ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 402 แม้แต่หวังซิ่วฟางก็กลายเป็นผู้อาวุโส
- Home
- All Mangas
- ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80
- ตอนที่ 402 แม้แต่หวังซิ่วฟางก็กลายเป็นผู้อาวุโส
ตอนที่ 402 แม้แต่หวังซิ่วฟางก็กลายเป็นผู้อาวุโส
ตอนที่ 402 แม้แต่หวังซิ่วฟางก็กลายเป็นผู้อาวุโส
ในขณะที่รายการออกอากาศ เพื่อนบ้านในลานโรงงานเครื่องจักรก็เริ่มแพร่กระจายข่าวใหญ่ว่าเย่เสี่ยวอวี่ก็คือเจียงอวี่เฟย
เหตุการณ์นี้สร้างแรงระเบิดอย่างรุนแรงขึ้นที่อาคารพักอาศัย
ตอนแรกพวกเขาก็เหมือนกับคนอื่น ๆ ที่แค่คิดว่าผู้หญิงในจอดูคุ้นหน้าคุ้นตาแปลก ๆ แต่สุดท้ายก็ล้มเลิกความคิดนี้ไป เพราะชาวบ้านหลายคนไม่รู้ว่าในการประกวดสามารถใช้นามแฝงได้
หลังจากที่เจียงกั๋วเซิ่งกินข้าวกับครอบครัวเย่เสร็จแล้ว ทันทีที่เขาเข้าไปในประตูอาคาร ป้า ๆ ในลานกว้างก็เดินเข้ามาล้อมหน้าล้อมหลังเขา ก่อนจะถามคำถามต่าง ๆ นานา บางคนชื่นชมหล่อน แต่แน่นอนว่าบางคนก็ไม่เห็นด้วย
สิ่งที่เจียงกั๋วเซิ่งกังวลมากที่สุดได้เกิดขึ้นแล้ว
เมื่อได้ยินการพูดคุยและการยิงคำถามของพวกเขา เจียงกั๋วเซิ่งก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที
ถึงอย่างไรเขาก็เป็นรองผู้อำนวยการโรงงาน แม้บางคนอยากเยาะเย้ยเขา แต่ก็ไม่กล้าทำอย่างเปิดเผย
เมื่อเจอหน้า ส่วนใหญ่มักจะชมเชยเขาแม้เป็นการฝืนใจ
“รองผู้อำนวยการเจียง ถ้าอวี่เฟยกลายเป็นผู้ชนะ อย่าลืมเลี้ยงขนมพวกเราด้วยล่ะ”
“ใช่แล้ว หล่อนประกวดมานานแล้วแท้ ๆ คุณกลับไม่รู้จักบอกอะไรกับทุกคนเลย มัวเก็บไว้เป็นความลับอยู่ได้”
“ฉันเกรงว่าอวี่เฟยอาจจะเข้าร่วมโดยไม่บอกรองผู้อำนวยการเจียง เพราะถ้ารองผู้อำนวยการเจียงรู้ว่าอวี่เฟยเข้าร่วมการประกวดพรรค์นั้น เขาคงไม่เห็นด้วยง่าย ๆ แน่ เห็นหล่อนนุ่งน้อยห่มน้อยขึ้นเวทีหรือเปล่า”
“เธอไม่เข้าใจอะไรเลย นั่นเรียกว่าโชว์ชุดว่ายน้ำต่างหาก”
เจียงกั๋วเซิ่งทั้งเหนื่อยและหงุดหงิด “ผมขอตัวกลับบ้านก่อน พวกคุณคุยกันไปก่อนนะ”
มีความคิดเห็นที่หลากหลายจากโลกภายนอก จนถึงตอนนี้ ในแวดวงของพวกเขาเอง คนหนุ่มสาวก็มีความกระตือรือร้นเกี่ยวกับรายการที่เปิดกว้างนี้มากขึ้น ในขณะที่ผู้สูงอายุบางคนก็คร่ำครวญถึงความเสื่อมถอยของสังคม
โดยส่วนตัวแล้ว เจียงกั๋วเซิ่งไม่สามารถยอมรับการสวมชุดว่ายน้ำห่วย ๆ แบบนั้นได้จริง ๆ แถมยังต้องเดินไปรอบ ๆ ให้อับอายขายหน้า ออกอากาศทั้งในทีวีและตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์
