ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 646 รถชน
ตอนที่ 646 รถชน
ตอนที่ 646 รถชน
ในวันที่สองของปีใหม่ ในที่สุดคำพูดโน้มน้าวให้แต่งงานของคุณแม่เซี่ยก็บังเกิดผล อย่างน้อยเย่ไป๋กับเซี่ยอวี่ก็รับปากว่าจะพิจารณาเรื่องแต่งงานอย่างจริงจังแล้ว
เซี่ยไห่ก็เปลี่ยนท่าที อยากแต่งลินดาเข้าบ้าน
ทุกคนล้วนดูออกว่าถ้าเซี่ยอวี่แต่งงาน ลินดาที่เป็นผู้จัดการส่วนตัวก็คงจะยอมแต่งงานเช่นเดียวกัน
เหมือนที่คุณแม่เซี่ยพูด ปัญหาอยู่ที่สองคนนี้
หลายปีมานี้ เซี่ยอวี่และลินดาคอยช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ประสบความสำเร็จด้วยกัน จนปัจจุบันมีอาชีพการงานมั่นคง ความคิดหลาย ๆ อย่างก็เข้ากันได้ดีมาก
พวกหล่อนเป็นที่พึ่งทางใจของกันและกัน ดังนั้น หลังจากเซี่ยอวี่มีแฟน ลินดาเสมือนขาดสิ่งยึดเหนี่ยว จึงยอมเผชิญหน้ากับใจตัวเองและยอมเปิดรับเซี่ยไห่
หลังกินข้าว ทุกคนเสนอให้ออกไปเดินเล่นเพื่อสัมผัสบรรยากาศและกลิ่นอายปีใหม่บนท้องถนน
เนื่องจากรถของเซี่ยไห่ไม่อยู่ รถของเย่ไป๋ก็มีที่นั่งไม่พอสำหรับทุกคน ทุกคนจึงต้องเดินเท้าออกไป
บนท้องถนนมีกลิ่นอายของปีใหม่อย่างเข้มข้น มีคนเร่ขายขนม ขายงานฝีมือแบบต่าง ๆ ขายน้ำตาลปั้น ภาพวาดน้ำตาลและของเล่นนานาชนิด ล้วนแต่เป็นของที่พวกเด็ก ๆ ชอบกันมาก
บรรยากาศคึกคักอย่างยิ่ง
เงินอั่งเปาที่หู่จือได้มาวันนี้ล้วนอยู่ในมือของเขา ครั้นเซี่ยไห่ยุให้ซื้อนั่นซื้อนี่ เด็กน้อยก็ซื้อของมากมายอย่างสนุกสนาน
ทั้งยังหน้าใหญ่ใจโตมากอีกต่างหาก ยืนยันไม่ใช้เงินของคนอื่น จะซื้ออะไรต้องใช้เงินตัวเองจ่าย เห็นได้ชัดว่าหู่จือชื่นชอบอิสระทางการเงินและความรู้สึกที่ได้ใช้เงินของตัวเองมาก
ทุกคนก็ตามใจหู่จือ เพียงเดินตามหลังเขา คอยดูเขาซื้อนั่นซื้อนี่ไม่หยุด
ถ้ามีแต่พวกผู้ใหญ่มาเดินถนนแบบนี้คงไม่ค่อยมีรสชาติสักเท่าใด แต่พอมีเด็กอยู่ด้วย บรรยากาศก็ต่างออกไปโดยสิ้นเชิง
ทุกคนห้อมล้อมหู่จือ แค่ดูเขาเลือกสินค้าถามราคาจากเจ้าของร้านก็เบิกบานใจมากแล้ว รู้สึกว่าน่าสนุกมาก
เมื่อหลินเซี่ยเห็นหู่จือถือกลองป๋องแป๋งกลับมาก็มีสีหน้าพูดไม่ออก
กำลังจะบอกให้หู่จือเอาไปคืน โตขนาดนี้แล้วยังจะเล่นของเด็ก ๆ อีก
แต่ปรากฏว่าหู่จือถือกลองป๋องแป๋งวิ่งเข้ามาหา เงยหน้าพูดอย่างตื่นเต้น “แม่ ดูของเล่นที่ผมซื้อให้น้องสาวสิ น้องสาวจะชอบไหมนะ?”
