ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 632 ให้คนตระกูลเสิ่นไปรวมตัวกันในคุก
- Home
- All Mangas
- ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80
- ตอนที่ 632 ให้คนตระกูลเสิ่นไปรวมตัวกันในคุก
ตอนที่ 632 ให้คนตระกูลเสิ่นไปรวมตัวกันในคุก
ตอนที่ 632 ให้คนตระกูลเสิ่นไปรวมตัวกันในคุก
เสิ่นอวี้อิ๋งได้ยินคำพูดของเซี่ยตง ภายในสมองก็ระเบิดตูม
หล่อนกลัวแล้ว กลัวแล้วจริง ๆ
ถ้าเสิ่นอวี้หลงตาย หล่อนก็จะกลายเป็นฆาตกร ในเมื่อถูกจับแล้วก็ต้องชดใช้ด้วยชีวิตให้กับเสิ่นอวี้หลง
เสิ่นอวี้อิ๋งมองเซี่ยตง อ้อนวอนขอร้องว่า “คุณน้าช่วยฉันด้วย ฉันไม่ได้อยากทำร้ายอวี้หลงจริง ๆ นะ ฉันไม่ได้ทำอะไรเลย”
“ไม่ใช่สิ ฉันไม่รู้ว่านั่นเป็นยาพิษ ฉันได้ยินมาว่ามันเป็นยาที่ช่วยในการรักษา ช่วยให้อวี้หลงฟื้นตัวได้ดีกว่าเดิม ฉันทำไปเพื่อช่วยเขา ฉันก็โดนคนอื่นหลอกเหมือนกัน”
เสิ่นอวี้อิ๋งเริ่มพูดจาเลอะเทอะ แก้ตัวสารพัด ผลักความผิดให้พ้นตัว คำพูดเต็มไปด้วยช่องโหว่
“เธอคิดว่าฉันมาช่วยเธอเหรอ?” เซี่ยตงจะฟังคำแก้ตัวของหล่อนได้อย่างไร เขาลุกขึ้นยืน มองหล่อนด้วยสายตาเย็นชาและแสยะยิ้ม “ฉันมาเพราะมีเรื่องอยากรู้ต่างหาก”
“ฉันไม่เข้าใจเลยว่าเธอเป็นคนแบบไหนกันแน่? มีอะไรอยู่ในหัวของเธอบ้าง?”
“แม้ตระกูลหลินจะยากจน แต่ก็ไม่ได้รังแกเธอ หลินต้าฝูเป็นคนช่วยชีวิตเธอไว้ แต่เธอกลับอยากฮุบเงินที่เขาหามาได้อย่างยากลำบาก จึงใส่ร้ายหลินจินซานว่าเขาคิดไม่ซื่อกับเธอ บีบให้เขาออกจากบ้าน”
“เธอชอบน้องชายของเจิ้งต้าหมิง แต่พอเขาไม่ชอบเธอ เธอก็ไปยั่วยวนพี่ชายเขา ฉันไม่เข้าใจการกระทำของเธอเลยสักนิด ฉันเซี่ยตงเกิดมาจนอายุเกือบสี่สิบ ไม่เคยเจอคนหน้าด้านไร้ยางอายอย่างเธอมาก่อน เธอแย่กว่าเสิ่นเถี่ยจวินพ่อของเธอเสียอีก”
เซี่ยตงมองเสิ่นอวี้อิ๋งด้วยแววตาซับซ้อน
มีทั้งความเกลียด ความรังเกียจ และความสลดใจอย่างลึกซึ้ง
ผู้หญิงตรงหน้าคือหลานสาวแท้ ๆ ของเขา หล่อนกลายเป็นคนแบบนี้เพราะสาเหตุใดกันแน่?
