ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 391 รักแรกพบ
ตอนที่ 391 รักแรกพบ
ตอนที่ 391 รักแรกพบ
เมื่อได้ยินเย่ไป๋ออกปากขอความช่วยเหลือจากหล่อน เซี่ยอวี่ก็มีความสุขมาก พูดว่า “บอกมาเลยค่ะ”
หล่อนรู้สึกสบายใจกว่าถ้าได้ตอบแทนเย่ไป๋ เพราะนั่นแปลว่าหล่อนไม่ติดค้างหนี้บุญคุณใด ๆ กับเขาอีก
หล่อนไม่ชอบเป็นหนี้บุญคุณใคร
ดวงตาของเย่ไป๋ขยับเล็กน้อย เขามองดูหล่อนแล้วพูดว่า “ปีนี้ผมอายุสามสิบเอ็ดแล้ว ถือเป็นชายโสดที่มีอายุมากเกินเกณฑ์ปกติที่จะแต่งงาน ครอบครัวผมก็เอาแต่รบเร้าให้ผมแต่งงานสักทีเหมือนกัน ที่จริงผมมีความคิดทำนองเดียวกันกับคุณ คือยังไม่มีแผนที่จะแต่งงานในเร็ว ๆ นี้ ส่วนใหญ่เป็นเพราะงานของผมยุ่งเกินไป แถมตอนนี้ผมก็กำลังเรียนวิชาแพทย์แผนจีนอยู่ คุณพอจะช่วย…”
เย่ไป๋มองไปที่เซี่ยอวี่ แต่ลังเลที่จะเอ่ยปากพูด
โชคดีที่หล่อนฉลาด เข้าใจความตั้งใจของเขาทันที
“แล้วฉันจะช่วยได้ยังไง?” เซี่ยอวี่กอดอกแล้วมองดูเขา ริมฝีปากกระตุกเล็กน้อย
ใบหน้าของเย่ไป๋เต็มไปด้วยความจริงใจ “คุณช่วยผมแสดงละครเหมือนเดิมอีกสักครั้งได้ไหม?”
หล่อนพูดไม่ออก “คุณอยากให้ฉันแกล้งเป็นแฟนกับคุณ เพื่อทำให้ครอบครัวสบายใจอย่างนั้นเหรอ?”
เย่ไป๋พยักหน้า “ใช่”
“ล้อเล่นหรือเปล่า? ฉันอายุเยอะกว่าคุณตั้งหลายปี ถ้าคุณพาฉันเข้าบ้าน คิดว่าครอบครัวคุณจะยอมเห็นด้วยง่าย ๆ ไหม?”
ถึงเซี่ยอวี่จะมีวินัยดูแลตัวเองเป็นอย่างดี ทั้งยังมีนิสัยเอาแต่ใจเหมือนเด็กสาววัยแรกรุ่น แต่หล่อนก็ยังไม่ค่อยมั่นใจนักเมื่อถูกขอให้แกล้งเป็นแฟนของหนุ่มรุ่นน้องที่อายุน้อยกว่าหลายปี หนำซ้ำยังต้องไปเจอพ่อแม่ของเขา
หล่อนข้าใจโลกดีกว่าใคร ๆ และรู้ด้วยว่าครอบครัวธรรมดาทั่วไปต้องการอะไรจากลูกสะใภ้
“พวกเขาต้องเห็นด้วยอยู่แล้ว ไม่ว่ายังไงผมก็ต้องหาทางจัดการเรื่องนี้ แม่ของผมสุขภาพไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไหร่ วัน ๆ เป็นห่วงแต่เรื่องการแต่งงานของผม เธอเอาแต่ถอนหายใจทุกวัน ทุกครั้งที่กลับบ้านก็เอาแต่บ่น ผมรู้สึกหดหู่จะแย่อยู่แล้ว”
หลังจากที่เย่ไป๋พูดจบ เขาก็มองไปที่เซี่ยอวี่อย่างกระตือรือร้น “คุณน่าจะเข้าใจอารมณ์ของผมดี”
เซี่ยอวี่บอกว่า “ฉันเข้าใจ แถมยังเข้าใจดีด้วย ช่วงสองปีที่ผ่านมาแม่ฉันก็อยู่ในสภาพเดียวกับที่คุณอธิบายเหมือนกัน”
“เราทั้งคู่ต่างก็มีหัวอกเดียวกัน ฉะนั้นหวังว่าคุณจะเต็มใจช่วยผม”
