ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 335 หญิงสาวที่ถูกลักพาตัว
ตอนที่ 335 หญิงสาวที่ถูกลักพาตัว
ตอนที่ 335 หญิงสาวที่ถูกลักพาตัว
น้ำเสียงของเฉินเจียเหอจริงใจมาก “ใช่ครับ คุณคือคนที่รู้สถานการณ์ของเอ้อร์เลิ่งดีที่สุด เขาไม่ใช่คนจิตไม่ปกติมาตั้งแต่เกิด เขาแค่ถูกเหตุการณ์บางอย่างกระตุ้นทางจิตใจ ผมเคยได้ยินมาว่าอาการแบบเดียวกันนี้สามารถรักษาให้หายขาดได้”
พ่อของเอ้อร์เลิ่งที่อยู่ตรงประตูยังนิ่งเงียบ
เฉินเจียเหอไม่พูดอะไรอีก ให้เวลาเขาได้คิดทบทวน
ในฐานะพ่อแม่ การที่ลูกชายจะกลับมามีสติสมประกอบอีกครั้งถือเป็นความฝันสูงสุด
ตอนนี้ต้องรอดูกันว่าพ่อของเอ้อร์เลิ่งจะยอมเชื่อใจเขาไหม
หลังจากนั้นไม่นาน พ่อของเอ้อร์เลิ่งก็พูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
“ในโลกนี้มีหมอเทวดาอะไรนั่นซะเมื่อไหร่กัน? ขอบคุณสำหรับน้ำใจ แต่เราไม่รบกวนดีกว่า กลับไปซะ”
“ลุงครับ พวกคุณอยู่อุดอู้แต่ในหมู่บ้าน พูดตรง ๆ แล้วก็เหมือนกบที่อยู่ก้นบ่อ โลกนี้มีคนเก่งที่ชำนาญสาขาวิชาทุกประเภท ยุคสมัยกำลังเปลี่ยนผ่าน วิทยาการทางการแพทย์ก็ก้าวหน้ามากขึ้นเรื่อย ๆ
ถ้าคุณเห็นแก่ประโยชน์ของเอ้อร์เลิ่งจริง ๆ คุณควรพาเขาไปรักษา เผื่อว่าเขาจะมีโอกาสกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง แม้ว่าทุกสิ่งที่คุณทำอยู่ตอนนี้จะทำลงไปเพื่อประโยชน์ของเขาเหมือนกัน แต่มันก็เยียวยาได้แค่ปลายเหตุเท่านั้น ไม่ใช่ต้นเหตุ อยากให้เขาแต่งงานกับภรรยาแล้วมีลูกงั้นเหรอ? คิดว่าภรรยาที่คุณซื้อมาจะเต็มใจอยู่ร่วมหัวจมท้ายไปกับเขาตลอดชีวิตหรือไง? รับประกันได้ไหมว่าในอนาคตลูกของเขาจะเต็มใจเลี้ยงดูพ่อตัวเอง?
เอ้อร์เลิ่งอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ เขาจะสร้างครอบครัวที่มีความสุขและมั่นคงแก่ลูกหลานได้ยังไง ยุติธรรมกับเด็กที่จะเกิดมาแล้วเหรอ? ยุติธรรมกับผู้หญิงที่ไปพรากมาจากพ่อแม่เขาไหม?”
ตั้งแต่ตอนแรกเฉินเจียเหอพยายามเกลี้ยกล่อมเขาอย่างอดทน แต่ตอนนี้น้ำเสียงของเขาค่อย ๆ รุนแรงขึ้น
คำพูดของเฉินเจียเหอดูเหมือนจะไปกระตุ้นความเจ็บปวดของพ่อของเอ้อร์เลิ่ง อีกฝ่ายจึงคำรามกลับมาว่า “หยุดพูดได้แล้ว”
“ลุง ผมเป็นเพื่อนของเอ้อร์เลิ่ง ผมไม่มีทางทำร้ายเขาแน่”
เฉินเจียเหอพูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม “ถ้าผมมีเจตนาที่จะทำลายชีวิตเขาจริง ๆ คนที่คุยอยู่กับคุณในเวลานี้คงเป็นตำรวจ”
“ลุงฟังผมนะ ปล่อยผู้หญิงคนนั้นไป แล้วพาเอ้อร์เลิ่งเข้าไปรักษาในเมืองกันเถอะ ตกลงไหม?”
