ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 317 ทุ่งปีศาจ
ตอนที่ 317 ทุ่งปีศาจ
ตอนที่ 317 ทุ่งปีศาจ
เย่ไป๋ตอบกลับ “อย่างนั้นผมจะไปจัดการส่วนอื่นก่อน หลังจากเรียบร้อยแล้วจะกลับมาครับ”
“ขอบคุณค่ะ รบกวนด้วยนะคะ”
“ไม่เป็นไรครับ”
ก่อนเย่ไป๋จะเดินออกไป เขาลอบเหลือบมองเสื้อกันลมตัวยาวที่อยู่ใกล้ ๆ
เซี่ยหลานปิดประตูห้องพักตามหลัง เซี่ยอวี่ถึงกับถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
หล่อนรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ก่อนหน้านี้เล็กน้อย หากรู้ก่อนหน้าว่าบุคคลผู้นั้นเป็นหมอประจำตัวของเสิ่นอวี้หลง หล่อนน่าจะสุภาพและปฏิบัติต่อเขาให้ดีกว่านี้
ก่อนหน้านี้หล่อนตำหนิเขาว่าไม่มีศีลธรรมใช่ไหมนะ?
ถ้าหากรู้ก่อนหน้าว่าจะได้พบกันอีกครั้ง หล่อนควรจะรักษาภาพลักษณ์กุลสตรีสักหน่อย
เดี๋ยวนะ แล้วทำไมฉันต้องรักษาภาพลักษณ์กุลสตรีด้วยล่ะ?
ฉันจำเป็นต้องปฏิบัติตัวเช่นกุลสตรีด้วยเหรอ?
ก็เขาไม่มีจิตสำนึกต่อพื้นที่สาธารณะจริง ๆ ไม่ใช่เหรอ?
หลังจากตระหนักได้อย่างนั้นแล้ว ความผิดในใจพลันหายไปทันที
หล่อนหันมองเด็กชายที่นอนอยู่บนเตียงในโรงพยาบาล ใบหน้าของเขาซีดขาว ร่างกายผ่ายผอม สิ่งนี้ทำหล่อนอึดอัดใจไม่น้อย
เซี่ยอวี่หันไปถามเซี่ยหลาน
“แล้วตอนนี้ลูกชายเป็นยังไงบ้างเหรอ?”
เซี่ยหลานเผยสีหน้าหดหู่ใจ “เขายังไม่ได้สติเลย ฉันเลยคิดว่าจะพาเขาออกจากโรงพยาบาลน่ะ”
“ออกจากโรงพยาบาลเหรอ?” เซี่ยอวี่พูดต่ออย่างเร่งรีบ “ไม่ว่ายังไงก็ต้องรักษาเขาต่อไป จะยอมแพ้ไม่ได้เด็ดขาดเลย”
“ฉันไม่ได้ยอมแพ้ แต่ฉันอยากจะพาเขาไปหาแพทย์แผนจีน การที่เขาอยู่ในโรงพยาบาลนี้ต่อไปมันไม่มีความหวังเลย”
เซี่ยหลานอธิบายต่อ “มีแพทย์แผนจีนสกุลเย่เข้ามาในเมืองไห่เฉิง เขามีทักษะการแพทย์ที่ยอดเยี่ยมมาก และฉันจะพาลูกชายไปรักษากับเขา”
“แพทย์แผนจีนสกุลเย่? อ้อ ฉันรู้จักเขา พวกเราก็ติดต่อเขาเพื่อให้รักษาพี่ใหญ่ของเราอยู่เหมือนกัน”
หลังจากเซี่ยอวี่พูดจบ สีหน้าของหล่อนก็คล้ายอึดอัดเล็กน้อย
ปกติแล้วหล่อนไม่คิดที่จะพูดถึงพี่ชายคนโตกับเซี่ยหลาน
แต่ตอนนี้พูดออกไปแล้ว จึงต้องกล่าวเสริมว่า “พอดีพี่ใหญ่สูญเสียความทรงจำทั้งหมดไปน่ะ เขาค่อนข้างน่าสงสารด้วย”
