ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 392 ความรักทำให้โลกกลายเป็นสีชมพู
ตอนที่ 392 ความรักทำให้โลกกลายเป็นสีชมพู
ตอนที่ 392 ความรักทำให้โลกกลายเป็นสีชมพู
เมื่อได้ยินสิ่งที่ลูกชายพูด หลี่เหม่ยเฟิ่งก็พยักหน้าอย่างมีความสุข “ได้เลยๆ อีกสามวันก็จะสุดสัปดาห์แล้ว ลูกก็พาหล่อนมาได้เลย หล่อนชอบกินอะไรเป็นพิเศษไหม? เราจะได้เตรียมไว้ล่วงหน้า”
พ่อเย่ก็ถามอย่างกระตือรือร้นเช่นกัน
เย่ไป๋ยิ้มแล้วตอบกลับว่า “หล่อนต้องควบคุมน้ำหนัก กินของที่ทำให้อ้วนไม่ได้ครับ”
“อ้าวเหรอ”
เมื่อเย่เชี่ยนได้ยินว่าว่าที่พี่สะใภ้ต้องควบคุมน้ำหนัก หล่อนจึงถามอย่างสงสัยว่า “พี่ แล้วแฟนพี่ทำอาชีพอะไรเหรอ?”
“งานเกี่ยวกับศิลปะการแสดงน่ะ”
เย่เชี่ยนมองด้วยความชื่นชม “ว้าว ทำงานเกี่ยวกับศิลปะด้วย โรแมนติกจัง หล่อนต้องสวยมากแน่ ๆ”
เย่ไป๋เหลือบมองหน้าจอทีวี ยิ้มและพยักหน้า “หล่อนสวยมากจริง ๆ แหละ”
เพราะรายการที่เย่ไป๋บอกให้ดู ทำให้ทั้งครอบครัวต่างพาสนุกสนานกันใหญ่ หลี่เหม่ยเฟิ่งดูการแข่งขันนางแบบที่ออกอากาศทางทีวี พลางยิ้มและถามเย่ไป๋ว่า “แฟนลูกสวยเหมือนผู้เข้าแข่งขันในทีวีเลยหรือเปล่า?”
เย่ไป๋เหลือบมองด้วยท่าทีสบาย ๆ และพยักหน้า “ใช่ครับแม่”
“จะบอกว่าหล่อนสวยเท่าเซี่ยอวี่เหรอ?”
เย่ไป๋จ้องมองทีวีและพยักหน้าอีกครั้ง “แน่นอนครับ”
“จริงเหรอ? สวยพอ ๆ กับเซี่ยอวี่เลยเหรอ?” หลี่เหม่ยเฟิ่งมองลูกชายด้วยสีหน้าแปลกใจ
พูดตามตรง คงมีผู้หญิงไม่กี่คนที่สามารถแต่งงานกับลูกชายของนางได้
เมื่อก่อนมีพยาบาลและแพทย์หญิงหลายคนในโรงพยาบาลชอบเขา แต่เขากลับเฉยเมยมาก
มีเพื่อนร่วมงานหลายคนที่ต้องการแนะนำตัวเองกับเย่ไป๋ และอยากเป็นสะใภ้ครอบครัวนี้ แต่เย่ไป๋ปฏิเสธเด็ดขาดเพราะเหตุผลว่าอยากมุ่งความสนใจไปที่งานเป็นหลัก
พวกเขาทั้งคู่เป็นพ่อแม่ที่มีแนวคิดเสรีนิยม จึงไม่เร่งรีบหรือเข้าไปยุ่ง
พวกเขาแค่หวังว่าลูกชายจะประสบความสำเร็จในด้านการแพทย์ และทำประโยชน์ต่อผู้ป่วยให้มาก
กระทั่งตอนนี้ลูกชายตกหลุมรักใครบางคน และถึงกับบอกว่าหล่อนคนนี้สวยพอ ๆ กับเซี่ยอวี่
บรรดาหญิงสาวในไห่เฉิง จะมีกี่คนที่สวยเท่าเซี่ยอวี่?
