ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 625 ที่อยู่ของหู่จือ
ตอนที่ 625 ที่อยู่ของหู่จือ
ตอนที่ 625 ที่อยู่ของหู่จือ
เมื่อเห็นเสิ่นอวี้อิ๋งถูกนำตัวขึ้นรถตำรวจ หลินเซี่ยก็ถึงกับหน้าซีด พูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า “แม่ ผู้หญิงคนนี้ต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ”
สิ่งนี้ถือเป็นเครื่องพิสูจน์ชั้นดี ว่าเสิ่นอวี้อิ๋งมีส่วนเกี่ยวข้องต่อการเสียชีวิตของเสิ่นอวี้หลงในชีวิตชาติที่แล้ว
ชาติก่อน เสิ่นอวี้อิ๋งมีชีวิตที่ราบรื่นหลังจากกลับมาที่ไห่เฉิง ดังนั้นเสิ่นอวี้หลงจึงโชคดีพอที่จะมีชีวิตอยู่ได้อีกสองสามปี จนกระทั่งเสิ่นอวี้หลงแสดงอาการเหมือนจะฟื้นขึ้น…
เซี่ยหลานไม่อาจรับรู้โลกภายนอกได้เป็นเวลานาน ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าทั้งหมดนี้จะเป็นเรื่องจริง
หล่อนไม่อยากจะเชื่อเลยว่าลูกสาวที่ตัวเองให้กำเนิดนั้นมีจิตใจเลวทรามมาก กล้าถึงขนาดฆ่าน้องชายตัวเอง
นี่ไม่ใช่มนุษย์แล้ว นี่มันปีศาจชัด ๆ
เซี่ยหลานหลั่งน้ำตา พูดด้วยความเศร้าใจ
“หล่อนทำแบบนี้ก็เพราะฉัน หล่อนเข้าใจว่าฉันเป็นคนบอกให้เธอรู้เรื่องลูกของหล่อน เพราะอย่างนั้นหล่อนถึงลงมือแบบนี้”
หลินเซี่ยคิดเรื่องนี้ไว้นานแล้ว
มีเพียงเซี่ยหลานและเสิ่นอวี้อิ๋งเท่านั้นที่รู้เกี่ยวกับข้อมูลส่วนตัวของเสิ่นเสี่ยวอวี้ การที่จู่ ๆ เธอไปข่มขู่เสิ่นอวี้อิ๋งเรื่องเด็กคนนั้น เสิ่นอวี้อิ๋งคงจะคิดอย่างแน่นอนว่าเป็นเซี่ยหลานแน่ที่เปิดเผยความลับ
เมื่อเรื่องเลยเถิดมาถึงจุดนี้ เธอไม่สนใจคนอื่นอีกต่อไป เธอแค่อยากทำทุกวิถีทางเพื่อให้เจอหู่จือ
โชคดีที่เธอเคยเตือนเอ้อร์เลิ่งไว้ก่อนหน้านี้ โชคดีที่เอ้อร์เลิ่งมีสติครบถ้วน จัดการหล่อนได้อย่างอยู่หมัด
ผู้เฒ่าเซี่ยโกรธมากจนทนไม่ไหว เขาเดินเข้าไปในห้องแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ มองดูเสิ่นอวี้หลงที่เพิ่งจะรอดชีวิตจากภัยพิบัติพลางถอนหายใจ
ครอบครัวเขาช่างโชคร้าย
ตอนนี้เองพวกเขาก็เพิ่งรับรู้เกี่ยวกับการหายตัวไปของหู่จือ
เซี่ยหลานถามหลินเซี่ย
“เจอหู่จือหรือยัง?”