เซี่ยตงคิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจ
“น้าคะ น้าเข้าใจฉันผิด ฉันไม่ได้เป็นแบบที่น้าพูด นั่นเป็นเรื่องเข้าใจผิด เป็นคนอื่นใส่ร้ายฉัน ถังหลิงหลอกใช้ฉัน หล่อนยืมมือฉันฆ่าคน เป็นเพราะฉันโง่เกินไปถึงโดนพวกหล่อนหลอก”
เสิ่นอวี้อิ๋งมองเซี่ยตงพลางขอร้องอ้อนวอน “น้าคะ ช่วยพูดกับแม่ฉันทีเถอะนะ ฉันไม่เคยคิดจะทำร้ายอวี้หลงจริง ๆ เขาเป็นน้องชายแท้ ๆ ของฉัน ฉันจะไปทำร้ายเขาได้ยังไง? ฉันไม่รู้จริงๆ ว่ายานั่นคืออะไร น้าต้องเชื่อฉันนะ”
“อยู่ที่นี่ไปเถอะ ฉันว่าเธอคงไม่สำนึกหรอก คนอย่างเธออย่าได้ออกไปทำร้ายใครอีกเลย”
เซี่ยตงพูดจบก็หันหลังจากไปโดยไม่มองเสิ่นอวี้อิ๋งแม้แต่แวบเดียว
เสิ่นอวี้อิ๋งร้องไห้อ้อนวอน แต่ก็ถูกพาตัวกลับไปอย่างรวดเร็ว เซี่ยตงได้ยินเสียงกรีดร้องของหล่อนดังมาแว่ว ๆ แต่ไม่ได้รู้สึกสะเทือนใจแม้แต่น้อย
หลินเซี่ยกำลังพูดกับเซี่ยหลานอยู่ข้างนอก หลังจากเซี่ยไห่และเฉินเจียเหอคุยกับตำรวจเสร็จ ตอนแรกพวกเขาก็คิดจะจากไป แต่พอได้ยินว่าเซี่ยตงอยู่ข้างใน จึงไม่ได้รีบร้อนจากไป แต่รอเขาอยู่ข้างนอก
“เซี่ยเซี่ย ขอบใจเธอมากนะ ฉันได้ยินจากพ่อกับเอ้อร์เลิ่งว่าเธอเตือนเอ้อร์เลิ่งไว้ล่วงหน้า บอกให้เขาคอยดูแลอวี้หลง”
เซี่ยหลานได้ยินเรื่องนี้จากผู้เป็นพ่อก็รู้สึกขอบคุณหลินเซี่ยเป็นอย่างมาก
ถ้าไม่ใช่เพราะหลินเซี่ยเตรียมการป้องกันเอาไว้ หล่อนก็คิดไม่ออกเลยว่าตัวเองต้องเผชิญหน้ากับอะไรบ้าง
หลินเซี่ยกล่าว “แม่ แค่แม่ไม่เข้าใจฉันผิดก็พอแล้ว ก่อนหน้านี้ฉันเคยโดนเสิ่นอวี้อิ๋งกับเสิ่นเสี่ยวเหมยใส่ร้ายมาหลายครั้ง เสิ่นอวี้อิ๋งเป็นคนใจแคบ เจ้าคิดเจ้าแค้น ฉันจึงต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ กลัวว่าพวกนั้นจะทำร้ายอวี้หลง เพราะยังไงเสิ่นอวี้อิ๋งก็ไม่มีความผูกพันฉันพี่น้องกับอวี้หลง
ตอนฉันฝากฝังเอ้อร์เลิ่งไว้ก็ไม่ได้คาดหวังให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมา แค่อยากจะป้องกันไว้ก่อน ปรากฎว่าสิ่งที่ฉันกังวลได้เกิดขึ้นจริงๆ ดีที่อวี้หลงไม่เป็นไร หลังจากนี้พวกเราก็ช่วยกันดูแลเขา ฉันเชื่อว่าหลังจากอวี้หลงผ่านมรสุมครั้งนี้ไปได้ วันหน้าเขาจะต้องพบกับโชคดีอย่างแน่นอน”
เซี่ยหลานส่ายหน้าพลางยิ้มขมขื่น “เซี่ยเซี่ย เธอคิดรอบคอบดีแล้ว ฉันไม่เข้าใจผิดเธอหรอก”
เสิ่นอวี้อิ๋งเป็นลูกสาวแท้ ๆ ของหล่อน หล่อนจึงลำเอียงเข้าข้างลูกสาว แม้เสิ่นอวี้อิ๋งจะเลวทรามขนาดไหน หล่อนก็ยังคิดว่าลูกสาวยังมีทางแก้ไข ยังคิดว่าทุกอย่างล้วนเป็นเพราะสภาพแวดล้อม และคิดว่าตนเองสามารถสั่งสอนลูกสาวให้กลับตัวกลับใจได้
แต่ความจริงพิสูจน์แล้วว่าหล่อนไร้เดียงสาเกินไป
ปีศาจก็คือปีศาจ
เวลานั้นเอง เซี่ยตงได้เดินออกมาด้วยสีหน้าบึ้งตึง
เซี่ยไห่เห็นเขาก็เย้าว่า “ไอ้หยา เป็นอะไรไป? ถูกหลานสาวยั่วโทสะมางั้นรึ?”
ท่าทีของเซี่ยตงทำให้เซี่ยไห่ฉุนขาด
“เซี่ยตง นายไล่ใคร?”
