ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 631 ดูถูก(2)
ตอนที่ 631 ดูถูก(2)
…………….
ตอนที่ 631 ดูถูก(2)
ฉินมู่หลานเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง “นายลองพูดซิว่าพวกเขาไม่ชอบอะไรในตัวนาย”
ฉินเคอวั่งไดยินแบบนี้ ก็ไม่ยอมพูด เอาแต่ยืนอยู่ตรงนั้น ราวกับไม่รู้จะพูดอย่างไร
ซูหว่านอี๋เห็นลูกชายมีท่าทางแบบนี้ ในใจจึงเริ่มเป็นกังวลเหมือนกัน “เจ้าลูกคนนี้ พวกเขาไม่พอใจอะไรในตัวลูก ถ้าลูกไม่บอก พวกเราจะรู้ไหมว่าปัญหาคืออะไร”
แต่ฉินมู่หลานกลับคาดเดาอะไรบางอย่างได้แล้ว
“หรือเป็นเพราะพวกเรามาจากต่างจังหวัดที่ย้ายเข้ามาอยู่ในเมืองหลวง ตระกูลเกาจึงไม่พอใจเรื่องภูมิหลังของครอบครัวเรา?”
ถึงแม้เกาเชี่ยนเชี่ยนจะไม่เคยบอกเล่าเรื่องฐานะครอบครัว แต่หากพิจารณาจากเกาซุนชิวแล้วก็พอจะคาดการณ์ได้ ดังนั้นหากครอบครัวของเชี่ยนเชี่ยนไม่พอใจในตัวเคอวั่ง ก็คงเป็นเพราะสาเหตุนี้
ฉินเคอวั่งนึกไม่ถึงว่าพี่สาวจะคาดเดาได้อย่างแม่นยำ เขาจึงพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “ใช่ครับ ถึงพวกเขาจะไม่ได้พูดออกมาอย่างชัดเจน แต่คำพูดที่แฝงอยู่ข้างในมันก็ชัดเจน รู้สึกว่าผมไม่เหมาะกับเชี่ยนเชี่ยน รู้สึกว่าภูมิหลังครอบครัวของเราใช้ไม่ได้”
แต่ถึงอย่างนั้นใบหน้าของซูหว่านอี๋กลับเต็มไปด้วยความโกรธ
“ครอบครัวของเราไม่ดีตรงไหน ถ้าจะให้พูดถึงแต่ก่อนครอบครัวเราฐานะไม่ค่อยดีนักก็จริง แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนเดิมแล้ว”
“แม่บริหารงานในโรงงานเครื่องสำอาง ส่วนพ่อของลูกก็ทำทีมก่อสร้างร่วมกับคุณอาเซี่ยของลูก นอกจากนี้พี่สาวลูกก็เก่งมาก ยังไม่ทันเรียนจบก็ได้เป็นหมอในโรงพยาบาลแล้ว ไม่ต้องพูดถึงเรื่องพัฒนายาต่าง ๆ อีกมากมาย แล้วลูกเองก็เก่งมากเหมือนกัน ไม่ใช่แค่สอบเข้ามหาวิทยาลัยชิงหัวได้เท่านั้น แต่ยังเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์เหลียงอีก ต่อไปลูกต้องอนาคตไกลแน่ เป็นแบบนี้ครอบครัวของเราไม่ดีตรงไหน”
เมื่อได้ฟังคำพูดนี้ ฉินเคอวั่งก็หัวเราะขึ้นมาแล้วกล่าว “แม่ครับ ตอนนี้ครอบครัวของเราก็ไม่ได้แย่หรอก แต่ถ้าเทียบกับครอบครัวของเชี่ยนเชี่ยน ยังห่างไกลกว่ากันเยอะเลยครับ แม่รู้ไหมว่าปู่ของเชี่ยนเชี่ยนคือใคร?”
ซูหว่านอี๋และฉินมู่หลานไม่ทราบอยู่แล้ว พวกเธอรู้จักสามพี่น้องตระกูลเกาแค่เพียงผิวเผินเท่านั้น ส่วนเรื่องทางบ้านไม่ค่อยรู้เลย
ฉินเคอวั่งถอนหายใจแล้วกล่าว “ ก่อนหน้านี้พวกเราก็เคยเห็นคุณปู่ของเชี่ยนเชี่ยนผ่านทางโทรทัศน์ เพราะฉะนั้นพวกแม่คิดดูสิว่าครอบครัวของหล่อนจะมีอำนาจขนาดไหน”
“หรือว่าคุณปู่ของเชี่ยนเชี่ยน ก็คือผู้อาวุโสเกาคนนั้นที่เคยออกทีวี?”
