ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 642 ใครทำ
ตอนที่ 642 ใครทำ
…………….
ตอนที่ 642 ใครทำ
ได้ยินฉินมู่หลานเอ่ยเช่นนี้ เซี่ยปิงหรุ่ยจึงพยักหน้าตอบรับทันทีว่า “ดีเลย พวกเราไปดูกันเดี๋ยวนี้แหละ”
“ดีเลย”
หลังจากที่สาวๆ ทั้งสี่ปรึกษากันเสร็จ ก็ออกเดินทางไปที่บ้านของเหมาชุนเถา และระหว่างทางที่ผ่านสหกรณ์ ก็ได้ซื้อขนมไข่กับพายลูกท้อไปด้วย
“เหมาชุนเถา อยู่บ้านหรือเปล่า”
เมื่อเห็นว่าประตูบ้านของเหมาชุนเถาปิดสนิทอยู่ เซี่ยปิงหรุ่ยจึงรีบร้องถามขึ้น
รออยู่สักครู่ก็ยังไม่มีใครมาเปิดประตู
เฉินเซี่ยวอวิ๋นพูดด้วยความสงสัย “หรือว่าเหมาชุนเถากับลูกชายไม่อยู่บ้าน”
ทันทีที่พูดจบ เสี่ยวจี๋เสียงก็วิ่งมาพร้อมกับสะพายกระเป๋านักเรียนไว้ “น้าฉิน น้าเซี่ย น้าเฉิน น้าเกา พวกน้ามาหาแม่เหรอครับ?”
ทุกคนได้ยินดังนั้นก็รีบหันหลังกลับไปมอง แล้วก็พบว่าเสี่ยวจี๋เสียงกลับมาคนเดียวโดยสะพายกระเป๋านักเรียนมาด้วย จึงอดไม่ได้ที่จะถามว่า “เสี่ยวจี๋เสียง เพิ่งกลับมาเหรอ?”
“ครับ ผมเพิ่งกลับจากลงทะเบียนที่โรงเรียน”
เสี่ยวจี๋เสียง พลางพูดพลางหยิบกุญแจมาไขประตูบ้าน
ฉินมู่หลานพวกก็เดินตามเข้าไปพร้อมๆ กับถามว่า “เสี่ยวจี๋เสียง แม่ของเธอไปไหนล่ะ หล่อนไม่อยู่บ้านเหรอ?”
ได้ยินคำถามนี้ เสี่ยวจี๋เสียงก็เงียบลงทันที
เห็นเสี่ยวจี๋เสียงเป็นเช่นนี้ ฉินมู่หลานก็รู้ได้ทันทีว่ามีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น “เสี่ยวจี๋เสียง แม่ของเธออยู่ที่ไหน เกิดอะไรขึ้นกับหล่อนหรือเปล่า?”
เมื่อเสี่ยวจี๋เสี่ยงเห็นพวกน้าๆ มีท่าทางเป็นห่วง จึงอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “น้าฉิน แม่อยู่ที่บ้านครับ”
“ว่าไงนะ…อยู่บ้านเหรอ แล้วทำไมหล่อนไม่ออกมาเปิดประตู” เซี่ยปิงหรุ่ยถามด้วยความประหลาดใจแล้วพูดต่อว่า “พวกเราเคาะประตูเสียงดังมาก หล่อนควรจะได้ยินนะ”
เฉินเซี่ยวอวิ๋นและเกาซุนชิวที่ยืนอยู่ข้างๆก็รู้สึกสงสัย
เมื่อเสี่ยวจี๋เสียงได้ยินดังนั้น เขาก็รู้ว่าเมื่อครู่แม่ของเขาไม่อยากเปิดประตู เขาเลยไม่แน่ใจว่าหากเขาเปิดประตูให้พวกน้าฉินเข้าไปแม่จะโกรธเขาหรือไม่
ฉินมู่หลานเห็นสีหน้าลำบากใจของเด็กชายก็รู้ว่าเขาคงไม่อยากพูดอะไร เฉินเซี่ยวอวิ๋นเป็นคนที่มีนิสัยค่อนข้างใจร้อนกำลังจะเอ่ยถามต่อ เหมาชุนเถาก็เปิดประตูบ้านเดินออกมา “มู่หลาน ปิงหรุ่ย เซี่ยวอวิ๋น ซุนชิว พวกเธอมาทำอะไรที่นี่”
เมื่อได้ยินดังนั้น ทุกคนก็รีบหันไปมองและกำลังจะถามคำถาม จากนั้นก็เห็นรอยนิ้วมือสีแดงสดบนใบหน้าของเหมาชุนเถา
สีหน้าของฉินมู่หลานมืดครึ้มลงทันทีและเอ่ยถามตามตรงว่า “ชุนเถา ใครทำแบบนี้กับเธอ”
เซี่ยปิงหรุ่ย เฉินเซี่ยวอวิ๋น พร้อมกับเกาซุนชิวก็รีบเดินเข้าไปข้างหน้า และถามด้วยความโกรธ “ไอ้สารเลวไหนที่ทำร้ายเธอ ชุนเถา เธอไม่ไปรายงานตัวเพราะรอยมือบนหน้าอย่างนั้นเหรอ?”