ดวงตาของ เย่ไป๋เต็มไปด้วยความหวัง ทำให้เซี่ยอวี่ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก
เข้าใจก็ส่วนเข้าใจ แต่ถ้าจะให้แกล้งเป็นกับแฟนเขา หล่อนยังรู้สึกทำอะไรไม่ถูกจริง ๆ
เย่ไป๋ก้มตัวลงเล็กน้อย ประสานมือเข้าด้วยกัน แล้วขอร้องว่า “ราชินีเซี่ยอิ่ง โปรดช่วยผมด้วย ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไปพวกเราจะได้สะสางปัญหานี้ได้สักที”
เซี่ยอวี่อยู่ในฐานะที่ติดหนี้บุญคุณผู้อื่น ดังนั้นจึงได้แต่กัดฟันและตอบตกลงว่า “งั้นก็ได้ แต่ฉันขอตั้งเงื่อนไขก่อน ว่าฉันจะยอมไปที่บ้านของคุณแค่ครั้งเดียว
เย่ไป๋เม้มริมฝีปากเล็กน้อย พยักหน้า “ได้ครับ แค่ครั้งเดียว”
เย่ไป๋ขี่มอเตอร์ไซค์กลับบ้าน เมื่อกลับถึงบ้าน น้องสาวและแม่ของเขากำลังนั่งดูทีวีอยู่ด้วยกัน
รายการออกอากาศในวันนี้เป็นเทปบันทึกภาพการแข่งขันรอบรองชนะเลิศ
หลี่เหม่ยเฟิ่งแม่ของเย่ไป๋มองดูหน้าจอทีวีพร้อมกับถอนหายใจ “พระเจ้าช่วย เซี่ยอวี่กินอะไรเข้าไปกันนะ ทำไมหล่อนถึงดูไม่เปลี่ยนเลย ทั้ง ๆ ที่นี่ก็ผ่านมาหลายปีแล้วแท้ ๆ?”
“แม่คะ ก่อนหน้านี้เธอหน้าตาเป็นยังไงเหรอ?” เย่เฉียนถามอย่างสงสัย
หลี่เหม่ยเฟิ่งตอบ “ก็เป็นอย่างที่เราเห็นในทีวีตอนนี้นั่นแหละ”
“พูดถึงเรื่องนี้ ดูเหมือนหล่อนจะยังไม่แต่งงานใช่ไหมคะ?”
“ลูกรู้ได้ยังไง?”
“อ่านข่าวในหนังสือพิมพ์น่ะค่ะ ข่าวบอกว่าหล่อนยังไม่แต่งงาน แน่นอนว่าเคล็ดลับในการรักษาความสวยพันปีของหล่อนก็คือการที่ไม่แต่งงานมีลูกนี่แหละ”
หลี่เหม่ยเฟิ่งสัมผัสใบหน้าของตัวเองพร้อมกับคร่ำครวญว่า “เมื่อก่อนแม่เองก็ไม่มีริ้วรอยบนใบหน้าด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นฝ้ากระไปหมดแล้ว”
เย่ไป๋เดินเข้ามา พอได้ยินเสียงถอนหายใจของผู้เป็นแม่ก็เตือนด้วยรอยยิ้มว่า “แม่ แม่อายุห้าสิบห้าแล้วนะครับ จะเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่นได้ยังไง?”
“แม่มีฝ้ากระขึ้นหน้าตั้งแต่อายุยี่สิบ ตั้งแต่คลอดลูกมันก็ไม่เคยเลือนหายไปอีกเลย”
หลังจากที่หลี่เหม่ยเฟิ่งพูดจบ นางก็มองไปที่หญิงสาวผิวขาวผ่อง สวมเสื้อตัวเล็กและมัดผมหางม้าสูงซึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆ แล้วพูดว่า “เสี่ยวเชี่ยน อย่าเพิ่งรีบแต่งงานเชียว หลังจากมีลูกแล้ว ลูกรักเอ๋ย ชีวิตลูกจะไม่ใช่ของลูกอีกต่อไป ไม่ว่าลูกจะทำอะไรก็ตาม ต้องมาคอยเป็นกังวลไปซะทุกสิ่ง”
เย่ไป๋นั่งลง มองหลี่เหม่ยเฟิงแล้วถามว่า “แม่ แล้วผมล่ะครับ?”
