกเพียงสองตัว เดิมทีคิดว่าเขียนสองตัวสุดท้ายเสร็จจะไปอาบน้ำ อาบเสร็จแล้วไปห้องพี่สะใภ้ใหญ่เพื่อฟังนิทาน พอได้ยินว่าต้องเขียนเพิ่มอีกสิบตัว ก็เบ้ปากด้วยความอัดอั้นตันใจ “ข้าจะเขียนให้เสร็จได้อย่างไร! ”
เซียวจื่อเมิ่งบอกต่อวาจาของพี่สะใภ้ใหญ่ด้วยสีหน้าจริงจัง “พี่สะใภ้ใหญ่บอกว่า ให้ท่านเขียน เขียนไม่เสร็จห้ามนอนหลับ”
เซียวจื่อเซวียนรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ชอบมาพากล “ตอนกลางคืนพี่สะใภ้ใหญ่ไม่ให้ข้าใช้สายตามากเกินไปไม่ใช่หรือ? ”
พี่สะใภ้ใหญ่บอกว่าหากกลางคืนใช้สายตามากเกินไป ตาจะเสีย ดังนั้นปกติตอนกลางคืนจึงเขียนเพียงห้าตัว ก็ไม่ให้เขาเขียนอีกแล้ว
“พี่สะใภ้ใหญ่บอกว่าท่านเป็นตากุ้งยิง ต้องรักษาดีๆ บอกว่าท่านเขียนเสร็จสิบตัว ตากุ้งยิงก็จะหายเจ้าค่ะ! ” เซียวจื่อเมิ่งกล่าวด้วยท่าทีจริงจัง
เซียวจื่อเซวียนตกใจจนพู่กันแทบหลุดมือ “ทำไมเจ้าถึงเอาเรื่องนี้ไปบอกพี่สะใภ้ใหญ่? ”
เซียวจื่อเมิ่งกล่าวด้วยท่าทางกลัดกลุ้ม “ข้าก็เป็นหูกุ้งยิงเจ้าค่ะ! ”
“…” เซียวจื่อเซวียนกล่าวอะไรไม่ออก เป็นครั้งแรกที่ได้ยินว่ามีหูกุ้งยิง “มีหูกุ้งยิงที่ไหนกัน! ไม่มี”
เซียวจื่อเมิ่งส่ายหน้า “มีเจ้าค่ะ พี่สะใภ้ใหญ่บอกว่า ข้าเป็นหูกุ้งยิง คืนนี้ก็จะช่วยรักษาให้ข้า บอกว่าคืนนี้ก็สามารถรักษาให้หายได้! ”
คงมีเพียงพี่สะใภ้ใหญ่ของตนเองที่ไม่คิดตามหลักทั่วไปถึงจะกุเรื่องเพ้อเจ้ออย่างหูกุ้งยิงออกมาได้
เซียวจื่อเซวียนไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี “อ่อ พี่สะใภ้ใหญ่จะรักษาอย่างไร? ”
“พี่สะใภ้ใหญ่บอกว่า คืนนี้จะเล่านิทานให้ข้าฟังเพิ่มอีกสองเรื่อง บอกว่าเล่านิทานจบแล้ว หูกุ้งยิงของข้าก็จะหายเจ้าค่ะ! ” เซียวจื่อเมิ่งยิ้มหวานก่อนวิ่งออกไป
เซียวจื่อเซวียนรู้สึกสงสารตัวเองที่ยังต้องฝึกเขียนหนังสืออีกสิบสองตัว แทบอยากร้องไห้
พี่สะใภ้ใหญ่ อย่าทำเช่นนี้สิขอรับ