ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 408 ใครจีบใคร
ตอนที่ 408 ใครจีบใคร
ตอนที่ 408 ใครจีบใคร
หลังจากเซี่ยอวี่รู้ว่าพ่อของเย่ไป๋เป็นนักเขียนคนโปรดของหล่อน หล่อนก็มีความสุขมาก น้ำเสียงเต็มไปด้วยความความเคารพเลื่อมใส
เดิมทีเย่เจิ้งหัวคิดว่าเซี่ยอวี่พูดคุยและทักทายเขาอย่างสุภาพด้วยสถานะแขกเท่านั้น คาดไม่ถึงว่าหล่อนจะพูดคุยกับเขาเกี่ยวกับเนื้อหาตัวละครในหนังสือจริงๆและแต่ละตัวละครนั้นก็มีเอกลักษณ์เฉพาะของตนเอง
สมกับที่เป็นราชินีแห่งภาพยนตร์ วิเคราะห์ความคิดความรู้สึกของตัวละครนั้นได้ดีเสียยิ่งกว่าเขาผู้เป็นคนเขียนต้นฉบับ
เย่เจิ้งหัวมองดูราชินีภาพยนตร์คนนี้ด้วยสายตาที่แตกต่างออกไป
อีกฝ่ายไม่เพียงแต่จะมีความงดงามที่เขาชื่นชอบเท่านั้น แต่ยังมีความคิดอ่านล้ำลึกเป็นอย่างมาก
แน่นอนว่าไม่ใช่ความงดงามที่สวยเพียงรูปแต่จูบไม่หอม
ขณะเดียวกันเย่เจิ้งหัวก็ภาคภูมิใจมาก คาดไม่ถึงเลยว่าราชินีภาพยนตร์ฮ่องกงจะชื่นชอบหนังสือของเขา สำหรับนักเขียนแล้วสิ่งนี้คือการยืนยันได้อย่างแน่ชัดเป็นอย่างมาก
พวกเขาทั้งสองคนพูดคุยเกี่ยวกับเนื้อหาภายในหนังสือด้วยความกระตือรือร้น แรกเริ่มคนรอบข้างก็ยังเข้ามาพูดคุยด้วย แต่เมื่อฟังเนื้อหาที่พวกเขากำลังพูดคุยกันแล้วราวกับว่ากำลังพูดถึงสคริปต์ พวกเขาต่างก็ไม่ส่งเสียงรบกวนตามมารยาท
เย่ไป๋เห็นเหตุการณ์นี้ ใบหน้าหล่อเหลาก็ประดับด้วยรอยยิ้ม สายตาของเขามองไปยังเรือนร่างของหญิงสาวอยู่เนิ่นนานอย่างไม่อาจละสายตาได้
หล่อนปัดเส้นผมเล็กน้อยอย่างไม่ตั้งใจ ราวกับว่าเส้นผมนั้นสัมผัสโดนหัวใจของเขา
หลี่เหม่ยเฟิ่งดึงเย่ไป๋ไปอีกด้านหนึ่ง ภายในหัวใจรู้สึกไม่สงบเป็นอย่างมากและเอ่ยถามยืนยันกับเขาอีกครั้ง “ลูกชาย เซี่ยอวี่เป็นแฟนของแกจริงเหรอ?”
เย่ไป๋ยิ้มพลางเอ่ย “แม่ครับ ผมพาหล่อนกลับมาบ้านแล้ว”
“เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ทำไมแกไม่บอกพวกเราให้เร็วกว่านี้?” หลี่เหม่ยเฟิ่งรู้สึกว่าลูกชายจัดการเรื่องนี้ได้ไม่เป็นมืออาชีพเอาเสียเลย
อย่างน้อยก็ควรบอกสถานะของเซี่ยอวี่ล่วงหน้าสักหน่อย
อย่างน้อยก็ให้พวกเขาเตรียมสภาพจิตใจให้พร้อม
เมื่อครู่นี้ตอนเปิดประตู หล่อนทำอะไรไม่ถูกราวกับคนโง่
เย่ไป๋เอ่ยอธิบาย “หล่อนไม่ให้พูดครับ”
“พวกแกรู้จักกันได้อย่างไร?” ใบหน้าของหลี่เหม่ยเฟิ่งปรากฏความอยากรู้อยากเห็นและถามอย่างสงสัย
เย่ไป๋ตอบกลับอย่างรวบรัดและชัดเจน “รู้จักกันผ่านกลุ่มเพื่อนครับ”
จากหางตาของหลี่เหม่ยเฟิ่งชำเลืองมองเซี่ยอวี่ที่กำลังพูดกับเย่เจิ้งหัวเกี่ยวกับนิยาย จากนั้นมองเย่ไป๋ที่หล่อเหลาและมีสง่าราศี ใบหน้าประดับรอยยิ้ม “ลูกชาย แกมีความสามารถขนาดนี้ได้อย่างไร? ถึงได้ไปคบหากับราชินีภาพยนตร์ได้ ยอดเยี่ยมจริงๆ”
“จริงสิ เซี่ยอวี่อายุมากกว่าแกตั้งหลายปี ระหว่างพวกแกใครจีบใครก่อน?” ด้วยฐานะแฟนภาพยนตร์ หลี่เหม่ยเฟิ่งย่อมรู้ข้อมูลส่วนตัวของเซี่ยอวี่เป็นอย่างดี รู้ทั้งอายุรวมถึงสถานะความสัมพันธ์เหมือนหลับตาเห็น
ใครจีบใครกันนะ?
