ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 309 ฉ้อโกงเงินแสนจากคนอื่น
ตอนที่ 309 ฉ้อโกงเงินแสนจากคนอื่น
ตอนที่ 309 ฉ้อโกงเงินแสนจากคนอื่น
หญิงชราร้องไห้ออกมาก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงขื่นขม “สามีของฉันตายเพราะเจ็บป่วยเมื่อปีที่แล้ว เขาต้องตายเพราะทำงานหนักเกินกำลัง เวลานี้ในครอบครัวของเราเหลือแค่เด็กและคนพิการ ซึ่งเงินบำนาญอันน้อยนิดของฉันคนเดียวไม่พอที่จะเลี้ยงดูเราทั้งหมด”
“ถังหลิง หากไม่ใช่เพราะเราถูกแกบีบบังคับให้สิ้นหวัง พวกเราคงไม่มาหาแกที่นี่ เด็กต้องไปโรงเรียน และลูกชายของฉันต้องกินยา ขาของฉันก็ไม่แข็งแรง และเราต้องการเงินเพื่อใช้ชีวิตต่อไป”
หญิงชราเริ่มมีอารมณ์คุกรุ่นขึ้นเรื่อย ๆ ขณะเล่าเรื่อง สายตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังจ้องมองถังหลิง “แล้วที่กังจื่อของฉันต้องประสบอุบัติเหตุมันไม่ใช่เพราะแกงั้นเหรอ? ที่วันนั้นแกเกิดอยากกินมันเผาขึ้นมากลางดึก เขาที่กำลังเมาเหล้าต้องยอมออกไปซื้อให้แกจนกระทั่งรถชน ทำให้วันนั้นเป็นวันที่ครอบครัวของพวกเราพังทลาย!”
หญิงชรากำลังร้องไห้ เด็กชายเห็นว่าย่าของตนร้องไห้ออกมาจึงกล่าวเสียงหวานใส “ย่า อย่าร้องไห้ครับ”
ทันทีที่เด็กกล่าวออกมาอย่างไร้เดียงสา คนรอบตัวถึงกับต้องปาดน้ำตาอย่างช่วยไม่ได้
หญิงชราบางคนเริ่มสาปแช่งออกมาเพราะทนไม่ไหว
“ถังหลิง คุณยังมีความเป็นคนอยู่ไหม? ถึงคุณจะหย่าร้างแล้ว แต่กลับสูบเงินจากพวกเขามาตั้งมากมาย เสือถึงร้ายก็ไม่กินลูกตัวเอง แล้วคุณดูสิว่าลูกชายของคุณผอมแห้งขนาดไหน?”
“ใช่ น่าเสียดายที่พวกเราต้องเป็นเพื่อนบ้านของหญิงใจร้ายอย่างคุณ”
“ไร้ยางอายสิ้นดี”
หญิงชราและเด็กชายเริ่มร้องไห้ ส่วนชายบนรถเข็นเผยสีหน้าหม่นหมอง ดวงตาของเขาจ้องมองถังหลิงอย่างว่างเปล่า ตลอดเวลาเขาไม่ได้พูดอะไรแม้แต่คำเดียว
เวลานี้ไม่รู้ใครเป็นคนโยนเศษผักเน่าใส่ศีรษะของถังหลิงอย่างแม่นยำ
ถังหลิงพยายามดึงผักเน่าออกจากร่างกายและคิดหลบหนีออกจากที่แห่งนี้ แต่เพราะถูกปิดกั้นจากฝูงชนแน่นหนา หล่อนจึงไม่สามารถขยับตัวไปทางไหนได้เลย
หล่อนมองชายบนรถเข็นก่อนจะตะโกนเสียงเย็นชา “เว่ยหย่งกัง พวกคุณต้องการอะไร บอกฉันมา!”
ชายบนรถเข็นไม่ยอมพูด ยังคงกำหมัดแน่นจนเส้นเลือดหลังมือปูดโปนออกมา แววตานั้นเต็มไปด้วยความโศกเศร้าอย่างถึงที่สุด
ชายรอบตัวเข้าใจความรู้สึกของเขาทันที ทุกคนตระหนักได้ว่าผู้ชายคนนี้รักถังหลิงอย่างแท้จริง
และเมื่อก่อนเคยรักมากเท่าไร เวลานี้เขาก็กำลังเจ็บปวดมากเท่านั้น
หญิงชราเป็นคนตอบกลับเสียงแข็ง “คืนทรัพย์สินทั้งหมดที่เอาไปจากบ้านของเรามาซะ กังจื่อต้องใช้เงินรักษาตัว และเสี่ยวจวินกำลังจะไปโรงเรียน อีกอย่างฉันก็เกษียณแล้ว พวกเราจะใช้ชีวิตยังไงถ้าไม่มีเงิน?”
