ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 389 จับฉันถอนขนแกะ
ตอนที่ 389 จับฉันถอนขนแกะ
ตอนที่ 389 จับฉันถอนขนแกะ
ในขณะที่เขายังทำงานอยู่ เซี่ยไห่ก็เรียกเฉียนต้าเฉิงเข้ามา
เซี่ยไห่หยิบเงินก้อนหนึ่งออกมาจากซองจดหมาย แล้วมอบให้เขา “เหล่าเฉียน ออกไปซื้อจักรยานคันใหม่มาหน่อย”
“เถ้าแก่ คุณจะขี่เองเหรอครับ?” เฉียนต้าเฉิงถามอย่างจริงจัง
“ฉันมีรถยนต์ทั้งที จะปั่นจักรยานให้เสียแรงเปล่าไปทำไม? คิดว่าเหมาะสมกับนิสัยฉันหรือเปล่าล่ะ?”
“ถ้าว่ากันด้วยสถานะ ในเมื่อคุณไม่อยากขับรถยนต์ งั้นก็ควรซื้อมอเตอร์ไซค์สิครับ ถ้าคุณไม่คิดจะขี่จักรยาน แล้วจะซื้อจักรยานมาให้ใครขี่?”
หลังจากได้ยินคำพูดของเฉียนต้าเฉิง เซี่ยไห่ก็จุกอกสะเทือนใจเล็กน้อย เอื้อมไปหยิบเงินคืนมา “นายพูดถูก ฉันควรซื้อมอเตอร์ไซค์ต่างหาก”
เขาโบกมือไปทางเฉียนต้าเฉิงแล้วพูดว่า “กลับไปทำงานต่อเถอะ เดี๋ยวฉันจะออกไปซื้อมอเตอร์ไซค์เอง”
คำพูดของเฉียนต้าเฉิงช่วยย้ำเตือนกับเซี่ยไห่ว่าในเมื่อมันอาจเป็นสมบัติที่จะอยู่กับสหายน้องชายเขาไปตลอดชีวิต เขาก็ควรกัดฟันควักเนื้อ และซื้อมอเตอร์ไซค์เท่ ๆ ให้เขาสักคัน
เขาจำได้ว่าวันนั้นพี่สาวนั่งซ้อนท้ายบนมอเตอร์ไซค์ของเย่ไป๋ มอเตอร์ไซค์คันนั้นเครื่องเร็วแรงปานสายฟ้า ผมยาวสยายของพี่สาวปลิวไสวไปตามแรงลม
ถ้าถังจวิ้นเฟิงขี่มอเตอร์ไซค์รุ่นใหม่ล่าสุดไปรับสาวมาเดต อัตราความสำเร็จในการจีบต้องสูงแน่นอน
เซี่ยไห่ใช้ประโยชน์จากเวลาว่างของเฉินเจียเหอในวันรุ่งขึ้น บอกว่าเขาจะไปที่ร้านมอเตอร์ไซค์เพื่อเลือกซื้อรถให้กับถังจวิ้นเฟิง
เฉินเจียเหอรู้สึกตื่นเต้นมากเช่นกันเมื่อได้ยินว่าถังจวิ้นเฟิงกำลังคุยกับผู้หญิงคนไหนสักคน พร้อมกันนั้นก็ยกนิ้วให้เซี่ยไห่
สมแล้วที่เขาเป็นพี่ใหญ่ในเหล่าสหายพี่น้อง
ด้วยความสนับสนุนทางการเงินของสหายพี่ชายผู้ร่ำรวยอย่างเซี่ยไห่ ถังจวิ้นเฟิงต้องสามารถเอาชนะใจสาวงาม ได้หล่อนมาครอบครองอย่างไม่ต้องสงสัย
ทั้งสองเข้าไปในร้านขายมอเตอร์ไซค์ที่ใหญ่ที่สุดในไห่เฉิง
เฉินเจียเหอมองเห็น ‘สินค้าแนะนำของร้าน’ ซึ่งก็คือรถซูซูกิจินเฉิงอย่างรวดเร็ว
เขาตบตัวถังรถแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “เหล่าเซี่ย ซื้อคันนี้สิ”
ช่างตาแหลมดีจริงเชียว
เขาแตะจมูก ส่งสัญญาณให้เฉินเจียเหอว่า “เราไปดูคันอื่นกันก่อนเถอะ”
รถคันนั้นมีราคาประมาณหกพันถึงเจ็ดพันหยวนในเมืองเชินเฉิง แต่ที่นี่คาดว่าน่าจะมีราคาถึงแปดพันหยวน