เมื่อได้ยินคำกล่าวของฉินมู่หลาน ฉินเคอวั่งก็พยักหน้าแล้วกล่าวว่า “ใช่ครับ เป็นผู้อาวุโสคนนั้นนั่นแหละ”
ตอนแรกซูหว่านอี๋จำไม่ได้ แต่แล้วก็นึกขึ้นมาได้ ก่อนหน้านี้ตอนที่พวกเขาดูข่าว ก็เหมือนจะเคยเห็นสหายอาวุโสคนนี้ ในตอนนั้นพวกเขารู้สึกว่าสหายเก่าคนนี้ดูคล้ายกับเกาอวิ๋นเซียวนิดหน่อย จึงนั่งพูดถึงกัน นึกไม่ถึงว่าบุคคลนั้นจะเป็นปู่ของเชี่ยนเชี่ยน ดูเหมือนว่า ภูมิหลังครอบครัวของทั้งสองจะแตกต่างกันมากจริง ๆ
เมื่อคิดได้แบบนี้ ซูหว่านอี๋ก็อดถอนหายใจไม่ได้
แต่เมื่อนึกถึงเรื่องที่ลูกชายโดนดูแคลนจากการที่ไปบ้านตระกูลเกาวันนี้ จึงยังรู้สึกโกรธอยู่นิดหน่อย
“ถ้าครอบครัวของพวกเขาไม่เห็นด้วย แล้วทำไมวันนี้พวกเขาถึงอยากให้ลูกไปที่บ้านล่ะ”
ฉินเคอวั่งแค่นหัวเราะแล้วกล่าว “เป็นเพราะเชี่ยนเชี่ยนชอบผม ก็เลยไม่ยอมไปดูตัวกับคนที่ครอบครัวจัดหาเอาไว้ให้ พวกเขาจึงอยากให้ผมเข้าไปหาที่บ้าน เพื่อแสดงให้ผมเห็นว่าครอบครัวของเราสองคนต่างกันมากแค่ไหน” ฉินเคอวั่งพูดออกไปหมดแล้ว จึงไม่มีอะไรต้องปิดบังอีก พูดทั้งสิ่งที่ควรและไม่ควรพูดออกมาทั้งหมดในคราเดียว
ซูหว่านอี๋ได้ยินแบบนี้ก็ได้แต่โมโห
“ทำเกินไปแล้ว พวกเขาเกลี้ยกล่อมลูกสาวตัวเองไม่ได้ เลยอยากให้ลูกไปเห็นความแตกต่างของฐานะที่บ้าน จากนั้นก็มาตีตราว่าลูกเป็นฝ่ายผิด อยากจะให้ลูกยอมเลิกอย่างนั้นเหรอ”
ฉินเคอวั่งไม่พูดอะไร แต่ดูจากสีหน้าท่าทางของเขาก็พอทราบได้ ว่ามันเป็นอย่างนั้น
แต่ฉินมู่หลานเอ่ยถามเพิ่ม “วันนี้ซุนชิวอยู่ด้วยหรือเปล่า?”
ฉินเคอวั่งส่ายหัวแล้วบอกกล่าว “พี่ซุนชิวไม่อยู่ครับ วันนี้มีแค่ครอบครัวของเชี่ยนเชี่ยนที่อยู่”
เมื่อได้ฟังคำพูดนี้ ฉินมู่หลานจึงเอ่ยถามต่อ “เคอวั่ง แล้วตัวนายคิดยังไงบ้างล่ะ นายอยากจะอยู่กับเชี่ยนเชี่ยน หรืออยากจะเลิกกับเชี่ยนเชี่ยน”
ฉินเคอวั่งได้ยินแบบนี้ก็เงียบไปครู่หนึ่ง แต่แล้วไม่นาน เขาก็เงยหน้าขึ้น แล้วกล่าวด้วยแววตาสดใสเปล่งประกาย “ผมไม่ได้อยากจะเลิกกับเชี่ยนเชี่ยน ขอเพียงแค่เชี่ยนเชี่ยนอยากอยู่กับผม ผมก็จะยอมอยู่กับหล่อนต่อ”
ตอนแรกเขาไม่ได้รู้สึกอะไรกับเกาเชี่ยนเชี่ยน แต่หลังจากได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น ทั้งสองก็ค่อย ๆ พัฒนาความรู้สึกที่มีต่อกัน ถ้าเกาเชี่ยนเชี่ยนอยากจะอยู่กับเขาไม่ว่าครอบครัวของหล่อนจะคัดค้านมากแค่ไหน เช่นนั้นเขาก็จะไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ เหมือนกัน
ซูหว่านอี๋ได้ยินแบบนี้ ก็อดไม่ได้ที่อยากจะคัดค้าน
ใช่ว่าลูกชายของหล่อนจะหาแฟนใหม่ไม่ได้อีก หากครอบครัวของเชี่ยนเชี่ยนดูถูกครอบครัวของพวกเขา หล่อนก็ไม่อยากให้ลูกชายอยู่กับเกาเชี่ยนเชี่ยนแล้ว พวกเขาไม่จำเป็นต้องพยายามดิ้นรนเพื่อให้อีกฝ่ายทำท่าเฉยเมยใส่ แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไร ฉินมู่หลานก็ขัดขึ้นก่อนทันที
