ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 393 แฟนฉันป่วยทางจิต
ตอนที่ 393 แฟนฉันป่วยทางจิต
ตอนที่ 393 แฟนฉันป่วยทางจิต
เจียงกั๋วเซิ่งจ้องมองหน้าจอทีวี ดูการแสดงโชว์ชุดว่ายน้ำที่ออกอากาศอยู่บนจอ สีหน้าของเขาย่ำแย่ลงเรื่อย ๆ
หวังซิ่วฟางรู้ว่าเขาน่าจะจำเจียงอวี่เฟยได้ เพราะถึงอย่างไรหล่อนยังเป็นลูกสาวของเขา แม้หล่อนจะแต่งหน้าและเปลี่ยนทรงผมเป็นคนละคน แต่รูปลักษณ์ดั้งเดิมของหล่อนก็ยังอยู่ เป็นไปไม่ได้ที่พ่อของหล่อนจะจำไม่ได้
หวังซิ่วฟางเริ่มหวั่นวิตกอย่างยิ่ง ยังพยายามดึงแขนเจียงกั๋วเซิ่งต่อไป “เหล่าเจียง มัวดูอะไรอยู่ รีบออกไปกันเถอะ”
เจียงกั๋วเซิ่งยืนนิ่งไม่ขยับเขยื้อนจนหล่อนไม่สามารถดึงเขาได้เลย
คำพูดหยาบคายของพวกคนงานเหล่านี้ยังคงดำเนินต่อไป
“ผู้หญิงที่ชื่อเย่เสี่ยวอวี่คนนี้หุ่นเซียะดีจริง ๆ ถ้าฉันมีปัญญาหาเมียแบบนี้ได้ ฉันยอมแลกกับการมีชีวิตน้อยลงไปสิบปีเลย”
“ฮ่าๆ ต่อให้ตายก็ขอตายก็ขอตายใต้ดอกโบตั๋น จะได้กลายเป็นผีอย่างอิ่มเอมใจ”
คำพูดหยาบคายยังคงดังก้องเข้ามาในหูของเจียงกั๋วเซิ่ง เขาโกรธมาก ในที่สุดก็ระงับอารมณ์ไว้ไม่ไหว ปล่อยหมัดต่อยชายที่กำลังดื่มเบียร์และพูดจาโผงผางทันที
ชายคนนั้นกำลังเพลิดเพลินกับการชมการประกวด ทำให้เขาไม่ทันระวังตัว เขาผุดลุกยืนขึ้น และรีบปรี่เข้าไปหาด้วยสีหน้าดุร้าย “เอ็งเป็นใคร? กล้าดียังไงมาต่อยข้าหา?”
ดวงตาของเจียงกั๋วเซิ่งเป็นสีแดงก่ำ ขณะที่เผชิญหน้ากับภัยคุกคามจากผู้ชายอีกคนพลางกัดฟันกรอด “ถ้าแกยังกล้าพูดจาเลื่อนเปื้อนไร้สาระต่อไป ฉันจะต่อยให้แรงกว่านี้”
“คิดว่าตัวเองเป็นใครวะ?” ชายคนนั้นหยิบขวดขึ้นมาและตั้งท่าจะฟาดเขา
หวังซิ่วฟางรีบพาตัวเองเข้าไปคั่นกลางระหว่างเจียงกั๋วเซิ่งและปกป้องเขาไว้
หวังซิ่วฟางฉลาดมากในการแก้ไขสถานการณ์ รีบอธิบายด้วยรอยยิ้มว่า “พี่ใหญ่ อย่าถือสาเลยนะ แฟนฉันเขาป่วยทางจิต ให้อภัยพวกเราด้วย ฉันจะรีบพาเขากลับบ้านเร็ว ๆ นี้แหละ เขามีอาการทางจิตจริง ๆนะ ต่อให้ฆ่าคนก็ไม่ได้รับโทษทางกฎหมายหรอก”
คำพูดของหวังซิ่วฟางได้ผลจริง ๆ ชายอ้วนหน้าตาดุดันที่ไม่สวมเสื้อจึงหยุดการกระทำของตัวเองทันที
หวังซิ่วฟางรีบดึงเจียงกั๋วเซิ่งออกไปพร้อมขอโทษพี่ใหญ่หน้าตาดุร้ายคนนั้น
ในที่สุดเจียงกั๋วเซิ่งก็ถูกดึงออกไปจากร้านอาหารได้ในที่สุด
เจียงกั๋วเซิงมองดูหวังซิ่วฟางด้วยสีหน้าไร้ความปรานีพร้อมถามว่า “ซิ่วฟาง คุณรู้อยู่แล้วว่าหล่อนเข้าร่วมการประกวดนางแบบนั่น ก็เลยจงใจชวนผมออกมาข้างนอกในคืนนี้เผื่อถ่วงเวลาใช่ไหม?”