เซี่ยไห่ไล่ตามไปอย่างไม่พอใจ “นายหยุดอยู่ตรงนั้นเลยนะ นายอยากให้ฉันตัดขาดกับนายอีกงั้นเรอะ? ได้ พวกเราขาดกัน”
เซี่ยตงไม่สนใจเซี่ยไห่ เขาเดินตรงไปหาเซี่ยหลานด้วยท่าทางกดดัน และพูดด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด
“พี่ พี่ต้องแสดงจุดยืนต่อหน้าเซี่ยเซี่ย เจียเหอและหู่จือในวันนี้ว่าจะไม่เซ็นประกันตัวให้เสิ่นอวี้อิ๋งเด็ดขาด ทุกอย่างต้องดำเนินการตามขั้นตอนปกติ ในเมื่อคนตระกูลเสิ่นคิดจะลองดีกับกฎหมายก็ปล่อยให้ไปรวมตัวกันในคุกนั่นแหละ”
เซี่ยไห่ที่เมื่อครู่ยังโมโหจัด พอได้ยินคำพูดของเซี่ยตง สีหน้าก็ผ่อนคลายลงทันที เดินเข้าไปชูนิ้วโป้งให้เขา “เหล่าเซี่ย คราวนี้นายพูดได้ดี เมื่อกี้ฉันล้อเล่น ไม่ได้จะตัดขาดกับนายจริง ๆ หรอกนะ”
เซี่ยตงผลักเซี่ยไห่ออกอย่างรำคาญ เขามองเซี่ยหลานด้วยสีหน้าเคร่งขรึม รอให้หล่อนแสดงจุดยืน “พี่ พูดสิ”
“ฉันจะไม่ยกโทษให้หล่อน” เซี่ยหลานกล่าว
คนที่ลงมือกับน้องชายแท้ ๆ ของตัวเองได้ คนที่ใจดำอำมหิตขนาดนี้ หล่อนจะยกโทษให้ได้อย่างไร?
“ถูกแล้ว ต้องลงโทษตามกฎหมาย”
เซี่ยตงอารมณ์ไม่ดีอย่างมาก เซี่ยไห่จึงชวนให้เขาและเฉินเจียเหอไปนั่งดื่มน้ำชาคุยสัพเพเหระด้วยกัน
ช่วงหลายวันนี้ทุกคนเคร่งเครียดกันมากเพราะเรื่องตามหาหู่จือ
เซี่ยตงเคยเป็นหัวหน้าของพวกเขา เซี่ยไห่กับเฉินเจียเหอจึงคุยเรื่องพ่อแม่แท้ ๆ ของหู่จือ
เซี่ยตงยังไม่รู้เรื่องที่จางเหมยแม่แท้ ๆ ของหู่จือมาหา พวกเขาจึงคิดจะบอกเรื่องนี้กับเซี่ยตงเพื่อขอความคิดเห็น
“ได้ งั้นคุยกันสักพักก็แล้วกัน”
เซี่ยหลานจะไปหาผู้อาวุโสเย่ หลินเซี่ยก็บอกว่าจะพาหู่จือไปหาผู้อาวุโสเย่กับเอ้อร์เลิ่ง
ช่วงที่หู่จือหายตัวไป ทุกคนล้วนเป็นห่วงและกังวลเรื่องความปลอดภัยของหู่จือเป็นอย่างมาก
ต้องพาหู่จือไปหา ทุกคนเห็นแล้วจะได้สบายใจ
เมื่อรถจอดที่หน้าบ้านของผู้อาวุโสเย่ เฉินเจียเหอก็หันไปมองหลินเซี่ยกับหู่จือแล้วกำชับว่าต้องรอให้เขามารับเท่านั้น ห้ามกลับไปเองเด็ดขาด
หลินเซี่ยรับคำ “ได้”
เห็นพวกหลินเซี่ยเข้าไปในบ้านและปิดประตูลงแล้ว รถของเซี่ยไห่จึงค่อยเคลื่อนออกไป
หลินเซี่ยร้องบอกจากในลานบ้าน
“ผู้อาวุโสเย่ คุณตาคะ พวกเรามาแล้ว”
หู่จือตะโกนตาม “คุณทวด อาเอ้อร์เลิ่ง พวกเรามาแล้ว”
เอ้อร์เลิ่งได้ยินเสียงหู่จือก็วิ่งออกมาจากในบ้านทันที
เมื่อเห็นหู่จื่อ เขาก็วิ่งเข้ามาอุ้มเด็กน้อยด้วยความดีใจ
“หู่จือ กลับมาได้เสียทีนะ ไม่เป็นไรใช่ไหม? พวกคนเลวพวกนั้นไม่ได้รังแกเธอใช่ไหม?”
