ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 399 เจอลุงฝั่งแม่
ตอนที่ 399 เจอลุงฝั่งแม่
ตอนที่ 399 เจอลุงฝั่งแม่
เดิมทีเจียงอวี่เฟยไม่ต้องการให้ป้าของหล่อนที่เพิ่งเจอกันรู้ว่าตนอาจต้องถอนตัวจากการแข่งขัน
แต่คุณป้าดูมีท่าทางกระตือรือร้นนึกสนุกอยากจะตามไปดูการประกวดในฐานะสมาชิกครอบครัว หล่อนจึงนิ่งงันไป
ถ้าเป็นเมื่อก่อน หล่อนคงดีใจมากเมื่อมีคนตามสนับสนุน
แต่ตอนนี้ ไม่รู้เลยว่าหล่อนจะยังมีโอกาสได้ขึ้นไปยืนตรงนั้นหรือไม่
เจียงอวี่เฟยรู้สึกละอายและเศร้าใจมาก ในที่สุดอารมณ์ที่หล่อนพยายามระงับลงไปในตอนแรกก็ถาโถมเข้ามาในใจอีกครั้ง จนอดไม่ได้ที่จะหลั่งน้ำตา
ถือเป็นเรื่องโชคดีมากที่หล่อนได้เจอกับญาติฝั่งแม่ เพื่อที่หล่อนจะพาพวกเขาเข้าไปในห้องส่งที่มีการจัดการประกวดได้อย่างมีความสุข ร่วมการประกวดรอบสุดท้ายด้วยเสียงเชียร์จากครอบครัวและเพื่อนฝูง
แต่หล่อนคงไม่มีโอกาสนั้นอีกแล้ว
เมื่อหลี่เหม่ยเฟิ่งเห็นเจียงอวี่เฟยหลั่งน้ำตา หล่อนก็คิดว่าเป็นเพราะทางสถานีโทรทัศน์ไม่อนุญาตให้สมาชิกในครอบครัวเข้าไปรับชม เจียงอวี่เฟยถึงร้องไห้ด้วยความลำบากใจ จึงรีบยิ้มและปลอบโยนหล่อน
“อย่าร้องไห้เลย ฉันแค่พูดไปอย่างนั้นเอง ไม่เป็นไรหรอก ถ้าคนในครอบครัวเข้าไปดูหน้างานจริงไม่ได้ เราดูอยู่หน้าเวทีก็ไม่ต่างกัน”
เจียงอวี่เฟยสูดจมูกแล้วอธิบายว่า
“คุณป้า อย่าเข้าใจฉันผิดนะคะ ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ฉันดีใจมากเมื่อได้ยินคุณบอกว่าจะเข้าไปเชียร์ถึงห้องส่ง ความจริงแล้วฉันต้องการการสนับสนุนจากครอบครัวมาก”
หลังจากพูดอย่างนั้นหล่อนก็ยิ่งร้องไห้ด้วยความคับข้องใจ
หลี่เหม่ยเฟิ่งมองหล่อนด้วยความกังวล ถามว่า “แม่หนู ทำไมจู่ ๆ ถึงร้องไห้ล่ะ? มีใครรังแกเธอหรือเปล่า?”
ตอนที่หล่อนได้เห็นเจียงอวี่เฟยเป็นครั้งแรก ก็พอมองออกว่าอีกฝ่ายไม่อยู่ในสภาพจิตใจที่ดี
ไม่แจ่มใสมีชีวิตชีวาเหมือนที่เห็นในทีวีเลย
เจียงอวี่เฟยลดสายตาลง ไม่รู้จะอธิบายเรื่องนี้กับป้าทางฝั่งแม่อย่างไร
หลี่เหม่ยเฟิ่งไม่มีทางเลือกนอกจากมองไปที่หลินเซี่ยราวกับจะถาม
“เสี่ยวหลิน เกิดอะไรขึ้น?”
หลินเซี่ยเปลี่ยนสีหน้า แล้วเริ่มบอกความจริงให้หล่อนฟัง “คุณป้า อวี่เฟยเข้าร่วมการประกวดโดยที่ไม่ได้บอกลุงเจียงค่ะ หลังจากรายการออกอากาศเมื่อคืนนี้ ลุงเจียงเห็นลูกสาวตัวเองเข้าก็โกรธมาก จากนั้นเขาก็ยื่นคำขาดว่าเขาไม่เห็นด้วยที่จะให้อวี่เฟยมีส่วนร่วมในรายการประกวดนางแบบ”
ทันใดนั้นหลินเซี่ยก็รู้สึกว่าการปรากฏตัวของหลี่เหม่ยเฟิ่ง อาจเป็นจุดเปลี่ยนโชคชะตาของเจียงอวี่เฟยก็ได้
ถึงอย่างไรพวกเขาก็เป็นครอบครัวลุงฝั่งแม่ของเจียงอวี่เฟยเชียวนะ!