เจียงกั๋วเซิ่งไม่ใช่คนโง่ เขาคลุกคลีอยู่กับหวังซิ่วฟางมานานพอสมควร ก่อนหน้านี้หล่อนไม่เคยรบกวนเวลาส่วนตัวของเขาเหมือนปีศาจตัวน้อยที่น่ารำคาญ เดินเตร็ดเตร่ไปตามถนนเป็นเวลานานเหมือนวันนี้
นี่ทำให้เขาเกิดความกังวลขึ้นมาด้วยซ้ำ เพราะรู้สึกว่าเขาและหวังซิ่วฟางไม่เหมาะสมกัน
มือของหวังซิ่วฟางเริ่มพันกันด้วยความประหม่า ก่อนจะตอบกลับอย่างตะกุกตะกัก “ฉัน… ฉันเปล่า”
เจียงกั๋วเซิ่งพูดด้วยความโกรธ “ทำไม? คุณคิดว่าผมเป็นคนโง่เหรอ? ไม่นึกเลยว่าเดี๋ยวนี้คุณกับยัยลูกไม่รักดีนั่นจะมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันถึงขนาดนี้ ถึงขนาดใส่กางเกงตัวเดียวกันแล้ว”
หวังซิ่วฟางรู้ว่าหล่อนไม่สามารถหลอกลวงเจียงกั๋วเซิ่งได้อีกต่อไป จึงรวบรวมความกล้าที่จะทำงานตามอุดมการณ์กับเจียงกั๋วเซิ่ง “เหล่าเจียง ฉันคิดว่าจริง ๆ แล้วคุณต่างหากที่ควรเป็นฝ่ายเปิดใจยอมรับเรื่องนี้ ตอนนี้ก้าวเข้าสู่ยุคสมัยใหม่แล้ว คุณควรเคารพในการตัดสินใจของคนหนุ่มสาว สิ่งที่พวกเขาทำล้วนเป็นศิลปะ”
ใบหน้าของเจียงกั๋วเซิ่งมืดมน น้ำเสียงสั่นเครือเพราะความโกรธ “ถ้าอย่างนั้นนี่ก็ถือเป็นศิลปะที่ไร้สาระสิ้นดี แทนที่ยุคสมัยใหม่แล้วสังคมจะพัฒนาไปข้างหน้า วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจะได้รับการปรับปรุง ประเทศจะแข็งแกร่ง ผู้คนในประเทศจะมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี เจ้าของสื่อโทรทัศน์กลับปล่อยให้คนออกมาเปิดเผยเนื้อตัวพรรค์นั้นแบบไม่หวังผลกำไร ทั้งหยาบคาย ทั้งน่ารังเกียจ คุณไม่เห็นภาพทีวีเมื่อกี้นี้หรือไง? แต่งตัวแบบนั้นออกทีวี ทุกคนที่ดูอยู่หน้าจอ มีใครบ้างเอ่ยปากชื่นชมว่ามันคือศิลปะ?”
