ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 656 อยู่เหนือการควบคุม
ตอนที่ 656 อยู่เหนือการควบคุม
ตอนที่ 656 อยู่เหนือการควบคุม
โจวลี่หรงถามหลินเซี่ย “พวกเธอยุ่งจนถึงตอนนี้ได้กินข้าวหรือยังล่ะ? ถ้ายังไม่ได้กินเดี๋ยวฉันไปทำมาให้ จะปล่อยให้เซี่ยเซี่ยทนหิวไม่ได้นะ”
“แม่ พวกเรากินข้าวเที่ยงไปแล้ว ยังไม่หิว”
เป็นเพราะออกไปข้างนอกมาทั้งวัน เวลานี้หลินเซี่ยจึงรู้สึกเหนื่อยล้าอย่างมาก
เธอพูด “คุณปู่ คุณย่า พ่อ แม่คะ พวกเราขึ้นไปพักผ่อนก่อนนะ ถ้าหู่จือกลับมาก็บอกให้เขาเข้านอนเร็ว ๆ ด้วยนะคะ”
“ได้ ไปพักผ่อนเถอะ”
เฉินเจียเหอประคองหลินเซี่ยขึ้นไปชั้นบน พอเข้าไปในห้อง หลินเซี่ยก็หอบสังขารขึ้นเตียงไปแล้วไม่ยอมขยับอีก เฉินเจียเหอถอดเสื้อกันหนาวให้ภรรยาแล้วปล่อยให้เธอนอนพักก่อนนวดขาให้เธอ
วันนี้ใช้กำลังเดินเยอะ เฉินเจียเหอจึงกลัวว่าน่องหลินเซี่ยจะบวม หลังนวดเสร็จก็ไปประคองน้ำล้างเท้ามาให้เธอแช่เท้า
เฉินเจียเหอล้างเท้าให้หลินเซี่ย หลินเซี่ยบอกว่าจะโทรกลับไปบ้านแม่เพื่อถามว่าพวกเขากลับมาจากบ้านตระกูลเย่หรือยัง
วันนี้คุณย่าและพ่อแม่ของเธอไปเยี่ยมบ้านเย่ไป๋เพื่อไปสวัสดีปีใหม่ผู้อาวุโสเย่ ผู้อาวุโสเย่ถูกเรียกตัวไปดูเสิ่นอวี้หลง พวกเขาก็น่าจะกลับมากันแล้ว
แต่ปรากฏว่าตอนโทรไป พวกเขายังอยู่ที่บ้านเย่ไป๋
หลินเซี่ยถามอย่างประหลาดใจ “พ่อ ทำไมพวกพ่อยังไม่กลับอีกล่ะ?”
“พวกเรารอปู่เย่ของเธอกับเย่ไป๋กลับมาอยู่น่ะสิ ทุกคนกินข้าวด้วยกันก่อน แล้วเขาค่อยไปส่งพวกเรา”
หลินเซี่ยยิ้มพูด “พ่อ พวกพ่อนี่ไม่เกรงใจจริง ๆ เลยนะ”
“พวกเราร้อนใจอยากรู้ข่าวอวี้หลงเหมือนกันนี่นา ถึงรอให้ผู้อาวุโสเย่กลับมาแล้วถามไถ่สักหน่อย ได้ยินว่าเขาไม่เป็นไรแล้ว พวกเราก็วางใจได้เสียที”
เรื่องใหญ่ขนาดนี้ หากพวกเขาไม่อยู่ฟังข่าวเสียก่อน กลับไปก็คงไม่สบายใจ
เซี่ยเหลยพูด “เซี่ยเซี่ย พ่อคงไม่พูดกับลูกแล้วนะ พวกเราต้องกลับไปแล้ว ถ้าถึงบ้านเมื่อไหร่ค่อยโทรหาลูกอีกที”
เซี่ยเหลยวางสายไปแล้ว เย่ไป๋ขับรถไปส่งพวกเขา โดยมีเย่เจิ้งหัวกับหลี่เหม่ยเฟิ่งตามมาด้านหลังอย่างอาลัยอาวรณ์
ครั้นมาถึงหน้าประตูบ้าน เย่เจิ้งหัวก็ยิ้มพลางกล่าว “เอาล่ะพี่สาว เสี่ยวเซี่ย ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็ตกลงกันตามนี้ รอจนอากาศอบอุ่นขึ้นแล้วค่อยจัดการให้พวกเขาสองคนหมั้นหมายกัน”
แม่เฒ่าเซี่ยยิ้มรับ “ได้ เรื่องนี้ก็ตกลงกันตามนี้แล้วกัน”
“เสี่ยวอวี่ ไม่มีปัญหาใช่ไหม?” เย่เจิ้งหัวหันไปถามเซี่ยอวี่ยิ้ม ๆ ขอความคิดเห็นของหล่อนอีกครั้ง
รอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าสะสวยของเซี่ยอวี่ หล่อนตอบกลับอย่างรวบรัดชัดเจน “ไม่มีปัญหา พวกท่านจัดการกันตามสมควรเถอะค่ะ”
เย่ไป๋ได้ยินบทสนทนาระหว่างพ่อของตัวเองกับว่าที่แม่ยายแล้วก็ตกใจมาก
พวกเขาบอกว่าจะหมั้นหมายให้เขากับเซี่ยอวี่?