ได้ยินคำพูดของหู่จือแล้ว หลินเซี่ยก็รู้สึกอุ่นใจวาบ คิดไม่ถึงเลยว่าหู่จือจะเลือกของเล่นให้ลูกในท้องเธอ
เธอลูบหัวเขาพลางยิ้มกล่าว “ลองถามน้องดูสิ”
หู่จือขยับเข้าไปใกล้หน้าท้องของหลินเซี่ย ถามเสียงอ่อนโยน “น้องสาว ชอบกลองป๋องแป๋งที่พี่ซื้อให้ไหม? อันนี้เล่นสนุกมากเลยนะ”
“น้องสาวบอกว่าชอบ” หลินเซี่ยตอบยิ้ม ๆ
ใบหน้าอ่อนวัยของหู่จือฉายแววสงสัย “แม่ แต่ผมไม่ได้ยินเสียงน้องสาวตอบเลยนะ”
“แม่กับน้องสาวใจเชื่อมถึงกัน น้องสาวคุยกับแม่ในใจ”
หู่จือได้ยินคำพูดของหลินเซี่ย ตอนแรกก็ดูมีความสุขดี แต่พอคิดอะไรขึ้นมาได้ ใบหน้าก็เศร้าลง “แม่ น้องสาวอยู่ในท้องแม่ใจก็เลยเชื่อมถึงกัน แต่แม่ไม่เคยตั้งท้องผม พวกเราก็ไม่มีใจเชื่อมถึงกันน่ะสิ”
หู่จือเม้มปาก สีหน้าเปี่ยมแววผิดหวัง
คำพูดของหู่จือทำให้ทุกคนที่กำลังอารมณ์ดีพลอยเศร้าไปด้วย
เด็กเริ่มโตก็จะเริ่มเข้าใจเรื่องต่าง ๆ มากขึ้น ความรู้สึกอ่อนไหวกว่าเดิม เขายังรู้สึกเศร้าใจที่ตนเองไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของหลินเซี่ย
หลินเซี่ยจับมือเขาแล้วยิ้มพูด “ไม่หรอก แม่กับลูกอยู่ด้วยกันมานาน จิตใจก็เชื่อมถึงกันได้เหมือนกัน”
“จริงเหรอ?” หู่จือเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
หลินเซี่ยพยักหน้าอย่างมั่นใจ “แน่นอน ไม่เชื่อให้แม่ลองเดาดูไหมว่าตอนนี้ลูกกำลังคิดอะไรอยู่?”
“อืม…ลูกคงคิดว่าพอน้องสาวคลอดออกมาแล้ว ลูกจะปกป้องน้องสาวและเป็นพี่ชายที่ดี ใช่ไหม?”
หู่จือยิ้มร่าออกมาทันที “ใช่ ผมจะปกป้องน้องสาว”
คุณแม่เซี่ยได้ยินหู่จือพูดคำก็น้องสาวสองคำก็น้องสาว ก็ยิ้มถามว่า “หู่จือ ทำไมหนูมั่นใจนักล่ะว่าในท้องแม่คือน้องสาว?”
เซี่ยไห่พูดแทรกขึ้นอย่างไม่เกรงใจ “หู่จือ อย่าไปฟังพ่อเธอพูดเหลวไหล เขาไม่ได้มีตาทิพย์เสียหน่อย จะรู้ได้ยังไงว่าในท้องแม่เธอเป็นเด็กผู้ชายหรือผู้หญิง เขาก็แค่เดาไปอย่างนั้นเอง”
หู่จือแย้งอย่างไม่ยอมแพ้ “ทำไมพ่อจะไม่รู้? พ่อผมมีความรู้กว้างขวาง พ่อผมรู้ทุกอย่าง”
“แต่เรื่องนี้ ฉันแน่ใจว่าพ่อนายไม่รู้”
เฉินเจียเหอยืนอยู่ตรงนั้นนิ่ง ๆ ราวกับมั่นใจมากว่าในท้องของหลินเซี่ยคือลูกสาว
เซี่ยอวี่หันมาถามหลินเซี่ย
“พวกเธอแอบไปตรวจเพศของเด็กที่โรงพยาบาลมาใช่ไหม?”
