ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 384 เจอลูกพี่ลูกน้อง
ตอนที่ 384 เจอลูกพี่ลูกน้อง
ตอนที่ 384 เจอลูกพี่ลูกน้อง
ในช่วงเริ่มต้นของการประกวด ผู้เข้าประกวดที่ผ่านเข้าสู่รอบลึกทั้งหมดต่างมารวมตัวกันอยู่หลังเวที หลินเซี่ยถูกลินดากักตัวไว้เพื่อป้องกันไม่ให้เธอวิ่งไปวิ่งมาและต้องอยู่ในสายตาตลอดเวลา ในระหว่างช่วงพักครึ่ง เซี่ยอวี่จะต้องได้รับการเติมเครื่องสำอางและจัดผมใหม่ ถ้ามีปัญหาอะไรจะได้แก้ไขได้ทันท่วงที
พิธีกรขึ้นไปบนเวที กล่าวเปิดงานอย่างกระตือรือร้น จากนั้นจึงเริ่มแนะนำกรรมการผู้ตัดสินและอาจารย์ผู้ชำนาญ
กรรมการสองสามคนแรกเป็นอาจารย์จากวิทยาลัยศิลปะการแสดงไห่เฉิง และดาราท้องถิ่น
ทันทีที่เซี่ยอวี่ปรากฏตัวบนเวที พิธีกรก็ไม่ลืมแนะนำหล่อนพร้อมกับเน้นย้ำสถานะ จากนั้นบรรดานักข่าวนักหนังสือพิมพ์ก็ยกกล้องขึ้นถ่ายภาพหล่อนรัว ๆ
ส่วนผู้ชมจดจำเซี่ยอวี่ได้หลังจากที่พิธีกรแนะนำรายชื่อภาพยนตร์และละครทีวีที่หล่อนเคยนำแสดง
เครื่องแต่งกายของนักแสดงในละครแตกต่างจากตัวจริงเป็นโยชน์
พวกเขาไม่คุ้นเคยกับดาราตัวจริงเสียงจริง โดยพื้นฐานทุกคนจะจดจำหล่อนก็จากบทบาทที่ได้รับเท่านั้น
ดังนั้น ทันทีที่เซี่ยอวี่ปรากฏตัวบนเวที ผู้ชมก็ปรบมือให้เสียงดังเกรียวกราว
หลายคนที่ทำงานอยู่ในแวดวงอุตสาหกรรมบันเทิงซึ่งนั่งอยู่ด้านล่าง ตั้งตารอที่จะหารือความร่วมมือกับเซี่ยอวี่
เย่ไป๋และเฉินเจียวั่งย้ายไปนั่งอยู่ที่หอประชุมด้านล่างเพื่อรับชมการประกวด
ถึงอย่างไรเฉินเจียวั่งก็ยังเด็ก ทันทีที่เห็นหญิงสาวปรากฏตัวบนเวทีในชุดว่ายน้ำ ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นแดงเรื่อ ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองเวทีเลย
เมื่อเห็นเจียงอวี่เฟยเดินออกมาข้างหน้า เผยขาเรียวยาวขาวผ่องให้เห็นต่อหน้าต่อตา เขาก็รู้สึกเวียนหัว ทำหน้าตาบูดบึ้ง เฉไฉมองไปทางอื่นและกระซิบกับเย่ไป๋ว่า “พี่เย่ ออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์ข้างนอกกันเถอะ”
เย่ไป๋มองดูเวทีอย่างตั้งใจพลางพูดว่า “รอจนกว่าการประกวดรอบนี้จบก่อนแล้วค่อยออกไป”
เมื่อเฉินเจียวั่งเห็นเย่ไป๋จ้องไปทางเวทีตาไม่กะพริบ ใบหน้าของเขาก็มืดมน พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “คุณคงชอบดูอะไรแบบนี้สินะ?”
เย่ไป๋สังเกตเห็นว่าชายหนุ่มด้านข้างหน้าแดง จึงหัวเราะเบา ๆ “นายเขินเหรอ?”
เฉินเจียวั่งไม่ต้องการยอมรับว่าเขาเขิน เข้าข้างตัวเองว่าเขาแค่รู้สึกตื่นตาตื่นใจ
ใครบ้างจะกล้าออกทีวีทั้ง ๆ ที่แต่งตัวน้อยชิ้นแบบนี้?