เฉินเจียเหอไม่ได้เป็นช่างซ่อมรถจักรยานยนต์ แต่ในฐานะช่างเทคนิคผู้ซ่อมบำรุงหัวรถจักร เขาคุ้นเคยกับประสิทธิภาพของสิ่งเหล่านี้เป็นอย่างดี
ไม่ว่าจะเป็นมอเตอร์ไซค์หรือรถยนต์ตามท้องตลาด เขาพอจะมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับมันอยู่บ้าง
รถซูซูกิจินเฉิงมีราคาแพง แต่ก็มีประสิทธิภาพการใช้งานที่ยอดเยี่ยม สไตล์แปลกใหม่ สมรรถนะของเครื่องยนต์ก็ยอดเยี่ยมเช่นกัน
เจ้าของร้านคอยเดินตาม แนะนำโดยบอกว่าถ้าลูกค้าคิดว่ารถซูซูกิจินเฉิงแพงเกินไป สามารถไปดูรถคานโค้งคันเล็กที่อยู่ด้านข้างแทนได้ เนื่องจากมันมีราคาประมาณสองถึงสามพันเท่านั้น
เฉินเจียเหอเงยหน้าขึ้น พูดว่า “รถคันนั้นดูเหมาะสำหรับผู้หญิงมากกว่า”
“โอ้ งั้นดูคันอื่นก็แล้วกัน”
ทั้งสองคนเดินวนไปรอบร้าน จากนั้นเฉินเจียเหอก็เดินย้อนกลับไปที่รถคานโค้งคันเล็ก
“อารอง” เฉินเจียเหอเรียกเซี่ยไห่ว่า ‘อารอง’ ด้วยน้ำเสียงที่ไร้ความขัดเขินใด ๆ
เมื่อเซี่ยไห่ได้ยินคำว่า ‘อารอง’ เขาก็เกิดความตื่นตัวขึ้นมาทันที ก่อนจะจับตาดูสีหน้าเจ้าเล่ห์บนใบหน้าของเฉินเจียเหอ เขานึกถึงภาพครั้งล่าสุดที่อีกฝ่ายเรียกเขาว่า ‘อารอง’ ขึ้นมาทันที ซึ่งตอนนั้นอีกฝ่ายขอให้เขาช่วยสมทบทุนค่าเฟอร์นิเจอร์ แล้วเขาก็ยอมเห็นด้วย
ตอนนี้บ้านใหม่ยังไม่ทันจะย้าย เขายังติดหนี้เฟอร์นิเจอร์อยู่ ทำไมไอ้หมอนี่ถึงเรียกเขาว่าอารองอีกแล้วล่ะ?
หรือว่าอยากให้เขาซื้อมอเตอร์ไซค์ให้?
จู่ ๆ เซี่ยไห่ก็ตื่นตัวและไม่ตอบสนองใด ๆ
“อารอง มอเตอร์ไซค์คันนี้เหมาะกับสรีระของผู้หญิงดีนะ”
“หา?”
เฉินเจียเหอพูดซ้ำว่า “มันเหมาะสำหรับให้ผู้หญิงขี่ดี”
แม้ว่าเฉินเจียเหอจะพูดอ้อม ๆ แต่เซี่ยไห่ก็ย่อมเข้าใจว่าเขาหมายถึงอะไร เซี่ยไห่มองอีกฝ่ายด้วยความรังเกียจพลางเยาะเย้ย “เฉินเจียเหอ นายนี่เหลือเกินจริง ๆ ภรรยาของนายไม่มีมอเตอร์ไซค์ใช้ ทำไมนายไม่ควักเงินซื้อให้หล่อนเองล่ะ? คอยแต่จะเอาเปรียบฉันอยู่เรื่อย”
ร่างสูงของเฉินเจียเหอยืนนิ่งอยู่ที่นั่น ใบหน้าหล่อเหลาแสดงสีหน้าน่าสมเพช “ฉันอยากซื้ออยู่หรอก แต่ไม่มีเงิน”
“ถึงอย่างนั้นนายก็จับฉันถอนขนแกะไม่ได้ ฉันโดนนายปอกลอกจนไม่เหลืออะไรแล้ว ในเมื่อนายหน้าหนาหน้าทนขนาดนี้ งั้นก็ลองไปขอเงินจากราชินีภาพยนตร์ดู หล่อนถ่ายหนังมาตั้งหลายปี คิดว่าเจ้าของร้านต๊อกต๋อยอย่างฉันหาเงินได้วันละเท่าไหร่กันเชียว?”
