ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 340 เสิ่นอวี้อิ๋งตั้งครรภ์
ตอนที่ 340 เสิ่นอวี้อิ๋งตั้งครรภ์
ตอนที่ 340 เสิ่นอวี้อิ๋งตั้งครรภ์
“คืนนี้เขาทำงานล่วงเวลาอยู่ในโรงงาน พรุ่งนี้เช้าฉันต้องกลับไปซ่อนหนังสือพิมพ์ทั้งหมด”
โชคดีที่คืนนี้พ่อของหล่อนไม่อยู่บ้าน ไม่สามารถดูโทรทัศน์ได้ ตราบใดที่พรุ่งนี้เขาไม่ได้อ่านหนังสือพิมพ์ช่วงเช้า เช่นนั้นหล่อนก็สามารถรอดพ้นไปได้
หลินเซี่ยเอ่ยแนะนำ
“เธอปกปิดได้เพียงช่วงระยะเวลาหนึ่ง แต่ไม่สามารถปกปิดได้ตลอดไป ฉันว่าเธอสารภาพเถอะ”
เจียงอวี่เฟยส่ายศีรษะด้วยความตื่นตระหนก “ฉันไม่กล้าหรอก”
พ่อของหล่อนเป็นคนหัวโบราณเข้ากระดูกดำ ขนาดเวลาปกติหล่อนสวมกระโปรงสั้นเผยให้เห็นน่องเขาก็รับไม่ได้แล้ว เขาคงรับไม่ได้แน่ที่หล่อนสวมชุดแบบนี้และทำตัวน่าขายหน้าอยู่ในโทรทัศน์
“ถึงอย่างนั้นช่วงนี้พ่อของเธอกำลังยุ่งอยู่กับการสร้างความสัมพันธ์กับพี่สาวหวัง บางทีเธออาจจะเข้าสู่รอบตัดสินโดยไม่ต้องสนใจสิ่งเหล่านี้นะ”
“หวังว่าจะเป็นแบบนั้น”
เจียงอวี่เฟยนั่งดูโทรทัศน์อยู่ภายในบ้านของหลินเซี่ยจนจบและรีบขึ้นรถประจำทางรอบสุดท้ายกลับบ้าน
เช้าวันรุ่งขึ้น หล่อนรีบตื่นตั้งแต่เช้าเพื่อไปเก็บหนังสือพิมพ์ที่เพิ่งมาส่ง
เป็นไปตามคาด การประกวดนางแบบครั้งแรกที่ทำการถ่ายทอดเมื่อคืนนี้ได้ปรากฏอยู่บนหนังสือพิมพ์จริงๆ
แม้เนื้อหาข่าวจะครอบครองพื้นที่ขนาดเล็กมากก็ตาม แต่ว่าภาพผู้คนบนนั้นก็มีหล่อน
เจียงอวี่เฟยแอบนำหนังสือพิมพ์ไปซ่อน
เมื่อเจียงกั๋วเซิ่งกลับมาบ้าน สิ่งแรกที่ทำก็คือหาหนังสือพิมพ์อ่าน เจียงอวี่เฟยจึงนำหนังสือพิมพ์ฉบับเมื่อวานนี้มอบให้กับเขา
“พ่อคะ ไม่ต้องอ่านแล้ว พ่อรีบไปพักผ่อนเถอะ อายุมากแล้วจะต้องนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ”
เจียงอวี่เฟยผลักพ่อของหล่อนเข้าไปในห้องนอน จากนั้นก็หยิบกระเป๋าออกจากบ้านและไปโรงเรียน
เมื่อออกจากบ้าน เพื่อนบ้านหลายคนภายในลานอาคารพักอาศัยก็กำลังออกไปทำงาน เจียงอวี่เฟยได้ยินพวกเขาพูดคุยและหัวเราะราวกับว่ากำลังเอ่ยเรื่องการประกวดนางแบบเมื่อคืนนี้
เจียงอวี่เฟยเดินตามหลังพวกเขาทันทีและเงี่ยหูฟัง
“อวี่เฟย เมื่อคืนนี้เธอได้ดูการประกวดนางแบบหรือเปล่า?” พี่สาวจางเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม
เจียงอวี่เฟยแสร้งแสดงสีหน้าโง่เขลาและสับสน
“หา? ไม่ได้ดูเลยค่ะ รายการของช่องไหนเหรอ?”
