ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต - เล่มที่ 13 บทที่ 361 ข้าเซียวยวี่ จะทำอาหารให้เซี่ยยวี่หลัวไปชั่วชีวิต
- Home
- All Mangas
- ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต
- เล่มที่ 13 บทที่ 361 ข้าเซียวยวี่ จะทำอาหารให้เซี่ยยวี่หลัวไปชั่วชีวิต
เซียวยวี่ได้ยินเสียงทอดถอนใจ จึงรีบเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง “เป็นอะไรไป? ”
“หอมเหลือเกิน คิดไม่ถึงว่าฝีมือการทำอาหารของเจ้าจะดีถึงเพียงนี้! หากได้กินอาหารที่เจ้าทำไปชั่วชีวิตคงดีไม่น้อย” เซี่ยยวี่หลัวกล่าวอย่างตั้งตาคอย
ที่ไหนได้ พอเซียวยวี่ได้ฟังดังนั้นก็ใช้นิ้วโป้งกดตรงกลางฝ่ามือเซี่ยยวี่หลัวทีหนึ่ง เหมือนจะขุ่นเคืองแต่กลับนุ่มนวล “อย่าว่าแต่ชาตินี้เลย ชาติหน้าข้าก็จะทำอาหารให้เจ้ากิน”
เซี่ยยวี่หลัวยิ้ม “มีบุรุษคนใดกันที่ทำงานอยู่กับเตาปรุงอาหารทั้งวันทั้งคืน เจ้ายังมีเรื่องอื่นต้องทำอีก! ”
เซียวยวี่กล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “ต่อให้อยู่ข้างนอกมีงานยุ่ง ข้าก็ต้องกลับบ้านทุกวันไม่ใช่หรือ? ”
เซี่ยยวี่หลัว “…” ย่อมต้องกลับบ้าน
แต่หากต่อไปเป็นท่านราชบัณฑิตน้อย ท่านงานยุ่งจนแทบไม่ได้พัก จะได้กลับบ้านหรือไม่ก็ยังคาดเดาได้ยากนัก!
“ขอเพียงข้ากลับบ้าน ข้าก็จะทำอาหารให้เจ้ากิน ต่อให้ไม่มีเวลาเตรียม ข้าก็ต้องผัดกับข้าวให้เจ้าหนึ่งอย่าง! ” เซียวยวี่กล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “ทำอาหารที่เจ้าชอบกิน ดีหรือไม่? ”
นี่ถือเป็นคำมั่นสัญญาหรือ?
เซี่ยยวี่หลัวได้ฟังแล้วรู้สึกแสบจมูกขึ้นมา นางสะอื้นเล็กน้อย
เซียวยวี่เอ่ยถามด้วยความวิตก “เป็นอะไรไป? ”
“ซึ้งเกินไป ซึ้งจนน้ำตาจะไหลอยู่แล้ว! ” เซี่ยยวี่หลัวกล่าวตามจริง
เซียวยวี่จับตัวนางหันมา เห็นว่าขอบตานางกลายเป็นสีแดงจริง เซียวยวี่รู้สึกสงสารจับใจ จึงรีบกล่าว “เด็กโง่ มีอะไรน่าร้องไห้กัน? ”
เซี่ยยวี่หลัวปล่อยให้เขาใช้นิ้วมือเช็ดหยาดน้ำตาที่ไหลลู่ลงข้างแก้มตัวเอง ก่อนหัวเราะออกมา “ก็ข้ารู้สึกซึ้งใจนี่นา! ”
“เด็กโง่! ” เซียวยวี่โอบกอดนางไว้ในอ้อมอก แทบอยากกลืนกินนางเข้าไปทั้งหมด
“เรื่องที่ข้าเคยสัญญากับเจ้าไว้ ข้าจะทำไปชั่วชีวิต! ” เซียวยวี่กล่าวอย่างจริงจัง “ข้าเซียวยวี่ จะทำอาหารให้เซี่ยยวี่หลัวชั่วชีวิต! ”
เซี่ยยวี่หลัวฟังเสียงหัวใจของเซียวยวี่ที่เต้นอย่างทรงพลัง เพียงกล่าวว่าได้ด้วยน้ำเสียงสะอื้น
เวลานี้ เซี่ยยวี่หลัวเพียงคิดว่าเป็นการพูดเล่น
เซียวยวี่กลับไม่ได้คิดว่าเป็นการพูดเล่น
ทั้งคู่โอบกอดกันอยู่ครู่ใหญ่ ต่างไม่กล่าวอะไร เพียงกอดกันอยู่อย่างนั้น จู่ๆ เซี่ยยวี่หลัวก็นึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ ผละออกจากอกเซียวยวี่ มองเส้นผมของเขาด้วยอาการเหม่อลอย
“เป็นอะไรไป? ” เซียวยวี่ฝืนสะกดความตื่นเต้นไว้ แสร้งทำเป็นเอ่ยถามราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เขากลัวว่าเซี่ยยวี่หลัวจะรู้เรื่องที่ช่วงเที่ยงเขานอนบนเตียงของนาง สมควรตายนัก ตอนเขาไปกลับลืมเก็บเส้นผมของตัวเองไปด้วย แต่ในเวลานั้น ตัวเขาเองจะระเบิดอยู่แล้ว ใครยังจะคิดถึงเรื่องการทำลายหลักฐานอีก!