“ตามกฎหมาย หากแกหย่ากับกังจื่อแล้ว แกจะแบ่งสินสมรสออกไปได้ครึ่งหนึ่งในฐานะสามีภรรยา แต่ไม่มีสิทธิ์จะเอาเงินของฉันกับสามีไป ยิ่งไปกว่านั้นแกจะต้องจ่ายค่าเลี้ยงดูให้เสี่ยวจวินหลังจากหย่าร้างด้วย ฉันคิดไว้แล้วจากหนึ่งแสนหยวนที่แกเอาไป สินสมรสของพวกแกสองคนมีแค่สองหมื่นหยวนเท่านั้น ที่เหลือเป็นเงินของฉันกับสามี และแกต้องคืนมันให้กับพวกเรา ไม่อย่างนั้นฉันจะไปแจ้งตำรวจ”
ก่อนหน้านี้พวกเขายอมให้อีกฝ่ายขูดเลือดขูดเนื้อเพราะต้องการสิทธิ์ในการเลี้ยงดูเด็กชาย
แต่เมื่อพวกเขาได้ยินจากชายหนุ่มที่พาทุกคนมาที่นี่ว่าหล่อนกำลังใช้เงินเพื่อแสร้งทำตัวเก่งกาจเป็นหญิงสาวที่ประสบความสำเร็จในเมืองไห่เฉิงเพื่อหาทางจับผู้ชายที่ร่ำรวย จึงทราบทันทีว่าหล่อนไม่ต้องการลูก แต่ต้องการเงิน
ดังนั้นพวกเขาจึงไม่คิดกังวลเรื่องเด็กชายอีกต่อไป
หญิงชราคิดว่าแม้หล่อนจะขอสิทธิ์ในการเลี้ยงดูเด็กชาย นางก็จะยินยอมด้วยเช่นกัน
เพราะสุดท้ายแล้วเว่ยหย่งกังเป็นเพียงคนพิการ และนางก็ป่วยจนไม่สามารถทำงานหนัก ดังนั้นเด็กควรจะได้อยู่กับแม่ของเขา
“ถ้าแกไม่คืนเงินให้กับพวกเรา พวกเราก็จะไม่ไปไหน เราจะอยู่จนกว่าแกจะจ่ายเงิน!”
“เธอมันไม่ใช่มนุษย์ เป็นผู้หญิงประเภทไหนกันถึงทิ้งขว้างสามีกับลูกได้เพื่อเงิน ไร้ยางอายจริง ๆ!”
“สามีภรรยาที่เคยร่วมทุกข์ร่วมสุขเดียวกันมา แต่พอพบเจอเรื่องร้ายกลับละทิ้งทุกสิ่งเพื่อเอาตัวเองให้รอดพ้น”
ทุกคนกล่าวคำพร้อมกับถอนหายใจ
ป้าเจ้าของตึกตะโกนใส่ถังหลิงอย่างเดือดดาล “ฉันจะไม่ให้คุณเช่าตึกหลังนี้อีก พรุ่งนี้ย้ายก้นของคุณออกไปได้เลย!”