เอ้อร์เลิ่งอุ้มหู่จือแล้ววางเขาลง ตรวจดูตามร่างกายของอีกฝ่าย
หู่จือยื่นแขนขาให้ดู “อาเอ้อร์เลิ่ง ผมไม่เป็นไร คนเลวพวกนั้นไม่ได้ทำอะไรผม”
เอ้อร์เลิ่งลูบหัวเขาแล้วกำชับอย่างเข้มงวด “ต่อไปห้ามวิ่งซนไปทั่วอีกนะ”
ผู้อาวุโสเย่กับผู้เฒ่าเซี่ยได้ยินเสียงหู่จือก็เดินออกมาจากในบ้าน
เห็นว่าเด็กชายปลอดภัยดี พวกเขาจึงค่อยวางใจได้เสียที
เสิ่นอวี้อิ๋งมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องลักพาตัวหู่จือ แถมยังพยายามฆ่าเสิ่นอวี้หลง เรื่องนี้ทำให้ผู้เฒ่าเซี่ยสะเทือนใจ ช่วงหลายวันนี้สภาพจิตใจตกต่ำอย่างมาก
เขาเองก็ไม่เข้าใจเช่นเดียวกับเซี่ยตง
ไม่เข้าใจว่าเหตุใดเสิ่นอวี้อิ๋งจึงชั่วร้ายได้ถึงขนาดนี้
ส่วนผู้อาวุโสเย่รู้สึกโกรธมากกว่า
เขาเป็นคนช่วยชีวิตเสิ่นอวี้อิ๋ง แต่เสิ่นอวี้อิ๋งกลับทำเรื่องชั่วช้า ทำร้ายญาติพี่น้องของตัวเอง จนผู้อาวุโสเย่รู้สึกเสียดายแทนหลินต้าฝู
ในปีนั้น หลินต้าฝูฝ่าพายุหิมะข้ามภูเขามาขอให้เขาช่วยชีวิตลูกสาวตัวน้อยของตัวเอง พอหล่อนโตขึ้นมา นอกจากจะไม่สำนึกบุญคุณ ยังตอบแทนบุญคุณด้วยความแค้น ทำร้ายคนใกล้ชิด ทำให้คนรู้สึกเสียดายจริง ๆ
“พวกเราไปดูอวี้หลงกันเถอะ”
หลินเซี่ยจูงมือหู่จือ ไม่ปล่อยให้เขาห่างจากตัวเองแม้ชั่วขณะเดียว พาหู่จือเดินตามเซี่ยหลานไปห้องที่เสิ่นอวี้หลงพักรักษาตัวอยู่
หู่จือเคยมาเยี่ยมผู้อาวุโสเย่หลายครั้ง แต่น้อยครั้งนักที่จะเข้ามาในห้องนี้
ที่ผ่านมา หลินเซี่ยก็ไม่เคยบอกเด็กน้อยว่าคนที่อยู่ในห้องเป็นใคร
ขณะที่เซี่ยหลานจัดข้าวของบนตู้ข้างหัวเตียง หู่จือหันไปมองหลินเซี่ย เอ่ยถามอย่างสงสัย “แม่ นี่ใครเหรอครับ?”
หลินเซี่ยตอบ “เขาคือน้าของลูกจ้ะ”
หู่จือส่งเสียงเป็นเชิงรับรู้แล้วถามต่อ “น้าเป็นอะไรไปเหรอครับ?”
“เขาได้รับบาดเจ็บ”
หลินเซี่ยจูงมือหู่จือขณะมองชายที่นอนอยู่บนเตียง เอ่ยเสียงอ่อนโยนว่า “อวี้หลง นายได้ยินที่ฉันพูดไหม? ฉันพาหลานมาเยี่ยม หลานชายคนโตของนายอายุหกขวบแล้ว ส่วนคนเล็กก็อยู่ในท้องฉัน นายรีบฟื้นขึ้นมาไว ๆ ได้ไหม? ฟื้นมาดูพวกเรา ปีที่ผ่านมามีอะไรเปลี่ยนไปมากมาย ฉันแต่งงานแล้ว นายมีพี่เขยกับหลานชายแล้ว หลานนายซนมากเหมือนนายสมัยเด็ก ๆ ไม่มีผิด”
“น้า ผมคือหู่จือ เป็นหลานชายของน้าฮะ”
หู่จือเดินไปข้างเตียงผู้ป่วยเพื่อแนะนำตัวอย่างเป็นทางการ แต่เมื่อเห็นว่าคนบนเตียงยังคงหลับไหลไร้การตอบสนอง เด็กน้อยก็รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย จึงจะเดินกลับไปหาหลินเซี่ย
แต่จังหวะที่หู่จือกำลังหันหลังกลับไป เขาเหลือบไปเห็นบางอย่างเข้าโดยบังเอิญ ทันใดนั้นก็ร้องขึ้นมาอย่างตื่นเต้น “แม่ มือของน้าขยับแล้วครับ”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
อยู่ฮ่องก(ร)งเป็นเพื่อนพ่อไปยาวๆ ซะเถอะยัยอวี้อิ๋ง
อุ๊ย รอลุ้นเลย อวี้หลงจะฟื้นแล้วใช่ไหม
ไหหม่า(海馬)
……………………………………