ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 313 นัดบอดของเสิ่นเสี่ยวเหมย
ตอนที่ 313 นัดบอดของเสิ่นเสี่ยวเหมย
ตอนที่ 313 นัดบอดของเสิ่นเสี่ยวเหมย
เขาเดินออกจากห้องทำงานและได้เจอกับเซี่ยหลานตรงทางเดิน
“หมอเซี่ย เป็นอะไรหรือเปล่าครับ?”
ใบหน้าของเซี่ยหลานซีดเซียว และเมื่อไม่นานมานี้เย่ไป๋ก็ได้ยินเรื่องราวในครอบครัวของเซี่ยหลานมาบ้าง
ทราบว่าหล่อนกำลังยื่นคำขอหย่าร้างกับองค์กร
เซี่ยหลานเงยหน้ามองเขาอย่างขอโทษก่อนจะพูดว่า “หมอเย่ ต้องขอโทษที่ฉันมารบกวนคุณหลังเลิกงานนะคะ คือฉันต้องการจะพาอวี้หลงออกจากโรงพยาบาลค่ะ ไม่ทราบว่าคุณจะสะดวกไหมคะถ้าฉันขอย้ายเขาไปรักษากับแพทย์แผนจีนเย่?”
“หมอเซี่ย ผมเคารพการตัดสินใจของครอบครัวคุณครับ”
เห็นชัดว่าเซี่ยหลานรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยกับคำตอบของเย่ไป๋
เวลานี้เย่ไป๋จึงกล่าวเสริมว่า “ความจริงแล้วทักษะการแพทย์ของคุณหมอแผนจีนเย่ดีมากจริง ๆ แต่อาการของอวี้หลงค่อนข้างพิเศษมาก จะสามารถปลุกเขาขึ้นมาได้หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับคุณหมอแผนจีนเย่แล้วล่ะครับ”
“เขามาเยี่ยมคนไข้แล้ว ในฐานะแพทย์ เขาบอกกล่าวว่าไม่รับประกันว่าอวี้หลงจะหายขาด แต่บอกเพียงว่าจะทำให้ดีที่สุดหากพวกคุณเชื่อมั่นในการแพทย์แผนจีนน่ะครับ”
เซี่ยหลานเผยสีหน้าทั้งกังวลและโศกเศร้า
เย่ไป๋รู้ว่าเซี่ยหลานกำลังคิดอะไรอยู่ หล่อนกำลังรอให้เขาที่เป็นแพทย์เจ้าของไข้มอบความกล้าให้กับหล่อนในการตัดสินใจสุดท้าย
เขาพูดกับเซี่ยหลาน
“หมอเซี่ย อวี้หลงตกอยู่ในสภาวะโคม่ามานานแล้วและไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้นเลย ในฐานะแพทย์เจ้าของไข้ ผมก็กังวลมากเหมือนกัน ตอนนี้พวกเราไร้หนทางจริง ๆ หากคุณคิดว่าจะลองร่วมมือกับแพทย์แผนจีน ผมว่ามันก็เป็นหนทางที่ดีนะครับ”
คำพูดของเย่ไป๋ทำให้เซี่ยหลานมีความมั่นใจขึ้นมา ตอบกลับว่า “ค่ะ งั้นฉันจะให้เขาออกจากโรงพยาบาล”
“หมอเย่ ขอบคุณนะคะ” เซี่ยหลานมองเย่ไป๋ด้วยแววตาซาบซึ้งและขอบคุณ “ฉันรู้ว่าคุณทำงานหนักมากในการรักษาอวี้หลง”
“ไม่ต้องพูดอย่างนั้นหรอกครับ พวกเรามีเป้าหมายเดียวกัน”
เย่ไป๋กล่าวลา “หมอเซี่ย ผมต้องไปแล้วล่ะครับ”
เย่ไป๋ขี่มอเตอร์ไซค์ออกจากโรงพยาบาล ก่อนจะจอดที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง
เพราะติดพูดคุยหลังเลิกงานเลยมาช้าสักหน่อย แต่ก็สายไปเพียงไม่กี่นาที
เขาจัดการล็อกมอเตอร์ไซค์ก่อนจะเดินเข้าร้านอาหาร
หญิงวัยกลางคนผมสั้นคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นขวางทางเขาเอาไว้
“เสี่ยวไป๋ ทำไมถึงเพิ่งมาตอนนี้ล่ะ?”