“ช่องโทรทัศน์เมืองไห่เฉิงของพวกเรานี่แหละ” พี่สาวจางมองเจียงอวี่เฟยและยิ้มพลางเอ่ย “มีผู้หญิงคนหนึ่งละม้ายคล้ายเธอด้วย”
เจียงอวี่เฟยยิ้มแห้ง “งั้นเหรอคะ?”
“ก็ใช่น่ะสิ ถ้าไม่ใช่เพราะว่าชื่อไม่เหมือนกัน ฉันก็คิดว่าเป็นเธอแล้ว”
เจียงอวี่เฟยได้ยินคำพูดของพี่สาวจาง หล่อนพลันตื่นตระหนกจนเหงื่อเย็นผุดซึมออกมาบนหน้าผาก
“ไม่ใช่ฉันแน่ๆ ค่ะ รายการนั้นสนุกหรือเปล่าคะ?” หล่อนเอ่ยถามอย่างอยากรู้อยากเห็น
“สนุกสิ ผู้หญิงพวกนั้นสวยมาก เดิมทีผู้หญิงอย่างพวกเราก็อยากสวยและมีความมั่นใจขนาดนั้นเหมือนกัน ดูผู้หญิงเหล่านั้นแล้วมามองดูพวกเราสิ มีชีวิตอยู่อย่างไร้ประโยชน์จริงๆ”
ลุงหวังที่กำลังเดินผ่านไปพลันพ่นลมหายใจเย็นชา “สนุกอะไรกันล่ะ? ขัดต่อศีลธรรมประเพณีสิ้นดี ผู้หญิงพวกนั้นไม่มีพ่อแม่เหรอ? พวกหล่อนไม่มีใครให้ต้องสนใจแล้วหรือเปล่า? ถึงได้ใส่ชุดแบบนั้นไปเดินยั่วอยู่ในโทรทัศน์”
เจียงอวี่เฟย “!!!”
“นั่นเป็นรายงานที่คนภายในสถานีโทรทัศน์จัดขึ้น”
“คนของสถานีโทรทัศน์บ้าไปแล้ว โลกกำลังถดถอยแล้วจริงๆ”
เพื่อนบ้านหลายคนกำลังโต้เถียงกันและแสดงความคิดเห็นของตนเองก่อนออกไปทำงาน
เจียงอวี่เฟยรู้สึกกระวนกระวายใจและค่อยๆ ปลีกตัวออกห่างจากพวกเขา
ไม่ต้องเอ่ยว่าจะถูกพ่อของหล่อนค้นพบ หากเหล่าเพื่อนบ้านรู้ว่าหล่อนเข้าร่วมรายการนั้น เกรงว่าคงจะด่าว่าหล่อนอย่างสาดเสียเทเสีย
เจียงอวี่เฟยยืนอยู่ตรงประตูลานอาคารพักอาศัยและสูดลมหายใจเข้า จากนั้นสร้างความเข้มแข็งให้กับจิตใจของตนเอง
ในเมื่อเดินมาขนาดนี้แล้ว หล่อนจะต้องอดทนต่อแรงกดดันและก้าวเดินหน้าต่อไปอย่างไม่ย่อท้อ
“เจียงอวี่เฟย สู้เขา เธอจะแพ้ไม่ได้” หล่อนกำหมัดแน่นและให้กำลังใจตัวเอง
“อวี่เฟย ทำอะไรน่ะ?”
ทันใดนั้นเสียงของเสิ่นอวี้อิ๋งพลันดังขึ้นด้านหลังของหล่อน
เจียงอวี่เฟยสั่นสะท้านด้วยความตื่นตระหนกและรีบปล่อยกำปั้นที่ยกขึ้นลงทันที จากนั้นก็กลอกตา
แม่*เอ๊ย ยัยคนนี้ดันปรากฏตัวตอนนี้อีก ซวยจริงๆ
“อวี่เฟย เธอเข้าร่วมการประกวดนางแบบใช่ไหม?” เสิ่นอวี้อิ๋งมองหล่อนและเอ่ยถาม
เจียงอวี่เฟยจับเส้นผมและปฏิเสธ “เปล่านี่”
“หา? ฉันคิดว่าเย่เสี่ยวอวี่คนนั้นคือเธอเสียอีก รูปร่างหน้าตาหล่อนเหมือนกับเธอเลย”
เมื่อคืนนี้เสิ่นอวี้อิ๋งเพิ่งได้ดูรายการโทรทัศน์ หล่อนถึงได้รู้ว่าเมืองไห่เฉิงมีการประกวดนางแบบ
ได้ยินว่าหากได้รับรางวัลก็สามารถเข้าสู่วงการบันเทิงและเป็นนักแสดงถ่ายทำภาพยนตร์และโฆษณาได้
รายการนั้นไม่ได้ตัดสินกันที่รูปร่างและหน้าตาหรอกเหรอ?
