ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 336 สอนให้เขาทำลูก
ตอนที่ 336 สอนให้เขาทำลูก
ตอนที่ 336 สอนให้เขาทำลูก
พ่อของเอ้อร์เลิ่งหน้าแดงด้วยความอับอาย กระแอมไอเล็กน้อย พลางเคาะโหลบารากู่
เมื่อต้าจู้เห็นสีหน้าของพ่อเขาเป็นอย่างนั้น ถึงรู้ว่าผู้เป็นพ่อไม่ได้ตั้งใจจะสอนเอ้อร์เลิ่งเรื่องนั้นจริงจัง เขาพูดว่า “ช่างเถอะ ผมจะเรียกเขามาสอนเอง”
แม่ของเอ้อร์เลิ่งนิ่งคิดด้วยความสับสนอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะพูดกับลูกชายคนโตว่า “ต้าจู้ แม่คิดว่าเราควรพาเอ้อร์เลิ่งไปรักษาอย่างจริงจัง คงจะดีไม่น้อยถ้าเขากลับมาเป็นปกติได้ เขาทำตัวบ้าบออย่างนี้ทั้งวัน หัวอกคนเป็นแม่เป็นทุกข์เหลือเกิน ขืนเขายังเป็นแบบนี้ผู้หญิงที่ไหนจะอยากอยู่กับเขา นอกเสียจากเขาหายขาด บางทีผู้หญิงคนนั้นอาจจะเต็มใจอยู่ต่อก็ได้”
ต้าจู้มองไปที่แม่ของเขา ก่อนจะพูดจาเหมือนราดน้ำเย็นลงบนศีรษะโดยไม่ลังเล “แม่ ไม่มีใครรักษาเขาได้ หมอที่ไหนรักษาคนบ้าได้บ้าง? ไม่เห็นคนบ้าที่เดินเตร่ไปตามท้องถนนเหรอ พวกเขาหายไหมล่ะ?”
ต้าจู้ไม่พูดพร่ำทำเพลง เรียกเอ้อร์เลิ่งออกมาแล้วเริ่มกระซิบกระซาบข้างหู
เขามองไปที่เอ้อร์เลิ่งอย่างแล้วถามอย่างดุเดือดว่า “นายจำที่ฉันสอนได้ไหม?”
เอ้อร์เลิ่งตอบอย่างว่างเปล่า “จำได้สิ”
“งั้นเรามาลงมือกันคืนนี้เลย เข้าใจไหม? ให้หล่อนมีลูกชายกับนายให้ได้”
หลังจากได้ยินสิ่งที่พี่ชายคนโตของเขาพูด เขาก็โพล่งออกมาโดยไม่ได้คิด “ฉันอยากให้เสี่ยวเจินมีลูกชายให้ฉันมากกว่า”
ต้าจู้โกรธจนเดือดดาลขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินชื่อเสี่ยวเจิน เริ่มสาปแช่งด้วยความโกรธ “เสี่ยวเจิน เสี่ยวเจินอีกแล้ว! หยุดพร่ำเพ้อสักทีได้ไหม? นังเสี่ยวเจินตัวเหม็นนั่นทิ้งนายไปตั้งนานแล้ว หล่อนหอบเงินค่าเล่าเรียนจากบ้านเราเข้าไปเสวยสุขในเมืองและแต่งงานกับใครสักคนไปแล้ว ตอนนี้หล่อนรวยแล้ว คิดเหรอว่าหล่อนจะยังจำนายได้? หล่อนเป็นคนทำให้นายกลายเป็นบ้าแบบนี้ ยังอยากจะให้หล่อนมีลูกชายกับนายอยู่เหรอ?”