หลินเซี่ยส่ายหน้าอันซีดเซียว “ยังเลยค่ะ”
เฉินเจียเหอและหลินเซี่ยไม่มีเวลาอยู่รอที่นี่อีกต่อไป เมื่อเห็นว่าเสิ่นอวี้หลงปลอดภัยดี และหมอแผนจีนเย่ก็กำลังตรวจรักษาอย่างขันแข็ง พวกเขาจึงขอตัวจากไป
เสิ่นอวี้อิ๋งถูกควบคุมตัว และถูกนำตัวไปยังห้องสอบปากคำของสถานีตำรวจทันที
ถังจวิ้นเฟิงและคนอื่น ๆ วางแผนว่าจะมุ่งความสนใจไปที่แรงจูงใจของหล่อน พยายามเค้นถามถึงที่อยู่ของหู่จือ
ในเวลาเดียวกัน นักสืบที่ตระกูลเฉินว่าจ้างก็คอยจับตาดูถังหลิงและเสิ่นเสี่ยวเหมยเช่นกัน ตำรวจอีกส่วนหนึ่งติดตามการเคลื่อนไหวของเจิ้งต้าหมิง
ถ้านานวันเข้ายังไม่เจอตัวหู่จืออีก อันตรายจะยิ่งเพิ่มมากขึ้น สภาพจิตใจของทุกคนต่างจมดิ่ง แม้แต่เฉินเจียเหอที่เป็นผู้ชายอกสามศอกสภาพจิตใจยังแทบพังทลาย
ดวงตาของเขาแดงก่ำลึกโหล แม้แต่ผู้ชายเจ้าสำอางและดูแลตัวเองเป็นประจำเช่นเซี่ยไห่ยังเครียดจนปล่อยหนวดเครารกรุงรัง
ในเวลานี้มีข่าวมาจากนักสืบของผู้เฒ่าเฉินว่า ถังหลิงและเสิ่นเสี่ยวเหมยกำลังเก็บข้าวของและเตรียมตัวจะหลบหนี
ถังหลิงและเสิ่นเสี่ยวเหมยอดทนรอจนกว่าเสิ่นอวี้อิ๋งจะกลับมาไม่ไหว และตระหนักว่าอาจมีบางอย่างผิดปกติกับเสิ่นอวี้อิ๋ง พวกหล่อนจึงวางแผนว่าจะทิ้งอีกฝ่ายไว้โดยไม่ลังเล หนีออกจากไห่เฉิงไปยังปินเฉิงแล้วขอซ่อนตัวอยู่กับเพื่อนเก่า
เมื่อผู้ให้ข้อมูลบอกข่าวกับเฉินเจียเหอ เฉินเจียเหอจึงพูดด้วยน้ำเสียงเฉียบขาดว่า “จับตัวพวกมันไว้ อย่าปล่อยให้พวกมันออกจากไห่เฉิงเด็ดขาด”
อย่างไรก็ตาม ทุกคนรู้ดีว่าการจับตัวมาสอบปากคำนั้นอาจถ่วงเวลาให้ล่าช้าได้เพียงชั่วระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น
จากคำสารภาพของเสิ่นอวี้อิ๋ง ถ้าหล่อนไม่ยอมสารภาพซัดทอดไปถึงผู้หญิงสองคนนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่มีสิทธิ์ไปจำกัดเสรีภาพของพวกหล่อน
เฉินเจียเหอและคนอื่น ๆ ทำได้เพียงใช้วิธีพิเศษเพื่อปิดล้อมและควบคุมตัวพวกหล่อน
แต่เนื่องจากเวลามีจำกัด เป็นไปไม่ได้ที่จะขัดขวางไม่ให้พวกหล่อนหนีออกจากไห่เฉิงไปตลอดกาล
