ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 326 เอ้อร์เลิ่งมีภรรยาแล้ว
ตอนที่ 326 เอ้อร์เลิ่งมีภรรยาแล้ว
ตอนที่ 326 เอ้อร์เลิ่งมีภรรยาแล้ว
เมื่อเฉินเจียเหอได้ยินชื่อเอ้อร์เลิ่ง เขาก็ดูตกใจเล็กน้อยและถามอย่างรวดเร็ว “เกิดอะไรขึ้นกับเอ้อร์เลิ่ง?”
“ไม่ต้องกังวล ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรหรอก”
หลินจินซานแสดงท่าทางลับๆ ล่อๆ ขณะที่น้ำเสียงเต็มไปด้วยความประหลาดใจ “เขามีภรรยาแล้ว คุณเชื่อหรือเปล่าล่ะ?”
“ว่าไงนะ?” เฉินเจียเหอและหลินเซี่ยต่างตกใจ ในเวลาเดียวกันก็ถามกลับหลินจินซานว่า “ภรรยาเหรอ?”
“ถูกต้อง” หลินจินซานพยักหน้าและอธิบายด้วยความยินดี “พ่อของเอ้อร์เลิ่งไปซื้อภรรยามาให้ลูกชายตัวเองน่ะ”
“ซื้อภรรยาเนี่ยนะ?” เฉินเจียเหอและหลินเซี่ยตกใจยิ่งกว่าเดิม
“เรื่องราวมันเป็นมายังไงกันแน่? นายได้ยินข่าวมาถูกต้องไหม?”
ใบหน้าของเฉินเจียเหอเริ่มจริงจัง ขณะมองไปทางหลินจินซานและซักถามรัวเร็ว
หลินจินซานตอบกลับ “ผมได้ยินพวกเขาคุยกันตอนที่ผมไปส่งของที่บ้านคุณตา พวกเขาบอกว่าเมื่อไม่นานมานี้มีกลุ่มผู้ค้ามนุษย์ชาวต่างชาติ พาสาวชาวต่างชาติขึ้นไปเร่ขายตามหมู่บ้านบนภูเขา พ่อของเอ้อร์เลิ่งยอมควักเงินสามพันหยวนเพื่อซื้อผู้หญิงมาให้เป็นเมียของลูกตัวเองเชียวนะ”
“นานเท่าไหร่แล้ว?” เฉินเจียเหอถามด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
หลินจินซานตอบ “เกือบสิบวันได้ พอผมไปถึง คุณตาโจวกับคุณยายโจวก็ได้แต่ถอนหายใจ พวกเขาบอกว่าเดิมทีก็คิดจะเกลี้ยกล่อมพ่อของเอ้อร์เลิ่งให้ปล่อยผู้หญิงคนนั้นไปอยู่หรอก แต่บ้านของเอ้อร์เลิ่งเอาแต่ปิดประตูแน่นหนาทั้งกลางวันกลางคืน ไม่มีใครในบ้านยอมออกมาเจอชาวบ้านเลย”
เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ เขาก็บ่นว่า
“ผมกลับไปที่บ้านรอบนี้ ย่ายังบอกด้วยว่าในเมื่อผมออกไปทำงานหาเงินข้างนอกได้ ก็ควรเจียดเงินซื้อภรรยาเป็นของตัวเองสักคน แต่ผมไม่ใช่คนโง่แบบเอ้อร์เลิ่ง เป็นผู้ชายปกติดีทุกอย่าง ผมเลือกคู่ด้วยตัวเองได้ จะอยากได้ผู้หญิงที่มาจากการค้ามนุษย์ไปทำไมกัน? สิ่งที่ผมต้องการคือคนรัก ไม่ใช่เครื่องจักรที่มีไว้ใช้สืบทอดทายาทให้กับครอบครัว”
หลินเซี่ยดูไม่มีความสุขอย่างมาก ถามหลินจินซาน
“คนในหมู่บ้านมีความเห็นยังไงบ้างเกี่ยวกับเรื่องนี้?”
