ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 383 มีแมวมองมาสนใจเหรอ
ตอนที่ 383 มีแมวมองมาสนใจเหรอ?
ตอนที่ 383 มีแมวมองมาสนใจเหรอ?
เนื่องจากพวกเขาต้องเตรียมตัวย้ายออกจากพื้นที่โรงงานเก่า ช่วงนี้เฉินเจียเหอจึงงานยุ่งเป็นพิเศษ พวกเขาจำเป็นต้องย้ายรถด่วนสายใหม่ทั้งหมดที่อยู่ระหว่างดำเนินการสร้างไปยังพื้นที่โรงงานแห่งใหม่ ดังนั้นเฉินเจียเหอจึงต้องประจำการอยู่ในโรงงานตอนกลางคืนและทำงานล่วงเวลาด้วย
ตอนเช้า หลินเซี่ยออกไปซื้ออาหารเช้าให้หู่จือ จากนั้นก็ไปส่งหู่จือที่บ้านของหวังซิ่วฟาง โดยขอให้หล่อนช่วยพาเขาไปส่งที่โรงเรียนพร้อมกับเสี่ยวฮวา
หวังซิ่วฟางมองดูหลินเซี่ยที่ออกจากบ้านพร้อมกับถือกระเป๋าเครื่องสำอางใบใหญ่ ถามอย่างอยากรู้อยากเห็น “เซี่ยเซี่ย วันนี้เธอจะไปสถานีโทรทัศน์ที่มีการถ่ายทำประกวดนางแบบใช่ไหม?”
หลินเซี่ยไม่คาดคิดว่าหวังซิ่วฟางจะรู้เรื่องนี้ด้วย เธอถามว่า “พี่สาวหวัง ใครเล่าให้ฟังเหรอคะ?”
หวังซิ่วฟางตอบ “อวี่เฟยบอก ฉันรู้แล้วว่าหล่อนเองก็ร่วมประกวดด้วย”
“หา?” เจียงอวี่เฟยบอกเรื่องนี้กับหวังซิ่วฟางจริง ๆ เหรอ?
นี่มันแทบไม่ต่างจาการบอกให้พ่อรู้ทางอ้อมเลยนะ?
เมื่อเห็นการแสดงออกอันละเอียดอ่อนของหลินเซี่ย หวังซิ่วฟางก็รีบแสดงท่าทางว่า “ไม่ต้องห่วง ฉันสัญญากับอวี่เฟยแล้วว่าจะไม่บอกพ่อของเธอ”
“ลุงเจียงเป็นคนหัวโบราณ ไม่ค่อยยอมรับสิ่งใหม่ ๆ เท่าไหร่นัก ต่างจากคุณที่ยังอายุน้อยและมีทัศนคติที่เปิดกว้าง ไม่แปลกที่คุณจะเข้าใจในสิ่งที่เธอทำ” หลินเซี่ยเตือนหล่อนไปโดยปริยาย “แต่อย่าบอกลุงเจียงเลยนะคะ อีกหน่อยเดี๋ยวอวี่เฟยคงบอกพ่อด้วยตัวเอง”
“อย่ากังวลเลย ฉันเข้าใจ”
หวังซิ่วฟางมองหลินเซี่ยด้วยความเศร้าโศกในดวงตา “ฉันรู้สึกอิจฉาหล่อนมากกว่า ทำไมฉันถึงไม่อายุน้อยกว่านี้สักสิบปีกันนะ? ฉันอาจจะร่วมสนุกในกิจกรรมนี้เหมือนพวกเธอก็ได้ เมื่อก่อนฉันเคยหุ่นดีมากนะ ดีกว่าผู้หญิงเหล่านั้นในทีวีซะอีก ทำไมตอนนั้นถึงไม่มีเวทีที่เปิดกว้างให้เราแบบนี้กันนะ? น่าเสียดายเหลือเกินที่เราพลาดช่วงเวลาดี ๆ ไป”
หลินเซี่ยรู้สึกขบขันกับคำพูดของหล่อน พูดกลั้วหัวเราะว่า
“ฮ่าๆ จะพลาดช่วงเวลาดี ๆ ได้ยังไงกันคะ? คุณตามลุงหลี่และคนอื่น ๆ สมัครเข้าร่วมการแข่งขันเต้นรำที่จัดขึ้นในเมืองก็ได้นี่นา ตอนนี้คุณก็ยังหุ่นดีอยู่ เผื่อจะได้ยืนอยู่แถวหน้า”
หลินเซี่ยชี้ให้เห็นวิธีที่ชัดเจนสำหรับหล่อนในการนำเสนอของดีของตัวเอง ดวงตาของหวังซิ่วฟางพลันสว่างขึ้นทันที “ใช่แล้ว ฉันเข้าไปอยู่แทนตำแหน่งเธอคราวก่อนก็ได้ จะได้เฉิดฉายในแถวหน้า”
ต่อให้หล่อนพลาดการร่วมประกวดนางแบบ หล่อนก็ยังเข้าร่วมแข่งขันเต้นรำกับเพื่อนรุ่นดึกได้ไม่ใช่เหรอ?
