ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 395 กรรมตามสนอง
ตอนที่ 395 กรรมตามสนอง
ตอนที่ 395 กรรมตามสนอง
เจียงกั๋วเซิ่งได้ยินว่าทุกคนในโรงงานต่างก็ดูรายการเมื่อคืนนี้แล้วนำหัวข้อสนทนานี้มาคุยกับเขา เขาจึงแสร้งทำเป็นจริงจังแล้วพูดว่า “ทำไมผมต้องดูรายการอะไรนั่นด้วย?”
เสมียนธุรการหญิงยิ้มพลางพูดว่า “รองผู้อำนวยการเจียง ถ้าคุณพลาดก็เท่ากับตามกระแสไม่ทันนะคะ”
“รองผู้อำนวยการโรงงานเจียงอายุมากแล้ว เขาจะมีงานอดิเรกแบบเดียวกับพวกเราคนหนุ่มสาวได้ยังไง?”
“จริงด้วย รายการนี้เป็นที่นิยมในบรรดาหนุ่มสาวมากกว่า”
คนหนุ่มสาวหลายคนหัวเราะอยู่พักหนึ่ง เสี่ยวจางเหลือบมองนาฬิกาข้อมือของตัวเอง แล้วหันมองเสมียนธุรการ “ยังเหลือเวลาอีกห้านาทีถึงจะเริ่มการประชุม มา มาคุยเรื่องนี้กันอีกหน่อยดีกว่า”
เสี่ยวจางพูดต่อ “ครั้งนี้ฉันเชียร์เย่เสี่ยวอวี่ให้คว้าแชมป์”
“ฉันคิดว่าหยางลี่อิ่งก็ไม่เลวเลยนะ หล่อนเดินได้ดีมาก”
“พวกคุณช่วยเป็นพยานให้เราสองคนด้วย ถ้าใครแพ้คนนั้นต้องเลี้ยงข้าว”
เมื่อเจียงกั๋วเซิ่งเห็นว่าคนหนุ่มสาวทั้งหลายติดรายการถึงขนาดวางเดิมพัน ดวงตาของเขาก็กะพริบเล็กน้อย และอดไม่ได้ที่จะถามว่า “พวกคุณทุกคนชอบดูรายการนี้กันมากเลยเหรอ?”
“เรียกว่าติดงอมแงมเลยดีกว่า ทางสถานีโทรทัศน์ยังเชิญคุณเซี่ยอวี่มาเป็นกรรมการด้วย บนหน้าหนังสือพิมพ์เต็มไปด้วยข่าวเกี่ยวกับการประกวดนางแบบ ในที่สุดไห่เฉิงของเราก็มีรายการวาไรตี้น้ำดีซะที”
เจียงกั๋วเซิ่งดูตกตะลึงเล็กน้อยเมื่อได้ยินสิ่งนี้
ทำไมเขาไม่เคยเห็นพาดหัวข่าวเกี่ยวกับการประกวดนางแบบในหน้าหนังสือพิมพ์เลย?
พอลองมาคิดให้รอบคอบ ช่วงหลังมานี้ลูกสาวจะเป็นคนรับหนังสือพิมพ์ที่เขาชอบอ่านเป็นประจำเสมอ
ก่อนถึงมือเขา บางทีอาจจะผ่านการคัดกรองจากหล่อนมาก่อน
เจียงกั๋วเซิ่งรู้สึกว่าแนวคิดของคนหนุ่มสาวอาจเป็นตัวแทนของกลุ่มสังคมทั้งหมด ทันใดนั้นผู้อำนวยการหวังก็เดินเข้ามาพร้อมแฟ้มเอกสาร
ผู้อำนวยการหวังมีอายุพอ ๆ กันกับเขา เมื่อได้ยินคนหนุ่มสาวพูดถึงหัวข้อนี้กันอย่างออกรส ผู้อำนวยการหวังก็รีบออกความคิดเห็นตามพวกเขาทันที “ครอบครัวของผมก็คิดว่าเย่เสี่ยวอวี่น่าจะเป็นผู้ชนะเหมือนกัน”
“คุณก็ดูด้วยเหรอครับ?” เจียงกั๋วเซิ่งมองไปที่ผู้อำนวยการหวัง หัวใจของเขาสั่นสะท้านด้วยความตระหนก
แถมยังคุ้นหน้าคุ้นตาหล่อนเป็นอย่างดี
หัวใจของเจียงกั๋วเซิ่งราวกับถูกบีบรัดอีกครั้ง
ถ้าเขารู้ว่า…
สิ่งที่เขากลัวจะเกิดขึ้นหรือเปล่านะ?