ไม่มีเสียงตอบรับจากอีกฝั่งของประตู ดังนั้นเฉินเจียเหอจึงพูดต่อไปด้วยน้ำเสียงที่เฉียบคม “พ่อแม่ของผู้หญิงคนนั้นแจ้งความกับตำรวจแล้ว ตำรวจท้องถิ่นของเราก็ได้รับการประสานงานจากในเมืองแล้วเหมือนกัน ถ้าคุณยังยืนกรานที่จะทำตามวิถีทางของตัวเอง อีกไม่นานตำรวจคงมาตามถึงหน้าประตูบ้านคุณ”
“เธอไปแจ้งความแล้วเหรอ?”
“ผมไม่ได้แจ้ง” เฉินเจียเหอพูด “แต่ผู้หญิงคนนั้นก็มีพ่อมีแม่ เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะเพิกเฉยต่อการหายตัวไปของลูกสาวทั้งคน ผู้หญิงที่ครอบครัวคุณไปซื้อมามีภูมิหลังทางครอบครัวแข็งแกร่ง ถ้าครอบครัวของหล่อนตามหาหล่อนจนเจอเมื่อไหร่ หัวหน้าครอบครัวของคุณหนีโทษไม่พ้นหรอก”
“ลุง ลูก ๆ ของต้าจู้ก็โตจนรู้ความแล้ว อย่าทำอะไรที่มันส่งผลกระทบต่อชีวิตครอบครัวของต้าจู้เพียงเพื่อจะหาภรรยาให้เอ้อร์เลิ่งเลย”
คนที่หน้าประตูยังคงเงียบ จนกระทั่งเฉินเจียเหอพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นผมกลับบ้านก่อนนะลุง กลับไปคิดทบทวนให้รอบคอบด้วย คิดได้เมื่อไหร่ค่อยมาหาผม”
เอ้อร์เลิ่งถูกพ่อของเขาผลักเข้าไปในบ้าน
หญิงสาวที่นั่งอยู่บนเตียงเตาย่อตัวลงอย่างระมัดระวังไปจนสุดมุมเตียง เมื่อเห็นว่าคนที่เข้ามามีแค่เอ้อร์เลิ่งคนเดียว สีหน้าของหล่อนก็ผ่อนคลายมากขึ้น แต่ยังคงระมัดระวังและไม่ปล่อยกรรไกรที่ถืออยู่ในมือเลย
เอ้อร์เลิ่งพูดด้วยความตื่นเต้น “เสี่ยวอวิ๋น ฉันมีอะไรจะบอก เพื่อนฉันกลับมาแล้ว”
จู่ ๆ ดวงตาของผู้หญิงคนนั้นก็สว่างขึ้น ถามอย่างคาดเดา “ใช่คนชื่อต้าเหอที่นายชอบพูดถึงหรือเปล่า?”
“ใช่ เขามีภรรยาที่สวยมากและมีลูกชายด้วย เขาใจดีกับฉันมาก ๆ เลย”
พอพูดถึงเฉินเจียเหอ ดวงดาวก็เหมือนจะปรากฏขึ้นพร่างพราวทั่วดวงตาที่เลื่อนลอยและโง่เขลาของเอ้อร์เลิ่ง
นัยน์ตาของหญิงสาวบนเตียงขยับเล็กน้อย ก่อนจะกระซิบกับเอ้อร์เลิ่ง
“เอ้อร์เลิ่ง นายช่วยออกไปหาเพื่อนของนายหน่อยสิ แล้วบอกข่าวดีกับเขาว่านายมีภรรยาแล้ว”
“พ่อฉันไม่ยอมให้ฉันออกไปข้างนอก” เอ้อร์เลิ่งพูดอย่างสับสน “แต่เธอไม่อยากเป็นภรรยาฉันนี่นา”
ไล่เสี่ยวอวิ๋นขยับตัวอย่างระมัดระวังจากมุมเตียง พูดด้วยกระซิบกับเอ้อร์เลิ่ง “เอ้อร์เลิ่ง ฉันขอเจอเพื่อนของนายคนนี้หน่อยได้หรือเปล่า?”