เย่ไป๋จ้องมองหญิงสาวผู้สุภาพเรียบร้อยและสง่างามที่นั่งอยู่บนโซฟา นัยน์ตาส่องประกายพลางกล่าว “แม่ แน่นอนว่าคือคนผมตามจีบหล่อน”
“หล่อนอายุมากกว่าผมหลายปี พวกคุณไม่ถือสาใช่ไหมครับ?”
หลี่เหม่ยเฟิ่งยิ้มพลางกล่าว “แน่นอนว่าไม่ถือสา มีอะไรให้ต้องถือสากันล่ะ แกดูรูปร่างหน้าตาของหล่อนเถอะ ใครจะมองออกบ้างว่าหล่อนอายุมากกว่าแก บำรุงและดูแลดีจริงๆ เป็นนางฟ้าจริงๆ”
หลี่เหม่ยเฟิ่งสัมผัสใบหน้าของตน “หลังจากนี้ฉันต้องขอเคล็ดลับการดูแลผิวจากหล่อนบ้างแล้ว”
หลี่เหม่ยเฟิ่งเอ่ยกำชับเย่ไป๋ด้วยสีหน้าจริงจัง “ลูกชาย หลังจากนี้แกจะต้องดูแลหล่อนให้ดีมากขึ้นอีกสักหน่อย ทุกคนภายในครอบครัวก็จะดีกับหล่อน ต้องให้หล่อนรักษาสถานการณ์เช่นนี้ต่อไป งดงามต่อไป ถ่ายผลงานได้มากยิ่งขึ้น”
เย่ไป๋มองดูสีหน้ายิ้มแย้มเบิกบานของผู้เป็นแม่ ก้นบึ้งนัยน์ตาของเขาพลันปรากฏความขื่นขม
เขาไม่รู้ว่าหลังจากวันนี้หากแม่รับรู้ความจริงแล้วจะรู้สึกผิดหวังต่อตัวเขาหรือไม่
เขายิ่งไม่รู้ว่าตนเองใช้วิธีการเช่นนี้แล้วจะสามารถสานสัมพันธ์กับหล่อนต่อไปได้อีกหรือเปล่า
เซี่ยอวี่กำลังพูดคุยกับเย่เจิ้งหัว หลี่เหม่ยเฟิ่งหยิบแตงโมชิ้นหนึ่งให้กับหล่อนด้วยความกระตือรือร้นเป็นอย่างมาก
“มา รีบกินผลไม้เถอะ”
เซี่ยอวี่รับมาด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย “ขอบคุณนะคะคุณน้า”
หล่อนกินแตงโมด้วยท่าทางสง่างาม จากนั้นมองเย่เจิ้งหัวและกล่าวต่อ “คุณเย่คะ หากนิยายของคุณแปลงเป็นบทละครได้สำเร็จจริง ฉันก็คาดหวังว่าฉันสามารถแสดงตัวละครหว่านหลินได้”
วันนี้เซี่ยอวี่โชคดีมากที่ได้พบกับนักเขียนคนโปรดของตนเอง ถือได้ว่าเป็นการพยายามเพื่อสิทธิ์ของบทบาทตัวละครกับนักเขียนต้นฉบับก่อนแล้ว หล่อนถือหนังสือและกล่าวด้วยความจริงใจเป็นอย่างมาก
“ฉันชอบบทบาทตัวละครหว่านหลินมากจริงๆนะคะ ตอนฉันอ่านหนังสือก็รู้สึกประทับใจมาก ฉันเองก็เคยคิดว่าถ้าหากบทบาทตัวละครนี้ถูกนำมาฉายบนหน้าจอแล้วจะเป็นอย่างไร ควรใช้วิธีการแบบใดถึงจะสามารถนำเสนอชีวิตของหล่อนต่อผู้ชมได้อย่างสมบูรณ์แบบ”
ผลงานคลาสสิกชิ้นนี้มีโอกาสเปลี่ยนจากถ้อยคำภายในหนังสือเป็นภาพที่มีเลือดเนื้ออย่างสมจริง หล่อนคาดหวังที่จะได้ร่วมงานเป็นอย่างมาก
เย่เจิ้งหัวไม่ได้ตอบหล่อน เพียงแค่ยิ้ม “เป็นเกียรติของผมและเป็นเกียรติของบทบาทหว่านหลินด้วย”