ขณะที่เขากำลังคิดเรื่องนี้ ผู้อำนวยการหวังก็พูดขึ้นว่า
“ผมเพิ่งมาติดตามดูเมื่อคืนนี้เอง พวกคุณคิดว่าผู้เข้าประกวดที่ชื่อเย่เสี่ยวอวี่หน้าเหมือนลูกสาวเหล่าเจียงของเราหรือเปล่า?”
เจียงกั๋วเซิ่ง “!!!”
เสี่ยวจางก็เคยเห็นหน้าเจียงอวี่เฟยเช่นกัน เขายิ้มแล้วพูดว่า “ผู้อำนวยการหวัง พอคุณพูดแบบนี้ ลองนึกดูแล้วพวกหล่อนก็คล้ายกันนิดหน่อยจริง ๆ ผมเคยเจอลูกสาวของรองผู้อำนวยการเจียงครั้งหนึ่ง ตอนที่ผมนั่งดูทีวี ผมรู้สึกว่าเย่เสี่ยวอวี่คนนี้ดูหน้าคุ้น ๆ แต่คิดไม่ออกว่าหน้าเหมือนใคร”
“ใช่แล้ว หล่อนดูคล้ายกับลูกสาวของรองผู้อำนวยการโรงงานเจียงจริงด้วย”
เสี่ยวจางยิ้มและพูดติดตลก “รองผู้อำนวยการเจียง เย่เสี่ยวอวี่ใช่ลูกสาวคุณหรือเปล่า?”
เหงื่อเย็นผุดออกมาจากหน้าผากของเจียงกั๋วเซิ่ง สีหน้าของเขาฉายความคลุมเครือเล็กน้อย “ไม่น่าใช่คนเดียวกันนะครับ”
เสมียนธุรการหญิงถามอย่างตั้งข้อสังเกต “เป็นไปได้ไหมว่าอวี่เฟยอาจเข้าร่วมในรายการโดยไม่บอกคุณ?”
“ไม่หรอกครับ”
ทันทีที่เจียงกั๋วเซิ่งปฏิเสธ พวกเขาก็ไม่ถามคำถามกับเขาอีกต่อไป และเริ่มพูดคุยกันอย่างกระตือรือร้นเกี่ยวกับผู้เข้าแข่งขันคนอื่น ๆ ในรายการ
เจียงกั๋วเซิ่งมองไปที่ผู้อำนวยการหวัง กระแอมไอเล็กน้อยและพูดอย่างเชื่องช้า “คุณไม่คิดว่ารายการที่ว่าดูไม่เหมาะสมเหรอครับ? พวกเขาปล่อยให้ผู้หญิงแต่งตัวแบบนั้นออกทีวีได้ยังไง”
เมื่อเปรียบเทียบกับเจียงกั๋วเซิ่ง ผู้อำนวยการหวังเป็นคนที่เปิดกว้างมากกว่า เขาถอนหายใจ “ตอนนี้เข้าสู่ยุคสมัยใหม่แล้ว หลังจากการปฏิรูปและเปิดประเทศมาหลายปี นอกจากจะมีการนำกำลังการผลิตขั้นสูงมาใช้ในแวดวงอุตสาหกรรมแล้ว ยังมีการรับวัฒนธรรมใหม่ ๆ เข้ามามากมาย แพร่กระจายความนิยมไปในหมู่คนหนุ่มสาว พวกเราแก่แล้ว ควรพยายามปรับตัวให้เข้ากับสังคมยุคใหม่ให้เร็วที่สุดจะดีกว่า”