บังเอิญว่าช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนี้ ลูกสาวของเขาได้กลับไปสานสัมพันธ์กับญาติอย่างลุงและป้าฝั่งแม่ ทำให้ตอนนี้หล่อนมีผู้สนับสนุนที่แข็งแกร่ง ถ้าท้ายที่สุดหล่อนยังไม่เชื่อฟังเขาและยืนกรานที่จะเข้าร่วม เขาคงไม่มีทางเลือกจริง ๆ
…
วันนี้หลินเซี่ยสัญญากับหู่จือว่าเธอจะขี่มอเตอร์ไซค์ที่เซี่ยไห่ซื้อให้ไปรับเขาจากโรงเรียนอนุบาล
เธอไปถึงก่อนเวลาเลิกเรียนพอสมควร จอดมอเตอร์ไซค์ไว้ข้างรั้วโรงเรียน แล้วยืนพิงมอเตอร์ไซค์รอให้ลูกชายออกมา การมาของเธอทำให้เกิดเสียงฮือฮามากมาย
นี่คือคำขอของหู่จือ เด็กชายตัวน้อยบอกเธอว่าเขาอยากให้เด็ก ๆ ทุกคนในโรงเรียนอนุบาลเห็นว่าแม่ของเขาขี่มอเตอร์ไซค์มารับ จะได้เห็นว่าพวกเขาสองแม่ลูกโก้ขนาดไหน
“โอ้โฮ เซี่ยเซี่ย วันนี้ขี่มอเตอร์ไซค์มาเองเลยเหรอ?”
หวังซิ่วฟางแตะเบาะรถจักรยานยนต์คานโค้งคันเล็ก แล้วถามว่า “เฉินเจียเหอของเธอยินดีควักเงินจ่ายให้เธอเชียวเหรอเนี่ย? คงหมดไปหลายพันเลยใช่ไหม? โรงงานมีนโยบายขึ้นค่าแรงหัวหน้างานอีกแล้วเหรอ?”
หลินเซี่ยอธิบาย “เขาไม่ได้ซื้อค่ะ เป็นอารองของฉันต่างหากที่ซื้อให้”
หวังซิ่วฟางมองด้วยความอิจฉา “จุ๊ๆ ฉันอยากมีอาที่รวยพอจะซื้อมอเตอร์ไซค์ให้ฉันจริง ๆ ฉันอายุปาเข้าไปสามสิบแล้ว ยังขี่จักรยานคันเก่า ๆ อยู่เลย เมื่อไหร่ฉันถึงจะรวยกันนะ?”
หลินเซี่ยแซวว่า “รอคุณแต่งงานเมื่อไหร่ ค่อยขอให้เหล่าเจียงซื้อให้ก็ได้นี่คะ”
“เฮ้อ” หวังซิ่วฟางถอนหายใจด้วยความเศร้าโศก “อย่าเพิ่งพูดเรื่องซื้อมอเตอร์ไซค์เลย ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้สถานการณ์ของอวี่เฟยเป็นยังไงบ้างหลังจากหล่อนถูกเหล่าเจียงพากลับบ้านไป ฉันเป็นคนทำให้ความแตกเอง กลัวจริง ๆ ว่าทั้งเหล่าเจียงและอวี่เฟยจะตำหนิฉัน เพราะถึงยังไงฉันก็คาบเกี่ยวอยู่ระหว่างคนในกับคนนอก กำลังจะถามเธอเชียวว่าอวี่เฟยโดนเหล่าเจียงจับขังหรือเปล่า?”
หลินเซี่ยตอบว่า “เปล่าค่ะ อวี่เฟยหนีไปอยู่บ้านลุงฝั่งแม่ของหล่อนแล้ว ไม่ต้องกังวลเรื่องนี้หรอกค่ะ มันไม่ใช่ปัญหาใหญ่อีกต่อไปแล้ว เดี๋ยวรองผู้อำนวยการโรงงานเจียงจะต้องผ่อนปรนเรื่องนี้ภายในไม่กี่วันแน่”
“อวี่เฟยมีลุงด้วยเหรอ?” จู่ ๆ ใบหน้าของหวังซิ่วฟางก็ฉายแววกังวล “แล้วลุงของเธอจะยินยอมให้เหล่าเจียงแต่งงานใหม่ไหม?”