หลังจากตำรวจสอบปากคำด้วยความตึงเครียดนานหลายชั่วโมง ก็มีข่าวดีมาถึงพวกเขาตอนบ่ายสองโมง
“เสิ่นอวี้อิ๋งสารภาพแล้ว บอกว่าถังหลิงเป็นคนต้นคิดแผนการ” ถังจวิ้นเฟิงกล่าวทางโทรศัพท์
“พวกหล่อนกำลังโดนคนของฉันถ่วงเวลาไว้ ตอนนี้ยังไม่ได้ออกจากไห่เฉิง แต่อยู่ที่ป้ายรถเมล์ของถนนลู่หนาน สามารถเดินหน้าจับกุมได้เลย”
ตำรวจถูกส่งกำลังพลออกไป ถังหลิงและเสิ่นเสี่ยวเหมยจึงถูกจับสวม ‘กำไลเงิน’ อย่างรวดเร็วและถูกนำตัวกลับมาที่สถานีตำรวจ
การสอบสวนเริ่มต้นขึ้น
ในเวลาเดียวกันก็มีข่าวมาจากทางโจวเจี้ยนกั๋วและตำรวจในบ้านเกิดของเขา
เจิ้งต้าหมิงเพิ่งกลับมาที่บ้านเกิดเมื่อหนึ่งชั่วโมงที่แล้ว แต่เขากลับมาเพียงคนเดียว
ตำรวจในเทศมณฑลจินซานควบคุมตัวเจิ้งต้าหมิงได้ที่สถานีรถไฟ
พวกเขากำลังสอบปากคำเจิ้งต้าหมิงแข่งกับเวลา
ตอนแรกเจิ้งต้าหมิงปากแข็งทีเดียว “ผมไม่รู้จักเด็กที่พวกคุณพูดถึง ผมไปไห่เฉิงเพื่อทำงานหาเงิน ทำไมถึงคิดว่าผมถ่อสังขารไปถึงที่นั่นเพื่อลักพาตัวเด็กให้กับพวกค้ามนุษย์ล่ะ?
ตำรวจที่ทราบข้อมูลทั้งหมดจากไห่เฉิงได้โกหกกับเจิ้งต้าหมิงว่า “ถังหลิง เสิ่นอวี้อิ๋ง และคนอื่น ๆ ถูกทางการจับกุมตัวแล้ว นายยังคิดจะเล่นลิ้นอีกหรือไง?”
“นายคงรู้กฎหมายใช่ไหม? คนที่ยอมรับสารภาพจะถูกผ่อนผันโทษ คนที่ต่อต้านจะถูกลงโทษอย่างเข้มงวด การที่ตำรวจจับกุมตัวนายคาสถานีรถไฟแบบนี้ หมายความว่าพวกเขามีหลักฐาน นายจะยอมสารภาพเพื่อแสวงหาการลดหย่อนโทษด้วยตัวเองไหม หรือจะให้เราอ่านให้ฟัง?”
“นายพาหู่จือไปไหน? พวกเราไม่มีเวลามานั่งเล่นแง่กับนายนักหรอกนะ ถ้ารอจนกว่าเราจะอ่านคำสารภาพของถังหลิงและเสิ่นอวี้อิ๋ง นายจะไม่มีโอกาสได้สารภาพด้วยซ้ำ”
เจิ้งต้าหมิงยังคงก้มศีรษะและนิ่งเงียบ ปฏิเสธที่จะยอมรับว่าเขาเป็นคนลักพาตัวหู่จือไป
ในขณะนี้ สถานีตำรวจเทศมณฑลจินซานก็ได้รับโทรศัพท์จากหลินเซี่ย
หัวหน้าทีมสืบสวนคดีอาญารับสาย เสียงของหลินเซี่ยแหบแห้งมาก แต่หนักแน่นและเฉียบขาด
“สหายตำรวจคะ โปรดบอกเจิ้งต้าหมิงด้วย ว่าเสิ่นอวี้อิ๋งมีลูกชายกับเขา แล้วตอนนี้เด็กก็อยู่ในมือของฉันแล้ว ถ้าเขาไม่ยอมสารภาพตามความจริงและส่งตัวหู่จือคืนให้พวกเรา ฉันจะลงมือฆ่าลูกของเขาทันที”