ในความเห็นของหลี่เหม่ยเฟิ่ง เย่ไป๋ที่มีความรักอาจมองโลกทั้งใบกลายเป็นสีชมพู
นางดูทีวีต่อไปและไม่ได้พูดอะไรกับลูกชายอีก แค่ยิ้มแล้วพูดว่า “ตกลง แล้วเราจะรอดูนะ”
“จริงสิ ลูกได้เจอลูกพี่ลูกน้องอย่างอวี่เฟยบ้างหรือเปล่า? ตอนนี้หล่อนเป็นยังไงบ้าง?” พ่อเย่เอ่ยถามถึงเจียงอวี่เฟยและถอนหายใจ “เหมือนไม่ได้เห็นเด็กคนนั้นมาหลายปีแล้ว”
เย่ไป๋พูดว่า “พ่อครับ หล่อนกำลังมีชีวิตที่ดีเลย ตอนนี้เรียนต่อที่สถาบันสอนเต้นรำไห่เฉิง แถมพ่อของหล่อนยังเป็นรองผู้อำนวยการโรงงานเครื่องจักรด้วย ตอนนี้หล่อนเข้าร่วมการประกวดนางแบบโดยใช้นามแฝงในวงการครับ”
พ่อเย่ถอนหายใจอย่างมีความสุข “หล่อนใช้สกุลของเราตั้งนามแฝงในวงการแบบนี้ หมายความว่าหล่อนยังคงระลึกถึงแม่ตัวเองอยู่ในใจเสมอ”
หลี่เหม่ยเฟิ่งพูดขึ้นว่า “คุณคงจำได้ว่า ตอนที่ลูกพี่ลูกน้องฉันจากโลกนี้ไป หล่อนก็พอจะจำความทุกอย่างได้บ้างแล้ว น่าสงสารจริง ๆ ที่หล่อนต้องกลายเป็นลูกกำพร้าแม่มานานหลายปี”
พ่อเย่เตือนเย่ไป๋ “ถ้าวันหนึ่งได้เจอหล่อนอีก อย่าลืมชวนหล่อนกลับมาเยี่ยมบ้านด้วยล่ะ พวกเราทุกคนยังถือว่าหล่อนเป็นญาติเสมอ”
“ครับ หล่อนกับผมมีเพื่อนที่รู้จักสนิทสนมกันอยู่ น่าจะนัดเจอกันได้ง่าย ไว้ผมจะบอกภรรยาของเจียเหอวันพรุ่งนี้ ขอให้อวี่เฟยมาหาพวกเรา”
หลังเย่ไป๋พูดออกไป เขาก็พลันนึกถึงตอนที่แม่บอกว่าอยากตัดผมก่อนไปเจอแฟน จึงหันไปบอกกับแม่ว่า “แม่ครับ จะว่าไปถ้าแม่อยากทำผม ผมก็พอมีร้านที่อยากแนะนำอยู่ ภรรยาของเจียเหอเธอมีทักษะการทำผมที่ดีมากเลย มีลูกค้าแวะเวียนไปทำผมที่ร้านของหล่อนเยอะมาก อีกอย่างหล่อนเป็นคนที่แต่งหน้าทำผมให้ลูกพี่ลูกน้องตอนที่ขึ้นประกวดด้วย”
หลี่เหม่ยเฟิ่งชื่นชอบสไตล์การแต่งตัวที่สวยงาม และการแต่งหน้าที่สบายตาของเจียงอวี่เฟย ทั้งหมดส่งเสริมให้หล่อนดูแตกต่างจากผู้เข้าแข่งขันคนอื่นอย่างสิ้นเชิง บางคนดูเหมือนนักแสดงอุปรากรจีนเพราะพวกหล่อนแต่งหน้าหนาเกินไปจนปกปิดรูปลักษณ์ดั้งเดิมเสียหมด นางจึงตอบกลับอย่างมีความสุข “จริงเหรอ? บอกแม่หน่อยสิว่าร้านอยู่ที่ไหน เสี่ยวเชี่ยนกับแม่จะได้ลองไปใช้บริการดู”
“ผมจะจดที่อยู่ไว้ให้แม่ทีหลัง แต่ชื่อร้านเสริมสวยนี่สิน่าสนใจมาก ชื่อว่าร้านเริ่มใหม่อีกครั้ง” เย่ไป๋พูดด้วยรอยยิ้ม “เยื้องฝั่งตรงข้ามถนนเป็นร้านอาหารพ่อแม่ของหล่อน ชื่อร้านชามข้าวเหล็ก ถ้าเดินไปเจอร้านใดร้านหนึ่งก็ถือว่าไปถูกที่แล้วครับ”
“เริ่มใหม่อีกครั้ง? ชามข้าวเหล็ก? ชื่อร้านพวกนี้มีเอกลักษณ์จริง ๆ พรุ่งนี้เราจะลองไปดูกัน”
ขณะที่สมาชิกตระกูลเย่กำลังนั่งดูทีวีและพูดคุยอยู่ด้วยกัน หวังซิ่วฟางและเจียงกั๋วเซิ่งกำลังเดินเล่นอยู่ข้างนอก