เย่ไป๋อธิบาย “คุณน้า ผมเพิ่งเลิกงาน”
หญิงวัยกลางคนรีบลากเขาขึ้นไปยังบันไดขึ้นสู่ชั้นสองแล้วพูดว่า “ไหนๆ ก็มาแล้ว ฉันเปิดห้องส่วนตัวเอาไว้ เข้ามาคุยกันสักหน่อยเถอะ”
เย่ไป๋ถูกดึงเข้าไปในห้องพิเศษที่คุณน้าของเขาเปิดเอาไว้อย่างกระตือรือร้น
ก่อนจะเห็นหญิงสาวสวมใส่เสื้อผ้าทันสมัยและดูดีนั่งอยู่ก่อนแล้ว
เส้นผมที่ถูกดัดลอนปิดบังครึ่งหน้าของหล่อนเอาไว้
“เสี่ยวเหมย ฉันมาแล้ว”
ทันทีที่คุณน้าพาเขาเข้ามา หล่อนก็รีบส่งสัญญาณให้เย่ไป๋ “ทักทายหล่อนเร็วเข้าสิ”
“สวัสดีครับ”
เย่ไป๋ถูกกระตุ้นจึงรีบกล่าวทักทายผู้หญิงคนนั้นทันที
ผู้หญิงคนนั้นเงยหน้าขึ้นก่อนจะหันมองเขา
เย่ไป๋เห็นใบหน้าของอีกฝ่ายชัดเจน เขาเผยสีหน้าประหลาดใจทันที
นี่มัน…
และเมื่อผู้หญิงคนนั้นเห็นชายตรงหน้า สีหน้าของหล่อนก็ประหลาดใจไม่แพ้กัน
ชัดเจนแล้ว
“เสี่ยวเหมย นี่คือเย่ไป๋คุณน้าของฉัน ทำงานอยู่ในโรงพยาบาลไห่เฉิง”
เสิ่นเสี่ยวเหมยยืนขึ้นก่อนจะมองเย่ไป๋แล้วถามออกมาด้วยความประหลาดใจ “คุณเป็นหมอเจ้าของไข้เสิ่นอวี้หลงใช่ไหม?”
เย่ไป๋ขยับแว่นตาก่อนจะตอบว่า “ครับ”
“อ้าว รู้จักกันเหรอ?” คุณน้าของเขาเอ่ยปากถามด้วยรอยยิ้ม
เย่ไป๋มองคุณน้าของเขาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “คุณน้า นี่คือคนที่คุณอยากจะแนะนำให้ผมรู้จักใช่ไหม?”
“ใช่ หล่อนคือเสิ่นเสี่ยวเหมย ลูกพี่ลูกน้องของหล่อนเป็นผู้อำนวยการโรงงานเครื่องจักรไห่เฉิง ส่วนลุงของหล่อนทำงานราชการก่อนที่จะเกษียณ หล่อนถูกคุณเสิ่นเลี้ยงดูมา ถือว่าเป็นแก้วตาดวงใจเลยก็ว่าได้”
คุณน้าของเขาทำหน้าที่เป็นแม่สื่อได้ยอดเยี่ยม หล่อนหลบเลี่ยงที่จะกล่าวเรื่องเลวร้าย และพูดออกมาเพียงข้อดีเท่านั้น
แน่นอนว่าสิ่งที่ดีที่สุดของเสิ่นเสี่ยวเหมยคือหล่อนมีลุงที่ยอดเยี่ยม
และคุณน้าคนนี้ก็ได้รับบางอย่างตอบแทนด้วย
เย่ไป๋ถามเสิ่นเสี่ยวเหมยว่า “คุณไม่ได้เป็นคนรักของเฉินเจียซิ่งเหรอครับ?”
