ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 628 หาคู่(1)
ตอนที่ 628 หาคู่(1)
…………….
ตอนที่ 628 หาคู่(1)
ฉินมู่หลานได้ฟังคำพูดนี้ ก็ยกยิ้มแล้วเอ่ยถาม “แม่คะ พวกเราจะไปที่ไหนเหรอ?”
ขณะที่เธอพูด ชิงชิงและเฉินเฉินก็เดินเข้ามาหา เกาะต้นขาทั้งสองฝั่งซ้ายขวา “หม่าม้า…”
แม้แต่ถวนถวนและหยวนหยวนก็เข้ามาด้วยเหมือนกัน
ฉินมู่หลานมองเด็กทั้งสี่คน ได้แต่รู้สึกว่าหัวใจอ่อนระทวยไปหมด
ซูหว่านอี๋ที่อยู่ข้าง ๆ ยิ้มแล้วกล่าวว่า “พวกเราไปบ้านตระกูลเหยากันเถอะ ตากับยายของลูกกลับไปกันก่อนแล้ว รอให้พวกเราไปหาอยู่”
หลังจากพูดจบก็หันมองเหวินเชี่ยนและชุยเสี่ยวผิงอีกครั้งก่อนจะกล่าวว่า “เหวินเชี่ยน เสี่ยวผิง พวกเธอก็ไปด้วยกันเถอะ”
“ได้ค่ะ”
เหวินเชี่ยนและชุยเสี่ยวผิงก็ไม่ปฏิเสธ ยิ้มพลางพยักหน้าตอบตกลง
สุดท้ายแล้วเหมาชุนเถาและจี๋เซียงน้อยก็ตามไปด้วย เด็กทั้งสี่คนชอบจี๋เซียงน้อยมาก หลังจากตกลงมาขอรบกวนอาศัยกับฉินมู่หลานสักระยะแล้ว ก็ได้สนิทสนมกับจี๋เซียงน้อยมากขึ้นไปอีก จึงพูดคุยกันอย่างคึกครื้น
และฉินมู่หลานก็เดินไปถามเหมาชุนเถา “ชุนเถา เธอชินกับที่บ้านหรือยัง ถ้ามีปัญหาอะไรบอกฉันได้เลยนะ”
เมื่อได้ฟังคำพูดนี้ เหมาชุนเถาจึงกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “วางใจเถอะมู่หลาน ชินมากขึ้นแล้วล่ะ คุณปู่กับคุณย่าของเธอก็ใจดีมาก พวกคุณอาและคุณน้าก็ต้อนรับพวกเราสองแม่ลูกเป็นอย่างดี จนจี๋เซียงน้อยอยู่ที่นี่แล้วไม่อยากกลับบ้านเลยล่ะ”
ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้จึงอดกล่าวไม่ได้ “ถ้าอย่างนั้นก็อยู่ไปสักช่วงก่อนเถอะแล้วค่อยกลับ”
“โอเค”
เหมาชุนเถาตอบตกลงอย่างง่ายดาย แม้สีหน้าจะเต็มไปด้วยรอยยิ้ม แต่สายตากลับเศร้านิดหน่อย ครอบครัวของฉินมู่หลานรักใคร่กันเป็นอย่างดี แต่ทางฝั่งบ้านของหล่อนเอง พวกพ่อแม่กลับเข้ามาก้าวก่ายเรื่องชีวิต
“มู่หลาน เธอรู้ไหม ทางฝั่งครอบครัวฉันอยากให้ฉันแต่งงานใหม่อีกครั้ง เพราะว่าฉันสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ ครั้งนี้พวกเขาจึงอยากให้ฉันแต่งกับผู้ว่าของเมือง เหอะ…แต่เธอรู้ไหม ผู้ว่าคนนั้นอายุเยอะกว่าพ่อของฉันอีก หลังจากที่ฉันได้รับจดหมายแล้ว ฉันก็ไม่อยากกลับไปที่บ้านเกิดอีกเลย”
เมื่อนึกไปถึงจดหมายที่ได้รับก่อนหน้านี้ เหมาชุนเถาก็รู้สึกโกรธมาก
ฉินมู่หลานเห็นแบบนี้จึงรีบกล่าวว่า “ถ้าเป็นอย่างนั้น เธอก็ใช้ชีวิตดี ๆ อยู่ในเมืองหลวงกับจี๋เซียงน้อยเนี่ยแหละ ไม่ต้องกลับไป”
จริง ๆ แล้วเธอก้ไม่เข้าใจพ่อแม่ของเหมาชุนเถาเลย ลูกสาวสอบเข้ามหาวิทยาลัยปักกิ่งได้แล้ว แล้วเหตุใดจึงอยากให้ลูกสาวที่เคยหย่าร้างแล้วไปแต่งงานอีก เธอไม่เข้าใจพวกเขาเลยสักนิด
“ยังจะเพราะอะไรได้อีกล่ะ ที่มีลูกก็เพื่อให้ช่วยเลี้ยงดูตัวเองในวัยแก่เฒ่า แต่พอเป็นลูกสาวก็ถือว่าเป็นของครอบครัวคนอื่น ในความรู้สึกของพวกเขา ลูกสาวคงไม่ใช่คนในครอบครัวหรอก”