เดิมทีเอ้อร์เลิ่งค่อนข้างมีความมั่นคงทางอารมณ์ แต่เมื่อพี่ชายของเขาพูดออกมาอย่างเกรี้ยวกราด จู่ ๆ เขาก็สูญเสียการควบคุม ส่ายหน้ารัว ๆ ด้วยความตื่นตระหนก “ไม่มีทาง เสี่ยวเจินไม่ลืมฉันแน่ หล่อนจะต้องกลับมา”
“หล่อนไม่กลับมาแล้ว” ต้าจู้คว้าแขนของเขาแล้วพูดต่อไป
“ไป พี่ใหญ่จะสอนวิธีทำลูกให้นาย พอนายมีลูกแล้ว คราวนี้ก็จะมีคนช่วยดูแลนายไปจนแก่เฒ่า”
ต้าจู้ลากเอ้อร์เลิ่งไปทางบ้านหลังเล็กทางทิศเหนือ เมื่อหญิงสาวในบ้านได้ยินความเคลื่อนไหวในลานบ้าน หล่อนก็ย่อตัวลงตรงมุมเตียงด้วยความตกใจ กำกรรไกรไว้แน่นด้วยสีหน้าหวาดกลัว
พ่อของเอ้อร์เลิ่งออกมาจากห้องหลักและพูดด้วยเสียงต่ำด้วยความตกใจ
“พอเถอะ หยุดทำให้เขาคลั่งได้แล้ว”
เอ้อร์เลิ่งยังคงร้องตะโกนและทำเสียงแปลก ๆ ต่อไปเพราะถูกกระตุ้นจนสติแตก พ่อของเอ้อร์เลิ่งจึงพูดกับต้าจู้ว่า “เฉินเจียเหอกลับมาแล้ว อย่าปล่อยให้พวกเขาได้ยินอะไรผิดปกติ”
เมื่อต้าจู้ได้ยินชื่อของเฉินเจียเหอ ในที่สุดเขาก็หยุดฉุดกระชากเอ้อร์เลิ่ง
“พ่อ ถ้าพ่อฟังคำพูดของเฉินเจียเหอเกี่ยวกับเรื่องนี้ ไม่ช้าก็เร็วพ่อจะเสียทั้งเงินเสียทั้งชีวิต”
หลังจากที่ต้าจู้พูดจบ เขาก็เดินดุ่ม ๆ กลับบ้านด้วยความโกรธ
อารมณ์ของเอ้อร์เลิ่งถูกกระตุ้น ตอนนี้เขาเสียการควบคุมและกลายเป็นบ้า เหมือนเขาไม่รู้จักใครอีกต่อไป ยังคงตะโกนเอะอะต่อไปไม่หยุด
ไล่เสี่ยวอวิ๋นเบียดตัวไปจนชิดมุมเตียง พอได้ยินเสียงกรีดร้องด้วยความบ้าคลั่งของเอ้อร์เลิ่ง ใบหน้าของหล่อนก็เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
คนพวกนี้จงใจสอนให้เจ้าโง่คนนี้กระทำย่ำยีหล่อน
เหลือเวลาไม่มากสำหรับหล่อนแล้วที่จะหลบหนี
เพียงแต่เจ้าโง่นั่นได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจอย่างรุนแรง จนไม่สามารถสื่อสารกับหล่อนได้ตามปกติ
หล่อนมองดูกรรไกรที่ถืออยู่ในมือ ใบหน้าที่อ่อนเยาว์และสวยงามหวาดกลัวเมื่อนึกถึงความตาย
ถ้าหนีชะตากรรมไม่พ้นจริง ๆ หล่อนคง… ทำได้เพียงใช้กรรไกรเล่มนี้เพื่อจบชีวิตตัวเองเท่านั้น
“ตาเฒ่า ฉันคิดว่าพวกเราควรไปหาเจียเหอและถามเขาเกี่ยวกับหมอเทวดาคนนั้นนะ เจียเหอเป็นคนซื่อสัตย์ตรงไปตรงมา เขาไม่มีทางโกหกเราแน่ คุณก็เห็นว่าเอ้อร์เลิ่งเป็นแบบนี้ พอเขาอาละวาดใครก็เอาเขาไม่อยู่ทั้งนั้น ถ้ามีลูกเขาอาจทำร้ายลูกตัวเองเข้าสักวัน”
พ่อของเอ้อร์เลิ่งสูบบารากู่ ไม่สามารถตัดสินใจได้ทันที “เฮ้อ เวรกรรมอะไรกันหนอ”
หลังจากที่เฉินเจียเหอกลับมาที่บ้าน เขาก็รอให้พ่อของเอ้อร์เลิ่งออกมาหาเขา แต่รอแล้วรอเล่าจนผ่านไปครึ่งชั่วโมงกลับไม่มีใครมา
เฉินเจียเหอเดินไปรอบ ๆ สนามหน้าบ้าน ตั้งใจว่าจะไปเคาะประตูอีกครั้ง
ถ้าพ่อของเอ้อร์เลิ่งยืนกรานที่จะไม่ปล่อยหล่อนไป เขาคงต้องแจ้งให้ถังจวิ้นเฟิงและคนอื่น ๆ ทราบเพื่อใช้อำนาจทางกฎหมายเข้าช่วยเหลือ
ขณะที่เฉินเจียเหอกำลังเดินเข้าไปใกล้ประตูบ้านของเอ้อร์เลิ่ง ทันใดนั้นหัวที่ทำผมทรงกระท่อมมุงจากของเอ้อร์เลิ่งก็โผล่ออกมาจากกำแพงด้านข้าง
“ต้าเหอ”
“เอ้อร์เลิ่ง?” เฉินเจียเหอเห็นคนที่ยืนอยู่อีกฟากหนึ่งของกำแพง จึงรีบเดินเข้าไปและยื่นมือให้เขา
“มา ฉันจะช่วยนายเอง”
เฉินเจียเหอบอกให้เอ้อร์เลิ่งกระโดดข้ามกำแพง ทั้งสองช่วยเหลือกันเงียบ ๆ จนเขาออกมาข้างนอกได้สำเร็จ
“ไปที่บ้านตาของฉันก่อนถอะ”
เขารีบพาคนไปหลบอยู่ในบ้านของตายาย เฉินเจียเหอรีบถามว่า
“พ่อนายซื้อภรรยาให้นายเหรอ?”
