ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 311 เซี่ยเหลยได้พบหลิวกุ้ยอิง
ตอนที่ 311 เซี่ยเหลยได้พบหลิวกุ้ยอิง
ตอนที่ 311 เซี่ยเหลยได้พบหลิวกุ้ยอิง
วันต่อมา คุณแม่เซี่ยพาเซี่ยเหลยออกจากบ้าน
เซี่ยไห่อดไม่ได้ที่จะกังวล เขาจึงทำได้เพียงติดตามไปเท่านั้น
เวลานี้เขาบอกกล่าวกับหลิวกุ้ยอิงไว้ล่วงหน้าแล้ว
ทั้งหมดนัดกันไว้ว่าหลังจากเซี่ยเหลยมาถึง ทุกคนจะพาเขาไปดื่มและหาโอกาสพูดคุยกันสักหน่อย
หลินจินซานทำงานกลางคืนและนอนในช่วงกลางวัน ส่วนหลินเยี่ยนไปที่ร้านของหลินเซี่ย ในบ้านจึงเหลือแค่หลิวกุ้ยอิงเพียงคนเดียว
หลินเซี่ยมาถึงในตอนเช้า และบอกว่าวันนี้หญิงชราจะพาเซี่ยเหลยมาที่นี่ เธอจึงมารอพบเจอด้วย
เพราะเซี่ยเหลยจำอะไรไม่ได้เลย และครอบครัวของเขาหวาดกลัวว่าการพูดคุยในสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคยจะทำให้เขาปวดหัวและพาลหงุดหงิด หลินเซี่ยจึงบอกกล่าวกับหลิวกุ้ยอิงว่าให้ทำตัวผ่อนคลาย อย่ากังวล
แต่จะไม่ให้หลิวกุ้ยอิงกังวลได้ยังไง?
เซี่ยเหลยจำหล่อนไม่ได้ จำเรื่องราวใด ๆ ไม่ได้เลย แต่ตัวหล่อนกลับจดจำได้ทุกสิ่งอย่าง
ผู้ชายคนนั้นคือคนที่เคยเอ่ยปากว่าจะแต่งงานกับหล่อน…
จิตใจของหล่อนกระสับกระส่ายตั้งแต่เช้า ขณะพยายามคาดเดาไปต่าง ๆ นานา
ถึงเวลาเที่ยง คุณแม่เซี่ยพาเซี่ยไห่ และเซี่ยเหลยเดินเล่นอยู่บนถนนแห่งหนึ่ง
จากนั้นก็เดินมาถึงลานบ้านทรุดโทรมที่ครอบครัวของพวกเขาเคยอาศัย
คุณแม่เซี่ยมองเซี่ยเหลยพร้อมเอ่ยปากถามอย่างคาดหวัง
“เสี่ยวเหลย ลูกพอจะจำที่นี่ได้บ้างไหม?”
เซี่ยเหลยมองสภาพแวดล้อมโดยรอบก่อนจะพูดขึ้นว่า “แม่ครับ ในความฝันที่วุ่นวายของผมมีบ้านแบบนี้อยู่ด้วย”
หญิงชรานึกยินดีขึ้นมา “ที่นี่แหละเคยเป็นบ้านของเรา”
เซี่ยไห่และเซี่ยอวี้ต่างมีความคิดเดียวกัน ทั้งคู่ไม่อยากจะนึกถึงความยากลำบากในอดีตอีกแล้ว
“แม่คะ พี่ใหญ่ พวกเราไปกันเถอะ”
พวกเขาต้องการไปที่บ้านของหลิวกุ้ยอิงโดยเร็ว
สิ่งสำคัญที่สุดในเวลานี้คือการให้พี่ใหญ่ได้พบเจอกับหลิวกุ้ยอิง
เซี่ยไห่เดินนำทาง พวกเขาเลี้ยวลัดไปตามตรอกซอกซอยต่าง ๆ ก่อนจะหยุดอยู่หน้าประตูบ้านของหลิวกุ้ยอิง
เซี่ยไห่พยายามปรับน้ำเสียงเพื่อให้เป็นธรรมชาติมากที่สุด “พี่ใหญ่ แม่ยายของเจียเหออยู่ที่นี่ เราเข้าไปดื่มน้ำกันสักแก้วเถอะครับ”
เซี่ยเหลยเหลือบมองประตูเหล็กที่ปิดอยู่ก่อนจะเอ่ยปากขึ้นว่า “เราอย่าไปรบกวนคนอื่นเลย”
“ไม่รบกวนหรอกครับ ผมมีเรื่องจะคุยกับหล่อนนิดหน่อย เราเข้าไปนั่งด้านในกันเถอะ”
เซี่ยเหลยไม่ใช่คนที่ชอบเข้าบ้านคนแปลกหน้า เขาจึงบอกให้เซี่ยไห่เข้าไปคนเดียว
เวลานั้นหญิงชราก็เอามือกุมศีรษะไว้ก่อนจะกล่าวว่า “โอ๊ย แม่เวียนหัวจังเลย ไม่รู้ว่าเป็นอะไร?”