ถ้าวัดตามอายุ หล่อนอาจไม่มีข้อได้เปรียบในหมู่คนหนุ่มสาว แต่ในบรรดาผู้สูงอายุ หล่อนถือเป็นคนที่อายุน้อยที่สุด มีพลังมากที่สุด และมีชีวิตชีวาที่สุด
หวังซิ่วฟางวางแผนว่าจะไปหาลุงหลี่เพื่อขอสมัครตำแหน่งเซ็นเตอร์เร็ว ๆ นี้
หลินเซี่ยคุยเล่นกับหล่อนอยู่พักหนึ่ง ฝากฝังหู่จือไว้กับหล่อน จากนั้นก็รีบไปที่ร้านตัดผม
เวลานี้ยังไม่มีใครมาทำงาน มีเพียงเธอและเจียงอวี่เฟยเท่านั้น หลังจากแต่งหน้าเสร็จ หลินเซี่ยขอให้เจียงอวี่เฟยเตรียมทุกอย่างที่ควรเตรียมไว้ให้พร้อม เพื่อที่เธอจะได้ปลีกตัวไปชมการแสดงล่วงหน้า
เธอยังต้องไปทำงานกับเซี่ยอวี่และคนอื่น ๆ
“เซี่ยเซี่ย คุณเซี่ยเป็นหนึ่งในกรรมการผู้ตัดสินของรายการ ฉันยิ่งคิดก็ยิ่งประหม่า”
“อย่ากังวลไปเลย ปฏิบัติต่อหล่อนเหมือนเป็นแค่กรรมการผู้ตัดสินทั่วไป ทำผลงานของตัวเองให้ดีก็พอ ไว้ฉันจะรีบมาหาเธอ จัดผมจัดหน้าให้ดีก่อนขึ้นเวที”
กระเป๋าเดินทางของเจียงอวี่เฟยค่อนข้างใหญ่ บรรจุชุดและสิ่งของต่าง ๆ อัดแน่น หลินเซี่ยช่วยหล่อนลากกระเป๋ามาสองครั้งแล้ว แต่วันนี้หล่อนต้องลากมันไปที่สถานีโทรทัศน์ด้วยตัวเอง
ทันใดนั้นเฉินเจียวั่งก็เดินเข้ามา
เมื่อหลินเซี่ยเห็นน้องเขย เธอก็พยักพเยิดคางไปทางเจียงอวี่เฟย พูดด้วยรอยยิ้มว่า “นั่นไง บอดี้การ์ดของเธอมาถึงแล้ว”
เมื่อเจียงอวี่เฟยเห็นเฉินเจียวั่ง หล่อนก็แปลกใจในตอนแรก จากนั้นใบหน้าละมุนของหล่อนก็เต็มไปด้วยความสุข
หลังจากเฉินเจียวั่งเดินออกไประหว่างบันทึกเทปรายการเมื่อครั้งที่แล้ว หล่อนก็ไม่กล้าโทรหาเขาอีก
นอกจากนี้เฉินเจียวั่งก็ยังอยู่ในระหว่างการรักษา หล่อนจึงไม่อยากรบกวนเวลาเขา
“ทำไมนายมาที่นี่ล่ะ?” เจียงอวี่เฟยควบคุมความตื่นเต้นไว้ภายใน ถามด้วยความประหลาดใจ
เฉินเจียวั่งดูหล่อมากในชุดกีฬาสีขาวดำ
เขาเชิดคางไปทางหลินเซี่ย ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เธอขอให้ฉันมา”
“อยากให้ฉันช่วยอะไร?” เฉินเจียวั่งถามหลินเซี่ย
หลินเซี่ยมองไปที่ชายหนุ่มรูปหล่อ พูดอย่างรวดเร็วด้วยรอยยิ้ม “น้องสาม พี่สะใภ้อยากรบกวนความช่วยเหลือจากนายบางอย่าง อวี่เฟยกำลังจะไปที่สถานีโทรทัศน์เพื่อถ่ายรายการในวันนี้ ความจริงแล้วฉันควรอยู่เป็นพี่เลี้ยงหล่อน แต่บังเอิญวันนี้ติดธุระอย่างอื่น นายช่วยหล่อนถือของและเป็นพี่เลี้ยงหล่อนสักวันแล้วกันนะ เสร็จงานเมื่อไหร่ พี่สะใภ้จะเลี้ยงอาหารให้นายมื้อใหญ่เลย”
หลินเซี่ยเรียกแทนตัวเองว่าพี่สะใภ้ไม่หยุดปาก ในขณะที่ใบหน้าหล่อเหลาของเฉินเจียวั่งเริ่มยับย่น
