ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 550 มีแผน (2)
ตอนที่550 มีแผน (2)
ตอนที่550 มีแผน (2)
อันที่จริงแล้ว หลัวซีต้องการจะยืดหยัดต่อสู้เคียงข้างเซียถงต่อไปในศึกคราวนี้ ตราบเท่าที่เขาทำได้ ซึ่งนั่นถือเป็นเรื่องที่ดี แต่เมื่อสังเกตเห็นแววความเศร้าสร้อยที่เร้นซ่อนอยู่ในดวงตาคู่นั้นของเซียถง จู่ๆก็พลันรู้สึกสังหารใจไม่ดีขึ้นมา จึงเอ่ยถามขึ้นคำหนึ่งอย่างไม่ค่อยแน่ใจว่า
“ชิงเยวี่ย เขา…”
“ข้าต้องไปก่อนแล้ว! ค่อยเจอกันใหม่!”
เซียถงหาได้เปิดโอกาสแก่เขาไถ่ถามใดๆ และสั่งให้เสี่ยวฮั่วรีบมุ่งหน้าไปยังพระราชวังด้านหลังทันที
หลิวซูกระโจนขึ้นสูง เปลี่ยนฝ่ามือของตนกลายเป็นคมกระบี่ยาวฟันตัดศรธนูดอกหนึ่งที่พุ่งเข้าหาโม่ซวนหน้าประตูพระราชวัง
ไม่ว่าเซียหลู่เฟิงจะพยายามอย่างไรก็ไม่สามารถตัดบ่วงคล่องอันนี้ได้สักที ในขณะเดียวกัน อสูรหมาป่าตนหนึ่งเหมือนจะหลุดรอดเข้ามาตั้งแต่เมื่อใดมิทราบ มันย่องเท้าเบาลอบเข้ามาใกล้อย่างเงียบงัน
ทุกคนไม่ทันสังเกตเห็นอสูรหมาป่าเหล่าตนนี้เลยสักนิด จะมีก็เพียงตอนที่หลิวซูกระโจนขึ้นฟ้าจึงพลันเหลือบเห็น แต่ก็สายเกินไปแล้วเช่นกันที่จะเอ่ยปากตะโกนเตือนให้เซี่ยหลู่เฟิงระวัง
อสูรหมาป่าขนเทาตนนั้นแยกเขี้ยวอันแหลมคมฉีกกว้าง พุ่งตะครุบโจมตีใส่เซี่ยหลู่เฟิงดุจดั่งสายฟ้า กัดเข้าที่ช่วงเอวของเขาหวังให้ถึงฆาตดับสิ้น
เสี้ยวพริบตาก่อนที่คมเขี้ยวแหลมคมของอสูรหมาป่าขนเทาตนนั้นจะเจาะทะลุเนื้อผิวของเซี่ยหลู่เฟิง ทันใดนั้นก็มีคมหอกลมปราณสีเงินสาดแสงระยับยิงลงมาจากฟากฟ้าดุจผีพุ่งไต้ เสียบสังหารอสูรหมาป่าตนนั้นตายคาที่ ร่างไร้วิญญาณโดนปักอยู่คาพื้นดินที่โดนทำลายจนกลายเป็นหลุมบ่อขนาดใหญ่
สถานการณ์พลิกผันฉับพลัน ทำให้ทุกศึกการต่อสู้ทั้งมวลหยุดลงกะทันหัน พวกเขาแต่ละคนไม่เว้นแม้แต่ฝ่ายศัตรูต่างมุ่งความสนใจจับจ้องไปยังทิศทางเดียว
“เซียถง!”
องค์จักรพรรดิตงหลี่ตกตะลึงจัด พริบตาที่เห็นเปรียบเสมือนมีสายอสนีบาตลูกใหญ่สะบั้นใส่กลางศีรษะ สักพักหนึ่งร่างกายที่นั่งอยู่บนบัลลังก์พลันสั่นเทาเกินจะควบคุม ดวงตาเบิกกว้าง สีหน้าการแสดงออกดูตื่นตูมสุดขีดราวกับไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่เห็น
“นางยังไม่ตายไปอีกงั้นรึ?!”
