ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 404 แกล้งทำเป็นตาบอด
ตอนที่ 404 แกล้งทำเป็นตาบอด
ตอนที่ 404 แกล้งทำเป็นตาบอด
ที่โต๊ะอาหารเย็น คุณแม่เซี่ยคอยขยิบตาให้เซี่ยไห่ตลอดเวลา เป็นเชิงส่งสัญญาณให้เขาคุยกับลินดาบ้าง
เซี่ยไห่แกล้งทำเป็นตาบอด ก้มหน้าลงและมุ่งความสนใจไปที่การกินเท่านั้น
คุณแม่เซี่ยยิ่งเกลียดเหล็กที่ไม่ยอมกลายเป็นเหล็กกล้า ดังนั้นจึงได้แต่เตือนเขาออกเสียงว่า “เสี่ยวไห่ ตักซุปไก่ให้ลินดาสักชามหนึ่งสิ”
เซี่ยไห่ได้แต่ตอบรับว่า “โอ้”
เดิมทีลินดาอยากจะบอกว่าหล่อนตักเองได้โดยไม่จำเป็นต้องรอให้เซี่ยไห่บริการ แต่เมื่อเห็นสายตาที่จริงจังของคุณแม่เซี่ย หล่อนจึงทำได้เพียงโอนอ่อนผ่อนตาม แล้วปล่อยให้เซี่ยไห่ตักซุปไก่ใส่ชามมาวางอยู่ตรงหน้า
“มา จิบซุปไก่เยอะ ๆ นะ”
จากนั้นคุณแม่เซี่ยก็ออกคำสั่งอีก “เสี่ยวไห่ อย่าลืมตักซุปให้หลานสาวกับหลานชายด้วยล่ะ”
เมื่อได้ยินหญิงชราเรียกเด็กน้อยว่าหลาน มุมปากของเซี่ยไห่ก็กระตุกเล็กน้อย
เขาเหลือบมองหู่จือเล็กน้อยด้วยความรังเกียจ
ถ้าเขารู้แต่แรกว่าทุกอย่างจะกลายเป็นแบบนี้ สองปีที่ผ่านมาต่อให้เขาต้องทะเลาะกับเฉินเจียเหอ เขาก็ควรได้รับสิทธิ์ในการดูแลเด็กคนนี้
เดิมทีเขาอยากมีลูกชายโดยที่ไม่ต้องมีภรรยา เพื่อจะได้ไม่ถูกบังคับให้แต่งงานและมีลูกในอนาคต
ตอนนี้เป็นยังไง เขากลายเป็นคุณตารองของเด็กไปเสียแล้ว
หู่จือง่วนอยู่กับการแทะไก่ ทำให้ไม่ทันสังเกตว่าเซี่ยไห่กำลังมองเขาด้วยสายตาประหลาด
ในขณะที่หลินเซี่ยเห็น
เธอมองอารองด้วยสีหน้าอ่อนโยน ริมฝีปากเผยยิ้มน้อย ๆ
ดูเหมือนว่าเถ้าแก่เซี่ยผู้หล่อเหลามีเสน่ห์และอ่อนเยาว์ ไม่เต็มใจที่จะกลายเป็นคุณตาเท่าไรนัก
คุณแม่เซี่ยเหลือบมองเซี่ยอวี่ ก่อนจะถอนหายใจด้วยความเสียดาย
“รู้อย่างนี้วันนี้แม่โทรหาเสี่ยวเย่ก็ดี เขาจะได้มากินข้าวด้วยกันที่บ้านเรา”
เซี่ยอวี่ไม่ได้เงยหน้าขึ้น ไม่สนใจคำรำพึงรำพันของหญิงชราเลย
คุณแม่เซี่ยไม่ยอมแพ้ ยังคงพูดกับเซี่ยอวี่ว่า “ไหน ๆ พวกเราก็เพิ่งจะเริ่มจับตะเกียบไม่นาน ทำไมลูกไม่โทรหาเย่ไป๋หน่อยล่ะ? ป่านนี้เขาน่าจะเลิกงานแล้ว เชิญเขามากินข้าวมื้อเย็นกับเราดีกว่า”
เซี่ยอวี่อธิบายอย่างฉุนเฉียวว่า “แม่ เขาอาจจะทำงานล่วงเวลาอยู่ก็ได้ ถ้าไม่มีเรื่องอะไรจำเป็นก็อย่ารบกวนเขาเลยค่ะ อาชีพหมอยุ่งมาก”