เซี่ยเหลยตื่นตระหนกก่อนจะเข้าประคอง “แม่ยืนไหวไหมครับ?”
หญิงชรากุมศีรษะเอาไว้ก่อนจะกล่าวออกด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “อาจเพราะเมื่อเช้าแม่กินข้าวน้อยไป พอเดินมาก ๆ เลยทำให้น้ำตาลต่ำเอาน่ะ”
เซี่ยไห่หันมองเซี่ยเหลยก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงกังวล “พี่ใหญ่ เดี๋ยวพาแม่เข้าไปพักที่บ้านแม่ยายของเจียเหอก่อนเถอะครับ”
เซี่ยเหลยทำได้เพียงเห็นด้วย
เซี่ยไห่พยุงหญิงชราก่อนจะเคาะประตูแล้วตะโกนขึ้นว่า “พี่อิงจื่อ อยู่บ้านไหมครับ?”
เซี่ยเหลยหันมองเซี่ยไห่ด้วยความสับสน “นายเรียกแม่ยายของเจียเหอว่าพี่สาวงั้นเหรอ?”
“ครับ แม่ของเซี่ยเซี่ยอายุเท่ากับพี่สาวของผม และอายุมากกว่าผมแค่สองปีเท่านั้น เลยไม่ควรเรียกหล่อนว่าคุณป้า”
หลิวกุ้ยอิงเดินออกมายังลานบ้าน ครั้นได้ยินเสียงเรียกของเซี่ยไห่แล้วก็มีท่าทางกังวลมากขึ้น
หลังจากลังเลอยู่นาน ในที่สุดก็ขานรับ “มาแล้วค่ะ”
หล่อนเปิดประตูและมองบุคคลที่ยืนอยู่หน้าประตู จากนั้นความพยายามที่จะสะกดจิตตัวเองก็พังทลายลงในทันที
หล่อนจดจำเขาได้ตั้งแต่แรกเห็นโดยไม่ต้องใช้ความพยายามใดๆ
ต่อให้เขาจะเป็นคนพิการหรือมีรอยแผลเป็นมากมายบนใบหน้าก็ตาม
ใบหน้านั้นและความรู้สึกอันคุ้นเคยล้วนฝังลึกอยู่ในก้นบึ้งของหัวใจ ต่อให้ไม่ได้พูดคุยกับอีกฝ่าย แต่หล่อนก็ทราบได้ทันทีว่านี่คือเขา
หลิวกุ้ยอิงหันหลังกลับพร้อมใช้มือปิดปากเอาไว้ เพื่ออดกลั้นไม่ให้ตัวเองต้องสูญเสียการควบคุมอารมณ์
เซี่ยไห่เดินติดตามเข้ามาก่อนจะกล่าวแผ่วเบา “พี่อิงจื่อ เก็บอาการด้วยครับ”
หลิวกุ้ยอิงพยายามสงบสติก่อนจะสูดลมหายใจลึกแล้วหันหลังกลับมา
คุณแม่เซี่ยยิ้มก่อนจะกล่าวแนะนำ “อิงจื่อ นี่คือเซี่ยเหลยลูกชายคนโตของฉัน”
“ค่ะ” หลิวกุ้ยอิงทักทายทุกคน “เชิญทุกคนเข้ามาด้านในก่อนนะคะ”
