ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 413 พี่น้องสามคนเผชิญปัญหาร่วมกัน
ตอนที่ 413 พี่น้องสามคนเผชิญปัญหาร่วมกัน
ตอนที่ 413 พี่น้องสามคนเผชิญปัญหาร่วมกัน
เมื่อเสิ่นเสี่ยวเหมยกล่าวว่าตนเองตั้งท้อง เฉินเจียซิ่งก็พาหล่อนกลับบ้านโดยไร้เงื่อนไข
พวกเขาสามารถสัมผัสได้ถึงความคาดหวังล้นใจของเฉินเจียซิ่ง คาดหวังให้เด็กคนนั้นคลอดออกมา!
ช่วงเวลานั้นไม่ว่าเสิ่นเสี่ยวเหมยจะเป็นอย่างไร เขาก็ยอมรับและอดทนโดยไม่มีเงื่อนไข ส่วนใหญ่แล้วก็เพื่อลูก
ก่อนหน้านี้เฉินเจียซิ่งไม่ชอบหู่จือ กล่าวว่าเขาปฏิเสธคนแปลกหน้าดีกว่าจะกล่าวว่าไม่ชอบ เขามักรู้สึกว่าหู่จือไม่ใช่คนสกุลเฉินและเป็นลูกของคนนอก
ตอนนี้เขากลับอุ้มหู่จือออกไปซื้อขนมด้านนอกได้ ในฐานะของผู้อาวุโสที่เห็นการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ของเขาแล้วก็รู้สึกมีความสุขมาก
เขาเติบโตขึ้นแล้วจริงๆ
แม้ว่าการเติบโตของเขานั้นจะมีราคาต้องจ่าย
แต่พวกเขาก็รู้สึกโชคดีมากที่ในที่สุดเขาก็โตขึ้นแล้ว ไม่ได้ล้มลงแล้วลุกขึ้นไม่ได้เพราะการหย่าร้าง
การที่ลูกทุกคนกลับบ้านพร้อมกันในวันนี้เป็นเรื่องที่หาได้ยาก คุณย่าเฉินทำอาหารด้วยความสุขเป็นอย่างมาก หลินเซี่ยเองก็รีบวิ่งเข้าไปช่วยและวางแผนว่าจะกินข้าวอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา
เมื่อเฉินเจียซิ่งกลับมาพร้อมกับหู่จือ ภายในอ้อมแขนของหู่จือก็มีปืนกลของเล่น ส่วนเฉินเจียซิ่งถือถุงพลาสติก ภายในนั้นไม่เพียงแต่จะมีขนม แต่ยังมีรถยนต์ กบตัวน้อยและสิ่งของต่างๆมากมายเต็มถุง
หู่จือวิ่งเข้ามาอย่างมีความสุขและอวดให้ทุกคนได้เห็น อีกทั้งยังอธิบายประสิทธิภาพของของเล่นให้กับทุกคนรับฟัง
เมื่อเขามองของเล่นเหล่านั้น เขาเองก็ตื่นตาตื่นใจและไม่รู้ว่าจะเล่นชิ้นไหนดี
เรื่องขนมก็เช่นกัน ทั้งที่ในปากกำลังเคี้ยวหมากฝรั่ง แต่ก็อยากกินคุกกี้ ปากเล็กๆนั้นกำลังวุ่นวายเป็นอย่างมาก
ว่ากันว่าบ้านที่มีเด็กน้อยนั้นจะมีชีวิตชีวา แต่ก่อนหน้านี้ทุกครั้งที่หู่จือมาพักที่นี่ อันที่จริงแล้วเขาระมัดระวังตัวมาก ไม่กล้าเล่นและไม่กล้าส่งเสียงดัง
เขารู้ว่าย่ากับอารองไม่ชอบเขามาก ดังนั้นทุกครั้งที่เขามา ตราบใดที่พวกเขาอยู่ที่บ้าน เขาจะระมัดระวังและพยายามไม่ส่งเสียงดัง
แต่ทุกวันนี้ท่าทางของทุกคนที่มีต่อหู่จือได้เปลี่ยนไปแล้ว เนื่องจากโจวลี่หรงยอมรับหลินเซี่ยเป็นสะใภ้และยอมรับหู่จือ เมื่ออยู่ต่อหน้าเด็กๆ ก็ไม่เข้มงวดเหมือนเช่นเมื่อก่อน