หลินจินซานตอบ “หัวหน้าหมู่บ้านน่าจะทำเมินต่อเรื่องนี้ไปแล้วล่ะ ญาติคนหนึ่งของครอบครัวหัวหน้าหมู่บ้านก็พิการ ได้ยินมาว่าเขาเองก็ซื้อไว้คนหนึ่ง ตอนที่ฉันกลับไปช่วงสองวันก่อน ดูเหมือนว่าคนทั้งหมู่บ้านต่างก็พูดถึงเรื่องนี้กันให้แซด แต่ทุกคนกลับมีความคิดความเข้าใจตรงกันโดยปริยาย ไม่มีใครคิดว่าการที่เอ้อร์เลิ่งซื้อภรรยาเป็นเรื่องผิดปกติ ขนาดคนขายเนื้อหวังยังเปรย ๆ ว่าอยากซื้อเมียสักคนให้หวังต้าจ้วงเลย”
“เอาล่ะ ผมเข้าใจเรื่องนี้แล้ว” เฉินเจียเหอพูดกับหลินจินชาน “คุณควรกลับไปนอนพักผ่อนแต่หัววัน ป่านนี้แม่ยายคงรอให้คุณกลับไปแทบแย่”
“ได้ งั้นผมขอตัวก่อนนะ”
หลังจากที่หลินจินซานจากไป เฉินเจียเหอก็ทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาด้วยสีหน้าหนักใจ
หลินเซี่ยก็อารมณ์ไม่สู้ดีเช่นกัน เธอถามเฉินเจียเหอ “เฉินเจียเหอ คุณคิดว่าควรทำยังไงกับเรื่องนี้ดีคะ?”
เฉินเจียเหอถอนหายใจ พูดว่า “พฤติการณ์นี้นอกจากจะเป็นเรื่องผิดทำนองคลองธรรมแล้วยังเป็นเรื่องผิดกฎหมายร้ายแรงด้วย ผมอยู่เฉย ๆ แล้วปล่อยให้ครอบครัวของเอ้อร์เลิ่งรับโทษทางอาชญากรรมไม่ได้หรอก”
“คุณพูดถูก” หลินเซี่ยรู้สึกกังวล “คุณพอจะขอลางานได้หรือเปล่าคะ? ลองกลับไปพูดโน้มน้าวให้เอ้อร์เลิ่งบอกพ่อแม่ตัวเองให้ปล่อยผู้หญิงคนนั้นไป ไม่ให้หล่อนต้องเสียหาย และครอบครัวของเขาเองจะไม่ต้องรับโทษ”
ที่จริงแล้วการค้าสตรีและเด็กเป็นอาชญากรรมร้ายแรงไม่ต่างจากการลักลอบซื้อขายสินค้าผิดกฎหมาย
ยิ่งกว่านั้นเมื่อพูดถึงจิตสำนึกของชาวบ้านในแถบชนบทบนภูเขา ที่นั่นสัญชาตญาณดิบล้วนยิ่งใหญ่กว่ากฎหมาย ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากมากที่จะช่วยเหลือผู้หญิงที่ถูกลักพาตัวออกมาจากหมู่บ้าน
เว้นแต่ผู้ซื้อจะยอมปล่อยตัวหล่อนไปเอง
เฉินเจียเหอบอก“ไว้พรุ่งนี้เช้าผมจะโทรกลับไปที่บ้าน”
หลินเซี่ยคิดถึงสภาพการรับรู้ของเอ้อร์เลิ่ง พอคิดว่าขณะนี้มีเด็กสาวคนหนึ่งอยู่ร่วมบ้านกับเขา และบางทีครอบครัวของเขาอาจจะจับตัวหล่อนผูกติดอยู่กับเตียงเพราะต้องการใช้หล่อนเป็นเครื่องผลิตทายาท หนังศีรษะของเธอก็ชาวาบไปหมด
เธอเคยเผชิญกับฝันร้ายทำนองนี้มาก่อนในชาติที่แล้ว ทำให้เริ่มย้อนกลับไปนึกถึงความสิ้นหวังและความหวาดกลัวยามตัวเองถูกจับผูกติดอยู่กับเตียงของหวังต้าจ้วงโดยไม่รู้ตัว
ดังนั้นเมื่อเฉินเจียเหอถอดเสื้อผ้าของเขาออกและเดินเข้ามากอดเธอ เธอจึงผลักเขาออกไปเหมือนเป็นปฏิกิริยาสะท้อนกลับ
“เซี่ยเซี่ย เป็นอะไรไป?”