ด้วยเหตุนี้ เธอถึงเลือกที่จะบอกความจริงกับหลี่เหม่ยเฟิ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้
หลี่เหม่ยเฟิ่งเป็นผู้ชมที่มีทัศนคติที่ดีต่อการประกวดนางแบบนี้ ส่วนพ่อของเย่ไป๋เองก็เป็นนักเขียนที่มีชื่อเสียงเด่นดังจากแวดวงศิลปวัฒนธรรม
แรงสนับสนุนเหล่านี้ค่อนข้างทรงพลังมาก
หลี่เหม่ยเฟิ่งได้ยินคำพูดของหลินเซี่ย ก็ถามด้วยความประหลาดใจว่า “ทำไมเขาถึงไม่เห็นด้วยกับการที่อวี่เฟยเข้าร่วมประกวดในรายการกันล่ะ?”
หลินเซี่ยมองไปทางเจียงอวี่เฟย โบกมือให้หล่อนเป็นคนตอบ
เจียงอวี่เฟยก้มหน้าลงและพูดด้วยน้ำเสียงชืดชาว่า “พ่อฉันค่อนข้างเป็นคนหัวโบราณมากค่ะ เขาบอกว่ามันไม่เหมาะสมที่ผู้หญิงจะแต่งตัวแบบนั้นออกสื่อ ไม่ว่ายังไงเขาก็ยอมรับไม่ได้”
หลี่เหม่ยเฟิ่งได้ยินเหตุผลจึงพยักหน้า “ฉันพอจะเข้าใจความคิดของพ่อเธออยู่หรอก การแสดงรอบโชว์ชุดว่ายน้ำค่อนข้างเปิดเผยเนื้อตัวไปหน่อย แต่ในเมื่อทีมงานของทางรายการเลือกที่จะนำรูปแบบโชว์นี้มาใช้ เราก็ควรเคารพมัน ทุกวันนี้เสื้อผ้าของพิธีกรหลาย ๆ รายการที่ออกอากาศก็เป็นทำนองนี้กันทั้งนั้น เปิดเผยเนื้อตัววับแวม เสื้อผ้าของสาว ๆ ตามท้องถนนก็มีความทันสมัยมากขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าเห็นจนชินตาเดี๋ยวก็ชินไปเองนั่นแหละ”
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาพยนตร์และรายการทีวีของฮ่องกง ในพิธีมอบรางวัลต่าง ๆ ดาราสาวบางคนสวมชุดราตรีแบบเกาะอกไปร่วมงานด้วยซ้ำ
ท้ายที่สุดแล้ว ระหว่างเครื่องแต่งกายบนเวทีและความเป็นจริงก็ยังมีความแตกต่างกันอยู่บ้าง
“คุณป้า คุณอาจจะเป็นคนที่เปิดกว้างมากก็จริง แต่พ่อฉันรับเรื่องพวกนี้ไม่ได้ค่ะ เขาไม่อนุญาตให้ฉันเข้าร่วมประกวดรอบชิงชนะเลิศอีก ฉันเลยตัดสินใจว่าจะถอนตัว”
เจียงอวี่เฟยอิจฉาลูกพี่ลูกน้องของเธอมากที่พวกเขามีพ่อและแม่ผู้เข้าใจความเปลี่ยนผ่านของยุคสมัย ก้าวตามทันโลก
หลังจากได้ยินสิ่งที่เจียงอวี่เฟยพูด หลี่เหม่ยเฟิ่งก็เริ่มวิตกกังวล
“แม่หนู เธอจะถอนตัวกลางคันไม่ได้นะ อีกนิดก็มาถึงการประกวดรอบสุดท้ายแล้ว อยู่ดี ๆ จะยอมแพ้ได้ยังไง เมื่อคืนฉันเพิ่งบอกลูกพี่ลูกน้องของเธอไปเองว่าเธออาจจะเป็นผู้ชนะในการประกวด”
หลี่เหม่ยเฟิ่งตระหนักว่าในฐานะที่หล่อนเป็นป้าสะใภ้ของเจียงอวี่เฟย ทั้งยังเป็นแฟนตัวยงของรายการประกวดนางแบบ ก็ควรมีความรับผิดชอบในการรักษาว่าที่แชมป์ของรายการไว้ จึงตัดสินใจอย่างเด็ดขาดทันที “งั้นเอาแบบนี้ หลังจากฉันทำผมเสร็จแล้ว เธอตามฉันกลับไปที่บ้านก็แล้วกัน ถือโอกาสย้ายมาลี้ภัยอยู่ที่บ้านเราชั่วคราวซะเลย ช่วงนี้คุณลุงก็บ่นคิดถึงเธอบ่อย ๆ แวะไปเยี่ยมลุงและรำลึกเรื่องราวเก่า ๆ ร่วมกับเขาก็แล้วกัน ค่อยกลับบ้านหลังจากที่การประกวดจบลง ถ้าพ่อเธอไม่เห็นด้วย ก็ให้เขาตามมาคุยที่บ้านเราเอง”