เจียงกั๋วเซิ่งพ่นลมหายใจ “เกรงว่าผมคงปรับตัวไม่ได้”
ตอนนี้ถึงเวลานัดประชุมแล้ว เสิ่นเถี่ยจวินจึงเดินเข้ามา
เสิ่นเถี่ยจวินลางานติดต่อกันเป็นเวลานาน วันนี้จึงถือเป็นการพบกันครั้งแรกของเขากับทีมผู้บริหารนับตั้งแต่กลับมาที่โรงงาน
ปกติเขาจะเป็นคนมีนิสัยค่อนข้างเข้มงวด เมื่อทุกคนเห็นเขา ต่างก็หยุดพูดคุยกันโดยทันที
พวกเขาทั้งหมดนั่งตัวตรง
ทันทีที่เสิ่นเถี่ยจวินเดินเข้ามา คนในห้องประชุมก็หยุดพูดอย่างกะทันหัน ดูเหมือนต้องการหลีกเลี่ยงเขา เห็นแบบนั้นสีหน้าของเขาก็ย่อลงทันใด
นับตั้งแต่หลิวจื้อหมิงและเสิ่นเสี่ยวเหมยออกจากโรงงานเครื่องจักรไป เขาก็รู้สึกราวกับแขนขาของเขาหัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อไม่ได้อยู่ในโรงงานเป็นเวลานาน เขาจึงอยากรู้ว่าช่วงที่ผ่านมาภายในโรงงานมีสถานการณ์อะไรอัปเดตบ้าง แต่ไม่มีใครสักคนเล่าความจริงอย่างละเอียด
ดูเหมือนว่าเขาซึ่งเป็นผู้อำนวยการโรงงานถูกกีดกันจากคนรอบข้างแล้ว
ทำให้ในวันนี้เสิ่นเถี่ยจวินฝืนแสดงรอยยิ้มที่หายาก ถามไถ่พวกเขาอย่างเป็นกันเองว่า “พวกคุณกำลังคุยเรื่องอะไรกันอยู่เหรอ?”
คนหนุ่มสาวหลายคนยืดหลังตรง พลิกดูเอกสารในมือเงียบ ๆ เจียงกั๋วเซิ่งกลัวว่าหัวข้อการประกวดนางแบบจะถูกหยิบยกมากล่าวถึงอีกครั้ง เขาจึงแสร้งทำเป็นคนหูหนวกและไม่พูดอะไร
ผู้อำนวยการหวังทำได้เพียงตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “พวกเขามาถึงเร็วกว่าเวลานัดเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับรายการทีวีเมื่อคืนนี้น่ะครับ”
หลังจากที่ผู้อำนวยการหวังพูดจบ เขาก็ถามเสิ่นเถี่ยจวินด้วยความกังวลว่า “จริงสิ ผู้อำนวยการเสิ่น ก่อนหน้านี้คุณไม่ได้พาลูกสาวไปรับการรักษาหรอกเหรอ? อาการป่วยของหล่อนเป็นยังไงบ้างแล้ว?”