เหมาชุนเถาถอนหายใจและพยักหน้า “ใช่ ใบหน้าของฉันมีรอยมือชัดมาก ฉันจึงลาหยุดสองสามวัน และตั้งใจว่าจะไปหลังจากที่รอยจางลง” ว่าจบหล่อนก็รีบเชิญทุกคนเข้าไปนั่งในบ้าน
“เมื่อกี้ฉันได้ยินเสียงเคาะประตู และคิดว่าเมื่อพวกเธอรู้ว่าไม่มีใครอยู่บ้าน เธอก็จะจากไปเอง แต่เสี่ยวจี๋เสียงดันกลับมาพอดี”
เมื่อได้ยินดังนั้น เสี่ยวจี๋เสียงก็ก้มหน้าลงและพูดว่า “แม่ ผมไม่ควรพาน้าๆ เข้ามาใช่ไหมครับ”
เมื่อเห็นลูกชายเป็นเช่นนี้ เหมาชุนเถาจึงรีบพูดว่า “เสี่ยวจี๋เสียง ลูกไม่ได้ทำอะไรผิด แม่ต่างหากที่ทำผิด เมื่อกี้แม่ได้ยินเสียงเคาะประตู แม่ก็ควรจะเปิดประตูให้น้าๆ”
เฉินเซี่ยวอวิ๋นพยักหน้าเห็นด้วย “ใช่ เรื่องนี้เป็นความผิดของเธอ ชุนเถา ฉันรู้ว่าเธอไม่อยากให้พวกเราเป็นห่วง แต่พวกเราเป็นเพื่อนรักกัน เธอไม่จำเป็นต้องปิดบังพวกเรา ยิ่งกว่านั้น เธอถูกคนอื่นรังแก พวกเราต้องทวงความยุติธรรมให้กับเธอ”
แม้แต่เกาซุนชิวก็ยังเห็นด้วยอย่างเต็มที่
“ใช่ เธอโดนตบมาขนาดนี้แล้ว พวกเราช่วยเธอตบกลับแน่ รีบบอกพวกเราเถอะว่าใครตบเธอ”
เหมาชุนเถาอึกอักอ้ำอึ้ง
และฉินมู่หลานก็เอ่ยขึ้น
“ชุนเถา บอกพวกเรามาเถอะว่าใครทำเธอ”
เหมาชุนเถาเห็นว่าทุกคนสนใจหล่อน หล่อนเลยไม่ปิดบังและเล่าเรื่องราวทั้งหมด
“อดีตภรรยาของผู้จัดการกู้”
“อะไรนะ…เธอว่ายังไงนะ”
เซี่ยปิงหรุ่ยได้ยินคำพูดของเหมาชุนเถาก็แปลกใจมาก แม้แต่ฉินมู่หลานก็ยังแปลกใจ เธอคิดไปหลายทาง แต่ไม่คิดถึงกู้วั่งหลานเลย
เฉินเซี่ยวอวิ๋นกับเกาสวินชิวที่อยู่ข้างๆ ก็รู้จักกู้วั่งหลานด้วย จึงไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ได้ยิน
“อดีตภรรยาของผู้จัดการกู้คิดอะไรอยู่ถึงได้ทำแบบนี้กับเธอ”
เหมาชุนเถาอ้าปากค้าง ไม่รู้จะพูดอย่างไรดี หล่อนเองก็อายที่จะพูด แต่สุดท้ายก็เล่าเรื่องราวทั้งหมด
“เมื่อวานฉันพาเสี่ยวจี๋เสียงออกไปซื้อของ แล้วก็บังเอิญเจอผู้จัดการกู้ เขาชอบเสี่ยวจี๋เสียงมาก เมื่อรู้ว่าเราไปซื้ออุปกรณ์การเรียนให้เสี่ยวจี๋เสียง เขาก็ตามไปด้วย พร้อมยืนกรานจะซื้อให้เสี่ยวจี๋เสียง ผลก็คือภรรยาเก่าของผู้จัดการกู้เห็นเข้า หล่อนคิดว่าเสี่ยวจี๋เสียงเป็นลูกชายของผู้จัดการกู้ และคิดว่าฉัน…ฉันเป็นภรรยาคนปัจจุบันของผู้จัดการกู้ ก็เลยวิ่งเข้ามาอาละวาด”