เซี่ยยวี่หลัวคิดไตร่ตรองอยู่นาน รู้ว่าหากเอ่ยถามประโยคนี้ออกมาอาจทำให้ท่านราชบัณฑิตน้อยรู้สึกเสียหน้า แต่นางก็ยังอยากถามอย่างอดไม่ได้ “ระยะนี้ผมของเจ้าร่วงเยอะใช่หรือไม่? ”
เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงรูปลักษณ์หน้าตาของท่านราชบัณฑิตน้อยในอนาคต พอคิดถึงภาพท่านราชบัณฑิตน้อยที่ผมร่วงหมดศีรษะ…
เซี่ยยวี่หลัวเพียงคิดถึงภาพท่านราชบัณฑิตน้อยในอนาคตที่จะไม่เหลือเส้นผมบนศีรษะ ก็รู้สึกใจหายทันที
เซียวยวี่รู้สึกงุนงง “หา…”
เซี่ยยวี่หลัวกล่าวปลอบใจ “อย่ากดดันตัวเองเกินไป ตอนกลางคืนพักผ่อนเร็วหน่อย อย่าเหนื่อยเกินไป บำรุงร่างกายให้มาก อาการผมร่วงน่าจะลดลงได้บ้าง”
นางยังคิดจะทำน้ำยาสระผมที่ช่วยเรื่องการงอกของเส้นผม ลองดูว่าสามารถช่วยบรรเทาอาการได้หรือไม่
ทว่า น้ำยาสระผมเป็นการแก้ไขที่ปลายเหตุไม่ใช่ต้นเหตุ ที่สำคัญที่สุดคือ ต้องแก้ไขปัญหาในใจ นางคิดว่าสาเหตุที่ทำให้เซียวยวี่ผมร่วงนั้นเป็นเพราะมีความเครียดมากเกินไป
เซียวยวี่อุทานว่าหาทีหนึ่ง “อ่อ! เข้าใจแล้ว”
หัวใจที่เต้นรุนแรงจึงสงบลง ยังดีที่นางไม่รู้
ผมของเขาแข็งแรงเสียยิ่งกว่าอะไร เว้นเสียแต่จะถูกดึงจนหลุดร่วงทั้งอย่างนั้น
พอคิดว่าตัวเองถูกดึงผมจนหลุดร่วง ก็ยื่นมือไปคลำศีรษะตามสัญชาตญาณ แค่คิดดูก็รู้สึกเจ็บหนังศีรษะแล้ว
ทำอาหารอยู่ครู่หนึ่ง ไก่ตุ๋นน้ำแดง หมูตุ๋น และเครื่องในไก่ผัดพริกก็ถูกยกไปวางบนโต๊ะ ถึงแม้ตอนเที่ยงทุกคนจะกินอาหารง่ายๆ แต่ก็เป็นบะหมี่ที่ต้มด้วยน้ำแกงไก่ที่เคี่ยวไว้ มื้อเย็นเห็นอาหารหนักสามอย่างนี้อีก ทั้งสี่คนจึงกินจนท้องกลมโต กินอาหารบนโต๊ะจนหมดเกลี้ยง
หลังกินมื้อเย็น เซี่ยยวี่หลัวต้องย่อยอาหาร
เพราะกินอาหารช้า กว่าจะกินเสร็จฟ้าก็มืดแล้ว เซี่ยยวี่หลัวไม่กล้าไปสวนหลังบ้าน ได้แต่เดินในลานหน้าบ้านช้าๆ เพื่อย่อยอาหาร
เซียวจื่อเมิ่งกระโดดโลดเต้นอยู่ข้างๆ ผ่านไปครู่หนึ่งก็มีเหงื่อออกท่วมศีรษะ
เซียวยวี่ออกมาจากห้องครัว เห็นเซี่ยยวี่หลัวเดินไปพลางสอนอาเมิ่งท่องหนังสือไปพลาง
อาเมิ่งโยกศีรษะไปมา พร้อมขับขาน “เบื้องหน้าเตียงแลเห็นแสงจันทร์กระจ่าง คิดว่าเป็นน้ำค้างแข็งบนพื้นดิน แหงนหน้ามองจันทร์กระจ่างพลันถวิล ยามก้มหน้าคิดถึงถิ่นที่จากมา”
นางขับขานไปพลางทำท่าทางไปพลาง ประเดี๋ยวแหงนหน้า ประเดี๋ยวก้มหน้า เซี่ยยวี่หลัวเห็นแล้วก็ถึงกับขำขัน
“จำได้หรือยัง? ”
เซียวจื่อเมิ่งพยักหน้า กล่าวเสียงใส “เจ้าค่ะ จำได้แล้ว ข้าร้องได้ทั้งหมดแล้วเจ้าค่ะ”
เซี่ยยวี่หลัวชูนิ้วโป้งขึ้น “จื่อเมิ่งช่างเก่งกาจเสียจริง พี่สะใภ้ใหญ่สอนแค่สามรอบเจ้าก็ร้องได้ทั้งหมดแล้ว”
เซียวยวี่ท่องทวนอีกหนึ่งรอบ ก่อนเดินขึ้นหน้าไปเอ่ยถามด้วยความตื่นเต้น “เบื้องหน้าเตียงแลเห็นแสงจันทร์กระจ่าง คิดว่าเป็นน้ำค้างแข็งบนพื้นดิน แหงนหน้ามองจันทร์กระจ่างพลันถวิล ยามก้มหน้าคิดถึงถิ่นที่จากมา นี่คือบทกลอนที่เจ้าเขียนหรือ? ”
บทกลอนนี้ความหมายเข้าใจได้ง่ายมาก บ่งบอกถึงความคิดถึงบ้านเกิด ช่างเป็นกลอนดีที่มีความหมายชัดเจนเข้าใจง่าย ท่องแล้วติดหูจดจำง่ายเป็นที่ชื่นชอบเสียจริง!