นายน้อยเขี้ยวหมาป่าเคลื่อนสายตาแลมองไปทางเซียถงในชุดแพรพรรณสีดำ ที่กำลังขี่ควบกิเลนอยู่กลางห้าว ในเวลานี้ แสงย่ำรุ่งแรกอรุณเริ่มบุกเบิก ทอเส้นเส้นสาดรัศมีตะวันสุดเส้นขอบฟ้า ทอดส่องกระทบปอยผมสีดำขลับที่พลิ้วไสวตามสายลม ภายใต้แสงแรกของวันอันสดใส นางเปรียบดั่งยอดขุนพลศักดิ์สิทธิ์ที่เพิ่งเดินทัพจากสรวงสวรรค์ลงมาบนผืนพิภพ!
“เซียถง! เซียถง!!”
หลิวซูรีบชิงตะโกนเรียกก่อนใคร
เซียถงส่งยิ้มให้เล็กน้อย แต่สายตาคู่สวยก็ยังจับจ้องไปที่ไป๋หลี่หานที่อยู่เคียงข้าง แลเห็นเนื้อตัวอีกฝ่ายปกคลุมไปด้วยบาดแผลน้อยใหญ่มากมาย แต่โชคยังดี บาดแผลเหล่านั้นยังไม่มีจุดใดวิกฤตอันตรายเกินควบคุม ได้เห็นดังนั้นก็ทำให้นางโล่งใจไปได้เปาะหนึ่ง
และพริบตาที่ได้เห็นนาง ไป๋หลี่หานพลันกระตุกมุมปากขึ้นยิ้มบางๆเช่นกัน จากแต่เดิมที่มีแต่รัศมีสังหารอาบคลุมอยู่ทั่วทั้งร่าง ตอนนี้ได้ผันเปลี่ยนกลายเป็นความอบอุ่นที่ซึมซาบเข้าสู่หัวใจของคนๆหนึ่ง ธารเลือดร้อนรุ่มสายหนึ่งรินไหลลากยาวจากหัวไหล่ ตกกระทบลงสู่กระบี่ทองคำในมือข้างหนึ่ง แต่อย่างไร ทันทีที่แรกเห็นเซียถงและพบว่านางยังปลอดภัยดี เท่านี้ไป๋หลี่หานก็รู้สึกโล่งใจเกินบรรยายได้แล้ว! ส่วนอาการบาดเจ็บเหล่านี้ รวมไปถึงสถานการณ์ในดินแดนอี้เฉิงที่ไม่ค่อยจะสู้ดีนัก ทั้งหมดทั้งมวล เขากลับไม่สนใจอะไรอีกแล้ว ขอเพียงนางยังปลอดภัย ไม่ว่าสิ่งใดเขาก็ยอมจ่ายเพื่อนาง!
“ฆ่านางเดี๋ยวนี้! ฆ่านางเพื่อข้าผู้นี้!!”
องค์จักรพรรดิตงหลี่ชี้นิ้วใส่ทางเซียถง แต่พึงทราบ มือทั้งข้างนั้นของเขาพลันเกิดอาการสั่นเทารุนแรงโดยมิตั้งใจ
แต่เมื่อได้ยินดังนั้น สายตานายน้อยหมาป่าเขี้ยวเงินก็สั่นไสวดูฉงนใจขึ้นมา เขาเอ่ยน้ำเสียงเย็นชาขึ้นว่า
“นาง…”
“ถูกต้อง!”
จักรพรรดิตงหลี่ไม่ยอมรีรอให้อีกฝ่ายพูดจบด้วยซ้ำ ใบหน้าเคร่งขรึมทมิฬมืดลงหลายส่วน และยังโพล่งร้องข้อเสนอขึ้นอีกว่า
“ขอเพียงฆ่านางได้ ไม่ว่าสิ่งให้ที่เจ้าต้องการ ข้าผู้นี้จะประทานให้ตามปรารถนา!”