เมื่อเซี่ยหลานได้ยินชื่อของเซี่ยเหลยแล้วก็เงียบไป เธอไม่เผยอารมณ์ใดนอกจากยกยิ้มจาง “ดีแล้วล่ะที่เขายังมีชีวิตอยู่”
บรรยากาศกลายเป็นเงียบงัน และนี่ไม่ใช่สิ่งที่เซี่ยอวี่ต้องการเลย หล่อนไม่ต้องการที่จะตกอยู่ในบรรยากาศอึมครึมเมื่อได้พบเจอกับเพื่อนสนิทของตัวเอง
“เราอย่าพูดถึงเรื่องอื่นกันเลยนะ ว่าแต่เธอมีเสื้อผ้าไหม? ฉันอยากเปลี่ยนเสื้อผ้าน่ะ อีกอย่างน้ำหนักของเธอก็ดูจะเท่า ๆ เดิมเลยนะ หุ่นเราก็พอกัน ฉันน่าจะใส่เสื้อผ้าของเธอได้”
“แล้วนี่เสื้อเธอเหรอ?” เซี่ยหลานมองเสื้อกันลมบนร่างกายของอีกฝ่ายอย่างสงสัย
มันค่อนข้างคุ้นตาอย่างบอกไม่ถูก คล้ายกับเสื้อกันลมของเย่ไป๋ไม่น้อย
“อย่าพูดถึงมันเลย” เซี่ยอวี่เปิดเสื้อคลุมออกเผยให้เห็นคราบโคลนแห้งกรัง “ฉันถูกโคลนกระเด็นใส่ตอนเดินมาที่นี่น่ะ แล้วฉันก็เลยหยิบเสื้อของคนอื่นเขามา”
“เดี๋ยวฉันไปหยิบในออฟฟิศให้นะ ที่นั่นมีเสื้อผ้าเก็บไว้นิดหน่อย”
เซี่ยหลานเดินกลับไปที่วอร์ดของตัวเองและหยิบเสื้อผ้ากลับมา
“มันเป็นเสื้อผ้าที่ฉันเอาไว้เปลี่ยนเวลาอยู่ที่นี่น่ะ เธอสามารถใส่ได้เลย”
เซี่ยอวี่มองสูทสีดำล้าสมัยที่เซี่ยหลานยื่นให้ตรงหน้าด้วยความสับสน
แม้ว่าร่างกายของพวกเธอจะสามารถสวมใส่เสื้อผ้าขนาดเท่ากัน แต่สุดท้ายแล้วรสนิยมก็ยังเป็นเรื่องที่แตกต่าง
และหากใส่เสื้อผ้าชุดนี้ หล่อนจะกลายเป็นนักธุรกิจทันที
“มีอะไรรึเปล่า?” เซี่ยหลานไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายไม่ค่อยชื่นชอบชุดของเธอเท่าไหร่นัก
เพราะสุดท้ายแล้วนี่คือชุดที่ดีที่สุดสำหรับเธอ
เซี่ยอวี่รับเสื้อผ้ามาก่อนจะพูดว่า “ฉันจะใส่มัน เธอช่วยบังให้ฉันหน่อยสิ”
เซี่ยอวี่สวมใส่เสื้อผ้าของเซี่ยหลาน เวลานี้เซี่ยหลานมองอีกฝ่ายพร้อมยกยิ้ม
“เธอใส่แล้วดูดีกว่าฉันมากเลยล่ะ”
แน่นอนว่าหล่อนมีรูปร่างที่ดีมาก และสามารถใส่เสื้อผ้าได้ทุกแบบ
เซี่ยหลานเริ่มจัดของอีกครั้ง มีถุงที่ไม่ได้ใช้มากมายถูกวางกองไว้ เซี่ยอวี่จึงหยิบมันขึ้นมาและใส่เสื้อผ้าที่เปรอะเปื้อนไว้ในนั้น
เธอโยนเสื้อผ้าเปื้อนโคลนพร้อมเสื้อกันลมของเย่ไป๋ไว้ในถุงใบใหญ่