ขณะที่หลินเซี่ยพูดแบบนั้น เธอก็จงใจเปลี่ยนเพศของเด็กให้ดูมีพลังมากขึ้น
เจิ้งต้าหมิงนั่งอยู่ในห้องสอบปากคำ พอได้ยินแบบนั้นก็ไม่อยากจะเชื่อ อย่างไรก็ตามตำรวจบอกอย่างหนักแน่นว่าพวกเขาไม่ได้ใส่สีเติมข่าวขึ้นมาเอง คนที่บอกคือหลินเซี่ย ประกอบกับเสิ่นอวี้อิ๋งที่หายตัวไปนานกว่าครึ่งปีเพื่อแอบคลอดลูกอย่างลับ ๆ
หล่อนไม่ได้บอกเรื่องเด็กกับเขาเพราะไม่ต้องการแต่งงานกับเขา ตอนนี้เสิ่นอวี้อิ๋งถูกจับกุมแล้ว หากเจิ้งต้าหมิงยังปฏิเสธที่จะบอกที่อยู่ของหู่จือ งั้นเธอจะใช้เด็กเป็นเครื่องมือแก้แค้นพวกเขา
หลินเซี่ยยังขอให้สหายตำรวจนำโทรศัพท์ไปให้เจิ้งต้าหมิง ซึ่งเสียงร้องไห้จ้าของเด็กทารกก็ดังมาจากปลายสายจริง ๆ
“เจิ้งต้าหมิง ฟังให้ดี ตอนนี้เด็กเหลือขอที่เกิดมาจากสายเลือดของเสิ่นอวี้อิ๋งกับนายอยู่ในกำมือของฉันแล้ว ถ้าฉันตามหาลูกชายของตัวเองไม่เจอ ฉันจะบีบคอลูกชายของนายให้ตายเดี๋ยวนี้”
เจิ้งต้าหมิงยังไม่เชื่อในตอนแรก แต่หลังจากฟังคำพูดของหลินเซี่ย เขาก็นึกถึงการหายตัวไปอย่างไร้วี่แววของเสิ่นอวี้อิ๋งเมื่อครึ่งปีที่แล้ว เมื่อเขาสอบถามในภายหลังเกี่ยวกับที่อยู่ของเสิ่นอวี้อิ๋งจากพวกนักเรียนที่หน้าประตูโรงเรียนมัธยมไห่เฉิงแห่งที่หนึ่ง เขาก็ได้ยินคำพูดเยาะเย้ยถากถางของนักเรียนเหล่านั้น ทำให้เขาลังเลอีกครั้ง
ในเวลานั้นเหล่านักเรียนต่างแสยะปาก บอกว่าเสิ่นอวี้อิ๋งลาออกไปคลอดลูก แต่เขาไม่เชื่อเลย
ตอนนี้พอมานั่งคิดปะติดปะต่อถึงมัน ทุกอย่างก็เหมือนจะลงล็อก
เสิ่นอวี้อิ๋งท้องกับเขาจริง ๆ
เมื่อได้ยินเสียงเด็กร้องไห้ เขาก็สับสนมาก สหายตำรวจเห็นดังนั้นจึงพยายามเกลี้ยกล่อมเขาต่อไป ในที่สุดเขาจึงยอมสารภาพ
เขาพูดว่า “เด็กคนนั้นถูกพวกเราขายไปแล้ว…”
หลังจากที่เจิ้งต้าหมิงสารภาพตามความเป็นจริง เจ้าหน้าที่ตำรวจเทศมณฑลจินซานก็รีบแจ้งเบาะแสที่ได้รับมาใหม่ให้ตำรวจของไห่เฉิงทราบอย่างรวดเร็ว
จากนั้นตำรวจก็รีบส่งกำลังออกไปตามหาคนคนนั้นโดยอาศัยเบาะแสที่เจิ้งต้าหมิงให้มา
ในเวลาเดียวกัน เฉินเจียเหอและเซี่ยไห่ก็ยืนกรานที่จะไปพร้อมกับพวกเขาด้วย