สถานีโทรทัศน์ก็ช่างกระไร ปล่อยให้ผู้หญิงใส่เสื้อผ้าวับ ๆ แวม ๆ แถมยังมีโชว์ชุดว่ายน้ำด้วย!
เย่ไป๋มองชายหนุ่มที่หน้าแดง อธิบายด้วยรอยยิ้ม “คิดซะว่ามันคือศิลปะ”
“หึ”
เฉินเจียวั่งได้ยินเย่ไป๋ให้เหตุผลแบบนั้นเพื่อให้ตัวเองดูชอบธรรม ภายในใจของเขาก็เต็มไปด้วยความดูถูกทันที
ภายนอกเขาดูเป็นคนสุขุมและจริงจัง แต่ในความเป็นจริง…
เหอะ
เย่ไป๋ไม่รู้เลยว่าเฉินเจียวั่งกำลังมองว่าเขาเป็นคนเจ้าชู้ประตูดินอย่างไร เขานั่งอยู่ที่นั่น จ้องมองไปยังร่างหนึ่งในตำแหน่งที่นั่งคณะกรรมการ สายตาที่จดจ่อเจือด้วยความอ่อนโยน
“ผมได้ยินพี่ใหญ่เล่าให้ฟังว่าคุณเป็นแฟนกับคุณเซี่ยเขาเหรอ?”
เฉินเจียวั่งถามเย่ไป๋ด้วยน้ำเสียงเย็นชาอีกครั้ง
เย่ไป๋ตอบกลับเบา ๆ “อืม”
“คุณนี่ไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ” เฉินเจียวั่งกวาดตามองสาว ๆ บนเวทีผ่าน ๆ จากนั้นก็ถามเย่ไป๋ “ถ้าอย่างนั้นแปลว่าคุณสามารถยอมรับได้ ถ้าหล่อนจะแต่งตัวน้อยชิ้นแบบนี้ขึ้นเวทีให้คนอื่นเห็นเรือนร่างงั้นเหรอ?”
เย่ไป๋จ้องมองไปที่เจียงอวี่เฟย ยิ้มกริ่ม “นายคงหวงล่ะสิ?”
เฉินเจียวั่งทำหน้าบูดบึ้ง พูดเสียงเย็น “ไม่เกี่ยวอะไรกับผม ผมแค่ลองถามคุณดู”
สายตาของเย่ไป๋ยังคงจ้องมองไปที่ร่างหนึ่งตรงตำแหน่งกรรมการ ไม่ได้ตอบคำถามของเฉินเจียวั่ง
ถ้าหล่อนแต่งตัวเหมือนกับหญิงสาวผู้เข้าประกวดคนอื่น ๆ เขาคงจะหวงเธอเหมือนกัน
เซี่ยอวี่มีความอดทนต่อผู้สมัครทุกคนสูงมาก เมื่อถึงคราวที่ต้องให้คะแนน หล่อนจะยกย่องและชมเชยผู้สมัครแต่ละคนพร้อมกับให้คะแนนสูง
เพราะสำหรับหล่อนแล้ว เด็กสาวที่สามารถฝ่าฟันอุปสรรคทางจิตใจของตัวเองและความกดดันจากภายนอกจนฝ่าฟันเข้าสู่การประกวดมาถึงรอบนี้ได้ ล้วนเป็นผู้ที่ควรค่าแก่การชื่นชม
ผลงานของเจียงอวี่เฟยในรอบนี้นับว่ายอดเยี่ยมมาก ไม่ว่าจะเป็นเครื่องแต่งกาย การแต่งหน้า หรือความมั่นใจในการแสดงออกของตัวเองก็ตาม
‘อ่อนเยาว์เปี่ยมพลัง’ หล่อนสามารถแสดงออกให้เห็นอย่างชัดเจนถึงสี่คำนี้
การถ่ายทำดำเนินไปจนถึงช่วงบ่าย เซี่ยอวี่กำลังจะจบการสัมภาษณ์ ลินดาขอให้หลินเซี่ยช่วยเติมเครื่องสำอางและดูแลการแต่งหน้าให้เซี่ยอวี่ ดังนั้นหลินเซี่ยจึงไม่สามารถปลีกตัวออกมาหาเจียงอวี่เฟยได้
เจียงอวี่เฟยทำผลงานได้ดีมาก มีเฉินเจียวั่งคอยอยู่ข้าง ๆ ทั้งคน ดังนั้นเธอจึงไม่กังวลอะไรเลย
หลังลงจากเวที เจียงอวี่เฟยก็เปลี่ยนไปสวมเสื้อผ้าตามปกติของตัวเอง แล้วออกมาหาเฉินเจียวั่ง
เฉินเจียวั่งยังนั่งอยู่กับเย่ไป๋
เจียงอวี่เฟยมุ่งความสนใจไปที่เฉินเจียวั่งโดยไม่สนใจชายแปลกหน้าที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เขา “เฉินเจียวั่ง วันนี้ฉันทำผลงานออกมาเป็นยังไงบ้าง?”