เซี่ยหลานกำลังเก็บของจึงต้องก้ม ๆ เงย ๆ เวลานี้เซี่ยอวี่มองลงไปและเห็นว่ามีผมขาวอยู่บนศีรษะของอีกฝ่าย
หล่อนรู้สึกว่าน้ำตาเริ่มรื้นขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนจะเริ่มกล่าวเสียงสั่น “หลานหลาน หลายปีมานี้เธอคงจะเหนื่อยมากสินะ”
หญิงสาวที่เคยสดใสและเต็มไปด้วยชีวิตชีวาต้องพบเจอกับเรื่องราวมากมายจนกลายเป็นคนเหนื่อยหน่ายกับโลกใบนี้เสียแล้ว
ถึงกับมีผมหงอกในวัยเพียงสี่สิบ
และอายุมากกว่าเธอเพียงสามปีเท่านั้น
ชีวิตแต่งงานที่น่าโศกเศร้า ลูกชายยังได้รับบาดเจ็บ และยังมีความจริงว่าลูกสาวที่เลี้ยงดูมานานกว่ายี่สิบปีไม่ใช่ลูกในสายเลือด ทุกอย่างถาโถมเข้ามาจนเธอไม่อาจตั้งรับ และกลายเป็นคนผิดในทุกเรื่อง
“หลังจากเขาได้รับการรักษาจากแพทย์แผนจีนเย่แล้ว เขาจะต้องตื่นขึ้นมาแน่นอน หลานหลาน ช่วงนี้ฉันก็ยังอยู่ที่นี่ และถ้ามีอะไรขาดเหลือสามารถบอกกล่าวกับฉันได้เลยนะ ฉันจะรีบไปหาเธอทันที”
“อื้ม” เซี่ยหลานมองเด็กชายที่นอนอยู่บนเตียงด้วยแววตาอบอุ่น “ฉันเชื่อว่าลูกชายของฉันจะต้องฟื้นขึ้นมาแน่นอน”
เซี่ยหลานเก็บข้าวของเสร็จแล้ว และยังไม่ถึงเวลาที่รถของโรงพยาบาลจะมารับ พวกเขาจึงต้องรอเวลาเท่านั้น
“อย่างนั้นให้ฉันพาเธอไปหาอะไรกินไหม?”
“ไม่ล่ะ ฉันจะส่งลูกไปหาเย่ไป๋ก่อน แล้วค่อยกินข้าวทีหลัง นี่ยังเช้าอยู่เลย”
“ด้วยความสัมพันธ์ของเราสองคน อย่าสุภาพกับฉันนักเลยนะ”
สองพี่น้องไม่ได้พบเจอกันนาน พวกเธอนั่งอยู่ในห้องพักผู้ป่วยพร้อมทอดสายตาออกไปนอกหน้าต่าง นึกถึงช่วงเวลาที่เคยมีความสุขร่วมกันเมื่อเยาว์วัย
“หลานหลาน ฉันโชคดีที่ได้อยู่กับเธอในตอนเด็ก ๆ เธอคือเรื่องที่ดีที่สุดในความทรงจำของฉันเลยล่ะ”
พ่อแม่ของเซี่ยหลานเป็นครู และครอบครัวมีฐานะดีมาก แต่เธอมาจากครอบครัวยากจน… อีกฝ่ายมักจะมาเล่นกับเธอ นำอาหารอร่อยมาแบ่งกัน เป็นพี่สาวที่อบอุ่นและเอาใจใส่คนรอบข้าง
“ฉันก็เหมือนกัน ช่วงที่เราสองคนได้อยู่ด้วยกัน เป็นพี่น้องกัน มันเป็นช่วงเวลาที่ฉันมีความสุขที่สุดในชีวิตเลยล่ะ”
แม้ว่าคราวได้พบเจอกับเซี่ยอวี่ครั้งแรก มันเป็นเพราะแรงจูงใจที่เห็นแก่ตัวก็ตาม
คราวนั้นเธอต้องการรู้จักพี่ชายของอีกฝ่ายเท่านั้น
แต่หลังจากได้รู้จักกันแล้ว พวกเธอกลับสนิทสนมกันไปโดยปริยาย