นี่คืองานที่เจียงอวี่เฟยบอกกับหวังซิ่วฟางไว้ รายการประกวดนางแบบจะออกอากาศคืนนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้พ่อของเธอเปิดดูรายการทีวี เจียงอวี่เฟยจึงขอให้หวังซิ่วฟางชวนเจียงกั๋วเซิ่งไปข้างนอกด้วยกันสองต่อสอง ส่วนเสี่ยวฮวาก็ถูกเจียงอวี่เฟยพาไปอยู่กับหลินเซี่ยและคนอื่น ๆ
หล่อนบอกว่ามีเรื่องสนุก จึงพาเสี่ยวฮวาไปที่บ้านของหลินเซี่ยเพื่อเล่นกับหู่จือ จากนั้นหล่อนกับหลินเซี่ยก็นั่งอยู่หน้าทีวีเพื่อดูรายการด้วยกัน
เจียงอวี่เฟยผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศมาได้ จึงเหลือเพียงการแข่งขันรอบสุดท้าย คราวนี้จะต้องไม่มีข้อผิดพลาดอะไร
พวกเขาเดินเล่นไปรอบ ๆ จนถึงสามทุ่ม เจียงกั๋วเซิ่งถูกลากตัวไปเดินรอบสวนสาธารณะถึงสองชั่วโมงเต็มก็แทบจะเดินต่อไม่ไหว และต้องการกลับบ้าน
เขาทำงานมาทั้งวัน ยังต้องมาเดินจนปวดเท้าอีก ทำให้เขาอยากกลับบ้านไปพักผ่อนมาก
ขณะเจียงกั๋วเซิ่งเดินจากไป เขาก็คิดกับตัวเองว่าหวังซิ่วฟางยังเด็กอยู่ ถ้าเขาคิดจะออกเดตกับหวังซิ่วฟาง ก็ควรมีสุขภาพที่ดีพอจะเดินถนนได้นาน ๆ เหมือนสมัยวัยหนุ่ม
เขาเริ่มคิดในใจว่าถ้าเขาแต่งงานกับหวังซิ่วฟางในอนาคต พวกเขาจะสามารถเข้ากันในแง่ของความแข็งแรงทางร่างกายหรือไม่?
ปรากฏว่าหลังจากที่เจียงอวี่เฟยคุยกับเขาเมื่อไม่กี่วันก่อน เขารู้สึกว่าความคิดก่อนหน้านี้เป็นการไม่รับผิดชอบต่อหวังซิ่วฟางเลย ในเมื่อพวกเขาคุยกันเรื่องนี้แล้ว ก็ควรตั้งเป้าหมายให้ชัดเจนถึงการแต่งงาน
ไม่อย่างนั้นเขาอาจทำให้หล่อนเสียเวลา
แต่เวลานี้ เขากลับรู้สึกสับสนขึ้นมา
เริ่มสงสัยว่าตัวเองกับหวังซิ่วฟางเหมาะสมกันจริง ๆ หรือไม่
เมื่ออายุมากขึ้นสิบปี ความแตกต่างในด้านความแข็งแรงทางร่างกายก็จะเห็นได้อย่างชัดเจน
เจียงกั๋วเซิ่งต้องการกลับบ้าน แต่หวังซิ่วฟางดูนาฬิกาและเห็นว่าเวลาสิ้นสุดของรายการทีวียังไม่จบ หล่อนจึงแนะนำให้เขาเดินต่อไปอีกสักพัก เมื่อเห็นว่าเจียงกั๋วเซิ่งดูเหนื่อยมาก และเหลือบไปเห็นว่าร้านอาหารเล็ก ๆ ฝั่งตรงข้ามมีบรรยากาศที่ค่อนข้างมีชีวิตชีวามาก แถมยังมีคนดื่มเบียร์อยู่ด้วย หวังซิ่วฟางจึงแนะนำให้ไปที่นั่นเพื่อหาอะไรกินก่อนกลับบ้าน เพลิดเพลินกับอากาศที่เย็นกำลังดี
ในฐานะผู้ชาย เจียงกั๋วเซิ่งไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเคารพความปรารถนาของหล่อน และไปที่ร้านอาหารฝั่งตรงข้ามด้วยกัน
ทันทีที่เดินผ่านไป ก็เห็นโต๊ะทีวีและชุดเก้าอี้ตรงทางเข้าร้านอาหาร กลุ่มผู้ชายที่ไม่สวมเสื้อท่อนบนกำลังดื่มเบียร์พลางดูทีวีไปด้วย
เจียงกั๋วเซิ่งพูดขึ้นว่า
“ทำไมทีวีถึงถูกย้ายออกมาข้างนอกล่ะ?”