เฉินเจียวั่งหรี่ตาลงเล็กน้อย หลบเลี่ยงไม่มองเธอตรง ๆ พูดเสียงเรียบ “ดีมาก”
“ออกไปกันเถอะ ฉันจะเลี้ยงข้าวนายเอง หิวจะตายอยู่แล้ว”
เฉินเจียวั่งกลับไปทำหน้าที่ถือกระเป๋า ก่อนจะหันไปบอกลาเย่ไป๋ ตั้งใจจะออกไปจากที่นี่โดยเร็ว
เย่ไป๋มองไปที่เจียงอวี่เฟย ถามด้วยรอยยิ้ม “อวี่เฟย เธอจำฉันได้ไหม?”
“คุณคือใครเหรอคะ?” ในที่สุดเจียงอวี่เฟยก็มองไปที่ชายซึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆ ด้วยสีหน้าสับสน
ดูจากท่าทางของหล่อนแล้ว น่าจะจำเย่ไป๋ไม่ได้เลย
เขาพูดอย่างใจเย็น “เย่ไป๋”
“เย่ไป๋?” เมื่อเจียงอวี่เฟยได้ยินชื่อ หล่อนก็มองเขาด้วยความประหลาดใจ ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะจำได้ว่าเจ้าของชื่อนี้คือใคร
“คุณใช่ลูกพี่ลูกน้องของฉันหรือเปล่า?” เจียงอวี่เฟยมองเขาแล้วถามอย่างไม่แน่ใจ
เย่ไป๋เผยรอยยิ้มอันอบอุ่นบนใบหน้า พยักหน้า “ใช่”
เจียงอวี่เฟยลูบผมและเอ่ยขอโทษ “ขอโทษด้วยนะคะ ฉันไม่ได้เจอพี่มานานแล้ว ความทรงจำในวัยเด็กของฉันมันเลือนรางไปหมด”
เฉินเจียวั่งซึ่งยืนอยู่ข้าง ๆ ด้วยสีหน้าไม่รับแขก เมื่อได้ยินการสนทนาระหว่างคนทั้งสอง เขาก็หันกลับมามองคนนั้นทีคนนี้ทีด้วยความประหลาดใจกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน
เย่ไป๋เป็นลูกพี่ลูกน้องของเจียงอวี่เฟย?
พวกเขามีความเกี่ยวข้องเป็นพี่น้องกันจริงเหรอ?
“ฉันเองก็ไม่ได้เจอเธอมาหลายปีแล้ว พอเข้าใจได้ว่าทำไมเธอถึงจำฉันไม่ได้” เย่ไป๋พูด “วันนี้เธอทำผลงานได้ดีมากเลยล่ะ”
เจียงอวี่เฟยยิ้มอย่างเขินอาย “ขอบคุณค่ะพี่ชาย”
เย่ไป๋หยิบกระดาษโน้ตเล็ก ๆ ออกมาจากกระเป๋าของเขา เขียนที่อยู่และหมายเลขโทรศัพท์ แล้วยื่นให้เธอ “ถ้ามีเวลาว่างอย่าลืมแวะไปที่บ้านของฉันด้วยล่ะ พ่อแม่กำลังบ่นคิดถึงเธออยู่เลย”
“ค่ะ”
เจียงอวี่เฟยเก็บกระดาษโน้ตที่ได้จากเย่ไป๋อย่างระมัดระวัง รู้สึกตื่นเต้นระคนมีความสุข
ไม่คาดคิดเลยว่าหล่อนจะได้เจอกับลูกพี่ลูกน้องทางฝั่งแม่ที่นี่
แม่ของหล่อนเป็นลูกสาวคนเดียว ตายายของหล่อนตายจากไปเร็ว ดังนั้นหลังจากที่แม่ของหล่อนเสียชีวิต ทำให้หล่อนไร้ญาติขาดมิตรจากทางฝั่งแม่ ญาติห่าง ๆ ที่ยังมีชีวิตอยู่ก็ย้ายไปทำงานหาเลี้ยงชีพที่อื่น สมาชิกในครอบครัวไม่ค่อยไปมาหาสู่กัน หลาย ๆ คนจึงเลือนรางไปจากความทรงจำ