หลินเซี่ยอธิบาย
“เขาเป็นลุงฝั่งแม่ก็จริง แต่ไม่ต้องกังวลค่ะ พวกเขาไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับชีวิตส่วนตัวของคุณแน่ ฉันคิดว่าในเมื่อรองผู้อำนวยการโรงงานเจียงโกรธอวี่เฟยครั้งนี้ ก็เลยแนะนำให้หล่อนเปลี่ยนบรรยากาศเพื่อเว้นระยะ รอรองผู้อำนวยการโรงงานเจียงสงบสติอารมณ์สักสองวัน กินดื่มของอร่อยเติมพลังให้มากขึ้น เรื่องของอวี่เฟยคลี่คลายเมื่อไหร่ พวกเขาถึงจะกลับมาจัดการเรื่องแต่งงานกับคุณค่ะ”
น้ำเสียงของหลินเซี่ยช่วยชะโลมจิตใจราวกับเธอเป็นน้องสาวคนสนิท ทำให้หวังซิ่วฟางรู้สึกอบอุ่นและสบายใจเป็นพิเศษ
หล่อนมองไปที่หลินเซี่ยอย่างซาบซึ้ง และพูดว่า “เซี่ยเซี่ย เธอเป็นน้องสาวที่ดีของฉันจริงๆ แถมยังเป็นที่ปรึกษาส่วนตัวของฉันด้วย ทุกครั้งที่ฉันเอาความกังวลมาคุยกับเธอ เธอก็ให้ความกระจ่างแก่ฉันได้เสมอ รวมถึงให้คำแนะนำและวิธีแก้ปัญหาด้วย ฉันโชคดีมากจริง ๆ ที่ได้เจอเธอ”
หวังซิ่วฟางก็มีความสุขมากเช่นกัน โชคดีที่เมื่อหลินเซี่ยแต่งงานกับเฉินเจียเหอในช่วงแรก ๆ หล่อนก็ปรับความเข้าใจและคืนดีกับหลินเซี่ยได้หลังจากทะเลาะกันไม่กี่วัน ถ้าพวกเธอตั้งตัวเป็นศัตรูกันก็คงไม่มีวันนี้
หลินเซี่ยกลอกตา พูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “น้องสาวอะไรกัน? คุณเป็นป้าของฉันต่างหาก”
เธอพูดต่อ “ฉันกับอวี่เฟยต่างหากที่เป็นพี่น้องสาวน้องสาวกัน”
หวังซิ่วฟาง “!!!”
หล่อนกระแซะเข้าไปหาหลินเซี่ย และพูดเสียงอ่อนเสียงหวาน “ฉันไม่ถือสา ฉันยังอยากเป็นพี่สาวน้องสาวกับเธออยู่นะ”
หลินเซี่ยหยอกอย่างเจ้าเล่ห์ “ถ้าอย่างนั้นก็เลิกกับเหล่าเจียงซะสิ”
ปากของหวังซิ่วฟางกระตุกเล็กน้อย ก่อนจะยืดตัวตรง “กว่าฉันจะได้เจอผู้ชายที่ไว้ใจได้มันง่ายนักหรือไงกัน ถ้าอย่างนั้นฉันเป็นป้าของเธอก็ได้”
หวังซิ่วฟางไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่ แต่พอมองไปที่หลินเซี่ยก็อดหัวเราะไม่ได้ “เซี่ยเซี่ย จู่ ๆ ฉันก็ตระหนักได้ว่าวัยวุฒิของเธอดูเหมือนจะลดน้อยลงเรื่อย ๆ ขนาดฉันยังกลายเป็นป้าของเธอเลย”
ปากของหลินเซี่ยกระตุกเล็กน้อยเมื่อเธอได้ยินสิ่งที่หวังซิ่วฟางพูด
แต่สิ่งที่ไม่ดีนัก ก็คือวัยวุฒิระหว่างเธอและเฉินเจียเหอเริ่มลดน้อยลงเรื่อย ๆ เช่นเดียวกัน