ครั้งนี้เมื่อกลับมา อารองก็กระตือรือร้นและชื่นชอบเขา อีกทั้งยังซื้อของเล่นมากมาย เห็นว่าใบหน้าของทุกคนนั้นประดับด้วยรอยยิ้มจริงใจ หู่จือจึงผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น เขาเริ่มกล้าเล่นรถยนต์คันเล็กภายในห้องรับแขกและกล้าถือ“ปืนกล”เพ่งเล็งไปยังอารองและอาสามจากนั้นก็ยิงใส่พวกเขา
เฉินเจียซิ่งเข้ามาเล่นกับเขาและให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี “มา หู่จือ พวกเรามาเล่นเกมยิงปืนกัน”
“อารอง ดูทักษะการยิงของผม”
ตราบใดที่เขายกปืนของเล่นขึ้นและทำการเหนี่ยวไก เฉินเจียซิ่งก็จะให้ความร่วมมือโดยส่งเสียงกรีดร้องและล้มลงกับพื้น
ภายในบ้านนั้นเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ
เฉินเจียเหอให้ความช่วยเหลืออยู่ภายในครัว เขาถือจานออกมาและเห็นภาพนี้ ภายในหัวใจพลันเกิดความรู้สึกมากมาย
เขามองหู่จือที่กำลังถือปืนกลและเพ่งเล็งเฉินเจียซิ่ง ขณะนี้ภายในความคิดกลับอดไม่ได้ที่จะนึกถึงความวุ่นวายในช่วงแรกที่เขาเพิ่งพาหู่จือกลับมาบ้าน อีกทั้งยังมีท่าทางโกรธเคืองและการต่อต้านของเฉินเจียซิ่งในตอนนั้น
เมื่อเด็กน้อยเริ่มส่งเสียงร้องไห้ เฉินเจียซิ่งก็เริ่มเตะสิ่งของด้วยความรำคาญและก่นด่าเขาว่าบ้า ตอนนั้นหู่จือเพิ่งพรากจากแม่ของตนเองและยังไม่คุ้นชินกับสภาพแวดล้อมใหม่ เฉินเจียซิ่งและแม่ของเขาต่างก็ทนฟังเสียงร้องไห้ของเด็กไม่ได้ จากนั้นพยายามขับไล่หู่จือออกไป
เป็นเพราะพฤติกรรมสุดขั้วของพวกเขาทั้งสองคน เพื่อที่จะปกป้องหู่จือ เจียวั่งพลันได้รับบาดเจ็บขณะไล่ตามพวกเขา ผลกระทบต่อสมองนั้นทำให้เขาเป็นโรคลมบ้าหมูตามมา
หู่จือเห็นว่าพ่อของเขาวางอาหารลงบนโต๊ะแล้วยังไม่ยอมไปไหนและเอาแต่จ้องมองพวกเขา เขาจึงคิดว่าพ่อก็อยากเล่นด้วย
“พ่อครับ ถึงตาพ่อแล้ว”
ปืนกลของเล่นภายในมือของหู่จือพลันเพ่งเล็งไปยังเฉินเจียเหอ
เฉินเจียเหอดึงความคิดกลับมาและขยับร่างกายอย่างให้ความร่วมมือ
เฉินเจียเหอนั้นแสดงแบบขอไปที หู่จือจึงแสดงท่าทางไม่พอใจ “พ่อเล่นไม่เป็นเลย อารองครับ พวกเรามาเล่นกันเถอะ”
หู่จือหยิบปืนของเล่นเล็งไปยังร่างกายของเฉินเจียซิ่งอีกครั้ง
ใบหน้าหล่อเหลาของเขาดูสดใสมีชีวิตชีวา เวลาเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งได้จริงๆ
เมื่อเฉินเจิ้นเจียงและโจวลี่หรงกลับมา พวกเขาเปิดประตูและได้ยินเสียงหยอกล้อดังขึ้นภายในบ้าน
เมื่อเข้ามาด้านใน ปืนของหู่จือก็เพ่งเล็งพวกเขา “ปิ้ว ปิ้วปิ้ว…..”