พอได้ยินแบบนี้ เซี่ยปิงหรุ่ยก็พูดด้วยเสียงเย็น “ไม่ใช่ว่าพวกเธอจะเป็นอะไรกันจริงๆหรือไม่ ต่อให้จะเป็นจริงๆ อดีตภรรยาของผู้จัดการกู้ก็ไม่มีสิทธิ์จะอาละวาด หล่อนหย่ากับเขาไปนานแล้ว ยังจะมาวุ่นวายอะไรอีก”
เหมาชุนเถาอธิบายต่อ “เพราะว่าเสี่ยวจี๋เสียงอายุสิบขวบแล้ว หล่อนเลยคิดว่าผู้จัดการกู้แอบคบหากับฉันมานานก่อนที่พวกเขาจะหย่ากัน จึงได้มีเสี่ยวจี๋เสียงออกมา”
เมื่อพูดจบ เหมาชุนเถาก็รู้สึกว่าคำพูดของตัวเองแปลกๆ รีบอธิบายต่อ “เอาเป็นว่าหล่อนคิดแบบนั้น ก็เลยอาละวาดขึ้นมา”
“แล้วผู้จัดการกู้ว่ายังไง เขาไม่ชี้แจงเหรอ”
เมื่อเหมาชุนเถาได้ยินฉินมู่หลานพูดเช่นนั้น เธอจึงรีบพูดทันที “เขาชี้แจงแล้ว จะไม่ชี้แจงได้ไง ผู้จัดการชี้แจงแล้วว่าเสี่ยวจี๋เสียงไม่ใช่ลูกชายเขา ปรากฏว่าไม่ชี้แจงยังดีกว่า พอชี้แจงปุ๊บ ผู้หญิงคนนั้นกลับยิ่งคลั่ง และชี้หน้าด่าเขาว่าหาแต่ผู้หญิงที่ผ่านการหย่าร้างอีกทั้งยังมีลูกติด และยังด่าฉันว่าหน้าตาหมองหม่นเหมือนคนบ้านนอก แล้วก็ยังว่าผู้จัดการกู้ชอบผู้หญิงแบบนี้ได้ยังไง”
ได้ยินดังนั้นเฉินเซี่ยวอวิ๋นและเซี่ยปิงหรุ่ยก็โกรธจัด และลุกขึ้นพูดทันทีว่า “หล่อนบ้ารึเปล่า เป็นแค่ภรรยาเก่ามีสิทธิ์มายุ่งเรื่องที่ผู้จัดการจะหาคนแบบไหนมาเป็นภรรยา มันเกินไปแล้ว”
ทั้งสองพูดจบก็หันไปถามเหมาชุนเถาแล้วกล่าวว่า “แล้วเธอก็โดนตบตอนนั้นเหรอ”
เหมาชุนเถาส่ายหน้า “ไม่หรอก ตอนนั้นหล่อนยังไม่ได้ลงมือ ฉันเลยเดินเข้าไปอธิบาย ฉันบอกว่าฉันกับผู้จัดการไม่มีอะไรกันสักหน่อย แล้วจู่ๆ ผู้หญิงคนนั้นก็อาศัยจังหวะที่เผลอตบฉันฉาดใหญ่เลย”
นึกถึงเหตุการณ์ตอนนั้น เหมาชุนเถายังคงรู้สึกเหมือนไม่เป็นธรรมและโกรธเป็นอย่างมาก
……………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
เมียเก่าผู้จัดการกู้นี่แปลกๆ แฮะ อยากรู้ความคิดเลยว่าทำแบบนั้นทำไม
ไหหม่า(海馬)