เมื่อพูดถึงลูกสาวของเขา อารมณ์ของเสิ่นเถี่ยจวินก็ตกอยู่ในสภาพเดียวกันกับเจียงกั๋วเซิ่งเมื่อครู่ทุกประการ
หัวใจบีบรัดอย่างไม่สบอารมณ์
ถึงขนาดไม่พอใจคำถามของผู้อำนวยการหวังด้วยซ้ำ
แม้ว่าครอบครัวเขาจะพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อลบล้างข่าวลือเสีย ๆ หาย ๆ ในหมู่คน แต่ก็ใช่ว่าข่าวลือในบริเวณอาคารพักอาศัยจะเบาบางลงไปง่าย ๆ
ดูอย่างตอนนี้ ผู้อำนวยการหวังยังหยิบยกเรื่องนี้มาพูดให้เขารำคาญใจอีก
เสิ่นเถี่ยจวินกัดฟัน แต่ยังคงอธิบายด้วยรอยยิ้มฝืน “หล่อนยังต้องใช้เวลาพักฟื้นร่างกายอยู่พักใหญ่ๆ น่ะครับ”
“หมายความว่าหล่อนจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้แล้วเหรอ?” เจียงกั๋วเซิ่งผู้กำลังมีความคิดฟุ้งซ่านอยู่ในใจ จู่ ๆ ก็เงยหน้าขึ้นแล้วถามเสิ่นเถี่ยจวิน
พอได้ยินเจียงกั๋วเซิ่งเลือกหัวข้ออื่นนอกเหนือจากงานอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ใบหน้าของเสิ่นเถี่ยจวินมืดมนลงยิ่งกว่าเก่าอย่างเห็นได้ชัด เขาตอบว่า “ตั้งแต่อวี้อิ๋งกลับมาที่ไห่เฉิง หล่อนก็เข้มงวดกับตัวเองมากเพราะกลัวว่าจะทำให้พวกเราผิดหวัง จนผลักดันตัวเองอย่างหนักในเรื่องการเล่าเรียน ส่งผลให้เกิดความกดดันทางจิตใจมากเกินไป ผลลัพธ์เลยออกมาในทางตรงข้าม ตอนนี้แค่เห็นหนังสือหล่อนก็รู้สึกคลื่นไส้แล้ว ดังนั้นเราจึงตั้งใจว่าจะไม่ให้หล่อนสอบเข้ามหาวิทยาลัยอีก”
เสิ่นเถี่ยจวินต้องการใช้โอกาสนี้อธิบายเพิ่มเติม โดยหวังว่าจะขจัด ‘ข่าวลือ’ ที่แพร่สะพัดในอาคารพักอาศัยไปให้สิ้น
หลังจากได้ยินคำพูดของเขา ทุกคนในห้องประชุมก็มองมาที่เขาด้วยความประหลาดใจ “ล้มเลิกไปเลยเหรอ?”
เสิ่นเถี่ยจวินแสร้งทำเป็นยิ้มอย่างสบาย ๆ “สุขภาพเป็นสิ่งสำคัญกว่า ไว้ค่อยพยายามกันใหม่ปีหน้าก็ยังไม่สาย”
เจียงกั๋วเซิ่งซึ่งเดิมทีโกรธลูกสาวของตัวเองอยู่แล้ว หลังจากได้ยินสิ่งที่เสิ่นเถี่ยจวินพูด เขาก็ตอบกลับเสียงแข็ง “รอจนปีหน้าหล่อนก็อายุยี่สิบสองเข้าไปแล้ว ยังต้องสอบเรียนต่อมหาวิทยาลัยไปทำไมอีก?”
เจียงกั๋วเซิงไม่ได้พูดแบบนี้เพราะมุ่งเป้าไปที่เสินเถี่ยจวิน เขาแค่โกรธด้วยเรื่องส่วนตัว
โกรธที่สาว ๆ สมัยนี้ไม่ยอมทำตามความคาดหวังของครอบครัว ไม่รู้จักรักนวลสงวนตัวให้อยู่ในร่องในรอย
ก่อนหน้านี้เขาเคยเหน็บแนมเสิ่นเถี่ยจวินที่ไม่สามารถอบรมสั่งสอนลูกสาวของตัวเองได้ และสาบานว่าถ้าเป็นลูกสาวของเขาที่ประพฤติผิดศีลธรรมบ้าง เขาจะหักขาหล่อนทิ้งเสีย
สุดท้ายกรรมตามสนองเสียอย่างนั้น…
เขาเห็นใจทั้งเสิ่นเถี่ยจวินและตัวเขาเอง
เสิ่นเถี่ยจวินเหลือบมองเจียงกั๋วเซิ่งด้วยท่าทางน่ากลัว รู้สึกเสียใจที่เปิดช่องว่างให้อีกฝ่ายพูดคุยเรื่องส่วนตัวกับเขาอย่างอิสระ กลับมาพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “เอาล่ะ เริ่มการประชุมเถอะครับ”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เห็นไหมคุณพ่อ ไม่มีใครว่าลูกสาวพ่อเลยนะ กลับเห็นว่าลูกสาวน่าจะชนะการประกวดเสียด้วยซ้ำ
ไหหม่า(海馬)