เจิ้งต้าหมิงบอกว่าหู่จือถูกขายให้กับคู่รักวัยกลางคนที่ทำงานอยู่ในไห่เฉิง ทั้งคู่มีพื้นเพเดิมมาจากเทศมณฑลชิงเหอ ชายคนนี้เป็นเพื่อนร่วมงานของเจิ้งต้าหมิง หลังจากที่เจิ้งต้าหมิงถูกไล่ออกจากร้านซ่อมจักรยาน เขาก็ย้ายไปทำงานในไซต์งานก่อสร้างเพื่อก่ออิฐฉาบปูน ทำให้มีความสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนร่วมงานที่ชื่อหวังโหย่วเชิ่ง
ทั้งคู่อาศัยอยู่ที่แคมป์คนงานก่อสร้าง ได้ยินมาว่าพวกเขามีลูกสาวด้วยกันสามคนแล้ว แต่ทั้งสองยังฝันว่าจะมีลูกชายเป็นของตัวเองมาโดยตลอด ฝ่ายหญิงจึงติดตามฝ่ายชายออกไปวางแผนครอบครัวใหม่
ก่อนหน้านี้ฝ่ายหญิงเคยใส่ห่วงคุมกำเนิด แต่เมื่อทั้งสองแอบไปถอดห่วงออกในคลินิกเถื่อนแห่งหนึ่ง การผ่าตัดที่ไร้คุณภาพก็ทำให้เกิดการติดเชื้อตามมา หล่อ่นต้องทนทุกข์ทรมานจากภาวะฉุกเฉินทางนรีเวชต่าง ๆ จนไม่สามารถตั้งครรภ์ได้อีก หมอบอกว่าสภาพร่างกายของฝ่ายหญิงได้รับผลกระทบอย่างสาหัส ไม่แนะนำให้มีบุตรเพิ่ม
แต่พวกเขาไม่ยอมแพ้ ยังต้องการมีลูกชาย
เพื่อเสาะหาโอกาสในการตั้งท้องให้ได้ลูกชายสมใจอยาก ผู้หญิงคนนั้นจึงทิ้งลูกสาวสามคนไว้ให้หญิงชราเลี้ยงดู และออกจากบ้านเกิดมาหางานทำที่นี่
เสิ่นอวี้อิ๋งเคยพยายามทุกวิถีทางเพื่อหลีกเลี่ยงเจิ้งต้าหมิง แต่ไม่เคยคิดว่าโลกนั้นกลมกว่าที่คิดไว้ เมื่อหล่อนแวะไปยังร้านอาหารที่ถังหลังทำงานอยู่เพื่อตามหาอีกฝ่าย ปรากฏว่าเป็นการวิ่งเข้าใส่เจิ้งต้าหมิง
ในเวลานั้นเสิ่นอวี้อิ๋งตกใจมาก ต้องการหาที่ซ่อน แต่ถังหลิงหยุดหล่อนไว้ ป้องกันไม่ให้หล่อนวิ่งหนี
ปรากฏว่าเจิ้งต้าหมิงและเพื่อนร่วมงานของเขามักจะกินอาหารที่ร้านนี้บ่อย ๆ ทำให้พวกเขารู้จักถังหลิงโดยปริยาย
ถังหลิงไม่คาดคิดมาก่อนว่าคนงานอพยพที่แวะมากินข้าวในร้านที่หล่อนทำงานบ่อย ๆ จะเป็นผู้ชายที่เคยมีนอกมีในกับเสิ่นอวี้อิ๋งจริง ๆ
วันนั้น เพื่อนร่วมงานของเจิ้งต้าหมิงสั่งเหล้าจากร้านอาหารมาดื่มสองแก้ว และเริ่มพูดถึงความผิดหวังจากการไม่มีลูกชาย ในตอนนั้นฝ่ายหญิงที่เป็นภรรยาไม่ยอมพูดอะไรเลย เอาแต่ร้องไห้อยู่ข้าง ๆ เขา