“แต่ว่า…”
หวังซิ่วฟางต้องการจะพูดอย่างอื่นต่อไป แต่เจียงกั๋วเซิ่งขัดจังหวะ “หยุดพูดเถอะ รีบกลับไปเร็วเข้า”
เจียงกั๋วเซิ่งรู้ว่าเจียงอวี่เฟยยังอยู่กับหลินเซี่ยในขณะนี้ ดังนั้นทั้งสองจึงตรงไปที่อาคารพักอาศัยในโรงงานยานยนต์ หวังซิ่วฟางทำได้เพียงติดตามเขาไปอย่างเสียไม่ได้ เจียงกั๋วเซิ่งขึ้นไปบนชั้นสองอย่างอุกอาจเพื่อตามหาเจียงอวี่เฟย
เดิมทีหวังซิ่วฟางต้องการบอกเจียงอวี่เฟยล่วงหน้า เพื่อที่หล่อนจะได้เตรียมใจไว้ให้พร้อม
แต่หล่อนไม่มีโทรศัพท์มือถือ แถมยังสายเกินไปที่จะออกไปใช้ตู้โทรศัพท์สาธารณะ
ดังนั้นจึงทำได้เพียงติดตามเขาอย่างระมัดระวัง
เวลานี้รายการประกวดเพิ่งจบไปหมาด ๆ หลินเซี่ยและเจียงอวี่เฟยยังคงเพลิดเพลินกับการรับชม พวกหล่อนนั่งเอกเขนกอยู่บนโซฟา หารือเกี่ยวกับเนื้อหาของรายการด้วยความสนใจอย่างมาก
เจียงอวี่เฟยรู้สึกว่าตนมีความกังวลเล็กน้อยเมื่อขึ้นแสดงรอบโชว์ชุดว่ายน้ำ ทำให้ผลงานออกมาไม่ค่อยดีนัก แต่หลินเซี่ยรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องเข้มงวดกับตัวเองมากนัก เธอให้กำลังใจเจียงอวี่เฟย และบอกว่าการแข่งขันทั้งหมดในวันนี้มีภาพรวมที่ดีมาก สีหน้าท่าทางมีความผ่อนคลาย สไตล์หน้าผมของหล่อนก็โดดเด่น ได้รับการยอมรับจากกรรมการทุกคน ซึ่งเป็นการยืนยันความสำเร็จสำหรับทั้งคู่แล้ว
“เซี่ยเซี่ย ขอบใจมากนะ ถ้าไม่มีเพื่อนที่แสนดีอย่างเธอ ฉันคงเดินตามความฝันมาถึงจุดนี้ไม่ได้”
เจียงอวี่เฟยกอดหลินเซี่ยไว้แน่น
“ไม่เห็นต้องขอบคุณอะไรเลย ทั้งหมดเป็นผลจากการทำงานหนักและความพากเพียรของเธอเองที่พาเธอมาถึงจุดที่ยืนอยู่อย่างทุกวันนี้ พยายามเข้าไว้ มุ่งมั่นเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีในรอบชิงชนะเลิศนะ”
หลินเซี่ยตบหลังเจียงอวี่เฟยและพูดกับเธออย่างจริงจัง “ฉันรู้สึกว่าเธอมีโอกาสสูงมากที่จะก้าวไปสู่การประกวดรอบชิงชนะเลิศ อีกไม่กี่วันหลังจากนี้อย่าละเลยเด็ดขาด หมั่นฝึกซ้อมให้ดี การแข่งขันตอนนี้ขึ้นอยู่กับความสามารถของเธอเองแล้ว ฉะนั้นต้องปรับตัวให้มีข้อผิดพลาดน้อยที่สุด สาว ๆ ที่ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศก็แข็งแกร่งมาก ภาพรวมดี คนที่ชื่อเฉินซือซือกับหยางอิ่งลี่น่าจะเป็นคู่ต่อสู้ที่หินที่สุดสำหรับเธอ แต่อย่ากังวลเกินไป ต่อให้เธอคว้าแชมป์ไม่ได้ แค่อยู่ในสามอันดับแรกก็ถือว่าเก่งมากแล้ว”