เซี่ยอวี่ก็ดูเหมือนจะไม่คัดค้าน?
เขาไปบ้านตระกูลเซี่ยกลับมารอบเดียว ชั่วเวลาไปกลับเท่านี้พ่อแม่ของเขาก็เจรจาหมั้นหมายกับว่าที่แม่ยายของเขาเสร็จเรียบร้อย แม้จะเป็นเพียงการหมั้นหมายแต่ก็เป็นความคืบหน้าครั้งใหญ่ สิ่งที่เขาคิดไม่ถึงยิ่งกว่าก็คือเซี่ยอวี่แสดงท่าทีออกมาชัดเจนมาก
หลังจากส่งพวกเขาถึงหน้าประตูบ้านตระกูลเซี่ยแล้ว เซี่ยอวี่ก็ให้แม่กับพี่ชายพี่สะใภ้เข้าไปก่อน ส่วนหล่อนอยู่คุยอะไรกับเย่ไป๋เล็กน้อย
เวลานั้น บนใบหน้าเย่ไป๋ฉายความยินดีที่ไม่อาจควบคุมได้ออกมา
รอจนคนอื่นปิดประตูลงแล้ว เขาก็รวบหญิงสาวเข้าสู่อ้อมกอด สีหน้าตื่นเต้นยินดี
เขากระซิบถามข้างหูหล่อนด้วยเสียงแหบพร่า “เสี่ยวอวี่ คุณเต็มใจหมั้นจริง ๆ เหรอครับ?”
เซี่ยอวี่ตอบ “ก็เต็มใจน่ะสิ ทำไมจะไม่เต็มใจ? ถ้าไม่ใช่เพราะอีกหน่อยต้องเข้ากองถ่ายแล้ว จะแต่งงานเลยก็ยังได้”
เย่ไป๋รู้สึกประหลาดใจมากที่เซี่ยอวี่เปลี่ยนไปมากขนาดนี้
“ทำไมจู่ ๆ คุณถึงเปลี่ยนใจล่ะ?”
พูดตามตรง เขาเตรียมใจว่าจะคบหากับหล่อนโดยไม่แต่งงานเอาไว้แล้ว
“ฉันคิดว่าหมั้นกันไว้ก็ดีเหมือนกัน ตอนอยู่กับพ่อแม่ของคุณ ฉันก็มีความสุขมาก แถมพ่อของคุณยังเป็นไอดอลของฉัน เขาเสนอให้พวกเราหมั้นกันเร็ว ๆ ฉันก็ต้องเห็นด้วยอยู่แล้วน่ะสิ”
เย่ไป๋ได้ฟังคำพูดของหล่อนแล้ว ดวงตาก็ฉายแววประหลาด
หมายความว่า นี่คืออิทธิพลของไอดอลอย่างนั้นหรือ?
เซี่ยอวี่พูดต่อไป “ฉันยังเป็นไอดอลของแม่คุณด้วย ต่อไปที่บ้านคงคึกคักน่าดู ฉันอยู่บ้านตัวเองจนเบื่อแล้วพอดี เริ่มพิจารณาไปอยู่ที่อื่นได้แล้ว”
เย่ไป๋ลูบจมูกหล่อนเบา ๆ ถามว่า “ต่อไปคุณจะอยู่ที่บ้านผมจนเบื่อหรือเปล่า?”