เอ้อร์เลิ่งพยักหน้า “อืม”
“แล้วนายเคยรังแกผู้หญิงคนนั้นหรือเปล่า?” เฉินเจียเหอถามต่อ
“ไม่เลย หล่อนเอาแต่ถือกรรไกรไว้ในมือตลอดเวลา ทันทีที่ฉันขึ้นไปบนเตียงก็พร้อมจะแทงฉันทันที หล่อนไม่ยอมกินข้าว วันนี้ฉันเพิ่งเอามะเขือเทศให้หล่อนกิน แล้วหล่อนก็ยอมกิน”
“คืนนี้นายจะนอนที่ไหน?”
เอ้อร์เลิ่งตอบว่า “หล่อนไม่ยอมให้ฉันนอนบนเตียงเดียวกับหล่อน ฉันก็เลยต้องไปนอนในห้องปีกตะวันตก”
เฉินเจียเหอถอนหายใจด้วยความโล่งอกหลังจากได้ยินคำพูดของเอ้อร์เลิ่ง
เอ้อร์เลิ่งไม่ได้ล่วงละเมิดใคร โชคดีที่เขายังไม่ทำลายชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่ง
“ฟังฉันนะ นายต้องปล่อยหล่อนคนนั้นให้ออกไปจากบ้านเร็ว ๆ เข้าใจไหม?”
เอ้อร์เลิ่งตกใจเมื่อเห็นการแสดงออกที่จริงจังของเฉินเจียเหอ เขารู้ว่าเฉินเจียเหอกำลังโกรธ
เขาพูดว่า “ฉันก็คิดว่าจะปล่อยหล่อนไป ให้หล่อนเข้าไปในเมืองแล้วส่งข้อความถึงเสี่ยวเจิน ขอให้เสี่ยวเจินกลับมาหาฉัน แต่พี่ใหญ่บอกว่าเสี่ยวเจินแต่งงานกับคนอื่นแล้ว หล่อนจะไม่กลับมาหาฉันอีก”
“ไม่ว่าเสี่ยวเจินจะกลับมาหานายหรือไม่กลับ นายก็ต้องปล่อยผู้หญิงคนนั้นไป ไม่อย่างนั้นทั้งครอบครัวของนายจะโดนตำรวจจับเข้าคุก เข้าใจไหม?” เฉินเจียเหอพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด
“โอ้” เอ้อร์เลิ่งพูด “ฉันตกลงกับหล่อนแล้ว ว่าจะแอบปล่อยหล่อนออกไปตอนที่พ่อเผลอหลับในตอนกลางคืน”
ผู้เฒ่าโจวคิดว่าวิธีนี้น่าจะพอเป็นไปได้ จึงพูดเสริมจากด้านข้าง “เอ้อร์เลิ่ง ถ้าอย่างนั้นเธอแอบเปิดประตูทิ้งไว้ แล้วให้แม่หนูนั่นออกไปตอนกลางคืน เดี๋ยวพวกเราจะช่วยหล่อนอยู่ข้างนอกเอง”
สิ่งที่ผู้เฒ่าโจวต้องการ คือพยายามหลีกเลี่ยงการแจ้งความหากเป็นไปได้
เขาไม่อยากให้พ่อแม่ของเอ้อร์เลิ่งถูกทางการจับตัวไป
ลำพังการที่ลูกชายของพวกเขากลายเป็นแบบนี้ ก็เป็นเรื่องที่เจ็บปวดมากพออยู่แล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าบรรดาชาวบ้านรู้ว่าเฉินเจียเหอมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ พวกเขาอาจจะไม่มีที่ยืนในหมู่บ้านนับจากนี้เป็นต้นไป
ถึงอย่างนั้นเฉินเจียเหอกลับรู้สึกว่าไม่ควรปล่อยหล่อนไปแล้วจบเรื่อง
อย่างน้อยหลังจากที่หญิงสาวได้รับการช่วยเหลือเรียบร้อยแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่ครอบครัวของหล่อนจะไม่แจ้งความ