หลี่เหม่ยเฟิ่งตอบว่า “ลูกอายุพอสมควรแล้ว แน่นอนว่าแม่หวังอยากให้ลูกได้เจอใครสักคนที่ถูกตาต้องใจโดยเร็วที่สุด แต่นั่นก็ต้องปล่อยให้เป็นเรื่องของโชคชะตา เมื่อไหร่ก็ตามที่ลูกได้เจอกับผู้หญิงที่ชอบ ก็รีบขอหล่อนแต่งงานซะ ต่อให้ยังไม่เจอใครก็อย่าเพิ่งยอมแพ้กลางคัน เราเคารพในการตัดสินใจของลูกเสมอ”
นางไม่อยากกดดันลูกชายจนเกินไป
“แล้วแม่กับพ่อไม่รีบร้อนอยากอุ้มหลานเหรอครับ?”
หลี่เหม่ยเฟิ่งละสายตาจากจอทีวี มองหน้าเย่ไป๋อย่างจริงจัง “การมีหลานเป็นเรื่องที่ดี แต่… ถ้าลูกไม่มีความพร้อมและหาเวลามาอบรมดูแลลูกของตัวเองไม่ได้ แม่ขอว่าหลังคลอดลูกแล้ว อย่าได้วางแผนจะให้พวกเราสองตายายเลี้ยงแทนเลย ลูกต้องระมัดระวังเรื่องนี้ให้มาก”
“พ่อของลูกอยู่ในจุดสูงสุดของสายอาชีพแล้ว เขายังพอมีกำลังจะสร้างสรรค์ผลงานใหม่ ๆ ได้ แต่แม่ทำงานหนักมาหลายสิบปีกว่าจะเกษียณ แม่อยากมีเวลาว่างเป็นของตัวเองบ้างเหมือนกัน สมัยลูก ๆ ยังเด็ก แม่อุทิศชีวิตทั้งหมดให้กับการดูแลเด็กพร้อมกับทำงานไปด้วย แม่แทบไม่มีเวลาส่วนตัวเลย ต่อมาพอลูกโตขึ้นจนแม่ไม่ต้องคอยกังวลอีกต่อไป แม่ถึงได้รับการเลื่อนตำแหน่งอีกครั้ง กลายเป็นประธานที่ต้องดูแลกิจการทั้งหมดของคณะประสานเสียงและเต้นรำ ภาระหนักและเหนื่อยมาก ตอนนี้แม่อยากพักผ่อนและมีชีวิตที่ผ่อนคลาย”
ถ้าจะให้นางมีลูกเด็กอ่อนในตอนนี้ คงเป็นอะไรที่เหน็ดเหนื่อยมากเกินไปสำหรับร่างกายและจิตใจของนาง
ดังนั้น ความปรารถนาของหลี่เหม่ยเฟิ่ง คือตราบใดที่เขาสามารถดูแลเด็กด้วยตัวเองได้ก็ควรมี แต่ถ้าวางแผนจะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผู้สูงอายุก็ยังไม่จำเป็น
สิ่งที่แม่ของเขาพูดนั้นสมเหตุสมผล เย่ไป๋เองก็ไม่ได้หมกมุ่นอยู่กับการมีทายาทมากนัก เขาคิดว่าการมีพวกเขาอยูในชีวิตหรือไม่ไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญเลย
ท้ายที่สุดแล้ว เลือดเนื้อเชื้อไขของเขาก็เติบโตขึ้นจากร่างกายของฝ่ายหญิง
ในฐานะหมอ เขาตระหนักดีถึงความยากลำบากในการคลอดลูก ดังนั้นเขาจึงเคารพการตัดสินใจของฝ่ายหญิงในเรื่องนี้มาก
เมื่อเขาสนใจใครสักคนและอยากร่วมชีวิตคู่กับหล่อน ประเด็นของการสืบสานทายาทของตระกูจึงไม่จำเป็นเลย
“ผมเพิ่งตกหลุมรักใครสักคนครับ”
เย่ไป๋มองไปที่แม่และน้องสาวของเขา กระแอมไอเล็กน้อยแล้วพูดต่อ “ผมอยากพาเธอมาที่นี่เพื่อขอให้พวกคุณช่วยพิจารณาอีกแรง”
“ลูกมีแฟนแล้วเหรอ?” หลี่เหม่ยเฟิงมองลูกชายของเธอด้วยความตื่นตกใจ สีหน้าแสดงความไม่เชื่อถือ
เย่เชี่ยนก็ประหลาดใจเช่นกัน ถามว่า “พี่ชาย พี่งานยุ่งออกปานนั้น ยังมีเวลาดูใจกับใครสักคนด้วยเหรอ?”