นายน้อยเขี้ยวหมาป่าได้ยินดังนั้น ยิ่งปั้นสีหน้าฉงนใจหนักหนาและกล่าวถามอย่างไม่ค่อยเข้าใจนักว่า
“ไฉนต้องฆ่านางด้วย? เพราะเป็นองค์หญิงฉีหมิงเยว่ที่รอดจากการล้างบางจักรวรรดิหรู่หรานเมื่อครั้นอดีต?”
เมื่อได้ยินนายน้อยเขี้ยวหมาป่าเข้าใจผิดจนกล่าวไปถึงฉีหมิงเยว่ องค์จักรพรรดิก็ชะงักไปครู่หนึ่งด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะกล่าวอธิบายแถลงไขความจริงให้ฟังว่า
“นางไม่ใช่องค์หญิงฉีหมิงเยว่ แต่นางคือเซียถง!!”
ทันทีที่นามขานคำว่า‘เซียถง’เปล่งดังออกมา เสมือนอสนีบาตกู่ร้องคำรนขึ้นภายในใจของนายน้อยเขี้ยวหมาป่าฉับพลัน! เขามุ่งสายตาหันไปจับจ้องเซียถงโดยเร็ว อึดใจต่อมามุมปากพลันกระตุกยิ้มเยาะ เอ่ยทวนชื่อนี้ขึ้นวาจาหนึ่งในใจ ‘ที่แท้นางคือเซียถง’ เสาะหาทั่วทุกมุมในทวีปเทียนหลาง ไม่มีใครไม่รู้จักนามนี้ ทั้งลูกเล็กเด็กแดงกระทั่งพวกคนชราอายุร้อยปี แต่เขาผู้นี้เพิ่งจะรู้ ที่แท้นางคนนี้ก็คือเซียถงนี่เอง…
ทันใดนั้นเอง รอยยิ้มโล่งอกโล่งใจพลันปรากฏขึ้นภายใต้หน้ากากเขี้ยวหมาป่าของเขา และรอยยิ้มนั่นยังช่างไร้เดียงสาราวกับเด็กน้อยที่เพิ่งเสาะพบความจริง
“นางแข็งแกร่งมาก! ข้าอยากประมือกับนางสักครั้งจริงๆ!!”
นายน้อยเขี้ยวหมาป่านำสองมือขึ้นผสานพลางหักนิ้วเสียงกระดูกลั่นดังกรอกแกรก และดูเหมือนว่า อสูรหมาป่าขาวที่คอยเฝ้าอยู่เคียงข้างเองก็จะสัมผัสได้ถึงความตื่นเต้นเลือดร้อนของเจ้านายตนเองได้เช่นกัน จึงยืนสี่ขาลุกขึ้นเตรียมพร้อมลงสนามรบ ทั่วทั้งร่างของมันปกคลุมไปด้วยขนนุ่มหูสีขาวบริสุทธิ์ดุจเหมันต์ ยามนี้พร้อมเปิดฉากโรมรันสัประยุทธ์แล้ว!
แต่เสี้ยวพริบตานั้นเอง ขณะที่นายน้อยเขี้ยวหมาป่ากำลังจะย่างเท้าก้าวออกไป กลับมีกรงเล็บยาวพวยพุ่งเข้าใส่จากด้านข้าง ลอบโจมตีหวังเพื่อสกัดการเคลื่อนไหวของเขา
นายน้อยเขี้ยวหมาป่าตอบสนองว่องไวยิ่งยวด ตีระยะห่างก้าวพริบตาถอยกรู ส่วนอสูรหมาป่าขาวหันหน้าไปยังทิศทางที่บุคคลนิรนามลอบโจมตี และใช้กรงเล็บหนาของมันพุ่งตะปบตอบโต้สวนกลับโดยไว
และดูท่าบุคคลนิรนามที่ลอบโจมตีจะคาดไม่ถึงเช่นกันว่า อสูรหมาป่าขาวตนนี้จะแกร่งกร้าวยิ่ง นี่ร่นถอยก้าวหนึ่งออกมาว่องไว ถึงจะมีปฏิกิริยาตอบสนองรวดเร็วปานใด แต่ก็ยังรู้สึกตื่นตระหนักครั่นคร้ามสลักลึกในใจไม่หาย
อสูรหมาป่าขาวพุ่งกระโดดโจมตีต่อเนื่องหลายกระบวน ฝากฝังร่องรอยกรบเล็บฝังลึกไปทั่วพื้นขั้นบันได และเนื่องด้วยการโจมตีของมันที่ล้มเหลวไม่เข้าเป้า ส่งผลให้อสูรหมาป่าขาวตนนี้ยิ่งพิโรธเดือดดาล ทันใดนั้นมันก็เชิดจมูกสูง ศีรษะตั้งตระหง่านฟากฟ้าและส่งเสียงเห่าหอนดังสนั่นลั่นพิภพ!