หลินเซี่ยคว้าป้าเจ้าของที่ดินไว้ทันที พร้อมกล่าวกระซิบเสียงแผ่ว “คุณป้าคะ อย่าพูดแบบนั้น ตอนนี้หล่อนเหมือนหมาจนตรอกและกำลังอับอายที่จะอยู่ที่นี่ต่อไป ถ้าคุณพูดอย่างนั้นมันจะกลายเป็นว่าคุณผิดสัญญาก่อน และต้องคืนเงินให้หล่อนเป็นสองเท่าเลยนะคะ”
ป้าเจ้าของตึกรีบหุบปากทันที “จริงด้วย งั้นฉันไม่พูดอะไรแล้ว”
เวลานี้เป็นช่วงเลิกงานของผู้คนในโรงงาน มีคนสัญจรผ่านไปมาตลอดเวลา และทุกคนเริ่มหยุดฝีเท้าเพื่อรับชมความตื่นเต้น ยิ่งมีคนเข้าร่วมวงมากขึ้น ถังหลิงก็เริ่มสติแตกมากกว่าเดิม
หล่อนต้องการจะพาอดีตแม่สามีและทุกคนเข้าไปพูดคุยกันในร้านเป็นการส่วนตัว
แต่เพราะด้านหน้าร้านเป็นบันได และรถเข็นไม่สามารถเข้าไปได้ ผู้ชายโดยรอบจึงยินดีที่จะยกเขาเข้าไปด้านใน
ทุกคนมองดูเรื่องราวตรงหน้าด้วยความหนักใจ
แต่ละคนก็ได้พบเจอเหตุการณ์หนึ่งวันพันเรื่องราวเช่นกัน
หากฟังจากคำพูดของหญิงชรา อดีตสามีของถังหลิงน่าจะเป็นนายทหารมียศก่อนที่จะเกิดเรื่องราวต่าง ๆ นี้ขึ้น ดูเหมือนว่าภูมิหลังของครอบครัวนี้ก็ไม่ใช่เลวร้ายเลย
แต่เมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝัน ไม่เพียงแต่สามีภรรยาจะไม่อยู่ด้วยกันอีกต่อไป แต่ภรรยากลับสูบทรัพย์สินทั้งหมดในครอบครัวไปด้วย
และที่น่าเกลียดที่สุดคือลูกชายที่ถูกทอดทิ้งอย่างไม่ใยดี
หนึ่งครอบครัวถึงกับต้องแตกสลาย
ผู้ชายบางคนเดินเข้ามารับชมสถานการณ์ ก่อนจะเหลือบมองคู่รักของตนด้านข้างอย่างช่วยไม่ได้
ดูเหมือนว่าทุกคนจะคิดเหมือนกัน หากเรื่องราวไม่คาดฝันเกิดขึ้นกับตนเอง คนข้างกายของพวกเขาจะเลือกหนทางแบบไหน?
หลินเซี่ยหันกลับมา พบว่าคุณแม่เซี่ยกำลังปาดน้ำตาด้วยเช่นกัน
เธอรู้ว่าคุณแม่เซี่ยกำลังมองดูชายนั่งรถเข็นและนึกถึงความยากลำบากของตนเอง
คุณแม่เซี่ยถอนหายใจ “ในโลกใบนี้เต็มไปด้วยผู้คนหลากหลายประเภทจริง ๆ”
มีคนอย่างหลิวกุ้ยอิงที่ยอมปล่อยมือจากสามีผู้สละชีพเพื่อชาติ ผ่านพ้นความยากลำบากมากมายเพื่อเลี้ยงดูลูกที่เกิดกับเขา
แล้วยังมีคนเช่นถังหลิงที่ครั้งหนึ่งเคยเจ็บปวดจากการคลอดบุตร แต่กลับละทิ้งเด็กในสายเลือดของตนเองได้อย่างโหดเหี้ยม ทั้งยังกวาดเอาทรัพย์สินของคนอื่นหนีไปเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกด้วย
เซี่ยอวี่เห็นคุณแม่เซี่ยมีดวงตาแดงก่ำและยังถอนหายใจอยู่ตลอด จึงบ่นออกมาอย่างหงุดหงิด “แม่คะ แม่จะโศกเศร้าไปทำไม?”
หญิงชรากลอกตามองเซี่ยอวี่ก่อนจะพูดว่า “ก็ฉันรู้สึกแย่นี่ แกไม่รู้สึกอะไรมั่งเลยเหรอ?”
เซี่ยอวี่เผยสีหน้าไร้อารมณ์ ก่อนจะพูดออกมาอย่างเฉยเมย “ฉันเป็นนักแสดง บทบาทไหนบ้างที่ฉันไม่เคยเล่นมาก่อน? แล้วเรื่องพวกนี้ก็ไม่ใช่เรื่องของเรา จิตใจมนุษย์เป็นสิ่งซับซ้อนที่สุดอยู่แล้ว”
“หึ นั่นเป็นเพราะแกยังไม่ได้แต่งงานน่ะสิเลยไม่เข้าใจคำว่าชีวิตคู่ ฉันจะบอกให้ว่าเมื่อคนสองคนตกลงแต่งงานและใช้ชีวิตร่วมกัน ความยากจนไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัว ความทุกข์อื่นก็ไม่ใช่สิ่งน่ากลัวเช่นกัน แต่สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือหัวใจของคู่ชีวิตแกต่างหาก ถ้าจิตใจของเขาไม่มั่นคงพอ หากมีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้น ไม่เพียงแต่จะไม่ร่วมเผชิญหน้ากับปัญหาด้วยกัน มันจะยิ่งสร้างความเจ็บปวดให้แก่กันด้วย เขาจะโยนแกลงนรกและปฏิบัติต่อแกอย่างไร้ความปรานี และสิ่งเหล่านี้จะเป็นตราบาปให้คนรุ่นต่อไปต้องเจ็บปวด!”