ตอนนี้ แม้แต่หวังซิ่วฟางอดีตคู่แข่งด้านความรัก ยังกลายมาเป็นผู้อาวุโสของเธอเลย
หลินเซี่ยสบตาหวังซิ่วฟาง พลางถูนิ้วราวกับจะหยอกล้อ “คุณป้า งั้นในช่วงปีใหม่ปีนี้อย่าลืมเตรียมเงินติดกระเป๋าไว้ให้เราด้วย ถือว่าทำหน้าที่ในฐานะผู้อาวุโส”
หวังซิ่วฟาง “…”
ทั้งสองยืนอยู่ที่ประตูทางเข้าโรงเรียนอนุบาล พูดคุยกันสนุกสนาน ไม่นานนักผู้ปกครองหลายคนก็ทยอยมารวมตัวกันรอรับลูกหลานที่ทางเข้าโรงเรียนอนุบาล
รวมถึงแม่ของตงตงที่เคยมีปัญหาวิวาทกับหลินเซี่ยมาก่อน
ช่วงหลังมานี้ หลินเซี่ยไม่ค่อยได้ออกมารับหู่จือด้วยตัวเอง ส่วนใหญ่เซี่ยเหลยและหลิวกุ้ยอิงจะผลัดกันมารับ หรือไม่ก็เป็นหน้าที่ของเซี่ยไห่และหลินจินซานที่ผลัดเปลี่ยนกันมา เมื่อเห็นแม่ตงตงอีกครั้งก็พบว่าเดี๋ยวนี้อีกฝ่ายอ้วนกว่าเดิมมาก
ด้วยรูปร่างปัจจุบันของหล่อน ถ้าต้องต่อสู้กันอีกบางทีอาจต้านแรงไม่ไหว
ดังนั้น หลินเซี่ยจึงเหลือบมองอีกฝ่ายแค่แวบเดียว แล้วเสมองไปทางอื่น
หวังซิ่วฟางก็เหลือบมองแม่ของตงตงเหมือนกัน จากนั้นก็กระซิบกระซาบกับหลินเซี่ยเพื่อต้องการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับหุ่นของแม่ของตงตง แต่ถูกหลินเซี่ยขัดจังหวะและเปลี่ยนหัวข้อ
ครั้งล่าสุด แม่ของตงตงสั่งสอนให้ตงตงมารังแกหู่จือ เธอแค่ต่อสู้เพื่อปกป้องสวัสดิภาพของลูกชายเท่านั้น แต่ตอนนี้อีกฝ่ายไม่ได้ยั่วยุเธอก่อน ฉะนั้นเธอก็จะไม่เป็นฝ่ายริเริ่มยั่วยุผู้อื่นเช่นกัน
นอกจากนี้ มันดูไม่สุภาพจริง ๆ ที่จะวิจารณ์ถึงรูปลักษณ์ของคนอื่น
ประตูโรงเรียนอนุบาลเปิดออก ตงตงเป็นคนแรกที่วิ่งออกมาจากโรงเรียนอนุบาล เห็นว่าแม่ของเขากำลังยืนอยู่ข้างถนนและมองหลินเซี่ยด้วยความอิจฉา
ตงตงตกใจมากเมื่อเห็นหลินเซี่ย แถมวันนี้หลินเซี่ยยังยืนพิงมอเตอร์ไซค์แสนโก้ ตอนแรกเขาอยากจะมองดูมอเตอร์ไซค์ให้นานกว่านั้น แต่เมื่อเขาสบตากับหลินเซี่ย เขาก็ตกใจมากจนต้องเบี่ยงเบนสายตาและวิ่งไปหาแม่ของเขาแทน
หู่จือวิ่งออกมาพร้อมกับเสี่ยวฮวา ครั้นเห็นว่าหลินเซี่ยขี่มอเตอร์ไซค์มารับเขา เด็กชายก็ภาคภูมิใจมากจนร้องตะโกนเรียกแม่เสียงดังตลอดทาง พร้อมกับวิ่งไปหาหลินเซี่ยด้วยสองขาอันสั้นป้อมของเขา
ด้วยกลัวว่าเด็กคนอื่นอาจไม่เห็นมอเตอร์ไซค์ของแม่โดยทั่วกัน เขาจึงยิ่งตะเบ็งสุดเสียงว่า “ว้าว แม่ฮะ มาขี่มอเตอร์ไซค์คันใหม่มารับผมเหรอ?”
