ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 630 ดูถูก(1)
ตอนที่ 630 ดูถูก(1)
…………….
ตอนที่ 630 ดูถูก(1)
ฉินมู่หลานอดไม่ได้ที่จะตะลึงเมื่อได้ยินคำพูดของเริ่นม่านนี “พ่อของฉันจะแต่งงานแล้วเหรอ?”
เริ่นม่านนีรีบส่ายหัวแล้วพูดว่า “ไม่ใช่ๆ มันจะเร็วขนาดนี้ได้อย่างไร คุณย่ากำลังเตรียมการสำหรับอารองอยู่ แต่ดูเหมือนอารองจะไม่มีแผนนั้น ฉันไม่รู้ว่าสุดท้ายแล้วจะเป็นยังไง”
ในขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกัน เซี่ยฉางชิงก็บังเอิญเข้ามาและได้ยินสิ่งนี้ด้วย จากนั้นจึงมองไปที่ฉินมู่หลานอย่างประหม่าและพูดว่า “มู่หลาน พ่อไม่มีความคิดนี้ อย่าเข้าใจพ่อผิด”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ฉินมู่หลานก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “พ่อคะ ไม่เป็นไรหรอก พ่อเองก็ยังหนุ่มยังแน่น คงจะดีถ้าได้หาใหม่”
เมื่อครู่ เริ่นม่านนีรู้สึกว่าตนพูดมากเกินไป เมื่อเห็นว่าพ่อกับลูกสาวมีเรื่องจะพูด หล่อนก็รีบลุกขึ้นแล้วพูดว่า “อารอง มู่หลาน ฉันไปดูลูกก่อนนะ”
หลังจากนั้นก็วิ่งหนีไป
หลังจากที่เริ่นม่านนีจากไป เซี่ยฉางชิงก็อธิบายความคิดของเขาว่า “มู่หลาน พ่อไม่มีความตั้งใจที่จะมีใครใหม่อีกแล้ว ย่าของลูกบอกพ่อเรื่องนี้ก็จริง แต่พ่อปฏิเสธไปแล้ว”
เมื่อเห็นท่าทางประหม่าของเซี่ยฉางชิง ฉินมู่หลานอดไม่ได้ที่จะยิ้มและพูดว่า “พ่อ หนูไม่ได้คิดมากเลยค่ะ อายุพ่อแค่นี้ พ่อหาคนอื่นได้แน่นอน”
อย่างไรก็ตามเซี่ยฉางชิงกลับพูดอย่างจริงจัง “มู่หลาน พ่อไม่มองหาใครแล้วล่ะ ตอนนี้ทรัพย์สมบัติอะไรที่พ่อมีก็เป็นของลูก เรื่องอื่นๆพ่อไม่คิดแล้วล่ะ”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ฉินมู่หลานก็เหลือบมองเซี่ยฉางชิงอีกครั้งแล้วพูดว่า “พ่อคะ พ่อทำทุกอย่างได้ตามต้องการเลยนะ”
น่าเสียดายที่เซี่ยฉางชิงรู้สึกตัวช้าเกินไป ซูหว่านอวี๋จากไปแล้ว ความพากเพียรของเขาตอนนี้ไม่มีความหมายจริงๆ หล่อนไม่เคยพูดอะไร และปล่อยให้คนอื่นทำในสิ่งที่ต้องการเสมอ
หลังจากที่พ่อลูกจบหัวข้อสนทนาก็พากันเงียบไปครู่หนึ่ง คุณนายเซี่ยก็มาเรียกกินข้าวเย็น แล้วทั้งสองก็เดินไปที่ห้องรับประทานอาหารด้วยกัน
ในระหว่างมื้ออาหาร เซี่ยฉางชิงยังคงขอให้ฉินมู่หลานกินมากขึ้น และจานที่วางไว้ข้างหน้าเธอก็เป็นอาหารจานโปรดของเธอทั้งหมด เมื่อเห็นสิ่งนี้ ฉินมู่หลานก็ถอนหายใจเล็กน้อย พ่อคนนี้ห่วงใยเธอจริงๆ ตอนนี้เขาทุ่มเททุกอย่างให้กับลูกสาว และเธอก็ยอมรับความรักนี้ ดังนั้นหลังจากกินอาหารเสร็จ ฉินมู่หลานก็มอบยาให้เซี่ยฉางชิงอีกขวดหนึ่ง
“พ่อคะ นี่คือยาที่ฉันเพิ่งผลิตขึ้น เป็ฯยาบำรุงร่างกาย กินได้ทุกคืน มันจะส่งผลดีต่อการนอนหลับและสุขภาพร่างกายของพ่อนะ”
หลังจากที่เซี่ยฉางชิงกินยาลูกกลอนเข้าไป ใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“มู่หลาน ขอบใจนะ พ่อจะกินยาตรงเวลาแน่นอน และ…”
ในตอนท้ายเขาพูดถึงแผนการของเขาที่จะไปกว่างโจวในไม่ช้านี้ว่า “พ่อกับแม่พบรักกันที่นั่นและอยากกลับไปรำลึกความหลังอีกครั้ง”
“พ่ออยากให้ฉันไปด้วยไหมคะ?”