บางทีเพื่อนผู้แสนดีของคนงี่เง่าคนนี้อาจเป็นฟางเส้นเดียวที่ช่วยชีวิตหล่อนให้รอดได้
“เดี๋ยวฉันจะไปถามพ่อให้”
“ไม่ได้” เด็กสาวส่ายหัวด้วยความหวาดกลัวและเร่งรีบ “นายห้ามไปบอกพ่อของนายเด็ดขาดว่าฉันอยากเจอเพื่อนนาย แค่ไปบอกว่านายอยากเจอเขาก็พอ”
ครอบครัวนี้ ยกเว้นเจ้าโง่นี่ ทุกคนต่างก็มองหล่อนเป็นลูกสะใภ้อย่างจริงจัง
คนพวกนั้นนอกจากจะโง่เขลาแล้วยังโหดร้าย ไม่มีทางยอมปล่อยหล่อนไปง่าย ๆ แน่
เมื่อวานแม่ของเจ้าบ้าคนนี้นำอาหารมาให้หล่อน แล้วถึงกับคุกเข่าลงบนพื้น เพื่อขอร้องให้หล่อนยอมใช้ชีวิตในฐานะภรรยาของลูกชายตัวเองโดยดี
ความหวังทั้งหมดของหล่อนจึงอยู่ที่เจ้าโง่คนนี้เท่านั้น
เอ้อร์เลิ่งตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้า “โอ้ เข้าใจแล้ว”
“ขอบคุณนะ” หญิงสาวกระซิบ
“ด้วยความยินดี ฮิๆ”
พูดจบเอ้อร์เลิ่งก็หยิบมะเขือเทศลูกหนึ่งออกมาจากอ้อมแขนแล้วยื่นให้หล่อน “ฉันเอามะเขือเทศมาให้เธอด้วย ฉันไปหยิบมาจากในครัวล่ะ”
“ฉันไม่กิน” หญิงสาวมองมะเขือเทศแล้วส่ายหัว
“ฉันล้างให้แล้ว มันอร่อยมากนะ ลองกินดูสิ เธอไม่กินข้าวมาสองวันแล้ว เดี๋ยวก็หิวแย่หรอก”
เอ้อร์เลิ่งยังคงยื่นมะเขือเทศลูกนั้นให้กับหญิงสาวบนเตียงอย่างจริงใจต่อไป
หญิงสาวมองดูสายตาที่จริงใจ เมื่อคำนึงท้องที่ร้องโครกครากเพราะความหิวโหยของตัวเอง จึงพูดว่า “นายวางมันไว้ตรงนั้น แล้วถอยออกไป”
หล่อนถือกรรไกรไว้ในมือแล้วชี้ไปที่ขอบเตียง
เขาส่งเสียงตอบรับ จากนั้นก็วางมะเขือเทศลงอย่างว่าง่าย
หญิงสาวหยิบมะเขือเทศขึ้นมาเช็ดถูกับเสื้อผ้าของตัวเองสองครั้ง แล้วกัดเข้าไปคำใหญ่
เอ้อร์เลิ่งเห็นหล่อนกินแล้วก็ยิ้มร่าออกมาอีกครั้ง “เสี่ยวเจินก็ชอบกินมะเขือเทศมากเหมือนกัน”
ในแต่ละวัน ไล่เสี่ยวอวิ๋นได้ยินชื่อของเสี่ยวเจินจากปากของเอ้อร์เลิ่งหลายต่อหลายครั้ง หล่อนจึงพยายามรวบรวมเบาะแสบางอย่างจากคำพูดที่อ่อนหวานของเขา ถึงรู้ว่าเสี่ยวเจินคือรักแรกของเอ้อร์เลิ่ง
คนบ้าคนนี้ไม่ได้บ้ามาตั้งแต่เกิด แต่เขากลายเป็นแบบนี้เพราะถูกเหตุการณ์สะเทือนใจกระตุ้นทางจิต
เขายังคงท่องบทกวียาก ๆ ได้อย่างคล่องปาก พูดคุยเรื่องเกี่ยวกับประวัติศาสตร์เป็นครั้งคราว ราวกับว่าเมื่อก่อนเขาเป็นคนมีความรู้รอบด้านก่อนที่จะกลายเป็นบ้า
ไล่เสี่ยวอวิ๋นกำลังกัดกินมะเขือเทศ จู่ ๆ หล่อนก็เกิดความคิดบางอย่างขึ้นมา รีบหันไปพูดกับเอ้อร์เลิ่งว่า “เอ้อร์เลิ่ง ฉันรู้จักเสี่ยวเจินด้วย”
“จริงเหรอ?” ดวงตาที่เลื่อนลอยของเอ้อร์เลิ่งมองหล่อนอย่างกระตือรือร้น “หล่อนอยู่ไหน? เสี่ยวเจินอยู่ที่ไหน?”
ไล่เสี่ยวอวิ๋นกลอกตาแล้วตอบว่า “หล่อนอยู่ในเมือง นายปล่อยฉันไปก่อนสิ แล้วฉันจะไปขอให้เสี่ยวเจินกลับมาหานาย นายว่าดีไหม?”