เมื่อได้ยินเสียงของเฉินเจียเหอ หลินเซี่ยก็กลับมามีสติสัมปชัญญะและสงบอารมณ์ลง
ตอนนี้เธอได้เกิดใหม่อีกครั้ง ได้เปลี่ยนแปลงชะตากรรมอันน่าเศร้าของตัวเองสำเร็จแล้ว
แต่ถึงอย่างนั้นตอนนี้ก็มีเด็กสาวอีกคนหนึ่ง ไม่สิ เด็กสาวอีกหลายคนที่กำลังจะถูกบังคับขืนใจให้กลายเป็นเครื่องจักรผลิตลูกของครอบครัวอื่น!!!
เฉินเจียเหอรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติเกี่ยวกับอารมณ์ของหลินเซี่ย เขาลูบหัวเธอเบา ๆ แล้วถามอย่างอ่อนโยน “คุณกังวลเรื่องเด็กสาวคนนั้นที่ถูกขายให้กับตระกูลเอ้อร์เลิ่งใช่ไหม?”
“เฉินเจียเหอ เอ้อร์เลิ่งจะ…รังแกหล่อนหรือเปล่าคะ?”
เฉินเจียเหอเข้าใจได้ทันทีว่ารังแกในความหมายของหลินเซี่ยหมายถึงอะไร
เขาตอบกลับ
“ไม่ต้องห่วง ผมจะโทรกลับไปหาคุณน้าพรุ่งนี้เช้า ขอให้เขากลับไปที่หมู่บ้านแล้วคุยกับพ่อของเอ้อร์เลิ่งอีกครั้ง”
“ค่ะ คุณต้องให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อย่างจริงจังนะคะ อย่าปล่อยให้ผู้หญิงคนนั้นถูกทำลายศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์เด็ดขาด อย่าปล่อยให้ครอบครัวของเอ้อร์เลิ่งต้องรับโทษ”
…
เมื่อเซี่ยไห่กลับมาถึงบ้านพร้อมรูปถ่ายของหลิวกุ้ยอิง ทั้งครอบครัวกำลังรับประทานอาหารมื้อเย็นอยู่
“พี่ใหญ่ ดูสิว่านี่คืออะไร?” เซี่ยไห่วางรูปถ่ายลงบนโต๊ะอย่างตื่นเต้น
เซี่ยเหลยเหลือบตาขึ้นมองนิดหนึ่ง “อะไรน่ะ?”
“รูปถ่ายไงล่ะ”
เซี่ยไห่มองเซี่ยเหลยด้วยความคาดหวัง “พี่ใหญ่ ลองมองดูใกล้ ๆ สิ นึกดูว่าพี่เคยเห็นคนในรูปหรือเปล่า?”
เซี่ยเหลยหยิบรูปถ่ายที่เซี่ยไห่ส่งให้ขึ้นมาดู
พอมองเห็นผู้หญิงในภาพ ใบหน้าของเขายังคงไร้ความรู้สึกเช่นเคย
คุณแม่เซี่ยและเซี่ยอวี่วางตะเกียบลง มองไปทางเซี่ยเหลยด้วยความคาดหวัง รอคอยการยืนยันจากเขา
เมื่อเห็นสีหน้าไร้ความรู้สึกของเซี่ยเหลย หญิงชราใจร้อนก็พูดว่า “เสี่ยวเหลย เป็นยังไงบ้าง? พอจะนึกความทรงจำอะไรออกบ้างไหม?”