คุณแม่เซี่ยถอนหายใจด้วยความหงุดหงิด ท้ายที่สุดก็ยอมแพ้ “งั้นไม่เป็นไร ไว้แม่ค่อยโทรชวนเขาครั้งหน้า”
เซี่ยอวี่ได้ยินแม่ของตนพูดถึงเย่ไป๋บ่อย ๆ ก็พลันรู้สึกว่าอาหารในปากไม่อร่อยอีกต่อไป
หล่อนคงต้องตอบแทนหนี้บุญคุณเย่ไป๋โดยเร็วที่สุด จากนั้นค่อยบอกให้หญิงชรารับรู้
ที่โต๊ะอาหารเย็น คุณแม่เซี่ยไม่ได้สนใจเรื่องกินเท่าที่ควร แต่คอยรับบทเป็นแม่เฒ่าจัดการเรื่องนี้และเรื่องนั้นแทน
นางขยิบตาให้เซี่ยไห่ ขอให้เขาคุยกับลินดาเยอะ ๆ
แต่เซี่ยไห่สนใจแต่เรื่องการกินของตัวเองเท่านั้น และเลือกที่จะเพิกเฉย
เมื่อคุณแม่เซี่ยเห็นว่าลูกชายไม่ยอมทำตามที่นางคาดหวัง จึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากริเริ่มที่จะช่วยเขา
“ลินดา ถ้าเธอมีเวลาลองไปฟังเพลงผ่อนคลายที่ห้องเต้นรำของเซี่ยไห่ดูสิ ป้าเห็นว่าช่วงนี้งานเธอยุ่งมากเพราะงานของเซี่ยอวี่ อย่าลืมใส่ใจกับสุขภาพร่างกายของตัวเองให้มาก รักษาสมดุลระหว่างการทำงานและการพักผ่อนให้ดี”
ลินดาพยักหน้า “เข้าใจแล้วค่ะคุณป้า”
หลินเซี่ยมองไปที่เซี่ยอวี่ และถามอย่างคาดหวัง “อาคะ คุณมีแนวโน้มว่าจะได้งานที่ไห่เฉิงแล้วหรือยัง?”
เซี่ยอวี่กล่าวว่า “เรากำลังคิดเรื่องนี้กันอยู่พอดี แค่ยังไม่ได้ตัดสินใจ เนื่องจากยังไม่มีกำหนดการถ่ายทำเทปบันทึกภาพรอบชิงชนะเลิศของรายการประกวดนางแบบ เราเลยต้องรอดูแนวโน้มว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างหลังจากการประกวดจบลง”
ในระหว่างรอบรองชนะเลิศ ลินดาพอใจกับการแต่งหน้าและทรงผมที่หลินเซี่ยทำให้เซี่ยอวี่มาก และผลการตอบรับก็ดีมากเช่นกัน
ในเวลานี้ ลินดาจึงมองหลินเซี่ยด้วยความชื่นชมเล็กน้อย พูดว่า “เซี่ยเซี่ย ถ้าเธอพอมีเวลา ฉันอยากจะขอให้เธอช่วยออกแบบการแต่งหน้าทำผมให้อาของเธอเพิ่มหน่อย เราจะเลือกรูปแบบที่เหมาะสมที่สุด แล้วเตรียมเนรมิตให้หล่อนตอนถ่ายทำรอบชิงชนะเลิศ”
หลินเซี่ยยิ้มและพยักหน้า “ได้เลยค่ะ”
ตราบใดที่การแต่งหน้าและทรงผมของเซี่ยอวี่ในรอบชิงชนะเลิศเป็นที่ยอมรับจากทุกคน เธอจะได้ทำงานกับเซี่ยอวี่ และกลายเป็นสไตลิสต์ส่วนตัวของหล่อนในอนาคต
ซึ่งนี่จะเป็นบทบาทสำคัญในการพัฒนาด้านอาชีพในอนาคตสำหรับเธอ