“ดีเลยๆ ฉันคิดถึงเสี่ยวเจิน ฉันอยากเจอเสี่ยวเจินมาก ฉันอยากถามหล่อนว่าทำไมหล่อนถึงจากไปพร้อมกับค่าเล่าเรียนจากครอบครัวฉัน จนป่านนี้ก็ยังไม่กลับมา”
คำพูดสุดท้ายของเอ้อร์เลิ่ง เต็มไปด้วยความผิดหวัง “หล่อนเคยบอกว่าจะแต่งงานกับฉันด้วยซ้ำ”
“ฉันจะช่วยนายตามหาหล่อนเอง” หญิงสาวพูดอย่างกระตือรือร้นราวกับกำลังคว้าฟางช่วยชีวิต “แต่นายต้องหาทางทำให้ฉันได้กลับเข้าไปในเมืองก่อน ฉันถึงจะไปหาเสี่ยวเจินได้”
เอ้อร์เลิ่งพยักหน้าอย่างหนักแน่น “ฉันจะปล่อยให้เธอกลับไปในเมืองตอนที่พ่อฉันหลับคืนนี้”
ดวงตาที่ไร้ชีวิตชีวาและสิ้นหวังของหญิงสาวค่อย ๆ กลับมามีความหวังอีกครั้ง
ตราบใดที่หนีออกจากบ้านหลังนี้ไปได้ หล่อนก็พอมีทางรอด
พ่อของเอ้อร์เลิ่งเดินกลับเข้าไปในบ้านด้วยใบหน้าเศร้าสร้อย เรียกต้าจู้ลูกชายคนโตและภรรยาของเขามาปรึกษา
จากนั้นก็เริ่มถ่ายทอดถึงสิ่งที่เฉินเจียเหอพูด
แม่ของเอ้อร์เลิ่งพูดว่า “ตาเฒ่า ถ้าเจียเหอสามารถหาพาเอ้อร์เลิ่งไปหาหมอเทวดาคนนั้น และรักษาจนเขาหายกลับมาเป็นปกติได้จริง ๆ เขาจะถือเป็นผู้มีพระคุณยิ่งใหญ่ของเราเลยนะ”
ต้าจู้กลับมีความเห็นที่แตกต่างออกไป “พ่อ ฉันไม่คิดว่ามันน่าเชื่อถือตรงไหน หมอที่ไหนจะรักษาอาการบ้าให้หายได้? ไม่ต้องกังวลหรอก เก็บผู้หญิงคนนี้ไว้ให้ดี ให้หล่อนมีลูกชายให้เอ้อร์เลิ่ง ถ้าหล่อนไม่อยากอยู่กับเอ้อร์เลิ่งจริง ๆ ก็ให้หล่อนอยู่จนคลอดก่อนแล้วค่อยปล่อยไป อย่างน้อยการมีเมียก็ช่วยรับประกันอนาคตที่มั่นคงให้เขาได้”
“ฉันกลัวว่าก่อนที่หล่อนจะคลอด ครอบครัวหล่อนจะพาคนมาตามหาจนเจอซะก่อนน่ะสิ”
พ่อของเอ้อร์เลิ่งเริ่มเอนเอียงว่าจะเชื่อคำพูดของเฉินเจียเหอ
อีกอย่างหญิงสาวคนนี้ก็ไม่มีวี่แววว่าจะยอมอ่อนข้อง่าย ๆ หล่อนอดอาหารประท้วง แถมยังถือกรรไกรไว้ในมือตลอดเวลา ไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้ทั้งนั้น
ด้วยบุคลิกที่แข็งแกร่งอย่างนั้น คงเป็นเรื่องยากสำหรับหล่อนที่จะยอมรับชะตากรรมและอยู่ในหมู่บ้านบนเขาแห่งนี้ต่อไป
ต้าจู้โต้แย้ง “งั้นเราก็ต้องหาทางซ่อนสิ ฉันบอกให้พ่อย้ายแม่นั่นไปอยู่ในกระท่อมที่สวนหลังบ้านไม่ใช่เหรอ? ถ้าที่นั่นยังซ่อนไม่ได้ ก็ยังมีห้องใต้ดินอีกที่หนึ่ง”
“แล้วพ่อกับแม่สอนเอ้อร์เลิ่งถึงวิธีทำลูกแล้วหรือยังล่ะ?”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ขอให้ผู้หญิงคนนี้หนีออกไปได้นะคะ เป็นสะใภ้ครอบครัวนี้มันคือนรกชัดๆ
ไหหม่า(海馬)