เซี่ยอวี่เอ่ยด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย “ถ้าเบื่อแล้ว พวกเราก็แค่ย้ายออกไปอยู่ข้างนอก”
เย่ไป๋พอใจกับคำตอบของแฟนสาวเป็นอย่างมาก
เขากลัวจริง ๆ ว่าเซี่ยอวี่จะพูดว่าเบื่อแล้วก็หย่ากันอะไรทำนองนี้ออกมา
แม้แฟนสาวจะอายุมากกว่าเขา แต่อาจเป็นเพราะหล่อนอยู่ในวงการบันเทิง บนร่างจึงมีกลิ่นอายต่างจากคนทั่วไป วิธีคิดแก้ไขปัญหาก็ต่างจากคนทั่วไป
ดีที่หล่อนเป็นคนจริงจังเรื่องความสัมพันธ์
“ที่รัก ขอบคุณคุณจริง ๆ ผมดีใจมาก”
เย่ไป๋ทำท่าจะดึงตัวหล่อนเข้ามาจูบ
เซี่ยอวี่ไม่ได้ปฏิเสธ สองแขนโอบกอดเขา โต้ตอบกลับอย่างกระตือรือร้น
เซี่ยไห่กำลังจะไปส่งลินดากลับบ้าน ครั้นออกจากบ้านมาก็เห็นภาพนี้เข้าพอดี
ไฟหน้าประตูบ้านสว่างไสว ขับเน้นให้เงาร่างในรถชัดเจนเป็นพิเศษ
พอลินดาเห็นภาพนั้น ใบหน้าเย็นชาก็มืดครึ้มลงทันที อยากจะไปทุบกระจกรถเสียด้วยซ้ำ
สภาพของเซี่ยอวี่ในตอนนี้ ช่างเหมือนกับคำโบราณว่าไว้ไม่มีผิด ไฟไหม้บ้าน สถานการณ์อยู่เหนือการควบคุม
เคราะห์ดีที่อยู่หน้าบ้านตัวเอง ถ้าเป็นที่อื่นแล้วถูกคนไม่ประสงค์ดีเห็นเข้า หรือถูกนักข่าวถ่ายรูปเอาไว้ ต่อไปหล่อนก็คงไม่ต้องอยู่ในวงการบันเทิงอีกแล้ว
แม้ฝ่ายตรงข้ามจะเป็นแฟนของตัวเอง แต่การที่บุคคลสาธารณะไม่ระวังภาพลักษณ์ตอนอยู่ในที่สาธารณะ ก็สามารถทำลายอาชีพการงานของตนได้เช่นกัน
ยังดีที่ตอนนี้อยู่ในเมืองไห่เฉิง ไม่มีนักข่าวสายบันเทิงที่น่ารำคาญเหล่านั้น ถ้าอยู่ในฮ่องกง หล่อนคงได้ขึ้นหน้าหนังสือพิมพ์ไปไม่รู้กี่ครั้งแล้ว
เซี่ยไห่เห็นฉากนี้ก็รีบดึงมือลินดาเดินหนีไปจากหน้ารถ
หากเป็นเซี่ยไห่สมัยยังโสด คงเดินไปเคาะกระจกรถเพื่อแกล้งพวกเขา แต่ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว
เพราะตอนนี้เขาก็มีแฟนแล้วเหมือนกัน
เขาเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่า ความรู้สึกตอนกำลังจูบกับแฟนแล้วมีคนมารบกวนนั้นเป็นอย่างไร
ด้วยเหตุนี้ เขาจึงแสดงความเห็นอกเห็นใจด้วยการพาแฟนสาวเดินอ้อมรถไปโดยไม่รบกวนทั้งคู่
คนสองคนที่อยู่ในรถกำลังดื่มด่ำกับรสจูบจนไม่ทันสังเกตว่ามีคนผ่านไปด้วยซ้ำ
เซี่ยไห่พาลินดามาส่งถึงหน้าบ้านแล้วก็ทำท่าจะตามหล่อนเข้าไปตามปกติ พูดได้ว่าเขาไม่อาจห่างจากลินดา
เขาอยากอยู่ในโลกที่มีเพียงเขากับแฟนสาวสองคน
ถึงแม้ว่าช่วงนี้จะได้เจอหน้าหล่อนทุกวัน ทว่าในครอบครัวใหญ่ของเขามีทั้งเด็กและผู้ใหญ่ เขาและหล่อนจึงต้องระมัดระวังเรื่องมารยาทอยู่เสมอ
แม้แต่จับมือกันก็ยังไม่เคย
ในที่สุดก็มีโอกาสได้อยู่ด้วยกันตามลำพัง เขาจึงอยากอยู่ใกล้ชิดหล่อนให้มาก
แต่ลินดาไม่ยอมให้เขาเข้าบ้าน ปิดประตูใส่หน้าเขาอย่างไม่ไยดี
ช่วงหลายวันที่อยู่บ้านตระกูลเซี่ยแม้จะเป็นช่วงเวลาที่คึกคักและอบอุ่น แต่โดยพื้นฐานแล้วหล่อนเป็นคนค่อนข้างเย็นชา การได้อยู่ในครอบครัวที่มีกันหลายคนเป็นครั้งคราวก็พอได้ แต่ถ้าจะให้อยู่กับทุกคนแบบนี้ทุกวัน หล่อนคงจะอึดอัด
หล่อนอยู่ตัวคนเดียวมานานหลายปีจนคุ้นเคยกับความเงียบสงบแล้ว ตอนนี้ใกล้จะสิ้นสุดช่วงปีใหม่ หล่อนต้องเริ่มเตรียมตัวทำงานได้แล้ว
ถ้าเซี่ยไห่ยังอยู่ด้วย หล่อนจะทำงานได้อย่างไร?