บุคคลนิรนามที่ว่าคือเย่หลีเทียน ทันทีที่รับแรงปะทะกับคลื่นเสียงเห่าหอนของอสูรหมาป่าขาว เขาถึงกับกัดฟันแน่น สูดหายใจเข้าแช่มลึกปลดปล่อยรัศมีพลังลมปราณเข้าต้านรับขับสู้ แต่อย่างไร นี่ก็แสดงให้เห็นแล้วว่า กลุ่มทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าพวกนี้แข็งแกร่งมากเพียงใด!
“หลีเทียน! เจ้ากำลังทำบ้าอะไร!?”
องค์จักรพรรดิตงหลี่รู้สึกไม่พอใจยิ่งยวด เขาหรือจะคาดคิดว่า จู่ๆเย่หลีเทียนก็เข้าหยุดนายน้อยเขี้ยวหมาป่าอย่างไร้เหตุผลเช่นนี้? เขาทำไปเพื่ออะไร?
“เสวี่ยหลาง!”
นายน้อยเขี้ยวหมาป่าตะโกนเรียกชื่อขึ้นทีหนึ่ง อสูรหมาป่าขาวที่ตั้งท่าดุร้ายและแยกเขี้ยวขู่ใส่ ยามนี้ได้เดินสี่ขากลับมายืนอยู่เคียงข้างเขาอีกครั้งอย่างเชื่อฟัง
นายน้อยเขี้ยวหมาป่ากวาดสายตาเย็นชามุ่งหาเย่หลีเทียน และกล่าวน้ำเสียงเรียบนิ่งขึ้นคำหนึ่งว่า
“ท่านอัครมหาเสนาบดีเย่ คิดจะทำอะไร?”
เย่หลีเทียนระเบิดเสียงหัวเราะเย้ยเยาะ มุ่งสายตาสบปะทะกับนายน้อยเขี้ยวหมาป่าโดยตรง บังเกิดประกายไฟชนผสานขึ้นมาระหว่างทั้งคู่ อย่างไร อึดใจต่อมา สีหน้าท่าทางการแสดงออกของเย่หลีเทียนก็กลับมาดูสุภาพนอบน้อมอีกครั้ง เขาเคลื่อนสายตาเหลือบย้ายไปทางเซียถงที่อยู่เบื้องล่างพระราชวัง ทุกสายตาในขณะนี้ล้วนแต่มุ่งจับจ้องไปที่นางก็จริง แต่ตัวนางในขณะนี้กลับหาได้สนใจสิ่งรอบข้างไม่ และเลือกที่จะก็สบสายตากับไป๋หลี่หานดุจพิภพแห่งนี้มีเพียงสองเรา สองคนนั้นกำลังบอกรักผ่านสายตาของกันและกัน
แน่นอน สำหรับภาพฉากนี้ที่ได้เห็น เย่หลีเทียนรู้สึกปวดร้าวหัวใจเกินพรรณนาได้ เสมือนมีเปลวเผากำลังแผดพลาญเขาทั้งเป็น!
เขาถอดถอนสายตาออกมา มองตรงไปหาองค์จักรพรรดิตงหลี่และทูลกล่าวขึ้นว่า
“ฝ่าบาท ข้าน้อยมีแผน!”