เซี่ยอวี่พูดกับหลินเซี่ยว่า “รอบชิงชนะเลิศจะมาถึงในอีกประมาณห้าวัน อย่าลืมไปคุยกับเจียงอวี่เฟย กำชับให้หล่อนเตรียมตัวให้พร้อมที่สุด หล่อนมีศักยภาพพอที่จะกลายเป็นผู้ชนะของรายการ
ฉันได้ยินมาว่าผู้ชมจำนวนมากเขียนจดหมายส่งถึงทีมงานรายการโหวตให้เจียงอวี่เฟยโดยหวังว่าหล่อนจะได้แชมป์ ดังนั้นความคิดเห็นของสาธารณชนเป็นสิ่งสำคัญมาก นอกจากนี้ยังเป็นเรื่องน่าประทับใจมากที่รายการนี้มีคนสนใจรับชมมากมาย ผู้ชมในไห่เฉิงมีความกระตือรือร้นสูงมาก หวังว่าเราทุกคนจะไม่ทำให้ผู้ชมผิดหวัง และจะต้องนำเสนอการแสดงที่ยอดเยี่ยมแก่ผู้ชมด้วย”
เซี่ยอวี่ตกลงที่จะเข้าร่วมเป็นกรรมการในรายการโทรทัศน์ไห่เฉิงครั้งนี้ เหตุผลหลักเป็นเพราะต้องการทดสอบน่านน้ำ
ปรากฏว่าพวกหล่อนพึงพอใจกับผลตอบรับที่ได้มาก
บางทีจุดมุ่งหมายทางอาชีพในอนาคตของหล่อน ควรเปลี่ยนมาแจ้งเกิดที่นี่จริง ๆ
หลินเซี่ยตอบกลับ “อาคะ ข่าวการเข้าร่วมรายการของคุณคือแรงกระเพื่อมสำคัญที่ทำให้ทุกคนหันมาสนใจการประกวดนางแบบ รายการถูกยกระดับขึ้นทันทีที่มีดาราดังมาร่วมเป็นกรรมการ ตอนแรกไม่มีใครดูรายการนี้ด้วยซ้ำ หนังสือพิมพ์ก็ไม่กล้ารายงานข่าว”
เมื่อลินดาได้ยินคำพูดของหลินเซี่ย ใบหน้าที่เย็นชาของหล่อนก็ปรากฏรอยยิ้มที่หาได้ยาก
เห็นได้ชัดว่าหล่อนก็พอใจกับการเก็บเกี่ยวครั้งนี้เช่นกัน
หลินเซี่ยครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดอย่างเชื่องช้า “ถึงอย่างนั้น ทางอวี่เฟยดูเหมือนจะมีเรื่องไม่สะดวกนิดหน่อยค่ะ”
หลังจากได้ยินคำพูดของหลินเซี่ย เซี่ยอวี่ก็มองดูเธออย่างสงสัย “มีปัญหาอะไรหรือเปล่า? หรือมีข้อกังวลใจอื่น? ถ้าเป็นปัญหาเกี่ยวกับการประกวด ฉันช่วยตอบคำถามให้เธอได้โดยไม่ละเมิดการตัดสินอันยุติธรรมของรายการนะ”
หลินเซี่ยส่ายหน้า “เปล่าค่ะ เป็นปัญหาครอบครัวน่ะค่ะ อวี่เฟยสมัครเข้าประกวดในรายการนี้โดยไม่ได้บอกพ่อของหล่อนก่อน หลังรอบรองชนะเลิศออกอากาศ พ่อของหล่อนบังเอิญไปรู้เรื่องที่หล่อนเข้าร่วมรายการ ตอนนี้เขาก็เลยยื่นคำขาดให้หล่อนถอนตัวซะ”
“ทำไมเขาถึงไม่เห็นด้วยล่ะ?” เซี่ยอวี่ถามพลางขมวดคิ้ว
เซี่ยไห่ที่อยู่ด้านข้างตอบแทน “ยังจำเป็นต้องถามอีกเหรอ? เขาคงคิดว่าเป็นเรื่องน่าอับอายที่เห็นลูกสาวตัวเองแต่งตัวนุ่งน้อยห่มน้อยออกเวทีน่ะสิ”
“นายกำลังดูถูกใครกัน?”
