ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 649 ขอให้เฉินเจียซิ่งใช้เส้นสาย
ตอนที่ 649 ขอให้เฉินเจียซิ่งใช้เส้นสาย
ตอนที่ 649 ขอให้เฉินเจียซิ่งใช้เส้นสาย
คุณแม่เซี่ยยิ้มกล่าว “เอ้อร์เลิ่งจะเป็นหมอ ให้เขาเรียนกับผู้อาวุโสเย่ต่อไปเถอะ วันหน้าจะได้เป็นแพทย์แผนจีนที่เก่งกาจ สร้างประโยชน์ให้ทุกคน”
ตอนกินข้าว หลินจินซานก้มหน้าตลอดเวลา เอาแต่ยัดอาหารใส่ปากไม่หยุด ปกติเขาเป็นคนช่างพูด วันนี้พยายามทำตัวไม่เป็นที่สังเกตอย่างเต็มที่ จะได้ไม่ทำให้เซี่ยไห่โมโหอีก
รอจนกินข้าวเสร็จ เซี่ยไห่กลับห้องไปแล้ว หลินจินซานค่อยหันไปเอ่ยกับพวกคุณแม่เซี่ยและเซี่ยเหลยเสียงเบา
“ย่าครับ ลุงเซี่ย แม่ พ่อแม่ของชุนฟางบอกว่าจะมาเป็นแขกที่บ้านครับ”
คุณแม่เซี่ยกับหลิวกุ้ยอิงได้ยินข่าวนี้แล้วก็ดีใจมาก
ญาติผู้ใหญ่ฝ่ายหญิงออกปากว่าจะมาเยี่ยมปีใหม่ที่บ้านก็แสดงว่าอยากเกี่ยวดองกับพวกเขาจริง ๆ แล้ว
“วันไหนล่ะ?” หลิวกุ้ยอิงถาม
หลินจินซานตอบ “พวกเขาให้ผมเลือกวันแล้วบอกพวกเขาอีกที”
“ถ้าอย่างนั้นก็เอาเป็นวันมะรืนนี้เถอะ” คุณแม่เซี่ยตัดสินใจ “พรุ่งนี้ฉันจะไปสวัสดีปีใหม่ผู้อาวุโสเย่ที่บ้านเย่ไป๋ ผู้อาวุโสเย่เป็นผู้มีพระคุณของพวกเรา พวกเราต้องไปสวัสดีปีใหม่เขา”
จะได้คุยเรื่องมงคลระหว่างเย่ไป๋กับเซี่ยอวี่กับพ่อแม่ของเย่ไป๋ไปด้วยเลย
“เอาตามที่ย่าของเธอพูดก็แล้วกัน วันที่สี่พวกเราจะรอต้อนรับพ่อแม่ของชุนฟาง”
เห็นทุกคนให้ความสำคัญเช่นนี้ หลินจินซานก็ดีใจมาก “ครับ ถ้างั้นผมจะโทรไปบอกที่บ้านชุนฟางตามนี้”
ขณะที่เฉินเจียเหอกับหลินเซี่ยกำลังจะกลับบ้านในตอนเย็น ก็เจอเฉินเจียซิ่งกับหยางหงเสียที่กลับมาจากบ้านพ่อตาเข้าพอดี
ตอนแรกเฉินเจียเหอกับหลินเซี่ยจูงมือกันเดินค่อนข้างช้า หู่จือกระโดดโลดเต้นนำอยู่ข้างหน้า ทันใดนั้นไม่รู้ว่าหู่จือเห็นอะไรเข้าจึงหันกลับมา
“พ่อครับ แม่ครับ คนขี้เมาที่เดินโซเซอยู่ข้างหน้าเหมือนจะเป็นอารองของผมเลย”
เฉินเจียเหอมองไปแล้วก็พบว่าใช่จริง ๆ
ดูเหมือนเฉินเจียซิ่งจะเมาแล้ว เดินโซซัดโซเซ หยางหงเสียประคองเขาเดินมาอย่างลำบาก เขาสะบัดหยางหงเสียออกแล้วโผไปเกาะต้นไม้ต้นหนึ่ง ท่าทางเหมือนกำลังอาเจียน
เฉินเจียเหอปล่อยมือจากหลินเซี่ย บอกให้เธอกับหู่จือเดินช้าหน่อย จากนั้นก็ก้าวเร็ว ๆ เข้าไปหาเฉินเจียซิ่ง
“นายดื่มเหล้า?”