เจ้าของร้านที่กำลังเสิร์ฟอาหารให้กับชายที่ดื่มเบียร์อยู่ ยิ้มแล้วตอบกลับว่า “ข้างในร้อนเกินไป ข้างนอกอากาศเย็นกว่าค่ะ”
หวังซิ่วฟางดูตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นทีวีกำลังออกอากาศรายการนั้น พลันรู้ว่าตัวเองกำลังตัดสินใจผิดพลาด จึงรีบดึงเจียงกั๋วเซิ่งออกมา “หรือว่า เราไม่กินอะไรแล้วกลับกันดีไหมคะ?”
สายตาของเจียงกั๋วเซิ่งจ้องไปยังหน้าจอทีวี ดูภาพของกลุ่มเด็กสาวหน้าตาสดใส และถามคนที่อยู่ข้าง ๆ อย่างสงสัย “นี่คือรายการอะไรเหรอ?”
“ประกวดเดินแบบน่ะ คืนนี้เป็นรอบรองชนะเลิศ”
ชายที่ไม่สวมเสื้อพูดขณะดูทีวีอย่างกระตือรือร้น โดยชี้ไปยังหญิงสาวสวย ๆ ในทีวีแล้วพูดว่า “คนนี้สวยมาก ใช่แล้ว และอีกคนที่อยู่ข้างหลัง”
“คนที่ชื่อเย่เสี่ยวอวี่สวยที่สุดแล้ว แถมรูปร่างดีมาก ฉันคิดว่าหล่อนจะต้องคว้าแชมป์รายการนี้แน่นอน”
ภาพของเจียงอวี่เฟยปรากฏขึ้นบนหน้าจอ เนื่องจากหล่อนมีบุคลิกที่ดีพร้อมในทุกด้าน ทั้งตัวสูง ขายาว และมีภาพลักษณ์โดดเด่น นอกจากนี้ รูปร่างหน้าตาของหล่อนก็โดดเด่นไม่แพ้กัน หล่อนจึงถูกกล้องจับภาพค่อนข้างนานกว่าผู้เข้าประกวดคนอื่น
เป็นใบหน้าของเจียงอวี่เฟยที่ได้ออกอากาศทางทีวีอย่างชัดเจน
ชายอีกคนหนึ่งชี้ไปยังทีวี แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่หยาบคายมากว่า
“พวกคุณจะไม่ชื่นชมหล่อนหน่อยเหรอ ในความคิดฉันนะ หล่อนคนนี้สวยที่สุดในบรรดาผู้เข้าประกวดแล้ว ส่วนคนที่อยู่ตรงโต๊ะกรรมการนี่ก็ราชินีภาพยนตร์เลยล่ะ หล่อนในวัยนี้กำลังสวยสะพรั่งทีเดียว เคยดูหนังกำลังภายในกันไหม? รูปลักษณ์ของหล่อนแบบนี้แหละที่เรียกว่าโฉมสะคราญ หล่อนนับเป็นเทพธิดาในใจฉันเลยทีเดียว”
หวังซิ่วฟางเห็นเจียงกั๋วเซิ่งยืนนิ่งอย่างว่างเปล่าด้วยสีหน้ามืดมน จึงกระตุกแขนเขาแล้วพูดว่า “เหล่าเจียง รีบไปกันเถอะ เสี่ยวฮวาคงง่วงแล้ว”
เจียงกั๋วเซิ่งสลัดหล่อนออก
“คุณไปก่อนเถอะ”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ว่าที่สะใภ้แม่คือดาราดังจริงๆ ค่ะ
โอ๊ย ตายแล้ว ปิดมาตั้งนาน บทจะความแตกก็มาแตกแบบนี้เสียได้
ไหหม่า(海馬)