เซี่ยฉางชิงส่ายหัวแล้วพูดว่า “ไม่เป็นไร พ่อไปคนเดียวได้”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ฉินมู่หลานไม่ได้พูดอะไรอีก เธอได้พูดสิ่งที่จำเป็นต้องพูดไปแล้ว และเธอก็วางแผนที่จะกลับไป “พ่อ งั้นฉันกลับก่อนนะ”
“เอาล่ะ เดินทางปลอดภัยนะ”
หลังจากที่ฉินมู่หลานจากไปแล้ว เซี่ยฉางชิงก็ตรงไปหาคุณนายเซี่ย “แม่ ไม่ต้องช่วยผมดูเรื่องดูตัวแล้วนะ ผมบอกแม่แล้วไงว่าผมไม่คิดจะมีใครอีก”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ คุณนายเซี่ยก็ขมวดคิ้ว
“ฉางชิ่ง แกคิดแบบนั้นจริงๆ เหรอ? ตอนนี้แกเองก็อายุยังไม่มาก ยังหาใครสักคนมาเคียงข้างได้อยู่ เมื่อไหร่ที่แกแก่ตัวลงจริงๆ แกจะพบสิ่งดี ๆ ไม่ได้ และต้องจะตายเพียงลำพัง”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ เซี่ยฉางชิงก็สวนกลับ “แม่ ผมคิดเรื่องนี้ดีแล้วว่าผมจะไม่หาใครใหม่ อย่าพูดถึงเรื่องนี้อีก อีกอย่างผมวางแผนที่จะไปกว่างโจวในอีกไม่กี่วันข้างหน้าแล้วจะกลับมาภายในสี่หรือห้าวัน”
หลังจากพูดจบ เซี่ยฉางชิงก็หันหลังจากไป
เมื่อเห็นลูกชายคนเล็กผละจากไป คุณนายเซี่ยก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ จากนั้นก็ไปหานายท่านเซี่ยและเล่าให้เขาฟังเกี่ยวกับเรื่องนี้
“เอาล่ะ ในเมื่อฉางชิงพูดอย่างนั้น เราก็อย่ายุ่งอีกต่อไป”
“แต่…”
ก่อนที่คุณนายเซี่ยจะพูดจบ นายท่านเซี่ยก็ขัดจังหวะขึ้น “คุณ เราทำร้ายฉางชิงมาครั้งหนึ่งแล้ว คุณต้องการทำร้ายเขาเป็นครั้งที่สองเหรอ ยิ่งไปกว่านั้นถ้ามู่หลานรู้ว่าเราทำกับพ่อหล่อนแบบนี้ คุณคิดว่าหล่อนจะคิดยังไง”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ คุณนายเซี่ยก็พูดตามตรงว่า “เอาล่ะ ไม่อยากมีใครไม่อยากดูตัวก็ไม่ว่า แต่ที่ฉันทำมันเพื่อใครล่ะ สุดท้ายก็มีแต่คนโทษฉัน เอาเป็นว่าฉันจะไม่พูดเรื่องนี้อีก”
ในอีกด้านหนึ่ง ฉินมู่หลานไม่ได้กลับไปทันทีหลังจากออกจากบ้านเซี่ย แต่ตรงไปหากู้วั่งหลาน