เซี่ยยวี่หลัวคิดไม่ถึงว่าเซียวยวี่จะออกมา จึงรีบหัวเราะกลบเกลื่อน “ท่านตาของข้าเป็นคนสอน! ตอนเด็กข้าไม่ชอบอ่านตำรา ท่านตาของข้าจึงขับขานให้ข้าจดจำ คิดไม่ถึงว่าท่องจำไม่ได้ แต่พอขับขานก็จดจำได้ทันที”
เซียวยวี่ “…” จู่ๆ ก็รู้สึกว่าท่านตาของเซี่ยยวี่หลัวเก่งกาจเสียยิ่งกว่าอะไร!
นอกจากจะสามารถรักษาโรคช่วยเหลือผู้คน ยังรู้บทกลอนกวีการขับขาน ทั้งยังรู้หลักดนตรีและการปรุงอาหาร ถือเป็นผู้รอบรู้ทุกด้านจริงๆ
เซี่ยยวี่หลัวเห็นเซียวยวี่ขมวดคิ้วไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ เกรงว่าเซียวยวี่จะไม่เชื่อ จึงเอ่ยถามด้วยความหวาดหวั่น “เจ้า… กำลังคิดอะไรอยู่? ”
“กำลังคิดเรื่องท่านตา! ” เซียวยวี่ยิ้มพร้อมกล่าว
นางได้รับสืบทอดจุดเด่นของท่านตามาแทบทั้งหมด
รู้หลักการใช้ยาและการปรุงอาหาร รู้บทกลอนกวีการขับขานและหลักดนตรี งานเย็บปักถักร้อยก็ทำได้อย่างชำนาญ
ก่อนหน้านี้ เซียวยวี่มักจะได้ยินท่านตาบอกว่า หลานสาวของตนเองผู้นี้ ทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง ทำอะไรก็ไม่ไหว แต่นาง…
“เขาน่ะหรือ…” เซี่ยยวี่หลัวก็ไม่เคยพบท่านตาที่เคยได้ยินมาแต่เรื่องเล่า ได้แต่หัวเราะกลบเกลื่อน
เซียวยวี่จ้องมองเซี่ยยวี่หลัวอย่างตั้งใจ ดวงตาทั้งคู่เป็นประกายราวกับเปล่งแสงได้อย่างไรอย่างนั้น เหมือนจะพบไข่มุกที่ถูกฝุ่นผงกลบไว้
“เขาถ่อมตัวเกินไป เขาสอนเจ้าได้ดีถึงเพียงนี้แท้ๆ! ”
เซี่ยยวี่หลัวในตอนนี้ อย่าว่าแต่หญิงชาวบ้านทั่วไปเลย ต่อให้เป็นบุตรีผู้ดีในเมืองหลวง ก็ยังเทียบนางไม่ได้ในเรื่องเหล่านี้
เซี่ยยวี่หลัว “…ใช่แล้ว เขารักข้ามาก! ”
ท่านตาของเจ้าของร่างเดิมยอมบากหน้าตัวเองมาของานแต่งนี้ให้นาง นั่นหมายความว่าท่านตาของนางดูออกแล้วว่าเซียวยวี่เป็นบุคคลที่เหมาะสม เพียงแต่น่าเสียดาย งานแต่งที่เขาแลกมาด้วยชีวิต สุดท้ายกลับกลายเป็นยันต์คร่าชีวิตหลานสาวของตนเอง
ไม่รู้ว่า หากเขาที่อยู่ในปรภพได้รู้เรื่อง จะนึกเสียใจกับการตัดสินใจของตัวเองหรือไม่
ถึงแม้แรกเริ่มเดิมทีเขาจะมีเจตนาดีก็ตาม!