“พี่ใหญ่ พี่ไม่ได้ดื่ม?” เฉินเจียซิ่งเกาะไหล่เฉินเจียเหอ มองเขาพลางฉีกยิ้ม “พี่ใหญ่ บ้านพ่อตาของพี่ไม่ค่อยดีกับพี่เลยนะ ปีใหม่แบบนี้แม้แต่เหล้าก็ยังไม่ให้ดื่ม”
เฉินเจียเหอผลักเขาออกอย่างรังเกียจ
เฉินเจียซิ่งหน้าแดงก่ำ ยืนก็ยืนได้ไม่มั่นคง “พี่รู้ไหมผมดื่มไปเยอะแค่ไหน? พ่อแม่ของหงเสียรวมกับญาติคนอื่น ๆ สลับกันมาทักทายชนแก้วกับผม คนเขาดื่มกับผมคือให้เกียรติผม ถ้าผมไม่ดื่มก็เท่ากับว่าไม่ไว้หน้าเขาน่ะสิ ผมต้องดื่ม ต้องทนให้ได้”
หลินเซี่ยได้กลิ่นเหล้าแล้วอยากอาเจียน เห็นคนเมาแล้วก็อยากหลีกเลี่ยงโดยสัญชาตญาณ
เฉินเจียเหอให้หยางหงเสียกับหลินเซี่ยไปก่อน
เขารอให้เฉินเจียซิ่งอาเจียนเสร็จค่อยพยุงน้องชายกลับบ้าน
หยางหงเสียประคองเฉินเจียซิ่งไม่ไหว จึงได้แต่ให้เฉินเจียเหอประคอง
เฉินเจียซิ่งที่กำลังเมามายโม้ไม่หยุด “พี่ชาย พูดตามตรงนะ บ้านพี่สะใภ้ไม่เห็นพี่อยู่ในสายตาใช่ไหม ทำไมถึงไม่ให้พี่ดื่มเหล้า?”
“ดูอย่างผมสิ อย่างน้อยก็ดื่มเหล้าไปหนึ่งชั่งครึ่ง”
“ดูอย่างนายอะไรกัน? นายมีอะไรให้เอาอย่างด้วยเรอะ” เฉินเจียเหอประคองเขากลับบ้าน เฉินเจียซิ่งกอดต้นไม้โอ้อวดไม่หยุด ทำอย่างไรก็ไม่ยอมกลับ
เฉินเจียเหอยกเท้าเตะบั้นท้ายเขาด้วยความโมโห
เฉินเจียซิ่งเดิมก็ยืนได้ไม่มั่นคง พอถูกเขาเตะแบบนี้ ถ้าไม่ได้กอดต้นไม้ไว้คงล้มไปแล้ว
เฉินเจียซิ่งกอดต้นไม้พลางพยายามเตะคืน “เฉินเจียเหอ พี่เตะผม?”
“ถ้ายังเมาอาละวาดอีก ฉันจะเตะให้นายช้ำในตายเลยคอยดู”
พูดจบ เขาก็เดินหนีไปอย่างรวดเร็ว
เฉินเจียซิ่งเห็นพี่ชายไม่สนใจตัวเองจึงได้แต่ปล่อยมือจากต้นไม้เดินโซเซตามหลังไป
คนตระกูลเฉินเห็นเฉินเจียซิ่งเมามายกลับมาก็ขมวดคิ้ว
เห็นสีหน้าตำหนิของผู้ใหญ่ในบ้าน เฉินเจียซิ่งจึงแก้ต่างให้ตัวเองว่า “คุณปู่คุณย่า พ่อแม่ อย่ามองผมแบบนั้น ผมไปบ้านพ่อตามาดื่มนิดหน่อยจะเป็นไรไป? ลองถามหงเสียดูก็ได้ คนที่บ้านหงเสียดีกับผมมาก คุณลุงคุณอาญาติลูกพี่ลูกน้องบ้านหงเสียล้วนมาทักทายดื่มเหล้ากับผม ผมจะไม่ดื่มก็ไม่ได้นี่นา”
เฉินเจียวั่งที่อยู่บ้านมาทั้งวันจนแทบจะรากงอกอยู่แล้วเอ่ยถาม “คนเขาต้อนรับขับสู้พี่ดีแบบนี้ พี่คงไม่ได้รับปากอะไรส่งเดชหรอกนะ?”
ได้ยินมาแต่แรกแล้วว่าแม่ของพี่สะใภ้รองของเขาไปรับปากคนที่บ้านส่งเดช บอกว่าลูกเขยของพวกตนเก่งกาจมาก
วันนี้พี่รองของเขาดื่มไปหนักขนาดนี้ ญาติ ๆ เหล่านั้นจะปล่อยเขาไปงั้นหรือ?