เขาเหลือบมองเจียงอวี่เฟยแล้วพูดว่า “เจียงอวี่เฟยกับฉันเป็นเพื่อนร่วมชั้นกัน ถ้าเธอเดือดร้อน ฉันช่วยเธอได้อยู่แล้ว เธอไม่จำเป็นต้องเลี้ยงข้าวฉันก็ได้”
“งั้นก็เยี่ยมไปเลย ฝากเขาด้วยนะอวี่เฟย”
หลินเซี่ยขยิบตาให้เจียงอวี่เฟย
เจียงอวี่เฟยรู้สึกปีติยินดีมาก รีบพูดว่า “ได้สิๆ ฉันจะคอยดูแลนายเอง”
“เอาล่ะ พวกเธอออกไปกันก่อนเถอะ ฉันค่อยตามไปที่นั่นทีหลัง”
หลินเซี่ยยื่นกระเป๋าเดินทางของเจียงอวี่เฟยให้กับเฉินเจียวั่ง
เฉินเจียวั่งทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยของเจียงอวี่เฟย ทั้งสองคนช่วยกันลากกระเป๋าและจากไปอย่างรวดเร็ว
ไม่นานหลังจากนั้น
ลินดาก็ขับรถมารับหลินเซี่ย
เมื่อหลินเซี่ยก้าวขึ้นรถ เธอพบว่าภายในรถนอกจากเซี่ยอวี่แล้ว ยังมีอีกคนหนึ่งนั่งอยู่ตรงเบาะหลัง
เย่ไป๋
หลินเซี่ยยิ้มและถามว่า “คุณหมอเย่ คุณก็ไปสถานีโทรทัศน์เหมือนกันเหรอคะ?”
เย่ไป๋ตอบ “ใช่ ป้าเซี่ยโทรหาผม ขอให้ผมตามไปดูแลอาของคุณขณะถ่ายรายการด้วย”
เซี่ยอวี่กำลังหลับตาเพื่อตั้งสมาธิ พอเห็นหลินเซี่ยก้าวขึ้นรถมา ก็ขยับหาพื้นที่ว่างให้เธอทันที
จากนั้นก็เริ่มชวนหลินเซี่ยคุย โดยไม่สนใจเย่ไป๋ซึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆ เลย
หลินเซี่ยสังเกตเห็นได้ว่าเซี่ยอวี่ดูไม่ค่อยกระตือรือร้นกับเย่ไป๋เหมือนก่อนหน้านี้
แถมยังพูดจาสุภาพกับเขาอย่างห่างเหินอีกด้วย
หรือหล่อนขี้เกียจเกินกว่าจะเล่นละครแล้ว?
ยุคสมัยนี้ วงการบันเทิงไม่ค่อยมีดารานิสัยเสียหรือเรื่องมากมากนัก ทุกคนซื่อสัตย์และเรียบง่าย แน่นอนว่าเป็นเพราะเงื่อนไขที่มีอยู่อย่างจำกัด แม้ว่าเซี่ยอวี่จะเป็นดาราดัง แต่เธอก็ต้องแบ่งปันห้องแต่งตัวและห้องพักผ่อนร่วมกันกับกรรมการผู้จัดสินคนอื่น ๆ ไม่ใช้ชื่อเสียงของตัวเองเป็นใหญ่
ลินดารับผิดชอบบรีฟงานทั้งหมดของเซี่ยอวี่ ในขณะที่หลินเซี่ยและเคลลี่รับผิดชอบเรื่องการแต่งหน้าและทำผม
เย่ไป๋รับผิดชอบการถือกระเป๋าและขนของ เมื่อมาถึงห้องส่ง ลินดาก็รับช่วงดูแลข้าวของต่อจากเขา ทั้งยังบอกว่าให้เขากลับไปได้ แต่เย่ไป๋ไม่ได้ออกไปทีเดียว เขาออกไปรออยู่ข้างนอก
หลินเซี่ยแต่งหน้าให้เซี่ยอวี่ เสร็จแล้วก็อาศัยช่วงที่เซี่ยอวี่กำลังพักผ่อนระหว่างรอให้การถ่ายทำเริ่มขึ้นรีบไปหาเจียงอวี่เฟย
ในพื้นที่เก็บตัวหลังเวที เจียงอวี่เฟยและเฉินเจียวั่งนั่งอยู่ด้วยกัน เฉินเจียวั่งสวมหน้ากากปิดบังใบหน้า ท่าทางดูเย็นชาไร้ความเป็นมิตรกว่าตอนเช้า
หลินเซี่ยสะกิดเขา ถามอย่างสงสัย “ทำไมจู่ ๆ ถึงสวมหน้ากากล่ะ?”