เฉินเจิ้นเจียงยิ้มพลางกล่าว “หู่จือ ใครซื้อปืนของเล่นให้เธอเหรอ?”
“อารองซื้อให้ครับ”
หู่จือเอ่ยกับเฉินเจิ้นเจียงอย่างมีความสุข “ปู่ครับ ตอนนี้อารองของผมดีกับผมมากเลย ไม่เพียงไม่รังเกียจผมแล้ว แต่ยังซื้อของเล่นกับขนมให้ด้วย ตอนนี้ผมชอบเขามากครับ”
“อะแฮ่มๆ”
เฉินเจียซิ่งขัดจังหวะหู่จือและส่งเสียงกระแอมแผ่วเบาสองครั้ง จากนั้นเอ่ยอธิบายอย่างอึดอัดใจ “หู่จือ อารองไม่เคยไม่ชอบเธอ ก่อนหน้านี้อารองอารมณ์ไม่ดี ดังนั้นเธอต้องเข้าใจอารองนะ”
หู่จือเงยหน้าขึ้นและเอ่ยอย่างวางมาด “เข้าใจครับ พวกเราเป็นผู้ชายเหมือนกัน ไม่มีอะไรที่พวกเราไม่เข้าใจกัน”
ประโยคนี้ของเขาทำให้ทุกคนส่งเสียงหัวเราะดังลั่น
เมื่ออาหารนำมาเสิร์ฟบนโต๊ะ ผู้เฒ่าเฉินกล่าวว่าตนเองมีความสุขมาก เขาให้เฉินเจียวั่งไปยังตู้เก็บเหล้าและหยิบเหล้าชั้นดีที่ลูกน้องของเขามอบให้สองขวดนั้นมาสักขวดหนึ่งเพื่อให้ทุกคนได้ลองลิ้มรส
เฉินเจียวั่งได้ยินเช่นนั้นพลันนึกถึงวันนั้นที่พี่รองเพิ่งหย่าร้างและหยิบเหล้าชั้นดีสองขวดของปู่ออกมา จากนั้นพาพี่น้องไปดื่มเพื่อบรรเทาความโศกเศร้า
เขานั่งนิ่งและมองเฉินเจียซิ่งด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “พี่รอง พี่ไปหยิบเถอะ”
เฉินเจียซิ่งพลันรู้สึกเป็นทุกข์และร้อนรน นัยน์ตาสั่นไหวและเอ่ยกับผู้เฒ่าเฉิน “ปู่ครับ ไม่อย่างนั้นพวกเราดื่มอย่างอื่นเถอะ เหล้าสองขวดนั้นเก็บไว้ฉลองคืนข้ามปี”
ผู้เฒ่าเฉินโบกมือไปมาและเอ่ย “ไม่เก็บแล้ว วันนี้มีความสุขแบบนี้ยากจะหาได้และต้องดื่มเหล้าชั้นดี เหล้าข้ามปีของปีนี้ พวกแกพี่น้องไปซื้อได้เลยฉันไม่กังวล”
เฉินเจียซิ่งพลันกลืนไม่เข้าคายไม่ออก จากนั้นหันศีรษะไปมองเฉินเจียเหอเพื่อขอความช่วยเหลือ
เหล้านั้นพวกเขาพี่น้องดื่มกันไปแล้ว เขาจะไปหยิบจากที่ไหนได้ล่ะ?
เฉินเจียเหอนั้นไม่ตอบรับ ละสายตาเบือนหน้าหนีจากเขาและหันไปมองหลินเซี่ย
ผู้เฒ่าเฉินเห็นว่าพวกเขานั่งนิ่งไม่ขยับ จากนั้นเอ่ยเร่งเร้า “ยังไม่รีบไปหยิบอีก? ตอนปีใหม่นั้นพวกแกยังนึกถึงเหล้าสองขวดนั้นของฉันอยู่เลย ทำไม? ตอนนี้ไม่อยากดื่มแล้วเหรอ?”