“เคอวั่ง ในเมื่อนายตัดสินใจได้แล้ว ถ้าอย่างนั้นก็ทำตามที่ตัวเองต้องการเถอะ ส่วนผลจะออกมาเป็นยังไง ทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับบุญวาสนาของพวกนายสองคน”
เมื่อเห็นว่าพี่สาวเห็นด้วยกับความคิดของตัวเอง สุดท้ายฉินเคอวั่งจึงมีรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้า
“ได้ครับพี่ ผมเข้าใจแล้ว”
ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ก็ยกยิ้มแล้วกล่าว “ใช่ คนหนุ่มสาวต้องมีหวังเข้าไว้สิ แทนที่จะสิ้นหวัง วันนี้นายออกไปข้างนอกมาทั้งวันแล้ว คงเหนื่อยแล้วล่ะ รีบกลับห้องไปพักเถอะ”
“ครับ”
อันที่จริงแล้วเขาไม่ได้เหนื่อยกายเลย แค่เหนื่อยใจ ดังนั้นฉินเคอวั่งจึงไม่ปฏิเสธ พยักหน้าแล้วกล่าวตามตรง “เอาล่ะพี่ ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวผมกลับห้องไปพักก่อน”
หลังจากฉินเคอวั่งกลับไปแล้ว ซูหว่านอี๋ก็อดหันมองลูกสาวแล้วกล่าวเสียไม่ได้ “มู่หลาน ครอบครัวเชี่ยนเชี่ยนดูถูกเคอวั่งนะ ทำไมลูกถึงยังเห็นด้วยที่จะให้เขาอยู่กับเชี่ยนเชี่ยนล่ะ แม่กลัวว่าครอบครัวของเชี่ยนเชี่ยนจะทำให้เคอวั่งต้องอับอายไปมากกว่านี้”
“แม่ แม่ก็เห็นแล้วไม่ใช่เหรอคะ ว่าเคอวั่งไม่อยากเลิกกับเชี่ยนเชี่ยน ตอนนี้ถ้าแม่ไปพูดตรง ๆ มันจะเป็นการขัดความรู้สึกที่อยู่ในใจของเขา เขาคงจะเสียใจน่าดู”
“ถึงอย่างนั้น ก็ยังดีกว่าไปให้เขาดูถูกดูแคลนนะ”
ฉินมู่หลานยิ้มแล้วพูดเกลี้ยกล่อม “แม่คะ อย่าเพิ่งกังวลไปเลย เอาไว้รอเจอเชี่ยนเชี่ยนครั้งหน้า แล้วค่อยลองถามหล่อนเถอะ ถ้าเชี่ยนเชี่ยนไม่ได้อยากยอมแพ้ แต่พวกเราไปบอกให้พวกเขาเลิกกันก่อน แบบนั้นเชี่ยนเชี่ยนจะคิดยังไงล่ะคะ”
เมื่อนึกไปถึงบุคลิกน่ารักมีเหตุผลของเกาเชี่ยนเชี่ยน ซูหว่านอี๋ก็อดถอนหายใจไม่ได้ ก่อนจะกล่าว “เอาเถอะ แม่ก็จะไม่พูดอะไรมากแล้ว เอาไว้รอเจอเชี่ยนเชี่ยนแล้วค่อยว่ากัน”
เมื่อเห็นว่าแม่ไม่มีอารมณ์มากนัก ฉินมู่หลานจึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันที
“แม่คะ พรุ่งนี้ ผอ.กู้จะมากินข้าวที่บ้านของเรา เพราะฉะนั้นแม่ต้องทำงานหนักแล้วล่ะค่ะ”
เมื่อได้ยินแบบนี้ ซูหว่านอี๋ก็รีบกล่าวขึ้น “ทำไมลูกไม่บอกแม่ให้เร็วกว่านี้ล่ะ แม่ต้องคิดนะว่าพรุ่งนี้จะทำอาหารอะไรดี”
“แม่คะ แม่คิดตอนนี้ก็ยังทันนะ”
“ได้ แม่รู้แล้ว เดี๋ยวแม่คิดก่อน ลูกไปดูพวกเด็ก ๆ ก่อนเถอะ”
ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ก็พยักหน้าแล้วกล่าว “แม่คะ ถ้าอย่างนั้นหนูไปหลังบ้านก่อนนะ”
เมื่อถึงวันรุ่งขึ้น กู้วั่งหลานก็มาเยี่ยมพร้อมกับกล่องของขวัญ
สิ่งที่ไม่คาดคิดก็คือ เกาเชี่ยนเชี่ยนก็มาด้วย
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ครอบครัวเป็นคนชนบทแล้วมันยังไง เป็นคนชนบทแล้วไม่มีทางจะร่ำรวยเลยเหรอ
ไหหม่า(海馬)