เสิ่นเสี่ยวเหมยตอบกลับ “เราหย่ากันแล้วค่ะ”
เย่ไป๋มองคุณน้าของเขาด้วยแววตาตำหนิ “คุณน้า คุณไม่เคยพูดกับผมมาก่อนเลยว่าคนที่มานัดบอดคราวนี้มีสถานะอะไร”
คุณน้าของเขาอดไม่ได้ที่จะเขินอายก่อนจะดันเขาหันหลังแล้วกล่าวกระซิบเสียงแผ่ว
“เสี่ยวไป๋ ฟังนะ เธออายุตั้ง 30 ปีแล้ว ไม่ง่ายเลยที่จะหาผู้หญิงโสดที่มีคุณสมบัติยอดเยี่ยมแบบนี้ เสี่ยวเหมยใช้ชีวิตแต่งงานเพียงช่วงเวลาสั้น ๆ เท่านั้นและหล่อนยังไม่มีลูก จึงไม่ถือว่าเป็นแม่ม่าย”
เย่ไป๋ถึงกับตกตะลึง
คุณน้ายังคงโน้มน้าวต่อไป “และสำคัญก็คือครอบครัวของหล่อนมีฐานะดี อีกอย่างคุณเสิ่นก็เป็นข้าราชการมาก่อนด้วย”
เย่ไป๋ไม่อยากจะฟังอีกต่อไป เขาไม่ได้หันมองเสิ่นเสี่ยวเหมยแม้แต่น้อย เวลานี้ก็เอ่ยปากกับคุณน้าของเขาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “คุณน้า ผมมีอย่างอื่นต้องทำแล้ว ขอตัวก่อนนะครับ”
ก่อนจะจากไป เขาหันมองคุณน้าของตัวเองแล้วกล่าวเสียงแข็ง “แล้วก็ไม่ต้องแนะนำใครให้ผมแล้วนะครับ”
เสิ่นเสี่ยวเหมยมองแผ่นหลังของชายที่จากไปโดยไม่ลังเล ใบหน้าที่ตบแต่งเเครื่องสำอางอย่างงดงามพลันบิดเบี้ยวน่าเกลียด
หล่อนชี้นิ้วใส่แม่สื่อตรงหน้า “คุณไม่ได้บอกเหรอว่าเขาไม่ชอบผู้หญิงที่แต่งงานมาแล้ว? และไม่ได้บอกสถานะก่อนหน้าของฉันกับเขาเหรอ?”
แม่สื่อเอ่ยปากอย่างเคอะเขิน “ฉันไม่กล้าบอกความจริงเพราะกลัวเขาจะไม่มาน่ะสิ”
หากผู้เฒ่าเสิ่นไม่ได้เป็นคนขอให้ช่วย หล่อนก็คงไม่กล้าแนะนำเย่ไป๋ให้รู้จักกับหญิงที่เพิ่งหย่าร้าง
ใครจะไปคิดว่าพวกเขาจะรู้จักกัน
“เสี่ยวเหมย อย่ากังวลไปเลย ไว้ฉันจะแนะนำคนใหม่ให้คุณนะ”
“ไม่ต้อง!” เสิ่นเสี่ยวเหมยคว้ากระเป๋าพร้อมจากไปด้วยความขุ่นเคือง
เย่ไป๋ขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์ก่อนจะใช้ขายาวถีบสตาร์ท
เสียงเครื่องยนต์มอเตอร์ไซค์ดังก้องไปทั่ว
หลังจากเขาพยายามสตาร์มันอยู่หลายครั้ง มันก็ติดในที่สุด
ขณะที่เขากำลังจะขับออกไป เสิ่นเสี่ยวเหมยก็เดินเข้ามาขวางทางด้วยท่าทางเย่อหยิ่ง “หมอเย่ เดี๋ยวก่อนค่ะ”
“หืม ครับ?”