หล่อนเสียใจมากที่ตนเองไม่รู้เรื่องรายการนี้ตั้งแต่ตอนแรก หากว่ารู้เร็วกว่านี้หล่อนเองก็คงจะไปเข้าร่วม
สิ่งนี้คือเส้นทางลัดที่ดีที่สุดของการเข้าวงการบันเทิง
ได้ยินว่านี่เป็นการจัดครั้งแรก หากจัดการได้ดี ปีหน้าก็จะมีการจัดต่ออีก
หล่อนจึงคิดว่าพรุ่งนี้จะต้องติดตามข้อมูลข่าวสารตั้งแต่เนิ่นๆ และลงสมัครเข้าร่วม
เมื่อคืนนี้หล่อนดูรายการพร้อมกับหลิวลี่ลี่ และพากันคิดว่าเย่เสี่ยวอวี่คนนั้นหน้าตาเหมือนกับเจียงอวี่เฟย
แต่เมื่อเจียงอวี่เฟยไม่ยอมรับ ดังนั้นบางทีพวกหล่อนอาจจำผิด
หากเป็นเจียงอวี่เฟยที่ได้ปรากฏตัวในโทรทัศน์ หล่อนคงแทบรอไม่ไหวที่อยากจะโอ้อวด จะไม่ยอมรับได้อย่างไร?
ขณะนี้หลิวจื้อหมิงก็ได้เข็นจักรยานมา จากนั้นหยิบกระเป๋าหนังสือของเสิ่นอวี้อิ๋งและยื่นไช่เจียปิ่ง*ให้กับหล่อน
*菜夹饼 แซนด์วิชไส้ผักกับเนื้อของจีน
“อวี้อิ๋ง ขึ้นมาสิ”
เสิ่นอวี้อิ๋งรับไช่เจียปิ่งที่หลิวจื้อหมิงยื่นให้ สีหน้าแสดงความประทับใจและเอ่ยเสียงหวาน “จื้อหมิง ขอบคุณนะ คุณดีกับฉันจริงๆ”
หล่อนกัดไปคำหนึ่ง เมื่อพบว่าด้านในนั้นเต็มไปด้วยเนื้อติดไขมันและค่อนข้างเลี่ยน หล่อนก็รู้สึกคลื่นไส้เล็กน้อยและส่งเสียงอาเจียนออกมา
หลิวจื้อหมิงตบหลังให้กับหล่อนด้วยท่าทางเอาใจใส่เป็นอย่างมาก
“ไปเถอะ ไปถึงโรงเรียนแล้วค่อยกิน”
เสิ่นอวี้อิ๋งนั่งบนรถจักรยานของหลิวจื้อหมิงและจากไป หญิงสาวที่ทำงานตรงลานบ้านเฝ้ามองรถจักรยานขับออกไปและเริ่มเอ่ยแสดงความคิดเห็น
“เสิ่นอวี้อิ๋งท้องแล้วหรือเปล่า?”
“เธอพูดไร้สาระอะไร? สาวน้อยคนนี้ตั้งท้องเหรอ? ระวังผู้อำนวยการเสิ่นได้ยินเข้าแล้วจะทุบหม้อข้าวของเธอนะ”
“สาวน้อยอะไรกันล่ะ? หล่อนยี่สิบปีแล้ว อีกอย่างไม่ใช่ว่าหล่อนมีแฟนแล้วหรอกเหรอ?”
“ใช่แล้ว มีแฟนอย่างเปิดเผยขนาดนั้นยังกลัวคนอื่นพูดถึงอีกเหรอ?”
ผู้หญิงทั้งสามคนเดินไปพลางและพูดคุยกันไปพลาง เจียงอวี่เฟยเดินตามหลังพวกหล่อนและเงี่ยหูฟัง
เสิ่นอวี้อิ๋งท้องเหรอ?