หล่อนพร่ำโทษตัวเองที่ไม่สามารถให้กำเนิดลูกชายได้ ซึ่งนั่นหมายความว่าหล่อนอยู่ภายใต้แรงกดดันทางจิตใจอย่างมหาศาล
เสิ่นอวี้อิ๋งและถังหลิงรับฟังคำพูดของพวกเขา ดังนั้น ถังหลิงจึงเกิดแผนการนี้ขึ้นมาในภายหลัง
เจิ้งต้าหมิงมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนร่วมงานของเขา หลังจากเล่าให้เขาฟังเกี่ยวกับแผนนี้ เพื่อนร่วมงานและภรรยาของเขาในตอนแรกก็กังวลอยู่บ้างว่าเด็กอาจโตเกินไป พวกเขากลัวว่าเด็กจะมีความทรงจำมาจากบ้านหลังเดิม ไม่ยอมติดตามพวกเขาอย่างเชื่อฟังแต่โดยดี
เป็นผลให้ถังหลิงพยายามหว่านล้อมอย่างหนัก บอกว่าเด็กคนนั้นรู้ความแล้วก็จริง แต่เขาอายุแค่ห้าขวบเท่านั้น แม่เลี้ยงของเขาปฏิบัติต่อเขาไม่ดีสักเท่าใด ทำให้เขาไม่มีความสุขกับความเป็นอยู่ในบ้านหลังปัจจุบัน ต้องการหลบหนีอยู่เสมอ ตราบใดที่พวกเขาพาเด็กมาเลี้ยงได้ และปฏิบัติต่อเขาให้ดีหน่อย เมื่อเด็กได้ใกล้ชิดกับพวกเขาและสัมผัสถึงความจริงใจที่ไม่เคยได้รับ เด็กต้องถือว่าพวกเขาเป็นพ่อแม่ทางสายเลือดอย่างแน่นอน
คำพูดขายฝันของถังหลิง ทำให้หวังโหย่วเซิ่งเพื่อนร่วมงานของเจิ้งต้าหมิงรู้สึกสะเทือนใจมาก ทั้งคู่จึงตอบตกลงทันที ทั้งยังเต็มใจ ‘จ่ายเงินจำนวนมหาศาล’ เพื่อซื้อลูกชายให้ตัวเอง
หนึ่งในกลุ่มผู้สมรู้ร่วมคิดติดตามกิจวัตรของหู่จืออยู่เป็นเวลานาน ถังหลิงสัญญากับเจิ้งต้าหมิงว่า หลังจากภารกิจดังกล่าวเสร็จสิ้น เจิ้งต้าหมิงจะได้รับค่าตอบแทนเป็นเงินครึ่งหนึ่ง
และจะช่วยโน้มน้าวให้เสิ่นอวี้อิ๋งกลับมาคบหากับเขาต่อไป
เจิ้งต้าหมิงจึงพยายามทำอย่างสุดความสามารถ เพราะสิ่งตอบแทนของถังหลิงนั้นล่อตาล่อใจเกินไป
ด้วยเหตุนี้ หลาย ๆ คนที่มีเจตนาชั่วร้ายเป็นของตนเอง จึงก้าวเข้ามายังเส้นทางที่นำไปสู่ความตาย
เมื่อสบโอกาสที่หู่จือออกมาซื้อขาหมูเพียงลำพัง เขาก็ทำการลักพาตัวหู่จือทันที
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
หนามยอกเอาหนามบ่ง ทำลูกอีกฝ่ายหายก็อย่าหวังว่าจะได้เจอลูกแบบเป็นๆ วิธีนี้เด็ดขาดมากค่ะเซี่ยเซี่ย
ไหหม่า(海馬)
……………………………………