เขาต้องการทำงานเชิงอุดมการณ์ให้มากขึ้นสำหรับเอ้อร์เลิ่งและต้าจู้ ถ้าพวกเขาเต็มใจปล่อยตัวหญิงสาวและให้ความร่วมมือกับทางตำรวจ พวกเขาจะได้รับการละเว้นจากโทษทางกฎหมาย
ทางด้านครอบครัวที่จ่ายเงินซื้อผู้หญิงที่ถูกลักพาตัวมา อาจได้รับโทษสถานเบา หรืออาจจะได้รับการยกเว้นโทษทางกฎหมายก็ได้ ตราบใดที่พวกเขาไม่ละเมิดหรือขัดขวางการช่วยเหลือ
เฉินเจียเหอวิ่งไปเคาะประตูเพื่อเจรจากับพวกเขาอีกครั้งหนึ่ง แต่คราวนี้เขาถูกต้าจู้ดุด่ากลับมา บอกว่าเฉินเจียเหอไม่มีความเป็นมนุษย์ ต้องการทำลายชีวิตเอ้อร์เลิ่ง ทั้งยังปฏิเสธที่จะพูดคุยท่าเดียว
เฉินเจียเหอพยายามอย่างเต็มที่เพื่อแนะนำกับเอ้อร์เลิ่ง บอกให้เคารพในสิทธิเสรีภาพของคนอื่น
หลังจากกลับมาถึงบ้าน เฉินเจียเหอพูดกับตาของเขาว่า “ตาครับ ช่วยดูเอ้อร์เลิ่งด้วย อย่าเพิ่งปล่อยให้เขากลับไปที่บ้าน ผมจะเข้าไปในเมืองหน่อย”
“เจียเหอ เธอคิดจะทำอย่างนั้นจริง ๆ เหรอ?” ผู้เฒ่าโจวมองเขาด้วยสีหน้าซับซ้อน
ในหมู่บ้านนี้ เฉินเจียเหออาจเป็นคนแรกที่เสนอหน้าแจ้งความเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
พฤติกรรมของเขาย่อมหลีกไม่พ้นการต่อต้านของคนในหมู่บ้าน ครอบครัวเขาจะกลายเป็นศัตรูกับชาวบ้านทุกคน
“คุณตา แต่เราไม่สามารถยืนมองพวกเขาฝ่าฝืนกฎหมายอยู่เฉย ๆ ได้นะครับ”
หญิงสาวผู้บริสุทธิ์ต้องได้รับการช่วยเหลือออกมา ก่อนที่เรื่องต่าง ๆ จะเลยเถิดเกินความควบคุม และนำไปสู่โศกนาฏกรรม
ถ้าเอ้อร์เลิ่งล่วงละเมิดหล่อนคนนั้นขึ้นมาจริง ๆ ต่อให้ปล่อยหล่อนไปหลังจากนั้นก็ไม่มีประโยชน์
เมื่อเฉินเจียเหอขี่จักรยานมาถึงปากทางเข้าหมู่บ้าน เขาก็เจอกับรถจักรยานยนต์สามล้อจำนวนสองคันของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
เจ้าพนักงานจากสถานีตำรวจประจำเมืองสืบทราบสถานที่ที่แน่นอนซึ่งหญิงสาวที่ถูกลักพาตัวมากระทำการค้ามนุษย์เรียบร้อยแล้ว พวกเขาได้พาถังจวิ้นเฟิงและเพื่อนร่วมงานมาที่หมู่บ้านเพื่อปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นทางการ
ทันทีที่รถจักรยานยนต์สามล้อของตำรวจขับแล่นเข้าไปในหมู่บ้าน คนที่เห็นก็รีบไปเตือนครอบครัวของเอ้อร์เลิ่ง เพื่อบอกให้พวกเขาพาผู้หญิงไปซ่อนโดยเร็ว
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
อยู่ในหมู่บ้านที่มีแต่คนโง่เขลานี่มันเหนื่อยใจจริงๆ ประเด็นคือโง่แล้วยังดื้อยังทิฐิสูงอีกต่างหาก เจียเหอสู้ๆ นะ
ไหหม่า(海馬)