หลิวกุ้ยอิงต้อนรับพวกเขาก่อนจะเดินตามหลังไป พอเห็นเซี่ยเหลยเดินกะเผลกเล็กน้อย น้ำตาก็ไหลอาบแก้มสองข้างอย่างไม่อาจควบคุมทันที
เป็นอย่างที่เซี่ยไห่พูดไว้ก่อนหน้านี้ เขาคลานออกมาจากกองซากศพ และฟื้นกลับมาด้วยชีวิตเพียงครึ่งเดียว
หลังจากเข้ามาในบ้านแล้ว หล่อนก็ไปชงชาด้วยท่าทางเหม่อลอย
หล่อนไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าเขา
เนื่องจากหวาดกลัวว่าตัวเองจะไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้
หล่อนตั้งรับไม่ไหวจริง ๆ ว่าผู้ชายที่ตายในสนามรบเมื่อยี่สิบปีที่แล้วจะมาปรากฏตัวต่อหน้าของเธออีกครั้ง
นั่นเป็นเขา
แต่กลับไม่ใช่เขา
เขาจดจำตัวเองไม่ได้ด้วยซ้ำ
แววตาคู่นั้นไร้ซึ่งชีวิตราวกับบ่อน้ำลึก
คุณแม่เซี่ยเห็นว่าหลิวกุ้ยอิงกำลังวุ่นวายอยู่กับการทำบางอย่าง จึงไม่คิดจะเข้าไปแทรกแซง
นางยกยิ้มก่อนจะพูดขึ้นว่า
“อิงจื่อ นั่งลงคุยกันดี ๆ เถอะจ้ะ”
เซี่ยไห่เดินไปมาในบ้านอย่างคุ้นเคยก่อนจะหยิบกาน้ำชาจากหลิวกุ้ยอิง และแย่งทำงานแทนหลิวกุ้ยอิงทันที
หลิวกุ้ยอิงไม่มีทางเลือกนอกจากนั่งลง
เซี่ยเหลยนั่งอยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ กลิ่นอายของเขาเต็มไปด้วยความสงบ
ทว่าดวงตาของหลิวกุ้ยอิงกลับจ้องมองเขาโดยไม่รู้ตัวอยู่เสมอ
หล่อนอยากเห็นว่าเขาเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง
คุณแม่เซี่ยยกยิ้มก่อนจะกล่าวถาม “อิงจื่อ ฉันได้ยินเซี่ยเซี่ยบอกว่าเธอเองก็มาจากเทศมณฑลซีเหอด้วยเหรอ?”
“ใช่ค่ะ”
“ลูกชายคนโตของฉันก็เคยไปอยู่ในกองกำลังทหารประจำเทศมณฑลซีเหอด้วยเหมือนกัน เขาอยู่ที่นั่นนานกว่าครึ่งปีเชียวนะ” คุณแม่เซี่ยหันกลับมาหาเซี่ยเหลย “เสี่ยวเหลย แม่ของเซี่ยเซี่ยก็มาจากเทศมณฑลซีเหอเหมือนกัน”
นางถามหลิวกุ้ยอิงอีกครั้ง “แล้วบ้านของเธออยู่ใกล้กับกองทหารไหม?”