เลือกคนรักแบบไหน นั่นหมายถึงการเลือกชีวิตที่เหลือด้วย
เซี่ยอวี่กล่าวออกมาอย่างง่ายดาย “เพราะอย่างนั้นก็อย่ามาเร่งเร้าให้ฉันรีบแต่งงาน แล้วถ้าเสี่ยวไห่กับฉันเจอคนแบบนี้จะทำยังไง?”
หญิงชราถึงกับพูดไม่ออก
เซี่ยอวี่ถือโอกาสพูดว่าตนเห็นด้วยกับเรื่องนี้ทันที “แม่คะ ลองคิดดูสิ ลูกชายของแม่ก็ไม่ใช่คนฉลาด ถ้าไม่ใช่เพราะหลินเซี่ยช่วยเหลือเขา เป็นไปได้ว่าเขาคงถูกหลอกไปแล้ว ถ้าผู้หญิงที่ชื่อถังหลิงใช้วิธีการเลวร้ายจัดการกับเสี่ยวไห่จริง แน่นอนว่าครอบครัวทรงคุณธรรมอย่างเราก็จะให้เสี่ยวไห่รับผิดชอบหล่อน และหลังจากนั้นครอบครัวของเราก็จะพบเจอความพินาศ”
หญิงชราหนาวเหน็บไปจนถึงกระดูกสันหลังเมื่อได้ยินลูกสาวพูดอย่างนั้น
“ในอนาคตก็อย่าได้กดดันพวกเราอีกเลยค่ะ”
หลังจากเซี่ยอวี่พูดจบแล้ว หล่อนก็หันมองเซี่ยไห่ด้วยรอยยิ้มแห่งชัยชนะ
“พวกเรากลับบ้านกันเถอะ”
หลินเซี่ยพูดคุยกับหลินจินซานว่าให้เขาใส่ใจกับการเคลื่อนไหวตรงหน้าให้มาก เวลานี้เขาควรจะช่วยเหลือผู้ที่อ่อนแอและคนจน อย่าให้คนแก่ คนพิการ และเด็กต้องถูกผู้หญิงคนนั้นทำร้ายอีกครั้ง
เฉินเจียเหอเดินเข้ามาพร้อมกับถังจวิ้นเฟิง เขาอุ้มหู่จือไว้และเห็นว่าสถานที่ตรงหน้าเต็มไปด้วยความวุ่นวาย มีหลายคนกำลังพูดคุยกันเสียงดัง
พวกเขาได้ยินชื่อของเซี่ยไห่และถังหลิงมาแว่วๆ
ถังจวิ้นเฟิงคิดว่าลูกพี่ลูกน้องของเขากับเซี่ยไห่กำลังจะมีข่าวดี เขาจึงสอบถามคนแถวนั้น จึงได้ทราบว่าเป็นอดีตสามีของถังหลิงปรากฏตัวขึ้น เวลานี้เขารีบก้าวขาไปด้านหน้าด้วยความตกตะลึง
เซี่ยไห่ถึงกับต่อว่าถังจวิ้นเฟิงด้วยความขุ่นเคือง “ฉันไม่เชื่อหรอกว่านายจะไม่รู้ว่าลูกพี่ลูกน้องของนายเคยแต่งงานมีลูกมาก่อน อีกทั้งยังโกงเงินกว่าหนึ่งแสนหยวนจากครอบครัวเก่าด้วย แล้วยังเข้ามาในเมืองนี้เพื่อหลอกจับผู้ชายรวย นายไม่รู้เรื่องนี้เลยหรือไง?”
ถังจวิ้นเฟิงถูกต่อว่าอย่างนั้นก็ยิ่งสับสน แต่ก็ยังตอบกลับว่า “ฉันไม่รู้จริง ๆ”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของยัยถังกันหมดแล้ว เรื่องราวจะจบยังไงนะ ครอบครัวสามีเก่านางจะได้เงินคืนไหม
ไหหม่า(海馬)