หลินเซี่ยส่ายหน้า “ไม่ได้ตรวจ คลอดออกมาเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายก็เลี้ยงเหมือนกันนั่นแหละ”
เซี่ยไห่ถนัดเรื่องจับผิดคำพูดของคนอื่น เขายุว่า “เธอพูดอะไรของเธอ ถ้าเด็กไม่ใช่ผู้ชายก็ต้องเป็นผู้หญิง ไม่มีทางเป็นอย่างอื่นไปได้อยู่แล้ว”
เซี่ยเหลยเตือนเขาด้วยสีหน้าจริงจัง “เด็กคนนั้นก็เป็นหลานของนายเหมือนกันนะ พูดจาให้ดี ๆ หน่อย”
“ได้ ๆๆ ผมพูดจาไม่เหมาะสมเอง ผมขอโทษ เพื่อแสดงความรู้สึกผิด ผมจะซื้อของให้หลานก็แล้วกัน”
เซี่ยไห่วิ่งไปแฝงขายของแล้วซื้อของเล่นต่าง ๆ เช่น กระดิ่งน้อย กล้องถ่ายรูปเล็กและหุ่นไม้มาให้ลูกในท้องของหลินเซี่ย จะของจำเป็นหรือไม่จำเป็น เขาล้วนซื้อมาอย่างละหลายชิ้น
พอเห็นกิ๊บติดผม ยางรัดผมและที่คาดผมสำหรับเด็กผู้หญิงบนแผงลอย เขาก็ซื้อมาเสียหลายอัน สุดท้ายเขายังเลือกซื้อที่คาดผมสำหรับผู้ใหญ่มาด้วย และเอาไปให้ลินดา
ลินดาตัดผมสั้น หล่อนจำไม่ได้แล้วว่าผ่านมากี่ปีแล้วที่ไม่ได้ใช้ของแบบนี้ จึงปฏิเสธอย่างหนักแน่น บอกว่าไม่จำเป็น แต่เซี่ยไห่ซื้อมาแล้ว เขาจึงยัดเยียดให้หล่อน
ที่บ้านมีคนผมยาวหลายคน ลินดาบอกว่าจะเอาไปให้หลินเซี่ยหรือเซี่ยอวี่ก็ได้ หลินเซี่ยกับเซี่ยอวี่ปฏิเสธอย่างพร้อมเพรียง “ของที่แฟนเธอซื้อให้ พวกเราไม่รับหรอกนะ”
“ถ้าอยากได้ พวกเราจะบอกให้แฟนซื้อให้เอง”
คนทั้งสองไม่รับ เซี่ยไห่ก็ไม่กล้าเอาไปให้หลิวกุ้ยอิงซึ่งเป็นพี่สะใภ้ใหญ่
“ใส่เวลาล้างหน้าก็ได้นี่นา” เซี่ยไห่ทำท่าจะลองสวมที่คาดผมให้ลินดา ทำให้ลินดาอยากอัดเขาสักที
ทุกคนเดินซื้อของกันอย่างมีความสุข ดื่มด่ำกับบรรยากาศของการเฉลิมฉลองช่วงปีใหม่ ใช้เงินซื้อของไปมากมายโดยไม่รู้ตัว มีทั้งของจำเป็นและไม่จำเป็น
ร้านอาหารบนถนนปิดร้านกันหมดแล้ว พอทุกคนเดินจนเหนื่อยก็ซื้อของกินจากแผงขายอาหารริมถนน จากนั้นก็เดินต่อไป
คุณแม่เซี่ยได้ยินว่าข้างหน้ามีการแสดงงิ้ว ทุกคนจึงแวะไปดู
คนหนุ่มสาวไม่ค่อยชอบดูงิ้ว แต่ก็ขนกันไปเพราะอยากไปเป็นเพื่อนคุณแม่เซี่ย
แต่พวกเขาเดินไปได้ไม่ทันไร โทรศัพท์ของเซี่ยไห่ก็ดังขึ้น
“สวัสดีครับ” เซี่ยไห่เข้าใจว่าเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจโทรมาอวยพรปีใหม่ เขาจึงพูดจาอย่างสุภาพ
“อารอง ผมเอง แย่แล้วครับ” น้ำเสียงระมัดระวังของหลินจินซานดังมาจากปลายสาย
ได้ยินเสียงของหลินจินซานและคำว่าแย่แล้วของอีกฝ่าย เซี่ยไห่ก็รู้สึกใจหายวูบ สังหรณ์ใจไม่ดีเท่าใด
โทรมาเวลานี้ แค่เดาก็รู้ว่าเป็นเรื่องอะไร
“นายขับรถฉันไปชนอะไรเข้าใช่ไหม?” เซี่ยไห่กัดฟันพูด
หลินจินซานลังเลอย่างร้อนตัว เดิมทีไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดเรื่องนี้กับเซี่ยไห่อย่างไร คิดไม่ถึงว่าเซี่ยไห่จะเดาได้เสียก่อน
เขาพูดเสียงสั่น “อารอง ผมขอโทษ ผมระวังแล้วนะ แต่ดันไปชนเสาไฟฟ้าเข้า”
เซี่ยไห่ได้ยินอย่างนั้นก็รู้ทันทีว่าตัวเองเดาถูก เขาสบถอย่างโมโห “ไอ้*** นายชดใช้ให้ฉันเลยนะ”
พูดจบก็ตัดสายทิ้ง
ถ้าไม่ใช่เพราะโทรศัพท์มือถือราคาแพง เขาคงขว้างทิ้งไปแล้ว พวกเฉินเจียเหอกำลังจะเดินไปดูงิ้ว ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงสบถของเซี่ยไห่จึงหันกลับมามอง
เซี่ยไห่หน้าดำคล้ำ ทำท่าเหมือนจะกินคน
“อารอง เกิดอะไรขึ้น?” เฉินเจียเหอถาม
เซี่ยไห่โกรธจนหายใจถี่รัว “หลินจินซาน เจ้าหมอนั่น…เอารถฉันไปชน”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ต่อให้ไม่ใช่แม่ลูกแท้ๆ แต่หนูก็เป็นลูกที่รักของเซี่ยเซี่ยนะคะหู่จือ
ไม่ทันไรเลยมีเรื่องแล้ว จินซานจะชดใช้ให้อารองไหวไหมเนี่ย
ไหหม่า(海馬)