หล่อนชำเลืองมองผู้หญิงเหล่านั้นที่กำลังนินทาอย่างไม่เกรงกลัวใคร แต่ฟังได้ไม่เยอะนักก็ต้องรีบไปขึ้นรถเมล์
แม่ของหลิวจื้อหมิงเพิ่งซื้อกับข้าวกลับมาจากตลาด และบังเอิญพบกับผู้หญิงสองสามคนที่กำลังจะไปทำงาน
“แม่จื้อหมิง จื้อหมิงกับอวี้อิ๋งจะแต่งงานกันเมื่อไรเหรอ?” มีใครบางคนยิ้มและเอ่ยถาม
แม่หลิวจื้อหมิงยิ้ม “อย่างที่คุณกล่าว อวี้อิ๋งยังเรียนอยู่เลย อย่างไรก็ต้องจบมหาวิทยาลัยก่อน”
เพราะอนาคตจะได้เป็นญาติของผู้อำนวยการ ช่วงระยะนี้แม่ของหลิวจื้อหมิงจึงมักแสดงท่าทางภาคภูมิใจอย่างเห็นได้ชัดอยู่ภายในลานอาคารพักอาศัย
เพียงแต่ลูกชายถูกกักกันอยู่ภายในสถานกักกันมานานกว่าครึ่งเดือนแล้ว ตอนนี้หน้าที่การงานก็ยังไม่มี หล่อนจึงกลัวว่าคนอื่นที่เดินผ่านไปมาจะถามถึงเรื่องนี้
“อวี้อิ๋งดูท้องไส้ไม่ค่อยปกติเลยนะ”
ได้ยินคำพูดของป้าหวัง สีหน้าของแม่หลิวจื้อหมิงพลันฉงน “ไม่ค่อยปกติยังไง?”
ป้าหวังเห็นว่าแม่หลิวจื้อหมิงเหมือนจะไม่สังเกตเห็นอะไรเลย หล่อนจึงยิ้มอย่างแฝงความนัยและเอ่ยทิ้งท้าย “ถือว่าฉันไม่ได้พูดอะไรก็แล้วกัน”
ป้าหวังเดินจากไปแล้ว แม่หลิวจื้อหมิงยืนอยู่ลำพังตรงนั้นด้วยความงุนงง
หลังเหม่อลอยอยู่หลายวินาที ทันใดนั้นหล่อนก็เข้าใจทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น พลันตบต้นขาพลางอุทานถึงบรรพบุรุษและรีบวิ่งกลับบ้าน
หลิวจื้อหมิงมาส่งเสิ่นอวี้อิ๋งฝั่งตรงข้ามของโรงเรียน เสิ่นอวี้อิ๋งไม่ให้เขาไปส่งตรงหน้าประตูโรงเรียน เขาจึงทำได้เพียงแค่ขี่จักรยานกลับบ้าน
เสิ่นอวี้อิ๋งตอบรับหลิวจื้อหมิงว่าหล่อนจะคุยกับพ่อของหล่อนให้เขาคิดหาวิธีหางานทำให้กับหลิวจื้อหมิง
หลิวจื้อหมิงขี่จักรยานกลับมาถึงบ้าน แม่ของเขากำลังเดินไปเดินมาอยู่ภายในบ้าน
เมื่อเห็นลูกชาย หล่อนแสดงสีหน้ามีความสุขทันที “จื้อหมิง แกกลับมาแล้ว”
หลิวจื้อหมิงอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ แม่ของเขาถึงได้ตื่นเต้นขนาดนี้ เขาเอ่ยถาม “แม่ มีเรื่องอะไรเหรอ?”
“อวี้อิ๋งท้องแล้วใช่หรือเปล่า?”
เมื่อได้ยินคำพูดของแม่ หลิวจื้อหมิงพลันประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัด “แม่ แม่พูดอะไรน่ะ?”
แม่หลิวจื้อหมิงกล่าวด้วยท่าทางลับๆ ล่อๆ “อวี้อิ๋งดูท้องไส้ผิดปกติ หล่อนไม่ได้บอกแกเหรอ? เพื่อนบ้านที่เคยมีประสบการณ์ภายในลานพักอาศัยที่นี่ต่างก็เห็นตรงกันว่าเหมือนหล่อนกำลังตั้งท้อง”
“ท้องเหรอ?” หลิวจื้อหมิงสับสน “จะท้องได้ยังไงครับ?”
“บอกแม่มาสิ พวกแกเคย………” แม่ของเขาจ้องมองเขา สีหน้าแฝงด้วยความหมายลึกซึ้งและลังเลที่จะกล่าว
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
นั่นไง ท้องแล้วยัยอวี้อิ๋ง ท้องกับคนตระกูลเจิ้งแหงๆ
ไหหม่า(海馬)