เซี่ยอวี่มองไปทางเซี่ยไห่ด้วยสายตาเฉียบคม “แม้แต่นายเองก็คิดเหรอว่าการใส่ชุดว่ายน้ำเดินแบบเป็นเรื่องที่น่าขายหน้า?”
ถ้าเขาจะใช้มาตรฐานเดียวกัน เขาก็ควรจะอับอายที่เห็นพี่สาวตัวเองแสดงหนังและร้องเพลงบนเวทีโดยสวมเสื้อผ้าร่วมสมัยแบบเปิดเผยเนื้อตัวด้วยสิ?
หล่อนมีความจำเป็นต้องทำงานนี้เพื่อหาเงินมาเลี้ยงดูครอบครัว ดูแลแม่และพี่ใหญ่ เขากล้าดียังไงถึงรู้สึกอับอายในสิ่งที่หล่อนกระทำ?
เซี่ยไห่รีบปฏิเสธ “ผมไม่ได้คิดอย่างนั้นซะหน่อย อย่าเพิ่งเอาความโกรธมาลงที่ผมสิ ที่เรากำลังพูดถึงอยู่ในตอนนี้คือพ่อของเจียงอวี่เฟยยอมรับไม่ได้กับการที่ลูกสาวของเขาสวมเสื้อผ้าแบบเปิดเผยเนื้อตัวออกทีวี อย่าลืมสิว่าผู้คนในไห่เฉิงมีความคิดค่อนข้างอนุรักษ์นิยม ดูจากการแต่งตัวของผู้คนบนท้องถนนก็ได้”
ในฐานะกรรมการของรายการประกวดนางแบบ เซี่ยอวี่ชื่นชมเจียงอวี่เฟยมาก ในฐานะผู้หญิงด้วยกันหล่อนรู้ดีว่าเจียงอวี่เฟยต้องตกอยู่ภายใต้ความกดดันของสังคมมากแค่ไหน ดูจากการที่หล่อนต้องแอบสมัครเข้าร่วมการประกวด
หล่อนไม่อยากให้เจียงอวี่เฟยเด็กสาวผู้มีความฝันต้องอนาคตพังทลาย เพราะแนวคิดระบบศักดินาและประเพณีดั้งเดิมของพ่อ
เซี่ยอวี่มองไปที่หลินเซี่ยอย่างจริงจัง และพูดว่า “เซี่ยเซี่ย ช่วยเป็นธุระนัดกับพ่อของเจียงอวี่เฟยให้ฉันสักวันสิ ฉันอยากคุยกับเขาเป็นการส่วนตัว”
ทันทีที่เซี่ยอวี่พูดแบบนี้ ลินดาที่อยู่ด้านข้างก็แย้งว่า “ไม่ได้ ตอนนี้คุณกลายเป็นคนดังในไห่เฉิงไปแล้ว คุณไม่ควรออกไปเจอกับคนแปลกหน้าเป็นการส่วนตัวนะคะ ไม่งั้นคนจะจำคุณได้”
เซี่ยอวี่มองไปที่ลินดา ตอบโต้อย่างหงุดหงิด “ทำไมฉันจะออกไปไม่ได้? อวี่เฟยเป็นเพื่อนสนิทของเซี่ยเซี่ย ฉันแค่ฝากเซี่ยเซี่ยไปนัดพ่อของอวี่เฟยให้มาที่ร้านตัดผมของหล่อนก็ได้แล้ว จากนั้นฉันจะพูดอะไรกับเขาสักสองสามคำ แบบนี้มีปัญหาตรงไหน? ทำไมเธอถึงได้กังวลไปซะทุกอย่าง ฉันเป็นนักแสดงก็จริง แต่ฉันก็เป็นมนุษย์คนหนึ่งเหมือนกัน มีความคิดอ่านและวงสังคมเป็นของตัวเอง รู้หรอกน่าว่าอะไรควรยุ่งหรือไม่ควรยุ่ง”
เมื่อเซี่ยอวี่เริ่มโกรธ น้ำเสียงของหล่อนก็เริ่มแหลมสูงด้วยความหงุดหงิด คุณแม่เซี่ยจึงรีบเป็นคนกลางไกล่เกลี่ยเรื่องต่าง ๆ ให้ราบรื่น “เสี่ยวอวี่ คุยกับลินดาเขาดี ๆ หน่อย อย่าอารมณ์เสียนักเลย”
“แม่ นี่เป็นเรื่องงาน แม่อย่ายุ่งเลยดีกว่า”
คุณแม่เซี่ยไม่มีทางเลือกนอกจากต้องเงียบไว้
ก่อนหน้านี้ แม้ว่าเซี่ยอวี่และลินดาจะทะเลาะกันเรื่องทัศนคติในการทำงานที่แตกต่าง นางเห็นแล้วก็จะไม่พูดอะไรและจะอยู่ให้ห่างจากสนามรบเข้าไว้
แต่ตอนนี้สถานการณ์ไม่ได้แตกต่างไปจากเดิมหรอกหรือ?