พอเฉินเจียวั่งถามแบบนั้น ทุกคนก็หันมามองอย่างพร้อมเพรียง
แม้จะไม่ได้ถามออกมา แต่สายตาของทุกคนล้วนมีความหมายเดียวกับคำถามของเฉินเจียวั่ง
และอยากรู้ว่าเฉินเจียซิ่งได้รับปากอะไรส่งเดชหรือเปล่า
เฉินเจียซิ่งดื่มมากเกินไป สมองไม่แจ่มใสเท่าใด สติใกล้จะปิดเครื่องอยู่แล้ว
“ผมลืมแล้ว ลืมหมดแล้ว” เขามองหยางหงเสียแล้วถามว่า “หงเสีย ผมไม่ได้พูดอะไรส่งเดชใช่ไหม?”
พอถามคำถามนี้ หยางหงเสียมีสีหน้ากระอักกระอ่วน ลำบากใจอย่างเห็นได้ชัด
หล่อนถึงขั้นรู้สึกอับอายจนหน้าร้อนผ่าวไปหมด
เพราะถึงอย่างไรวันนี้ก็ไปบ้านแม่ของหล่อนมา
แต่ว่า…
คนบ้านแม่ของหล่อนนั้นทำให้คนพูดไม่ออกเลยจริง ๆ
เฉินเจียซิ่งไม่ได้พูดอะไรเหลวไหลที่บ้านหล่อน ตอนเพิ่งไปก็ถ่อมเนื้อถ่อมตัวดีมาก
แน่นอน เฉินเจียซิ่งเคารพพ่อแม่ของหล่อนมาก เป็นเขยใหม่ที่มีคุณสมบัติเพียบพร้อม
หลังจากนั้นพวกเขาก็ไปสวัสดีปีใหม่บ้านคุณลุงคุณอา ทักทายปีใหม่เสร็จกลับมาที่บ้านแม่ของหล่อนได้ไม่ทันไร ญาติจากบ้านคุณลุงคุณอาของหล่อนก็ตามมา บอกว่าอยากดื่มเหล้ากับเขยใหม่สักหน่อย
คุณลุงคุณอากับญาติลูกพี่ลูกน้องของหล่อนเหล่านั้นมีการเตรียมตัวมาอย่างเห็นได้ชัด ตั้งใจมามอมเหล้าเฉินเจียซิ่งโดยเฉพาะ
เริ่มจากยกยอปอปั้น บอกว่าเฉินเจียซิ่งเก่งกาจมีความสามารถ ชมว่าหล่อนวาสนาดี จากนั้นก็บอกว่าอยากพึ่งพาหลานเขย คนคนเดียวมีชีวิตดีไม่ถือว่าดี ต้องช่วยให้ทั้งครอบครัวได้ดีด้วยจึงถือว่าดี
ยังอ้างคุณธรรมมากดดันหล่อน บอกว่าหล่อนได้ดีแล้ว ต้องช่วยให้ครอบครัวได้ดีด้วย
หลังจากพูดเรื่องนั้นเรื่องนี้ไปรอบหนึ่ง พวกเขาก็เข้าประเด็น
ที่แท้ญาติผู้น้องของหล่อนจะไปเป็นทหาร แต่ปรากฏว่าทดสอบไม่ผ่าน อาของหล่อนไม่ยอมแพ้ อยากให้ลูกชายเข้าร่วมกองทัพ หลังจากเปลี่ยนงานแล้วก็อยากให้มีงานเป็นชิ้นเป็นอัน
พวกเขารู้ว่าเฉินเจียซิ่งอาศัยอยู่ในบ้านหลังใหญ่ในเขตทหาร มีสายสัมพันธ์กับกองทัพ
ก่อนหน้านี้มาหาพ่อของหล่อนหลายครั้ง แต่เพราะตอนแต่งงาน พ่อแม่ของหล่อนรับปากไว้ว่าจะไม่รับปากช่วยใครส่งเดช แถมหล่อนยังยืนกรานว่าเฉินเจียซิ่งเป็นเพียงเจ้าหน้าที่กำกับดูแลตลาด ไม่มีอำนาจอะไร ช่วยเหลือใครไม่ได้
ดังนั้นจึงถูกพ่อแม่ของหล่อนขวางเอาไว้ คุณลุงคุณอาก็ไม่สะดวกมาหาพวกหล่อน พ่อแม่ของหล่อนไม่กล้าพูดถึงเรื่องนี้ วันนี้พอเฉินเจียซิ่งไปทักทายปีใหม่ถึงฉวยโอกาสไว้ได้
หยางหงเสียมานึกถึงเรื่องที่พวกผู้ชายที่บ้านเดิมของหล่อน กรอกเหล้าเฉินเจียซิ่งเพราะอยากให้เขารับปากช่วยจัดการเรื่องราวให้แล้วก็หนาวสันหลังวาบ
ทั้งยังใช้เหตุผลต่าง ๆ นานามามัดมือมัดเท้าหล่อน “หงเสีย เธอเป็นเด็กที่มีอนาคตไกลที่สุดในบ้านเรื่องญาติผู้น้องของเธอ เธอจะไม่ช่วยไม่ได้นะ ถ้าเขาได้เข้าร่วมกองทัพ มีหน้าที่การงานมั่นคงแล้ว วันหน้าตระกูลหยางของพวกเราไปไหนก็มีหน้ามีตาไม่ใช่เหรอ?”