เมื่อได้ยินคำเชิญอันอบอุ่นของหลี่เหม่ยเฟิ่ง เจียงอวี่เฟยก็ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร
พูดตามตรง หล่อนตื่นเต้นมาก
ถ้าหล่อนมีคุณลุงและคุณป้าออกหน้าช่วยปกป้องหล่อนจากพ่อ เขาคงจะยอมประนีประนอมในที่สุด
อย่างไรก็ดี หลายปีที่ผ่านมาพ่อของหล่อนรู้สึกผิดเกี่ยวกับภรรยามาโดยตลอด และเขาก็เชื่อว่าตัวเองติดหนี้ตระกูลเย่ด้วยเหมือนกัน
เพราะฉะนั้น การที่จู่ ๆ ครอบครัวฝั่งแม่ของหล่อนก็ปรากฏตัวขึ้นในฐานะผู้สนับสนุน ก็เท่ากับว่าหล่อนมีผู้สนับสนุนที่ทรงพลังมาก
แต่ในขณะเดียวกัน หล่อนก็กลัวว่าพ่อของเธอจะเสียใจ
หลินเซี่ยทำผมให้หลี่เหม่ยเฟิ่งเสร็จแล้ว จึงพูดด้วยรอยยิ้มว่า “คุณป้า ทรงนี้ดูเป็นยังไงบ้างคะ?”
หลี่เหม่ยเฟิ่งยืนขึ้น หันหน้ากลับมาหากระจก ก่อนจะพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ “เสี่ยวหลิน ดูดีมากเลย ฉันว่ามันทำให้ฉันดูดีและกลายเป็นสาวทันสมัยขึ้นมาก นี่คือผลลัพธ์ที่ฉันต้องการเป๊ะ”
หลี่เหม่ยเฟิ่งปรับทรงผมของตัวเองนิดหน่อย และมองไปที่เจียงอวี่เฟย “อวี่เฟย เธอว่าทรงผมที่เสี่ยวหลินเนรมิตให้ฉันดูเป็นยังไงบ้าง?”
เจียงอวี่เฟยตอบว่า “คุณป้า ดูดีจริง ๆ ค่ะ ฝีมือของเซี่ยเซี่ยสุดยอดมาก หล่อนเป็นคนปรับลุคทั้งการแต่งหน้า แต่งตัว และทำผมให้ตอนที่ฉันประกวดด้วยนะคะ”
หลี่เหม่ยเฟิ่งหยิบเงินออกมาเพราะต้องการจ่ายเงิน แต่หลินเซี่ยปฏิเสธไม่ยอมรับ ให้เหตุผลว่าเนื่องจากนี่เป็นครั้งแรกของหลี่เหม่ยเฟิ่ง เธอยินดีมอบประสบการณ์ฟรีให้กับหล่อน
ในเมื่อหลินเซี่ยปฏิเสธไม่รับเงิน หลี่เหม่ยเฟิ่งจึงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องเก็บเงินกลับไป และพูดกับพวกเธอว่า “ไปกันเถอะ ฉันจะเลี้ยงอาหารพวกเธอสองคนเอง”
หลินเซี่ยปฏิเสธอย่างสุภาพ “ป้าหลี่ ฉันคงไปไม่ได้ค่ะ ร้านเราจะปิดในอีกสองชั่วโมง ฉันน่าจะต้องทำงานยุ่งอีกสักพัก คุณกับอวี่เฟยล่วงหน้าไปกันก่อนได้เลย”
ถ้าหลินเซี่ยไม่ไป ก็ไม่มีเหตุผลที่หลี่เหม่ยเฟิ่งจะชวนเจียงอวี่เฟยไปกินข้าวตามลำพังกันสองคนนอกบ้าน หล่อนจับมือเจียงอวี่เฟยอย่างเสน่หา พูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “อวี่เฟย กลับบ้านไปกับฉันเถอะ ฉันจะทำกับข้าวอร่อย ๆ ให้เธอเอง ถ้าลุงเห็นว่าฉันพาเธอกลับมาด้วย เขาต้องมีความสุขมากแน่ ๆ”
“แต่ว่า…” เจียงอวี่เฟยยังคงลังเล
หลินเซี่ยสนับสนุนว่า “อวี่เฟย ตามคุณป้ากลับไปที่บ้านคุณลุงเถอะ พวกเขาไม่ได้เจอเธอมานานหลายปี คงคิดถึงเธอมาก ๆ”