เมื่อเซี่ยอวี่เข้ามาตอนแรก หล่อนมาด้วยท่าทางของการทำภารกิจให้สำเร็จ ให้คำอธิบายแก่เย่ไป๋ ใช้เวลากินอาหารหนึ่งมื้อพอเป็นพิธี จากนั้นขีดเส้นแบ่งแยกกับเย่ไป๋ให้ชัดเจน ไม่มีใครติดหนี้ใคร
คาดไม่ถึงเลยว่าวันนี้จะได้รับประสบการณ์ที่เหนือความคาดหมาย
ขณะนี้ รอยยิ้มบนใบหน้าของหล่อนไม่ได้เป็นการแสดงเลยแม้แต่น้อย
เย่ไป๋เข้ามาอยู่ข้างหล่อนเงียบๆ มองดูหล่อนและพ่อพูดคุยเกี่ยวกับบทบาทของตัวละคร
ขณะนี้ทั่วร่างของหล่อนกำลังเปล่งประกาย
เซี่ยอวี่ถือหนังสือไว้ในมือ พลางมองเย่เจิ้งหัวและเอ่ยถามอย่างจริงใจ “คุณเย่คะ วันนี้รู้สึกเป็นเกียรติมากที่ได้พบกับคุณ ฉันมีความสุขจริงๆค่ะ คุณช่วยเซ็นหนังสือเล่มนี้ให้กับฉันหน่อยได้ไหมคะ? ฉันมีอยู่เล่มหนึ่งแต่อยู่ที่ฮ่องกง ฉันอยากได้เล่มที่มีลายเซ็นค่ะ”
เย่เจิ้งหัวยิ้มพลางเอ่ยตอบ “แน่นอนไม่มีปัญหา”
เย่เจิ้งหัวหยิบปากกาด้ามหนึ่งออกมาจากกระเป๋าเสื้อของตนเองอย่างไม่ใส่ใจ จากนั้นเขียนคำอวยพรและชื่อของเขาลงบนหน้าเปล่าหลังปกหนังสือ
เซี่ยอวี่ยื่นมือทั้งสองข้างออกไปรับ ถือไว้ภายในอ้อมแขนราวกับสมบัติล้ำค่า จากนั้นกล่าวอย่างมีความสุข “ขอบคุณนะคะคุณเย่ วันนี้ฉันมาไม่เสียเที่ยวจริงๆค่ะ”
เมื่อหล่อนกล่าวจบก็ตระหนักได้ว่าตนเองใช้คำศัพท์ไม่เหมาะสม จากนั้นจึงยิ้มเขินและเปลี่ยนคำพูด “ไม่ใช่ ความหมายของฉันคือคาดไม่ถึงเลยว่าจะได้รับประสบการณ์ที่คาดไม่ถึงแบบนี้”
เดิมทีหลี่เหม่ยเฟิ่งรู้สึกว่าเป็นเรื่องค่อนข้างน่าอายเล็กน้อยที่ตนเองอายุขนาดนี้แล้วยังชื่นชอบดารา
ดังนั้นแม้ว่าเมื่อตอนอยู่บ้านจะดูโทรทัศน์และชื่นชอบเซี่ยอวี่เป็นอย่างมาก แต่เมื่ออยู่ด้านนอกก็ไม่เคยเอ่ยเรื่องเหล่านี้ออกมาเลย
อย่างเมื่อคราวที่เพลง ‘เปลวไฟในเหมันต์’ โด่งดัง สหายหญิงคนหนึ่งของหล่อนที่ชื่นชอบนักร้องชายผู้ร้องเพลงนี้ก็ถูกสามีหาว่าไร้ศีลธรรม สองสามีภรรยาทะเลาะกันอย่างรุนแรง
หลังจากนั้นแม้แต่ลูกของพวกเขาก็ยังตื่นตระหนก
ทุกคนต่างวิจารณ์ว่าผู้หญิงคนนั้นมีอายุมากแล้วแต่ก็ยังมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม จากนั้นกลายเป็นเรื่องตลกของผู้คน
แม้ว่าคนรักและลูกทั้งสองคนของหล่อนจะเป็นคนยุคสมัยใหม่ คนภายในครอบครัวให้ความเคารพต่อกัน แต่หลี่เหม่ยเฟิ่งยังคงเป็นคนที่ไม่ค่อยเปิดเผยและเป็นอนุรักษ์นิยม