“ทำไมถึงดูถูกฉันนัก?” เสิ่นเสี่ยวเหมยถามเขา
น้ำเสียงของหล่อนเต็มไปด้วยความหงุดหงิด
เย่ไป๋เป็นสุภาพบุรุษเพียงพอ ต่อให้ต้องเผชิญกับคำถามไร้มารยาทของอีกฝ่าย เขาก็ยังสงวนท่าที “คุณเสิ่น ผมก็แค่แปลกใจและไม่รู้ว่าคุณกับเฉินเจียซิ่งหย่ากันแล้ว”
การแสดงออกของเขาทำให้เสิ่นเสี่ยวเหมยเข้าใจทันทีว่าเขาจะสื่อถึงอะไร
“คุณตกใจและไม่สามารถยอมรับมันได้ในระยะเวลาสั้น ๆ ใช่ไหม? ที่จริงฉันกับเฉินเจียซิ่งหย่ากันมาสักพักแล้ว เราเข้ากันไม่ได้ และไม่อยากจะถ่วงเวลาของกันและกันไว้ เราไม่ได้อยู่ด้วยกันเป็นเวลานานจากนั้นจึงหย่าร้าง และฉันก็ต้องการที่จะมีความสุขอีกครั้ง”
เย่ไป๋ตอบกลับ “อืม”
เป็นเรื่องปกติที่หล่อนจะมองหาความสุขครั้งใหม่ แต่ไม่ใช่เขา
เย่ไป๋ไม่ได้พูดตอบโต้อะไร
เสิ่นเสี่ยวเหมยเข้าใจผิดอีกครั้ง ดูเหมือนหล่อนจะเห็นแสงสว่างตรงหน้า จึงพูดออกไปอย่างกล้าหาญว่า “เราควรจะทิ้งข้อมูลการติดต่อของกันและกันไว้ เริ่มต้นจากการเป็นเพื่อนกันก่อนก็ได้”
“ขอโทษครับ ผมไม่คิดจะหาสหายในตอนนี้”
เสิ่นเสี่ยวเหมยเม้มปาก สีหน้าดูโศกเศร้า “คุณหมอเย่ สรุปว่าคุณไม่ชอบฉัน”
เมื่อผู้หญิงตรงหน้าเม้มปากสีแดงสดแน่น เย่ไป๋อดไม่ได้ที่จะรังเกียจ
สุดท้ายแล้วความเป็นสุภาพบุรุษของเขาก็ถูกหยุดไว้เพียงเท่านี้ เขาพูดออกไปตามตรง “ไม่ใช่ว่าผมไม่ชอบคุณหรอก แต่ผมไม่ชอบผู้หญิงที่ทำตัวเหมือนอสุรกาย”
หลังพูดจบ เขาเร่งเครื่องอีกครั้งก่อนจะบิดเร่งมอเตอร์ไซค์ออกไปทันที
เสิ่นเสี่ยวเหมยยิ่งอับอาย เธอกัดฟันแน่นจนฟันแทบแตกเสี่ยง ก่อนจะกระทืบเท้าอย่างไม่พอใจ
เย่ไป๋โทรกลับหาหมายเลขที่เฉินเจียเหอใช้โทรมาก่อนหน้า และถามที่อยู่ของห้องเต้นรำของเซี่ยไห่ จากนั้นเขาก็มุ่งหน้าไปสู่ที่นั่นทันที
เวลานี้เซี่ยไห่และคนอื่น ๆ ออกมาจากห้องเต้นรำแล้ว และพวกเขากำลังจะไปกินข้าว
ห้องเต้นรำเปิดอยู่ และภายในค่อนข้างเสียงดังมาก แน่นอนว่าการอยู่ในห้องเต้นรำจะทำให้พวกเขาพูดคุยกันได้ลำบาก
พรุ่งนี้ฟางจิ้นเปาจะกลับไปทำงานแล้ว เซี่ยไห่จึงวางแผนว่าจะเลี้ยงอาหารทุกคนสักมื้อเป็นการส่งท้าย
เห็นมอเตอร์ไซค์ของเย่ไป๋ขับเข้ามา เฉินเจียเหอถึงกับอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ
“เหล่าเย่ ทำไมนายถึงมาได้ล่ะ? ก่อนหน้านี้คุณบอกว่าไม่ว่างไม่ใช่เหรอ?”