“ดูสิว่านายกลัวขนาดไหน” เฉินเจียเหอกลอกตาใส่เขา ไม่สนใจเซี่ยไห่อีก
เขามองดูมอเตอร์ไซค์คานโค้งคันเล็กตรงหน้า ตั้งปณิธานไว้กับตัวเองและวางแผนจะเก็บเงินซื้อให้ภรรยา
กิจวัตรประจำวันของเธอเหมาะอย่างยิ่งที่จะใช้รถคันนี้
ในอนาคตพอร้านใหม่ของหลินเซี่ยเปิดทำการ เธอจะต้องวิ่งไปดูธุรกิจทั้งสองทางแน่ ๆ ดังนั้นการมีรถเอาไว้ใช้ทุ่นเวลาในการเดินทางจะสะดวกกว่ามาก
ระหว่างนั้นเขาก็คิดคำนวณยอดเงินในสมุดบัญชีเงินเดือน ถ้ายังไม่เพียงพอ เขาจะกลับบ้านแล้วขอเบิกเงินจากชายชราล่วงหน้ามาส่วนหนึ่ง
พวกเขาทั้งสองกวาดตามองไปรอบ ๆ เนื่องจากคำพูดของเฉินเจียเหอทำให้เซี่ยไห่จ้องมองไปที่รถคานโค้งคันเล็กโก้หรูนั้นเป็นครั้งคราว ท้ายที่สุดเขาก็เลือกที่จะไม่ซื้อซูซูกิจินเฉิงให้กับถังจวิ้นเฟิง แต่เลือกรถที่มีราคาถูกกว่าพอใช้งานได้ และเป็นรถมอเตอร์ไซค์ที่มีสมรรถนะค่อนข้างแรง
มีเฉินเจียเหอเป็นผู้ช่วยในการเลือกแบบนี้ คุณภาพไม่น่าจะมีปัญหาอย่างแน่นอน
เมื่อถึงเวลาที่ต้องตัดสินใจเลือกและจ่ายเงิน เซี่ยไห่พูดกับเจ้าของร้านว่า “เดี๋ยวก่อน ช่วยขายรถคานโค้งคันเล็กของผู้หญิงคันนี้ให้ผมในราคาที่ถูกลงมาหน่อยสิ เราจะได้ขี่ออกไปด้วยกัน”
ภายในงบประมาณจำกัดที่มีอยู่ในมือ เขาพอจะแสดงน้ำใจอย่างทั่วถึงได้
เจ้าของร้านกล่าวว่า “เราขายให้คุณได้ตามราคาที่ติดป้ายไว้เท่านั้นครับ”
เซี่ยไห่ก็เป็นนักธุรกิจเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงรู้กลเม็ดการขายอย่างทะลุปรุโปร่ง “งั้นก็ช่างเถอะ ผมไม่เอารถคันนั้นแล้วก็ได้”
ว่าแล้วเซี่ยไห่ก็ลากเฉินเจียเหอออกไป
เจ้าของร้านร้อนใจขึ้นมาทันที รีบพยายามเกลี้ยกล่อมให้เขาอยู่ต่อ “อย่าเพิ่งไปสิครับ ถ้าคุณไม่พอใจในราคานี้ ลองต่อรองราคากันก่อนได้”
เดิมทีเจ้าของร้านขายมอเตอร์ไซค์คิดว่าเซี่ยไห่ที่สวมรองเท้าหนังหัวแหลม ทั้งยังหนีบกระเป๋าหนังใบเล็กไว้ใต้วงแขนจะเป็นคนที่ใช้เล่ห์กลการขายด้วยได้ ไม่นึกว่าอีกฝ่ายจะรู้เรื่องธุรกิจและราคาตลาด ท้ายที่สุดเซี่ยไห่ก็ซื้อมอเตอร์ไซค์ทั้งสองคันออกจากร้านในราคาที่ลดไปห้าร้อยหยวน
เฉินเจียเหอพูดกับเซี่ยไห่ “ไว้ฉันค่อยเก็บเงินซื้อให้เธอเอง จะว่าไปฉันก็เอาเปรียบนายมาตลอด คิดแล้วช่างไร้ยางอายจริง ๆ”
“นายซื้อเองเนี่ยนะ?” เซี่ยไห่มองเขาด้วยความดูถูกอย่างไม่ปิดบัง “เงินจำนวนเล็กน้อยที่นายได้ในแต่ละเดือน ยังต้องหักออกเพื่อเป็นค่าเลี้ยงดูครอบครัวอีก หลานสาวฉันต้องรอนานแค่ไหนกว่าจะได้ขี่มอเตอร์ไซค์สักคัน?”