ขณะนี้เมื่อเห็นดาราดังได้พบกับไอดอลของตนเองและยังแสดงท่าทางเป็นแฟนคลับ หลี่เหม่ยเฟิ่งพลันมั่นใจในทันที
เป็นเพราะความเลื่อมใสศรัทธาและความชื่นชอบจากภายในหัวใจ ดังนั้นความรู้สึกแท้จริงถูกเปิดเผย
การกระทำไม่เสแสร้งเช่นนี้ถูกแสดงออกมาอย่างเปิดเผย ทำให้ผู้คนรู้สึกสบายตาเมื่อได้เห็น
หลี่เหม่ยเฟิ่งและเย่เชี่ยนเตรียมอาหารเสร็จแล้วและเดินเข้ามาเรียกพวกเขาพร้อมรอยยิ้ม
“มาเถอะ ได้เวลากินข้าวแล้ว”
เซี่ยอวี่ตามพวกเขามายังห้องอาหารและเห็นอาหารมากมายเต็มโต๊ะ จากนั้นมองไปยังสมาชิกของตระกูลเย่ที่กำลังมองหล่อนด้วยสายตาคาดหวังเต็มเปี่ยม หล่อนพลันรู้สึกประทับใจเล็กน้อยและรู้สึกผิดเล็กน้อยเช่นกัน
ตระกูลเย่เป็นครอบครัวที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นและความรัก อีกทั้งยังเป็นตระกูลที่ดีงาม คนโดดเด่นอย่างเย่ไป๋หาแฟนยากมากขนาดไหนกันถึงได้ขอให้หล่อนแกล้งแสดงละครแบบนี้?
เย่ไป๋คงจะไม่ได้วางแผนไม่แต่งงานเหมือนกับหล่อนหรอกใช่ไหม?
ครอบครัวของเขามีความสุขขนาดนี้ เขาถูกเลี้ยงดูมาอย่างดีขนาดนี้ อีกทั้งยังมีสุขภาพแข็งแรง เป็นเด็กที่มาจากครอบครัวที่มีความรักเช่นนี้ เขาไม่มีทางมีความคิดเลอะเทอะแบบนี้อย่างแน่นอน
แล้วทำไมเขาถึงหลอกครอบครัวของเขาด้วยวิธีการแบบนี้?
ทันใดนั้นเซี่ยอวี่พลันรู้สึกไม่กล้าสบสายตาเย่เจิ้งหัวและหลี่เหม่ยเฟิ่งเท่าไรนัก หล่อนดูออกว่าพวกเขาชื่นชอบหล่อนมาก
ด้วยพ่อและแม่ที่มีความคิดยุคสมัยใหม่เช่นนี้ ไม่ว่าเย่ไป๋จะพาใครกลับบ้าน พวกเขาต่างก็คงจะชื่นชอบเป็นอย่างมาก
เพราะว่าพวกเขาเคารพลูกชายและรักเขาอีกทั้งยังรักคนที่ลูกเขารักด้วย
หล่อนไม่รู้ว่าหากพวกเขาได้รู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างหล่อนกับเย่ไป๋เป็นเรื่องโกหก พวกเขาจะรู้สึกผิดหวังมากขนาดไหน?
หล่อนยังมีบทบาทที่ต้องแสดง!
หล่อนจะต้องไม่ปล่อยให้เรื่องของหล่อนกับเย่ไป๋ส่งผลกระทบต่อความร่วมมือระหว่างหล่อนและคุณเย่ในอนาคต
เซี่ยอวี่ชำเลืองมองเย่ไป๋ด้วยความขุ่นเคืองใจ
ผู้ชายคนนี้ต้องการให้หล่อนใช้วิธีการนี้ตอบแทนน้ำใจของเขา เขาคิดอะไรกันอยู่กันแน่?
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ดูเหมือนว่าแผนนี้จะไม่ง่ายเสียแล้วสิ ความรู้สึกของคนในชีวิตจริงไม่ใช่บทละครที่มีการซ่อมใหม่ได้นี่นะ
ไหหม่า(海馬)