เฉินเจียซิ่งไม่มีทางเลือกอื่น ทำได้เพียงแค่กัดฟันและเดินไปหยิบเหล้า
เหล้าชั้นดีสองขวดภายในตู้เก็บเหล้านั้นดื่มสำหรับบางโอกาส ส่วนที่เหลือก็เป็นเหล้าขาวทั่วไปที่มักจะพบเห็นได้ตามท้องตลาด ไวน์แดงและไวน์ต่างประเทศก็มี ทุกขวดนั้นลูกน้องใต้บัญชาของผู้อาวุโสเฉินนำมาเยี่ยมเยียนและอวยพรปีใหม่
เฉินเจียซิ่งทำได้เพียงแค่เลือกขวดเหล้าขาวที่ดูคล้ายกับขวดเหล้าชั้นดีขวดนั้นที่พวกเขาแอบดื่ม
อย่างไรก็ตาม ผู้อาวุโสเฉินไม่ได้แก่ชราจนสายตาพร่าเลือน “ทำไมแกหยิบขวดนี้มาล่ะ? เหล้าขวดนี้แรงเกินไป ฉันดื่มไม่ไหว แกหยิบเหมาไถสองขวดนั้นมาให้ฉัน”
เฉินเจียซิ่งกล่าวอย่างอ่อนแรง “ปู่ครับ เหล้าสองขวดนั้น…….ไม่มีแล้ว…….”
ผู้อาวุโสเฉินขมวดคิ้ว “ไม่มีแล้วเหรอ? เหล้ามันกางปีกบินหายไปแล้วเหรอไง?”
คนอื่นเองก็จ้องมองไปทางเฉินเจียซิ่งอย่างพร้อมเพรียง
ผู้อาวุโสเฉินมองดูทุกคนและเอ่ยถาม “พวกแกใครเป็นคนหยิบไป?”
เฉินเจียวั่งกลัวเป็นผู้รับเคราะห์ จากนั้นเหยียดนิ้วชี้ไปทางพี่รองอย่างไม่ลังเล
สีหน้าของผู้อาวุโสเฉินพลันเคร่งขรึม สายตาเฉียบคมจ้องเขม็งไปยังทางเฉินเจียซิ่ง “เจียซิ่ง แกเอาไปเหรอ?”
เฉินเจียซิ่งชำเลืองมองน้องสามด้วยความขุ่นเคือง จากนั้นพยักหน้าด้วยความรู้สึกผิด “ครับ”
ผู้อาวุโสเฉินตบโต๊ะด้วยความโกรธและเอ่ยถาม “ไอ้เด็กเวร แกเอาเหล้าของฉันไปไหน? เอาไปแสดงความเคารพต่อตาเฒ่าเสิ่นเหรอ?”
เมื่อถูกปู่เข้าใจผิด เฉินเจียซิ่งรีบเอ่ยอธิบาย
“ไม่ใช่ครับ ปู่ครับ ผมจะไม่เข้าใจสถานการณ์และนำเหล้าชั้นดีของปู่ไปแสดงความเคารพต่อตาเฒ่าเลอะเลือนคนนั้นได้อย่างไรกัน?”
ช่วงเวลาสำคัญนี้ เฉินเจียซิ่งยึดมั่นในหลักเผชิญปัญหาร่วมกัน จากนั้นชำเลืองมองพี่ใหญ่และน้องสามพร้อมกับเอ่ยอธิบายต่อผู้อาวุโสเฉิน “พวกเราทั้งสามคนพี่น้องนั่งดื่มเหล้าของปู่ด้วยกันครับ”
ผู้อาวุโสเฉิน “……..”
เฉินเจียวั่งยืนกระต่ายขาเดียวอย่างมั่นคง “พี่รอง พี่จะพูดจามั่วๆแบบนี้ไม่ได้นะ! ผมไม่ได้ดื่มด้วย ไม่ได้ดื่มแม้แต่อึกเดียว สุขภาพร่างกายผมเป็นแบบนี้แล้วดื่มเหล้าได้เหรอ?”