จนกระทั่งกลายเป็นเพื่อนสนิท
ทั้งสองตกลงกันว่าจะไม่พูดถึงคนอื่น และจะพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องของตนเท่านั้น ทั้งคู่เดินด้วยกัน เที่ยวด้วยกัน และอ่านหนังสือด้วยกัน…
แต่ขณะที่ทั้งสองกำลังมีช่วงเวลาที่ดีร่วมกัน ก็มีคนกลุ่มหนึ่งเข้ามาขัดขวาง
ตระกูลเสิ่นมาที่นี่
สุดท้ายแล้วการหย่าร้างยังไม่จบลง และเสิ่นอวี้หลงกำลังจะออกจากโรงพยาบาล เซี่ยหลานตัดสินใจและบอกกล่าวเรื่องนี้กับเสิ่นเถี่ยจวิน
เวลานี้ สมาชิกทั้งสี่ของตระกูลเสิ่นวิ่งเข้ามา
เซี่ยหลานเห็นคุณชายเสิ่นและเสิ่นเสี่ยวเหมยเดินเข้ามา ตามด้วยเสิ่นเถี่ยจวินและเสิ่นอวี้อิ๋ง
เสิ่นเสี่ยวเหมยไม่ได้ทำงาน ส่วนชายชราเกษียณอายุงานแล้ว ทั้งสองคนจึงว่างงาน
เสิ่นเถี่ยจวินมองเห็นผู้หญิงแปลกหน้าอยู่ในห้อง เขาจ้องมองหล่อนและจดจำตัวตนของอีกฝ่ายได้อย่างรวดเร็ว
แต่เวลานี้เซี่ยอวี่กอดอกพร้อมกันหันมองออกไปนอกหน้าต่าง
เธอไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวกับตระกูลเสิ่น
เสิ่นเถี่ยจวินมองเซี่ยหลานอย่างกังวลใจ “เสี่ยวหลาน คุณจะให้อวี้หลงออกจากโรงพยาบาลจริงเหรอ? ทำไมคุณไม่ให้แพทย์แผนจีนคนนั้นมารักษาเขาที่นี่ล่ะ? แล้วเราจะทำยังไงถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นหลังจากเขาออกจากโรงพยาบาล?”
เซี่ยหลานตอบกลับอย่างใจเย็น “ลูกอยู่ในโรงพยาบาล และถ้าฉันขอให้แพทย์ภายนอกมาตรวจดูอาการ คุณคิดว่าหมอที่นี่จะยินดีไหม? แล้วถ้าเกิดปัญหาขึ้นมาใครจะรับผิดชอบ?”
“ลูกตกอยู่ในสภาวะหมดสติมานานครึ่งปีแล้ว เย่ไป๋บอกว่าถ้าเริ่มตั้งแต่ตอนนี้เรายังพอมีความหวังบ้าง หลังจากนี้ควรจะทดลองใช้แพทย์แผนจีนเพื่อรักษาเขา”
“อีกอย่างสิทธิ์การดูแลอวี้หลงจะเป็นของฉันแต่เพียงผู้เดียวหลังจากหย่าร้าง และฉันดูแลลูกมานานกว่าหกเดือน ในฐานะแม่ ฉันมีสิทธิ์ตัดสินใจ”
เวลานี้เซี่ยหลานค่อนข้างแข็งกร้าว เพราะเธอตัดสินใจทั้งหมดแล้วและเพียงแจ้งให้อีกฝ่ายทราบเรื่องเท่านั้น เวลานี้คุณชายเสิ่นถึงกับโกรธจัด “อวี้หลงเป็นลูกคนเดียวของตระกูลเสิ่นของพวกเรา! ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับเขาแล้วใครจะรับผิดชอบ?”