กู้วั่งหลานรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อเห็นฉินมู่หลาน “มู่หลาน ทำไมคุณถึงมาที่นี่ล่ะ”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ฉินมู่หลานก็พูดด้วยรอยยิ้ม “ผู้จัดการกู้ แน่นอนว่าฉันมาที่นี่เพื่ออวยพรปีใหม่ อย่างไรก็ตาม ฉันขอเชิญคุณมากินอาหารมื้อสบาย ๆ ที่บ้านของเราในวันพรุ่งนี้หน่อยนะคะ”
พูดจบฉินมู่หลานก็มอบกล่องของขวัญให้เขา
หลังจากที่กู้วั่งหลานรับของขวัญไป เขาก็ยิ้มและพูดว่า “ครับ งั้นพรุ่งนี้ผมรบกวนด้วยนะ”
เขาอยู่คนเดียวและไม่ได้ไปอวยพรปีใหม่ใครที่ไหน พอฉินมู่หลานมาเชิญเขา เขาจึงไม่ปฏิเสธ
“ผู้จัดการกู้ เอาเป็นว่าพรุ่งนี้อย่าลืมมานะคะ”
ฉินมู่หลานพูดกับกู่วั่งหลานสักพักก่อนจะกลับออกไป เมื่อเธอกลับถึงบ้านก็พบว่าฉินเคอวั่งเพิ่งกลับมาเช่นกัน และพี่น้องทั้งสองก็พบกันที่ประตูทางเข้า
“เคอวั่งเพิ่งกลับมาเหรอ พี่ก็เพิ่งถึงเหมือนกัน”
เมื่อฉินเคอวั่งได้ยินสิ่งนี้ เขาก็ฝืนยิ้มแล้วพูดว่า “ครับ บังเอิญจริงๆ”
เมื่อเห็นการแสดงออกของฉินเคอวั่ง ฉินมู่หลานก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? วันนี้ไปที่บ้านเชี่ยนเชี่ยนราบรื่นดีไหม?”
ฉินเคอวั่งเม้มริมฝีปากและไม่พูดอะไรอีก
ทันทีที่ฉินมู่หลานเห็น เธอก็รู้ว่าตนเดาถูก แต่หน้าประตูไม่ใช่ที่สำหรับพูดคุย เธอจึงให้ฉินเคอวั่งเข้าไปด้านใน
เมื่อเห็นพี่น้องสองคนกลับมารวมกัน ซูหว่านอี๋ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มและพูดว่า “ทำไมมาด้วยกันได้ล่ะ? ไปเจอกันที่ไหน?”
“เจอกันหน้าประตูค่ะ”
ฉินมู่หลานเอ่ยตอบ “แต่หนูเห็นว่าใบหน้าของเคอวั่งดูไม่สู้ดีเท่าไหร่ เดาว่าการไปบ้านของเชี่ยนเชี่ยนในวันนี้คงไม่ราบรื่น”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ซูหว่านอี๋ก็รีบมองดูลูกชายแล้วถามว่า “เคอวั่ง สิ่งที่พี่พูดเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า? วันนี้ไปอวยพรปีใหม่ที่บ้านเชี่ยนเชี่ยนเป็นยังไงบ้าง?”
ฉินเคอวั่งถอนหายใจและพูดว่า “ครับ ไม่ค่อยดีเท่าไหร่”
“ทำไมล่ะ?”
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
คุณนายเซี่ยหยุดเถอะ หาเรื่องให้พ่อลูกคู่นี้มากี่เรื่องแล้วล่ะ
เคอวั่งโดนใครกีดกัน ใช่พี่ชายหัวร้อนของสาวคนนั้นหรือเปล่า
ไหหม่า(海馬)