เขานั่งดื่มน้ำเย็นแก้วหนึ่งเป็นเพื่อนกับทั้งสองคน แต่ก็ถูกบีบบังคับ
“ผมดื่มกับพี่ใหญ่ครับ”
อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้ดื่มเหล้าเพียงลำพัง หากปู่ให้พวกเขาชดใช้ค่าเหล้า ก็จะต้องหาคนมาหารเงินค่าเหล้า
“ไอ้พวกเด็กเวรทั้งสองคน ทำงานมาตั้งหลายปีแล้ว ไม่เคยซื้อเหล้าชั้นดีให้กับฉันสักขวดหนึ่ง ลูกน้องฉันนำมาแสดงความเคารพต่อฉัน พวกแกก็ยังขโมยไปดื่ม หน้าไม่อายเลยจริงๆ”
ผู้อาวุโสเฉินมองสองพี่น้องด้วยใบหน้ามืดมนพลางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ “ใครเป็นคนชวนก่อน?”
เฉินเจียเหอชี้ไปทางเฉินเจียซิ่งโดยไม่เกรงใจ “เขาครับ”
จากนั้นก็รีบสาดน้ำมันลงกองเพลิง “เขากล่าวว่าต้องใช้เหล้าชั้นดีฉลองการหย่าร้าง ผมถูกเขาบังคับครับ”
เมื่อได้ยินคำพูดของเฉินเจียเหอ ผู้คนทั้งครอบครัวต่างมองเฉินเจียเหอด้วยสีหน้าอ่อนโยนลงเล็กน้อย
เฉินเจิ้นเจียงพร่ำบ่นด้วยสีหน้าแข็งกร้าว “ก่อนจะดื่มทำไมแกไม่บอกปู่ของแกก่อนสักคำ? การหย่าร้างมีเหตุผลพอให้ดื่มงั้นเหรอ? แถมยังดื่มเหล้าชั้นดีไปตั้งสองขวด แกนี่มันใช้ได้เลยจริงๆ”
เฉินเจียซิ่งมองผู้เฒ่าเฉินและพยายามแก้ตัว “ปู่ครับ ปู่อย่าโกรธเลย ปู่ก็เห็นว่าหลังจากผมดื่มเหล้าชั้นดีของปู่แล้วผมก็ตระหนักเรื่องราวได้มากมาย เช้าวันถัดมาผมก็รู้สึกฮึกเหิม เหล้าธรรมดาไม่ให้ผลลัพธ์ดีขนาดนี้หรอกนะครับ”
คำพูดของเฉินเจียซิ่งทำให้ผู้เฒ่าเฉินหัวเราะ “พวกแกดูไอ้เด็กคนนี้ พูดจาพลิกลิ้นได้ไหลลื่นจริงๆ”
“ปู่เลิกโกรธเถอะนะครับ”
เฉินเจียซิ่งกลัวว่าชายชราจะสั่งให้เขาชดใช้ค่าเหล้า จึงรีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “บังเอิญว่าวันนี้ทุกคนอยู่กันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา ผมมีเรื่องอยากจะแจ้งให้ทุกคนทราบครับ”
เดิมทีเฉินเจียซิ่งมีท่าทางเอ้อระเหยลอยชาย แต่ขณะนี้เขากลับจ้องมองทุกคนด้วยสีหน้าจริงจังและเคร่งขรึมเป็นอย่างมาก
เมื่อเห็นเขาจริงจังเช่นนี้ ทุกคนพลันตื่นเต้น กล่าวว่ามีเรื่องจะประกาศ สายตาของทุกคนจับจ้องไปทางเขา
โดยเฉพาะผู้เฒ่าที่หัวใจพลันกระชับแน่น
ไอ้เด็กเวรคนนี้จะมาด้วยลูกไม้แบบไหนอีก?
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เอ็นดูสามพี่น้องนี่มากเลยค่ะ โยนความผิดกันไปมา
ไหหม่า(海馬)