หลังได้ยินว่าเป็นลูกคนเดียว ความขุ่นเคืองปรากฏขึ้นบนใบหน้าไร้เดียงสาของเสิ่นอวี้อิ๋ง
สายตาเหลือบมองเด็กชายที่นอนอยู่บนเตียงด้วยความเย็นชาราวกับเขาได้ตายไปแล้วจริง ๆ
สุดท้ายแล้วต่อให้เป็นในเมืองหรือชนบทก็ไม่แตกต่าง เด็กหญิงไม่มีความสำคัญในครอบครัวเลย
เพราะเสิ่นอวี้หลงเป็นเด็กชาย เขาจึงได้รับความสำคัญในครอบครัว
แม้ภายนอกพวกเขาจะปฏิบัติต่อเธออย่างดี แต่สุดท้ายแล้วมันเป็นเพียงเพราะกลัวการถูกตำหนิเท่านั้น
เธอมักจะเป็นน้ำเน่าที่พวกเขาพยายามจะสาดออกไป
สุดท้ายแล้วเสิ่นอวี้อิ๋งก็ตระหนักได้สถานะของเธอในตระกูลเสิ่นไม่สูงเท่ากับตระกูลหลินที่อยู่ในชนบทเลย
ในอดีต ภายในตระกูลหลิน คราวที่หลินต้าฝูยังมีชีวิตอยู่ เธอถูกให้ความสำคัญเป็นลำดับแรก
ต่อมา แม้ว่าหลินต้าฝูจะจากไปแล้ว แต่หลิวกุ้ยอิง และหลินจินซานก็ยังใจดีกับเธอมาก อีกทั้งพวกเขายังให้เธอได้เรียนหนังสือด้วย
ส่วนตระกูลเสิ่นน่ะเหรอ?
เซี่ยหลานกำลังปกป้องลูกชายที่นอนเป็นผักอยู่ในโรงพยาบาล ในขณะที่เสิ่นเถี่ยจวินก็เอาแต่สนใจเรื่องของตัวเอง
คุณปู่เสิ่นมีเพียงเสิ่นเสี่ยวเหมยในใจเท่านั้น และเสิ่นอวี้หลงที่ยังไม่ลืมตาขึ้นมาเป็นอันดับสองในใจของเขา
ความขุ่นเคืองปรากฏขึ้นในดวงตาของเสิ่นอวี้อิ๋ง
เธอจะไม่ยอมให้พวกเขาปฏิบัติต่อเธอเช่นนี้แน่
สุดท้ายแล้วเธอคือลูกของเสิ่นเถี่ยจวิน และตระกูลเสิ่นถือว่าติดค้างเธอ!
การโต้เถียงระหว่างเซี่ยหลานและคุณปู่เสิ่นยังไม่จบลง
เซี่ยหลานกล่าวเสียงหนัก “ลูกของฉัน ฉันจะตัดสินใจเอง”
เย่ไป๋ได้ยินเสียงทะเลาะกันภายในห้อง เขาจึงเปิดประตูเข้ามาด้านใน
และทันทีที่เขาเปิดประตู ทุกคนภายในห้องยกเว้นเสิ่นอวี้หลงที่หลับอยู่หันมองเขาเป็นสายตาเดียว
เย่ไป๋ได้พบกับเซี่ยอวี่และเสิ่นเสี่ยวเหมยพร้อมกัน
ชายร่างสูงถึงกับสั่นสะท้านด้วยความหวาดหวั่น
ทำไมหญิงสาวสองคนที่ดุร้ายและเป็นโชคร้ายในชีวิตเขาถึงปรากฏตัวพร้อมกัน?
เมื่อเสิ่นเสี่ยวเหมยเห็นหมอไป๋ แววตาของเธอเผยความประหลาดใจปนความไม่ยินดี
เขาดูดีกว่าเฉินเจียซิ่งมากจริง ๆ
เซี่ยอวี่เหลือบมองคนที่เปิดประตูเข้ามา และเห็นว่าเป็นคนที่เธอตำหนิอย่างหนักพร้อมทั้งหยิบเสื้อของเขามาด้วย เวลานี้เธอรีบหันหลังหนีไปด้วยความอับอาย
สวนเย่ไป๋นั้นไม่คิดมาก่อนว่าเขาจะเข้ามาอยู่ในทุ่งปีศาจได้
เขากลืนน้ำลายอย่างยากลำบากก่อนจะหันไปหาเซี่ยหลาน “หมอเซี่ย มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ?”
เซี่ยหลานตอบกลับ “หมอเย่ คุณช่วยเร่งให้รถพยาบาลมาเร็วขึ้นหน่อยได้ไหมคะ?”
“ครับ”
หลังเย่ไป๋ตอบรับแล้ว เขาหันหลังออกไปพร้อมปิดประตูลงอย่างรวดเร็ว
——————————————-