ด้วยเหตุนี้หล่อนถึงรู้สึกตื่นเต้นมากเมื่อได้เจอลูกพี่ลูกน้องของตนที่นี่ในวันนี้
หลังจากนี้หล่อนจะได้กลับไปเยี่ยมญาติของทางฝั่งแม่บ่อย ๆ จะได้ซึมซับความรู้สึกเหมือนกับแม่ยังอยู่ และจะได้ใกล้ชิดกับรากเหง้าเดิมของผู้เป็นแม่มากขึ้น
ตอนที่เจียงอวี่เฟยตั้งชื่อให้ตัวเองสำหรับใช้ประกวดบนเวที หล่อนใช้สกุลของแม่ เพราะอยากให้แม่อยู่เคียงข้างหล่อนเสมอ ยิ่งโตขึ้นเท่าใดก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองอยู่ท่ามกลางความย้อนแย้ง
ใจหนึ่งหวังว่าพ่อจะได้แต่งงานและเริ่มต้นชีวิตใหม่ แต่อีกใจหนึ่งก็กลัวว่าแม่จะถูกลืม
ครอบครัวฝั่งแม่ไม่มีแม้แต่พี่น้องด้วยซ้ำ หล่อนเป็นญาติเพียงคนเดียวที่แม่ทิ้งไว้ในโลกใบนี้ ถ้าแม้แต่หล่อนยังลืมเลือนแม่ไปอีกคน โลกนี้ก็จะไม่หลงเหลือร่องรอยการมีอยู่ของแม่อีกแล้ว
เจียงอวี่เฟยมองไปที่เย่ไป๋ ดวงตาเต็มไปด้วยน้ำตาเอ่อคลอ
“พี่เย่ ในเมื่อคุณกับลูกพี่ลูกน้องกำลังรำลึกความหลังกัน? ผมควรออกไปก่อนดีไหม?”
ทันทีที่เฉินเจียวั่งพูด เจียงอวี่เฟยก็เลิกเศร้าทันที และมองไปทางเฉินเจียวั่งที่กำลังคุยกับเย่ไป๋
ปรากฏว่าลูกพี่ลูกน้องของหล่อนรู้จักกับเฉินเจียวั่ง ดูเหมือนจะสนิทสนมคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีด้วย!
“ไม่เป็นไร ฉันยังมีธุระที่ต้องทำ” เย่ไป๋บอก “พวกเธอกลับไปก่อนเถอะ ไว้ค่อยติดต่อกัน”
เจียงอวี่เฟยถามเย่ไป๋
“พี่คะ คุณมาส่งใครที่นี่หรือเปล่า?”
เย่ไป๋เหลือบมองไปด้านหลังเวทีแล้วตอบกลับว่า “ใช่ ฉันมากับแฟนน่ะ”
“โอ้”
เจียงอวี่เฟยเดาว่าแฟนของเย่ไป๋ควรเป็นหนึ่งในผู้สมัครเช่นเดียวกันกับหล่อน
ทันใดนั้นเจียงอวี่เฟยก็รู้สึกเคอะเขินเล็กน้อยเมื่อตระหนักว่าลูกพี่ลูกน้องได้เห็นหล่อนแต่งตัวแบบนั้นขึ้นเวที
เมื่อได้ยินคำพูดของเขา หล่อนก็โล่งใจขึ้นมาทันที
ลูกพี่ลูกน้องของหล่อนสามารถยอมรับได้ที่แฟนตัวเองเข้าร่วมการประกวด หมายความว่าเขาเป็นคนใจกว้าง
ครอบครัวของลูกพี่ลูกน้องก็น่าจะเป็นครอบครัวที่เปิดกว้างเช่นกัน
ต่างจากพ่อหัวโบราณในบ้านของหล่อน เขาไม่สามารถยอมรับสิ่ง ๆ ใหม่ได้เลย
ทันใดนั้นเจียงอวี่เฟยก็รู้สึกเหมือนตัวเองมีผู้สนับสนุนเพิ่มขึ้น
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
แฟนลูกพี่ลูกน้องเธอไม่ใช่ธรรมดาเลยแหละอวี่เฟย เป็นหนึ่งในกรรมการเลยแหละ
ไหหม่า(海馬)