หลิวกุ้ยอิงวางมือบนเข่า เผยท่าทางกังวลออกมา “ใกล้ค่ะ”
“อย่างนั้นลองดูหน้าของเจ้าใหญ่ของฉันหน่อยสิ เผื่อว่าพวกเธออาจจะเคยพบกันมาก่อน”
เซี่ยไห่รินชาให้กับทุกคนก่อนจะพูดว่า “ใช่ครับ พี่อิงจื่อ ลองดูหน้าเขาดี ๆ สิ ถ้าเทียบกับตอนเด็ก ๆ แล้วหน้าตาของพี่ใหญ่ไม่ได้เปลี่ยนไปเท่าไหร่นัก ตอนนี้เขาก็แค่มีแผลเป็นเพิ่มมา และขาเจ็บนิดหน่อย ส่วนใหญ่แล้วคนที่ได้รับบาดเจ็บในสนามรบจะต้องใช้เวลาหลายปีเพื่อฟื้นฟูร่างกายให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม”
หลิวกุ้ยอิงนั่งที่เดิมและมองรอยแผลเป็นบนใบหน้าของเซี่ยเหลย จังหวะนั้นทั้งสองคนสบตากันพอดิบพอดี ทว่าแววตาของเซี่ยเหลยเป็นดั่งบ่อน้ำเย็นเฉียบ
ไร้ซึ่งอารมณ์ใดในแววตา และทุกอย่างมีเพียงความสงบ
เห็นชัดว่าไม่รู้จักหล่อน
หัวใจของหลิวกุ้ยอิงจมดิ่งสู่ความเจ็บปวด
เขาจดจำหล่อนไม่ได้ และเขาคงไม่รู้ว่าหล่อนต้องเจ็บปวดแค่ไหนกับอนาคตที่เขามอบให้หล่อน
เขาไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตัวเองมีลูกสาว…
ลูกสาวของพวกเขาถูกลักพาตัว และหายไปกว่ายี่สิบปี
เขาไม่รู้อะไรเลย และจำอะไรไม่ได้
หลิวกุ้ยอิงทั้งผิดหวัง รู้สึกผิด และเสียใจ
เวลานี้เซี่ยไห่เห็นหล่อนจมอยู่ในความโศกเศร้า เขาจึงร้องเรียก “พี่อิงจื่อครับ?”
หลิวกุ้ยอิงได้สติกลับมาก่อนจะตอบกลับเสียงแผ่ว
คุณแม่เซี่ยพยายามชักชวนหลัวกุ้ยอิงอีกครั้ง “อิงจื่อ มองใกล้ ๆ สิ บางทีเธออาจจะเคยเห็นเสี่ยวเหลยของฉันก็ได้ ยังไงซะเทศมณฑลซีเหอก็ใหญ่มาก พวกเธอน่าจะเคยเดินผ่านกันและพบเจอกันมาก่อน นี่ก็นานมากแล้วเธออาจจะหลงลืมไปบ้าง แต่ลองคิดให้ดี มองนาน ๆ หน่อย”
คุณแม่เซี่ยขยิบตาให้กับเซี่ยไห่เพื่อให้ช่วยกันโน้มน้าว
แต่หลิวกุ้ยอิงที่ควรจะปฏิบัติตามคำขอนั้นกลับเมินเฉยใส่ทุกสิ่ง
และเมื่อเห็นหลิวกุ้ยอิงเงียบไปแล้ว คุณแม่เซี่ยจึงหันมองลูกชายอีกครั้งก่อนจะถามขึ้นว่า “เสี่ยวเหลย มองหน้าอิงจื่อสิ ลูกไม่รู้สึกคุ้นหน้าบ้างเหรอ?”
เซี่ยเหลยมองหลิวกุ้ยอิงสักสองสามวินาที จากนั้นพูดขึ้นว่า “มีรูปถ่ายก่อนหน้านี้บ้างไหม?”
จู่ ๆ เซี่ยเหลยก็กล่าวขึ้นมาอย่างนั้น และน้ำเสียงคุ้นเคยทำให้อารมณ์ของหลิวกุ้ยอิงตื่นเต้นขึ้นมา
“คุณมีรูปถ่ายของตัวเองตอนที่ยังเป็นสาวไหม?” เซี่ยเหลยมองผู้หญิงตรงหน้าที่กำลังคล้ายกับได้สติ เขาจึงเอ่ยปากถามอีกครั้ง
………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
รอลุ้นเลยค่ะ พี่เหลยจะจำอิงจื่อของเขาได้ไหมนะ
ไหหม่า(海馬)