เย่ไป๋ยิ้ม “เธอคือรักแรกพบเลยล่ะ”
“โอ้พระเจ้าช่วย ลูกชาย ลูกพูดจริงเหรอเนี่ย?”
สิ่งมหัศจรรย์อย่างรักแรกพบ เกิดขึ้นกับนายแพทย์ผู้รักสงบและเงียบขรึมในครอบครัวนางด้วยหรือนี่?
เย่ไป๋พยักหน้าอย่างหนักแน่น ถึงอย่างนั้นใบหน้าก็เต็มไปด้วยความเขินอาย
เย่เชี่ยนตื่นเต้นมาก รีบตะโกนร้องเรียกพ่อที่กำลังเขียนหนังสืออยู่ในห้องทำงาน
เย่เฉียนตะโกนด้วยความตื่นเต้น “พ่อคะ พี่ชายเจอเนื้อคู่แล้ว เขาอยากพาหล่อนมาเจอพ่อกับแม่ด้วยค่ะ”
พ่อเย่ขยับแว่นตา ถามลูกชายอย่างอารมณ์ดี “บังเอิญเจอหล่อนตอนอยู่ในโรงพยาบาลงั้นเหรอ?”
“ประมาณนั้นครับ”
เย่ไป๋มองดูพวกเขา และถามความคิดเห็นจากทุกคนว่า “ทุกคนสะดวกวันไหนบ้าง? ผมจะได้นัดวันพาหล่อนมาที่บ้านเรา”
พ่อเย่ค่อนข้างกระตือรือร้นมาก “พ่อพร้อมตลอดอยู่แล้ว พรุ่งนี้เลยยังได้”
ลูกชายเขาอายุสามสิบกว่าแล้ว ถึงแม้พ่อแม่จะบอกว่าพวกเขาเคารพการตัดสินใจของลูกชาย แต่พวกเขาก็อดกังวลไม่ได้ว่าลูกชายที่อายุเท่านี้จะพลาดโอกาสในการมีคู่ครอง
หลี่เหม่ยเฟิ่งบอกว่า “พรุ่งนี้ยังไม่ได้ พรุ่งนี้ฉันต้องออกไปทำผมใหม่”
นางมองดูผ้าม่านเก่า ๆ ภายในบ้าน แล้วพูดว่า “ผ้าม่านในบ้านเราสภาพน่าเกลียดเกินกว่าจะรับรองแขก แม่อยากเปลี่ยนมานานแล้วแต่ชอบลืมทุกครั้งเลย ไว้พรุ่งนี้ตอนบ่ายแม่จะออกไปซื้อผ้าม่านใหม่ แล้วยังต้องทำความสะอาดบ้านด้วย”
“แม่ครับ ยังไม่ถึงวันตรุษซะหน่อย”
“นี่มันสำคัญกว่าวันตรุษเป็นไหน ๆ ถ้าลูกบอกจะพาผู้หญิงที่ชอบกลับมาที่บ้าน แปลว่าลูกอาจจะได้แต่งงานกับหล่อนและกลายเป็นครอบครัวเดียวกันกับเราในอนาคต ความประทับใจแรกสำคัญมาก ดังนั้นต้องใส่ใจกับมันเป็นพิเศษ”
เย่ไป๋ยิ้มและพูดว่า “ครับ ถ้าอย่างนั้นผมจะให้แม่เตรียมตัวก่อน สามวันพอไหม?”
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
คุณดาราต้องรับงานแสดงอีกแล้วล่ะค่ะ ทางบ้านนี้เขาก็อยากเจอตัวจริงเหมือนกัน
ไหหม่า(海馬)