“อย่าลืมอยู่ต่ออีกสองสามวันนะ” หลินเซี่ยขยิบตาให้หล่อน แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องกังวล ไว้ฉันจะบอกลุงเจียงเองให้เขาไม่ต้องกังวล ตราบใดที่เธอไปอยู่บ้านของลุงฝั่งแม่”
“ใช่ เสี่ยวหลิน รบกวนบอกพ่อของอวี่เฟยให้ด้วยว่าอวี่เฟยจะอยู่ที่บ้านของเราสักสองสามคืน ถ้าเขาคิดถึงอวี่เฟย ก็บอกให้เขาตามมาหาหล่อนที่บ้านเราแล้วกัน”
หลี่เหม่ยเฟิ่งกระตือรือร้นมากจนเจียงอวี่เฟยหาช่องปฏิเสธไม่ได้ จึงต้องตามหล่อนกลับไปที่บ้านคุณลุง
หล่อนอยากเปลี่ยนสภาพแวดล้อมจริง ๆ เพราะถ้าคืนนี้หล่อนยังกลับไปบ้าน บรรยากาศระหว่างหล่อนกับพ่อคงเต็มไปด้วยความหดหู่ นอกจากนี้ยังไม่วายถูกดุด่าอีกด้วย
หลังจากที่เจียงอวี่เฟยออกไป หล่อนก็วกกลับมาและขอยืมเงินหลินเซี่ยหนึ่งร้อยหยวน โดยบอกว่าจะซื้อของขวัญไปฝากลุงของหล่อน
เจียงอวี่เฟยติดตามหลี่เหม่ยเฟิ่งกลับบ้าน ระหว่างทางก็ขอแวะร้านขายของเพื่อซื้อของฝากบางอย่างติดไม้ติดมือไปด้วย
หลี่เหม่ยเฟิ่งเปิดประตู ตะโกนด้วยความตื่นเต้นเข้าไปในห้องทำงาน “คุณคะ ออกมาดูเร็วเข้าว่าฉันพาใครมาด้วย”
“ใครน่ะ?” เสียงอันอ่อนโยนของพ่อเย่ดังมาจากห้องทำงาน “แฟนของเสี่ยวไป๋จะไม่มาในอีกไม่กี่วันข้างหน้าไม่ใช่หรอกเหรอ?”
หลี่เหม่ยเฟิ่งตะโกนตอบเขาอย่างมีความสุข “ไม่ใช่แฟนของเสี่ยวไป๋ แต่ฉันรับประกันได้ว่าถ้าคุณได้เจอหน้าหล่อนแล้ว อาจจะปลื้มปริ่มกว่าได้เจอว่าที่ลูกสะใภ้แน่ ๆ”
เมื่อพ่อเย่ได้ยินน้ำเสียงกระตือรือร้นผิดวิสัยของหลี่เหม่ยเฟิ่ง เขาก็วางปากกาในมือลง แล้วลุกขึ้นยืน “ไหน ผมขอดูหน่อยซิ”
พ่อเย่เดินออกมาจากห้องทำงาน ทันทีที่เห็นหญิงสาวแปลกหน้ายืนอยู่ในห้องนั่งเล่น เขาจ้องมองหล่อนสองวินาที ก่อนจะจดจำหล่อนได้อย่างรวดเร็ว
จากนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นตื่นเต้นพอ ๆ กับหลี่เหม่ยเฟิ่ง เขามองไปที่หล่อนและถามยืนยันอย่างปีติยินดี “ใช่อวี่เฟยหรือเปล่า?”
“คุณลุง ไม่ได้เจอกันหลายปีเลยค่ะ คุณเป็นยังไงบ้างคะ?”
เจียงอวี่เฟยมองไปที่คุณลุงฝั่งแม่ของหล่อนที่มีเส้นผมขาวแซมบนขมับ ทันใดนั้นภาพของชายวัยกลางคนที่สวมเสื้อยืดสีเขียวทหาร กำลังนั่งอยู่กลางสนามและอ่านหนังสือก็ปรากฏขึ้นในใจของเธอ
รูปลักษณ์ภายนอกของคุณลุงไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก
เพียงแต่มีผมหงอกแซมขึ้นมาประปราย
“อวี่เฟย นั่นเธอจริง ๆ เหรอ?” พ่อเย่รีบเดินเข้ามาหาหล่อน มองเด็กสาวรูปร่างเพรียวที่ยืนอยู่ตรงหน้า ทันใดนั้นดวงตาก็เริ่มชุ่มชื้นด้วยความยินดีอย่างยิ่ง
หล่อนคือลูกสาวของลูกพี่ลูกน้องเขา เป็นหลานสาวของเขาจริง ๆ ด้วย
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
เหมือนได้เจอโอเอซิสกลางทะเลทรายเลยค่ะ ทีนี้ก็ไม่ต้องเศร้ากับการไม่ถูกยอมรับแล้ว
ไหหม่า(海馬)