“เดี๋ยวฉันก็หาทางได้เอง”
“ช่างเถอะ โชคดีที่หลานสาวฉันมีอารองผู้ร่ำรวย”
เซี่ยไห่เตรียมตัวมาดีในวันนี้ เขาพกเงินสดปึกหนาไว้ในกระเป๋าหนังใบเล็กใต้วงแขนติดตัวมากด้วย
หลังจากควักเงินจ่ายในราคาน่าเจ็บปวดใจ ทั้งสองคนก็ขับรถคนละคันกลับมาที่ร้าน
หลินเซี่ยกำลังยุ่งอยู่ในร้านตัดผม พอหลินเยี่ยนเห็นว่าพี่เขยของเธอและเถ้าแก่เซี่ยขี่มอเตอร์ไซค์คันใหม่เอี่ยมกลับมา ก็อุทานว่า “พี่สาว ดูสิ พี่เขยขี่มอเตอร์ไซค์มาด้วยล่ะ”
หลินเซี่ยมองออกไปข้างนอก เห็นว่าพวกเขาขับมอเตอร์ไซค์คันใหม่สไตล์โก้หรูมาจอดจริง ๆ
หลินเซี่ยวิ่งออกไป มองไปที่พวกเขาแล้วถามอย่างสงสัย “ไปเอามอเตอร์ไซค์พวกนี้มาจากไหนกันคะ?”
เซี่ยไห่แกว่งกุญแจรถแล้วเดินไปหาเธอ น้ำเสียงหนักแน่นราวกับจะขอเครดิต “เซี่ยเซี่ย ฉันซื้อมาให้เธอ”
“หา? ซื้อมอเตอร์ไซค์ให้พวกเราคนละคันเลยเหรอ?”
เซี่ยไห่ “…”
ทำไมหลานสาวของฉันถึงได้ตาลุกวาวมากกว่าหลานเขยอีกล่ะเนี่ย?
คิดว่าเขาล่ำซำจนออกรถให้คนละคันได้เลยรึ?
เซี่ยไห่กระแอมไอเบา ๆ มองไปทางเฉินเจียเหอแล้วอธิบายว่า “รถที่หมอนั่นขับมาไม่ใช่รถของเขา”
“อารอง ฉันพอมีเงินอยู่บ้าง ถ้าฉันอยากซื้อก็ซื้อเองได้ อย่าจ่ายเงินสุรุ่ยสุร่ายเลยค่ะ เดี๋ยวฉันจะหาเงินมาจ่ายคืนคุณทีหลัง”
เซี่ยไห่โบกมืออย่างใจกว้าง “อารองทำงานหาเงินก็เพื่อที่จะเอามาใช้จ่ายภายในครอบครัว ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยกว่าพวกเราจะได้พบเจอกับหลานสาวแท้ ๆ ฉันซื้อมอเตอร์ไซค์ให้เธอยังถือเป็นแค่เรื่องเล็กน้อย รอให้ธุรกิจของฉันใหญ่โตและ แข็งแกร่งขึ้นกว่านี้ซะก่อน ฉันคิดจะซื้อรถให้เธอขับด้วยซ้ำไป”
คำพูดของเซี่ยไห่ทำให้หลินเซี่ยรู้สึกอบอุ่นเป็นพิเศษ
น้ำเสียงของเธอเปลี่ยนเป็นอ่อนหวาน
“ขอบคุณค่ะอารอง”
หลินเซี่ยยอมรับของขวัญจากเซี่ยไห่อย่างมีความสุข
แต่เธอไม่สามารถรับของขวัญราคาแพงเช่นนี้โดยเปล่าประโยชน์ได้ และด้วยนิสัยแล้วเธอก็ไม่สามารถโน้มน้าวเซี่ยไห่ได้เช่นกัน เธอคิดว่าช่วงหกเดือนที่ผ่านมาตัวเองมีเงินเก็บมากประมาณหนึ่ง จึงตั้งใจว่าจะจ่ายเงินครึ่งหนึ่งให้กับเซี่ยไห่
ความคิดของเธอใกล้เคียงกับความคิดของเฉินเจียเหอ เฉินเจียเหอรอจนกระทั่งหลินเซี่ยว่าง แล้วพูดเบา ๆ ว่า “เซี่ยเซี่ย ผมจะกลับบ้านไปเอาสมุดบัญชีเงินเดือนมาถอนเงิน จะได้ถือซะว่ารถคันนี้ซื้อมาด้วยน้ำพักน้ำแรงทั้งของเขาและของผม”
เงินเดือนของเขาถือว่าสูงมากแล้วในหมู่ชนชั้นแรงงานด้วยกัน แต่เมื่อเปรียบเทียบกับเถ้าแก่ใหญ่อย่างเขา มันก็ยังดูน้อยมากจริง ๆ
จ่ายคืนให้ครึ่งหนึ่งไม่ถือว่าหนักหนาเกินกำลัง
เหตุผลหลักเพราะไม่อยากปล่อยให้พ่อตาคิดว่าลูกสาวของเขาแต่งงานกับลูกเขยที่ไม่ได้เรื่อง
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
อารองรวยจังค่ะ ซื้อมอเตอร์ไซค์มาให้หลานสาวด้วย
ไหหม่า(海馬)