เจียงอวี่เฟยพยักหน้า “ใช่ ฉันไม่ตั้งเป้าหมายให้ตัวเองสูงจนเกินไปหรอก แล้วก็ไม่เคยคาดคิดด้วยว่าจะผ่านเข้าสู่รอบชิง อย่างที่เธอรู้ ตอนที่ฉันตัดสินใจเข้าร่วมประกวดเป็นครั้งแรก ความคิดของฉันคือขอแค่ได้มีส่วนร่วมเท่านั้นเอง
ฉันไม่เคยนึกเลยว่าตัวเองจะมาถึงจุดนี้ได้ ถ้าไม่ได้เธอคอยให้กำลังใจ ให้คำแนะนำ แต่งหน้าสวย ๆ เลือกชุดดี ๆ ฉันคงไม่มีทางประสบความสำเร็จได้แน่”
ยิ่งเจียงอวี่เฟยพูดมากเท่าใด ก็ยิ่งรู้สึกประทับใจมากขึ้นเท่านั้น หล่อนกอดหลินเซี่ยและร้องไห้ “เซี่ยเซี่ย ฉันขอบคุณเธอมากจริง ๆ”
“อย่าเอาแต่ขอบคุณเหมือนพวกเราเป็นคนอื่นคนไกลไปเลย ความพยายามที่ไม่สิ้นสุดของเธอคือของตอบแทนที่ดีที่สุดของฉันแล้ว”
เจียงอวี่เฟยกอดหลินเซี่ยไว้แน่นจนแทบหายใจไม่ออก นอกเหนือจากอ้อมกอดของเฉินเจียเหอแล้ว หลินเซี่ยไม่ค่อยคุ้นชินกับการถูกกอดแบบนี้จริง ๆ เหตุผลหลักคือมันร้อนเกินไป
เธอผลักเจียงอวี่เฟยออกจากตัวอย่างเสียไม่ได้ “อย่าเอาแต่ทำตัวขี้แยเลยน่า ให้มันอยู่กับร่องกับรอยหน่อย”
“โอ้”
เจียงอวี่เฟยนั่งตัวตรง พูดกับตัวเองว่า “พ่อฉันกับน้าหวังน่าจะกลับมาในเร็ว ๆ นี้แล้วใช่ไหม?”
หล่อนดูนาฬิกาและเห็นว่าตอนนี้สามทุ่มพอดี จึงพูดว่า “ฉันจะพาเสี่ยวฮวากลับไปนอนก่อน ไม่งั้นจะดึกเกินไป”
หลินเซี่ยตอบว่า “ดีเหมือนกัน เด็ก ๆ ควรเข้านอนแต่หัววัน”
เจียงอวี่เฟยกำลังจะเดินไปที่ห้องของหู่จือเพื่อเรียกเสี่ยวฮวาให้ออกไป แต่ทันใดนั้นหล่อนก็ได้ยินเสียงใครบางคนเคาะประตู
ฟังจากเสียงเคาะแล้วดูเหมือนเป็นเรื่องเร่งด่วนมาก
หลินเซี่ยยืนขึ้นลุกไปเปิดประตู เห็นว่าเจียงกั๋วเซิ่งยืนอยู่ที่หน้าประตูด้วยสีหน้าไม่สู้ดี ส่วนหวังซิ่วฟางก็ยืนอยู่ข้างหลังเขาด้วยสีหน้าวิตกกังวล
หลินเซี่ยตกใจมากเมื่อเห็นฉากนี้ เธอสงบสติอารมณ์ลงและถามด้วยรอยยิ้ม “ลุงเจียง กลับมากันแล้วเหรอคะ?”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ถ้ามาเจอสาวๆ ยุคห้าจีแต่งตัวกัน ลุงเจียงจะหัวใจวายตายไหมคะ
แย่แล้ว พ่อเธอกำลังเดือดแล้วล่ะอวี่เฟย ขอให้เธอผ่านไปได้ด้วยดีนะ
ไหหม่า(海馬)