เย่ไป๋นึกถึงนัดบอดที่ถูกพาไปพบเจอกับน้องสะใภ้เก่าของเฉินเจียเหอ เขาก็อดไม่ได้ที่จะเขินอายเมื่อพบเจออีกฝ่าย
เวลานี้จึงตอบกลับอย่างเรียบง่ายว่า “ไม่มีอะไรแล้ว”
เซี่ยไห่ไม่ได้พบเจอเย่ไป๋นานแล้ว และเขายังคงเผยท่าทางอบอุ่นและคุ้นเคยเช่นเดิม
เขาขอให้หลินจินซานช่วยเข็นมอเตอร์ไซค์ของเย่ไป๋ไปจอดในลานจอดพิเศษอย่างกระตือรือร้น
“คุณหมอเย่ คุณมาได้ทันเวลาพอดี เรากำลังจะไปที่ร้านอาหารฝั่งตรงข้าม”
“เถ้าแก่เซี่ย ดูเหมือนธุรกิจจะไปได้สวยเลยนะครับ”
ผู้ชายกลุ่มใหญ่เดินเข้ามาในภัตตาคาร
เซี่ยไห่เปิดไวน์หนึ่งขวด แต่เย่ไป๋ไม่ดื่ม ส่วนถังจวิ้นเฟิงก็ต้องเข้าเวรในคืนนี้ เขาจึงไม่ดื่มด้วยเช่นกัน
เซี่ยไห่จึงรินเครื่องดื่มให้ทุกคนที่สามารถดื่มได้
ฟางจิ้นเป่าลุกขึ้นในฐานะพี่ใหญ่ เขาฉลองให้กับเซี่ยไห่และฝากฝังลู่เจิ้งอวี่ไว้กับเขาด้วย
“เหล่าเซี่ย เจิ้งอวี้เป็นน้องชายคนเล็กของพวกเรา ฉันเคยดูแลเขามาก่อน ตอนนี้นายล่อลวงเขาเข้าสู่ห้องเต้นรำของนายแล้ว นายจะต้องปฏิบัติต่อเขาให้ดี ปกป้องเขา และช่วยหาคู่ครองให้เขาด้วย ฉันให้เวลานายจัดการเรื่องนี้สามเดือน”
เย่ไป๋หันมองลู่เจิ้งอวี่น้องชายคนเล็กที่ลาออกจากงานเดิมเพื่อหาคู่ครอง จู่ ๆ เขาก็นึกกดดันขึ้นมา และสัมผัสได้ว่าเขาเองก็ไม่ใช่เด็กอีกต่อไป
เซี่ยไห่ตอบกลับอย่างจริงจัง “ไม่ต้องห่วง ฉันจะฝึกฝนเขาให้ดี และไม่ต้องกังวลเรื่องคู่ครองของเขา ฉันจะแนะนำให้เขารู้จักใครบางคนแน่นอน”
เย่ไป๋ดื่มชา หันไปหาเฉินเจียเหอแล้วถามเสี่ยงแผ่ว “น้องชายคนรองของนายหย่าแล้วเหรอ?”
เฉินเจียเหอพยักหน้า “อืม”
เย่ไป๋วางถ้วยชาลงก่อนจะนึกถึงฉากน่ากลัวในวันนี้ เขายกยิ้มบิดเบี้ยวพร้อมหัวเราะแห้ง
“ยิ้มอะไรกัน?” เฉินเจียเหอเหลือบมองพร้อมเอ่ยปากถาม
“ไม่มีอะไร”
“พูดมาเถอะ พูดได้ไม่ต้องลังเล”
เย่ไป๋อยากจะแบ่งปันความหดหู่นี้ให้เฉินเจียเหอช่วยรับฟัง และเมื่อเฉินเจียเหอเปิดทางอย่างนั้น เขาก็อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นว่า “คุณน้าของฉันนำให้ฉันได้รู้จักกับภรรยาเก่าของเขาน่ะ ฉันเพิ่งไปเจอหล่อนมา”
ดวงตาของเฉินเจียเหอวูบไหวเล็กน้อยก่อนจะขมวดคิ้วถามกลับ “เสิ่นเสี่ยวเหมยเหรอ?”
เฉินเจียเหอเป็นคนฉลาด เย่ไป๋ยกชาขึ้นจิบด้วยสีหน้าอึดอัดก่อนจะตอบกลับ “ใช่”
“อา”
ผู้หญิงอย่างเสิ่นเสี่ยวเหมยถึงกับรีบนัดบอดขนาดนั้นเชียวเหรอ?
และหล่อนเลือกที่จะพบเจอเย่ไป๋ ถือว่ามีสายตาที่ยาวไกล
ใบหน้าของเฉินเจียเหอกลายเป็นมืดมน ก่อนจะพูดต่อว่า “ญาติของนายคนนั้น…นายควรยุติความสัมพันธ์กับหล่อนซะ”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
นั่นไง เป็นนัดบอดของนังเหมยจริงๆ ด้วย ดีที่หมอเย่รู้เรื่องราวอะไรมาบ้างแล้ว เลยรอดตัวไป โสดต่อไปยาวๆ เถอะนังเหมย
ไหหม่า(海馬)