เฉินเจียวั่งเหลือบมองหลินเซี่ย ไม่ยอมพูดอะไร เจียงอวี่เฟยต้องอธิบายแทนว่า “เมื่อกี้นี้มีคนเข้ามาคุยกับเขา บอกว่าสนใจทาบทามให้เขาไปเป็นนักแสดง หลังจากนั้นเขาเลยแวบออกไปซื้อหน้ากากมาสวม”
“ว้าว มีแมวมองมาสนใจนายด้วย” หลินเซี่ยพูดด้วยรอยยิ้ม “เฉินเจียวั่ง นี่ถือเป็นโอกาสทองเลยนะ น่าเสียดายที่นายไม่อยากใช้หน้าตาผลักดันตัวเองเข้าสู่วงการบันเทิง ถ้านายคว้าโอกาสนี้ไว้ บางทีในอนาคตนายอาจจะกลายเป็นดาราดังก็ได้”
เฉินเจียวั่งที่บนใบหน้าเผยให้เห็นแค่สองตา ลุกขึ้นยืนโดยที่ยังคงไม่ตอบอะไร “ในเมื่อเธอมาแล้ว ฉันก็หมดธุระ”
เจียงอวี่เฟยพยายามเกลี้ยกล่อมให้เขาอยู่ต่อ “นายช่วยรอจนกว่าฉันจะแสดงเสร็จก่อนแล้วค่อยไปไม่ได้เหรอ?”
เฉินเจียวั่งมองดูหญิงสาวที่สวมชุดเดรสเผยให้เห็นช่วงไหล่กลมกลึงสองข้างและลำคอระหง หูเริ่มกลายเป็นสีแดง ก่อนจะเสมองไปทางอื่นด้วยความเขินอาย “หลินเซี่ยอยู่นี่แล้ว ฉันไม่มีอะไรต้องทำอีก”
“ฉันแค่แวะมาดูความเรียบร้อยเฉย ๆ ยังต้องกลับไปดูแลหน้าผมให้ราชินีภาพยนตร์ของเราอีก วันนี้หล่อนเป็นแขกรับเชิญกิตติมศักดิ์ของรายการ ดังนั้นฉันจะทำงานอย่างประมาทไม่ได้ อวี่เฟยยังต้องพึ่งพาให้นายช่วยดูแล ตอนที่หล่อนขึ้นเวทีก็อย่าเพิ่งไปไหน คอยช่วยจับตามองรอบข้าง ช่วงที่หล่อนเปลี่ยนชุดนายก็ต้องเฝ้าเสื้อผ้าและเครื่องประดับไม่ให้สูญหาย”
เฉินเจียวั่งจำยอมกลับมานั่งที่เดิมอีกครั้ง
คอเสื้อของเจียงอวี่เฟยเปิดกว้าง ตอนแรกหล่อนสวมเสื้อโค้ตคลุมทับ แต่ขณะนี้ด้านหลังเวทีอากาศไม่ค่อยถ่ายเท หล่อนจึงต้องถอดเสื้อโค้ตออก เฉินเจียวั่งบังเอิญเหลือบมองไปด้านข้าง ทันใดนั้นก็หน้าแดงเถือก รีบมองไปทางอื่นโดยมองตรงไปข้างหน้าอย่างตั้งใจ
ขณะที่มองไปข้างหน้าก็เอ่ยปากเตือนอย่างเชื่องช้า “เอาเสื้อมาใส่คลุมหน่อยไป”
เจียงอวี่เฟยบอกว่า “ฉันร้อน ถ้าฉันเหงื่อออกนาน ๆ เดี๋ยวเครื่องสำอางจะเละหมด”
เฉินเจียวั่งขยับตัวออกไปด้านข้าง พยายามรักษาระยะห่างจากหล่อน
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
เจียวั่งเขินน่ารักจัง พวกผู้ชายปากแข็งนี่นะ
ไหหม่า(海馬)