หู่จือเงยหน้าขึ้นอย่างตื่นเต้น ก่อนจะยกนิ้วโป้งให้หลินเซี่ย “แม่สุดยอดไปเลย”
ทันใดนั้น เสียงที่คมชัดของเขาก็ดึงดูดเด็ก ๆ ทุกคนให้หันมามองตามได้สำเร็จ
หลินเซี่ย “!!!”
เจ้าเด็กตัวแสบช่างขี้อวดจริง ๆ!
แต่หลินเซี่ยกลับไม่คิดว่าหู่จือโอ้อวดโดยไร้ประโยชน์
ตรงกันข้าม เธอรู้สึกสงสารเขาด้วยซ้ำ
เด็กชายเคยถูกเพื่อนร่วมชั้นหัวเราะเยาะเย้ยเพราะเขาไม่มีแม่ ที่ผ่านมาต้องทนทุกข์ทรมานมามากเกินไป ดังนั้นไม่แปลกที่สภาพจิตใจเขาจะอ่อนไหว
สมัยก่อนตอนเซี่ยไห่ขับรถยนต์มารับเขา เขากลับไม่ตื่นเต้นเท่าใดนัก
แต่ทุกครั้งที่เธอมารับเขาด้วยตัวเอง เด็กชายจะตื่นเต้นเป็นพิเศษ เสียงร้องเรียกแม่ของเขาจะยิ่งดังขึ้น ถ้าเขามีหางงอกออกมาข้างหลัง มันต้องโบกสูงและกระดิกไปมาแน่นอน
หลินเซี่ยเห็นเสี่ยวฮวาจ้องมองไปที่มอเตอร์ไซค์ของเธอ จึงยิ้มและพูดว่า “มาสิ เสี่ยวฮวา หนูกับหู่จือขึ้นมานั่งบนมอเตอร์ไซค์ด้วยกัน”
หวังซิ่วฟางจับมือเสี่ยวฮวาแล้วพูดว่า “ไม่ต้องหรอกเสี่ยวฮวา เดี๋ยวแม่จะพาหนูกลับเอง บ้านเราอยู่ห่างออกไปแค่ไม่กี่ก้าว เอาไว้เราจำเป็นต้องเดินทางไปสถานที่ไกล ๆ ก่อน ค่อยนั่งมอเตอร์ไซค์ก็แล้วกัน”
“ได้ งั้นเอาไว้คราวหน้านะ วันนี้น้ายังต้องพาหู่จือไปกินข้าวมื้อเย็นที่บ้านคุณย่า”
ตงตงเห็นหู่จือขึ้นซ้อนมอเตอร์ไซค์ เขาก็คว้าชายเสื้อแม่ตัวเองแล้วพูดกับหล่อนว่า “แม่ แม่ซื้อมอเตอร์ไซค์บ้างสิ แล้วขี่มารับผมที่โรงเรียนด้วย ไม่งั้นเฉินหู่ต้องหัวเราะเยาะผมตอนอยู่ในชั้นเรียนแน่ ว่าผมไม่เคยเห็นมอเตอร์ไซค์มาก่อน”
แม่ของตงตงก็เหลือบมองมอเตอร์ไซค์ของหลินเซี่ยด้วยความอิจฉาเช่นกัน แล้วพยักหน้า “ได้ ไว้คืนนี้เรากลับไปบอกเรื่องนี้กับพ่อของลูกก็แล้วกัน”
แม่ตงตงจับมือลูกชายขณะเดินกลับบ้าน แล้วเตือนว่า “จำไว้นะ ลูกต้องบอกว่าลูกอยากซ้อนมอเตอร์ไซค์ ถ้าแม่ไม่ได้ขี่มอเตอร์ไซค์มารับลูก ต่อจากนี้ลูกจะไม่ไปโรงเรียนเด็ดขาด ไม่งั้นพ่อไม่ยอมซื้อให้พวกเราแน่”
“เข้าใจแล้ว”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
บลัฟกันเรื่องอายุซะแล้ว
อิจฉาล่ะสิที่เซี่ยเซี่ยมีมอเตอร์ไซค์ อย่าเห็นช้างขี้แล้วขี้ตามช้างแล้วกัน ไม่งั้นครอบครัวเธอนั่นแหละที่จะพังเพราะซื้อมอเตอร์ไซค์จนเป็นหนี้
ไหหม่า(海馬)