ลูกชายของนางชอบลินดา และลินดามีแนวโน้มที่จะกลายเป็นลูกสะใภ้ของนาง จึงกลัวว่าลูกสาวตัวเองจะโหดร้ายกับอีกฝ่ายมากเกินไป ซึ่งจะส่งผลต่อการตามจีบสาวของเซี่ยไห่
หลินเซี่ยบอกว่า “อาคะ ตอนนี้อวี่เฟยย้ายไปอาศัยอยู่ที่บ้านญาติของหล่อนชั่วคราว เราลองรอดูสถานการณ์กันไปก่อน บางทีครอบครัวญาติของหล่อนอาจจะโน้มน้าวพ่อของอวี่เฟยให้เปลี่ยนใจก็ได้ค่ะ”
เซี่ยอวี่พยักหน้าหลังได้ยินดังนี้ “โอ้ งั้นก็รอดูกันต่อไป ถ้าจนแล้วจนรอดยังหาทางออกไม่ได้อีกให้บอกฉันได้เลย แล้วฉันจะหาวันนัดไปคุยกับพ่อของอวี่เฟยอีกที”
ครั้งสุดท้ายที่หลินเซี่ยและเซี่ยอวี่พูดคุยเกี่ยวกับเจียงอวี่เฟย เย่ไป๋พูดต่อหน้าพวกเธอว่าอวี่เฟยเป็นลูกพี่ลูกน้องของเขา แต่ตอนนี้เซี่ยอวี่ไม่ได้ถามว่าลูกพี่ลูกน้องของอวี่เฟยคือใคร หลินเซี่ยเองก็ไม่ได้อธิบายเพิ่มเติม
เย่ไป๋กำลังจะพาแฟนของเขากลับบ้านเพื่อไปเจอกับพ่อแม่ เธอยังไม่แน่ใจว่าแฟนคนที่ว่าใช่เซี่ยอวี่หรือเปล่า
เดิมที เธอตั้งใจมาที่นี่ในวันนี้ด้วยความอยากรู้อยากเห็นเพื่อตรวจสอบเกี่ยวกับข้อเท็จจริง แต่เซี่ยไห่ชิงบอกเธอก่อนว่าเย่ไป๋กับเซี่ยอวี่ไม่ได้คบหากันจริง ๆ และเขาก็สารภาพว่าเขาก็แกล้งชอบลินดาไปอย่างนั้นเองเหมือนกัน
พวกเขาแค่แสดงละคร เรื่องมีอยู่แค่นั้น
ทำให้ตอนนี้หลินเซี่ยยิ่งไม่กล้ายืนยันเข้าไปใหญ่ว่าคนที่เย่ไป๋ต้องการพากลับบ้านไปเจอพ่อแม่ของเขาคือเซี่ยอวี่จริงไหม
ถ้าไม่ใช่ บอกไปก็น่าอายเปล่า ๆ
อันดับแรก ย่าของเธอน่าจะสติหลุดภายในพริบตา
หลินเซี่ยมีเหตุผลมากเกินกว่าจะพูดอะไรพล่อย ๆ
ถึงอย่างไรเจียงอวี่เฟยก็ยังอยู่ที่บ้านตระกูลเย่ เมื่อเย่ไป๋พาแฟนของเขากลับบ้านเมื่อใด เจียงอวี่เฟยต้องมาบอกเธออย่างแน่นอนว่าอีกฝ่ายเป็นใคร
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เกร็งกิเดสกันหมดทั้งโต๊ะแล้วมั้ง แม่จับตามองใกล้ชิดขนาดนั้น
ไหหม่า(海馬)