อาของหล่อนยกแก้วเหล้าจะให้หล่อนดื่มให้ได้ บอกว่าเรื่องนี้ถ้าพวกเขาไม่รับปาก เขาก็จะถือแก้วเหล้าไว้อย่างนั้น
ลุงของหล่อนก็ช่วยพูดว่า
“ใช่แล้ว หงเสีย พวกเราเป็นอากับลุงแท้ ๆ ของเธอนะ หงเฉียงก็เป็นญาติผู้น้องของเธอ เรื่องของเขาเธอต้องช่วยเหลือ ต่อไปพวกเขาจะได้เป็นที่พึ่งให้เธอได้”
ตอนนั้นหล่อนพยายามปฏิเสธไปอย่างอ้อมค้อมว่า “อา ไม่ใช่ว่าพวกฉันไม่อยากช่วย แต่เป็นเพราะช่วยไม่ไหวต่างหาก ฉันก็แค่เด็กฝึกงานร้านเสริมสวย เจียซิ่งก็เป็นแค่ผู้จัดการตลาด เรื่องของกองทัพไม่ใช่หน้าที่ของพวกฉัน”
“ดูเธอทำเข้าสิ จะมาเล่นแง่กับพวกฉันใช่ไหม?” อารองมองเฉินเจียซิ่งพลางว่า “ถ้าพวกเธอสองคนไม่มีความสามารถ บ้านหลานเขยก็อยู่ในเขตทหารไม่ใช่รึ? อย่าว่าแต่ให้ญาติผู้น้องของพวกเธอเป็นทหารเลย ต่อให้เขาเป็นหัวหน้า ก็แค่คำพูดประโยคเดียวของผู้อาวุโสเฉินเท่านั้นแหละ”
เฉินเจียซิ่งได้ยินอย่างนี้ก็แทบจะตบโต๊ะเลยทีเดียว
เขาจะใช้ไม่ได้แค่ไหนก็ไม่อาจปล่อยให้คนนอกมาว่าร้ายปู่ของเขา เฉินเจียซิ่งข่มความโกรธอธิบายว่า “อารอง ปู่ของผมมือสะอาดมาทั้งชีวิต ปีนั้นอยากให้ผมเข้าร่วมกองทัพ แต่ตอนตรวจร่างกายผมมีแผลไฟไหม้จึงไม่ผ่าน แม้แต่ผมที่เป็นหลานแท้ ๆ ของคุณปู่ยังไม่ใช้เส้นสาย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนอื่น ตอนนี้เขาปลดเกษียณแล้ว ยิ่งไม่มีทางทำเรื่องผิดหลักการของตัวเอง ในเมื่อญาติผู้น้องสุขภาพอ่อนแอทดสอบร่างกายไม่ผ่าน ต่อให้ส่งเข้ากองทัพไปก็คงตามคนอื่นไม่ทันอยู่ดี อย่าส่งเขาเข้าไปทรมานจะดีกว่า”
พอเฉินเจียซิ่งพูดจบก็หน้าทิ่มลงบนโต๊ะทันที
เมาหลับไปแล้ว
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ญาติบ้านหยางนี่ก็ร้ายพอกัน ส่งเข้าห้องขังปรับทัศนคติสักเจ็ดวันดีไหมนะ จะได้รู้ซึ้งว่าการหมิ่นประมาทอดีตเจ้าหน้าที่ทหารจะได้รับโทษยังไง
ไหหม่า(海馬)