เซี่ยเหลยวางรูปถ่ายใบนั้นลงแล้วส่ายหัว “ผมจำไม่ได้เลย”
ทั้งครอบครัวซึ่งแต่เดิมเต็มไปด้วยความหวังพลันรู้สึกหดหู่ใจลงไปอีกครั้งเพราะคำพูดของเซี่ยเหลย
“ผมอิ่มแล้ว ขอตัวกลับเข้าห้องก่อน”
เมื่อเซี่ยเหลยเข้าไปในห้องแล้ว เขาก็วางรูปถ่ายนั้นไว้บนโต๊ะ
จากนั้นก็ล้มตัวนอนบนเตียง จ้องมองรูปถ่ายที่หยิบติดมือมาด้วยอย่างไม่รู้ตัวด้วยอาการเหม่อลอย
ผมเปียสีดำสองเส้นของบุคคลในภาพ ฉายซ้อนทับกับร่างของผู้หญิงคนหนึ่งที่ผมเปียสองเส้นพลิ้วไหวในขณะที่หล่อนวิ่ง
เซี่ยเหลยหลับตาลง พยายามอย่างหนักที่จะปะติดปะต่อภาพและความทรงจำที่กระจัดกระจายเข้าด้วยกัน
หลังจากนอนคิดทั้งคืน น่าเสียดายที่ไม่เจออะไรเลย
เช้าวันรุ่งขึ้น เซี่ยเหลยเปลี่ยนใจกะทันหัน ตั้งใจว่าจะลองทำตามคำแนะนำของน้องชายเพราะจำได้ว่าอีกฝ่ายกำลังจะลงทุนเปิดร้านอาหารให้เขาที่นี่
เขาจะไปคลินิกแพทย์แผนจีนของหมอเย่ในตอนเช้า และบอกว่าจะแวะไปที่ร้านตอนบ่าย ถ้าเป็นไปได้เขาอยากจะเริ่มเตรียมความพร้อมโดยเร็วที่สุด
เซี่ยไห่มีความสุขมากเมื่อเห็นว่าพี่ใหญ่ของเขามีความกระตือรือร้นผิดหูผิดตา ทั้งยังวางแผนที่จะเริ่มต้นอาชีพ เขาสั่งให้พนักงานของห้องเต้นรำรีบไปมาทำความสะอาดร้านและประตูทางเข้าให้หมดจด
จากนั้นก็เพจเจอร์ไปหาถังจวิ้นเฟิงเพื่อนัดหมายให้เขาออกมา
ถังจวิ้นเฟิงและลู่เจิ้งอวี่ยังไม่เคยเจอหน้าพี่ใหญ่ของเขา ดังนั้นวันนี้เขาจึงวางแผนว่าจะนัดหมายสหายพี่น้องทุกคนให้มาพบปะกัน เพื่อที่จะได้ทักทายเขาในฐานะอดีตทหาร
บางทีมันอาจจะช่วยปลุกความทรงจำที่ฝังอยู่ลึกลงไปในสมองของพี่ใหญ่ได้
หลังจากส่งเพจเจอร์ไป ไม่นานถังจวิ้นเฟิงก็โทรกลับมา
“พี่เซี่ย ผมขอโทษจริง ๆ วันนี้ผมอาจจะออกไปเจอไม่ได้”
“ถังจวิ้นเฟิง นายเป็นอะไรไป? อยู่ดี ๆ ก็ไม่อยากเจอหน้าพี่ใหญ่ฉันแล้วเหรอ?”
ถังจวิ้นเฟิงพูดด้วยความลำบากใจว่า “เหล่าเซี่ย ช่วงสองวันที่ผ่านมาผมงานรัดตัวมาก แม้แต่วันนี้ก็ไม่น่าจะได้ออกไปไหนกับเขาหรอก”
เซี่ยไห่โกรธมากเมื่อได้ยินแบบนั้น “นายยุ่งอยู่กับอะไร? มีอะไรสำคัญไปกว่าการจะได้เจอพี่ใหญ่ของฉันอีกเหรอ?”
หลายวันที่ผ่านมานี้ถังจวิ้นเฟิงทำตัวมีปัญหามากกว่าใคร สาเหตุหลักเป็นเพราะแทบรอไม่ไหวที่จะได้เจอกับบุคคลต้นแบบของเขา แต่วันนี้โอกาสมาถึงแล้วแท้ ๆ เขากลับเอาแต่บ่ายเบี่ยงเหรอ?
ถังจวิ้นเฟิงอธิบาย “เร็ว ๆ นี้มีคดีผู้หญิงสูญหายหลายคดีในไห่เฉิง ฉันได้รับมอบหมายให้อยู่ประจำการที่สถานีรถไฟตลอดเวลาเพื่อเฝ้าระวังผู้ต้องสงสัย ออกไปไหนไม่ได้จริง ๆ”
พอถังจวิ้นเฟิงอธิบาย ความขุ่นเคืองใจของเซี่ยไห่ก็หายวับ กลายเป็นคนใจกว้างขึ้นมาทันที “เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่ นายทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีเถอะ พยายามช่วยเหลือเด็กสาวเหล่านั้นให้เร็วที่สุด ไว้ครั้งหน้าฉันจะนัดวันให้นายใหม่ จะได้ไปเจอพี่ใหญ่ของฉันตามลำพัง”
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
ตามช่วยเหลือผู้หญิงพวกนั้นให้ได้นะคะ พวกเธอน่าสงสารมากจริง ๆ นี่ถือว่าเป็นการลดทอนคุณค่าของมนุษย์ในทางหนึ่งให้ไม่ต่างจากแม่พันธุ์สัตว์ในฟาร์มปศุสัตว์เลย
ไหหม่า(海馬)