น่ารำคาญจะตาย
ลินดาอาบน้ำแต่งตัว เตรียมบทละครที่กำลังจะได้ใช้เร็ว ๆ นี้ จากนั้นก็ล้มตัวนอนบนเตียง โทรหาเซี่ยวอวี่
เซี่ยอวี่กลับเข้ามาก็ได้ยินว่าลินดากลับไปแล้ว
พอรับสายลินดา หล่อนก็ถามอย่างประหลาดใจ “ลินดา เธอเหมือนผีไม่มีผิด กลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่?”
ลินดาตอบเสียงเรียบ “ก็ตอนที่เธอกับเย่ไป๋กำลังพลอดรักกันในรถน่ะสิ”
เซี่ยอวี่ “!!!”
“แม่ดาราใหญ่ ในฐานะผู้จัดการ ฉันจำเป็นต้องคุยเรื่องนี้กับเธออย่างจริงจังแล้ว”
ท่าทีของลินดาเคร่งเครียดจริงจังอย่างมาก “ต่อไปช่วยหักห้ามใจหน่อยได้ไหม? ฉันรู้ว่าเธอยังสาวเลือดลมพลุ่งพล่าน แต่ช่วยทำในพื้นที่ส่วนตัวหน่อย ถ้าไม่ได้จริง ๆ เธอก็ตามเขากลับบ้านไป ปิดประตูลงแล้วจะทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น ฉันขอร้องล่ะ อย่าทำกันข้างนอกให้คนเขาดูหนังฝรั่งจะได้ไหม? ถ้าถูกถ่ายรูปไปจะทำยังไง? เธออยากทำลายอนาคตของตัวเองก็ทำไป แต่ฉันไม่อยากเสียหน้าที่การงานที่ฉันขายชีวิตสร้างขึ้นมาหรอกนะ”
“แค่ก ๆๆ”
ตอนนี้เซี่ยอวี่นั่งอยู่บนโซฟาในบ้านของตัวเอง ข้าง ๆ คือแม่กับพี่สะใภ้ หล่อนรีบร้อนลุกขึ้นแล้วก้าวไว ๆ ออกไปจากห้องนั่งเล่น
หลังกลับห้องปิดประตูแล้ว หล่อนค่อยเถียงกลับอย่างไม่ยอมแพ้ “เย่ไป๋เป็นแฟนฉัน ไม่ใช่คนอื่นเสียหน่อย”
“ต่อให้เป็นคนรักของเธอก็ไม่ควรทำแบบนั้นในที่สาธารณะ”
ลินดาเริ่มคิดถึงเซี่ยอวี่เจ้าหญิงน้ำแข็งที่รักไม่ยุ่งมุ่งแต่งานคนนั้นเสียแล้ว
เมื่อก่อนเคยได้ยินแต่เพื่อนร่วมงานพูดว่า นักแสดงที่กำลังมีความรักนั้นน่าปวดหัวมาก ตอนนี้นับว่าหล่อนได้สัมผัสด้วยตัวเองแล้ว
หล่อนเสนออย่างจริงจัง “ฉันเห็นว่าเธอกับหมอเย่มั่นคงต่อกัน งั้นก็แต่งงานกันไปเลยสิ สถานการณ์ของเธอในตอนนี้ ถ้าไม่แต่งงานก็จัดการยากจริง ๆ ฉันกลัวเหลือเกินว่าถ้าเธอปล่อยเนื้อปล่อยตัวต่อไปแบบนี้ วันไหนถูกคนถ่ายรูปไปได้ขึ้นมา ภาพลักษณ์จะเสียหายเอาได้”
หล่อนเข้าใจเมืองไห่เฉิงและธรรมเนียมปฏิบัติของที่นี่แล้ว
ผู้คนเรียบง่าย ความคิดอนุรักษ์นิยม
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
คนมีความรักอะนะ อะไรก็ฉุดไม่อยู่ โชคดีที่คนมาเห็นเป็นคนใกล้ตัว
ไหหม่า(海馬)