เมื่อได้ฟังคำพูดนี้ ฉินมู่หลานจึงส่ายหัว แล้วบอกไม่ให้เหมาชุนคิดมาก
เหมาชุนเถายกยิ้มแล้วเอ่ย “วางใจเถอะมู่หลาน ฉันไม่เก็บเรื่องพวกนี้มาคิดให้ปวดใจหรอก นับแต่นี้ไปฉันจะทำให้จี๋เซียงน้อยได้ใช้ชีวิตอยู่ดีมีสุข”
เมื่อเห็นสีหน้าของเหมาชุนเถายังมีรอยยิ้มได้อยู่นิดหน่อย ฉินมู่หลานก็รู้สึกโล่งใจ
“ใช่ ต้องแบบนี้สิ พวกเธอสองแม่ลูกก็มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นมากแล้ว”
หลังจากทุกคนมาถึงบ้านตระกูลเหยาแล้ว นายท่านเหยาและคุณนายเหยาก็ได้เตรียมมื้อกลางวันแสนอร่อยเอาไว้แล้ว เมื่อทุกคนมารวมตัวกัน บรรยากาศจึงมีชีวิตชีวามาก นายท่านเหยาถึงกับเชิญชวนให้ทุกคนค้างที่นี่ต่ออีกหนึ่งคืน
ฉินมู่หลานไม่มีข้อโต้แย้งใด ๆ แต่หลังจากฉินเคอวั่งครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเบา ๆ “พรุ่งนี้ผมมีธุระครับ คงอยู่ค้างไม่ได้”
เมื่อได้ฟังคำพูดนี้ ซูหว่านอี๋ก็หันไปมองลูกชายคนเล็กแล้วเอ่ยถาม “ลูกมีธุระอะไรเหรอ?”
“ผม…”
ฉินเคอวั่งเห็นทุกคนกำลังจ้องมองมาที่เขา จึงรู้สึกเคอะเขินขึ้นมาทันที ใบหูก็ขึ้นสีแดง
ฉินเคอวั่งหลับตาก่อนจะบอกกล่าวตามตรง “พรุ่งนี้ผมจะไปบ้านเชี่ยนเชี่ยน ก็เลยคิดว่าจะกลับบ้านไปเตรียมตัวให้พร้อมครับ”
ซูหว่านอี๋ได้ยินแบบนี้ก็ตกใจมาก “ลูก…ลูกจะไปบ้านเชี่ยนเชี่ยน แล้วทำไมถึงไม่บอกตั้งแต่แรกล่ะ”
“ผมไม่ได้คิดมากนี่นา ก็เลยลืมไปเลย”
“เจ้าลูกคนนี้นี่ ลูกลืมเรื่องนี้ได้ยังไงกัน” ซูหว่านอี๋โกรธมาก จากนั้นก็กันไปถามฉินเคอวั่งด้วยความสงสัย “ก่อนหน้านี้ลูกบอกว่ากับเชี่ยนเชี่ยนเป็นแค่เพื่อนไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมมาถึงจุดที่อยากจะไปอวยพรปีใหม่บ้านเขาแล้วล่ะ ดีจังเจ้าเด็กน้อย มีอะไรก็ปิดบังพวกเราเนี่ย”
ฉินเคอวั่งรีบอธิบายทันที “แม่ครับ ผมไม่ได้จะปิดบังพวกแม่นะ ก่อนหน้านี้ผมกับเชี่ยนเชี่ยนยังไม่ค่อยมั่นใจ ก็เลยยังไม่ได้บอก แต่ตอนนี้ครอบครัวของเชี่ยนเชี่ยนบอกว่าอยากจะเจอผม ผมก็เลยว่าจะไปหาพรุ่งนี้”
ซูหว่านอี๋ต้องการจะพูดอะไรเพิ่ม แต่ก็โดนเหยาจิ้งจือขัดจังหวะเสียก่อน
“หว่านอี๋ นี่เป็นเรื่องดีนะ เธอจะไปดุเคอวั่งทำไมกัน พรุ่งนี้ต้องไปบ้านเชี่ยนเชี่ยน ถ้าอย่างนั้นวันนี้ก็กลับไปกันเถอะ พวกเธอจะได้ไปช่วยเขาเตรียมของสักหน่อย ไปบ้านผู้หญิงครั้งแรก จะทำตัวเสียมารยาทไม่ได้”
ซูหว่านอี๋พนักหน้าแล้วกล่าว “ใช่ ต้องกลับไปเตรียมให้เขาสักหน่อย”
“คุณอา…หรือว่าอา…จะไปรับตัวเจ้าสาวเหรอครับ”
เฉินฉินจ้องมองด้วยสีหน้าอยากรู้อยากเห็น แววตากลมโตดูอยากรู้มาก
ฉินเคอวั่งนึกไม่ถึงว่าจะโดนหลานชายตัวน้อยเอ่ยปากแซว เขาจึงลูบหัวเฉินเฉินก่อนจะเอ่ยว่า “เจ้าเด็กน้อย อย่าพูดไร้สาระ”
ตั้งแต่ชิงชิงและเฉินเฉินเข้าโรงเรียนอนุบาล ก็พูดได้คล่องขึ้น บางครั้งบางคำพูดที่ออกมาก็ชวนน่าตกใจ
“ฮ่าฮ่าฮ่า…”
คนอื่นหัวเราะขึ้นทันที รู้สึกว่าเฉินเฉินน่ารักมาก
แม้แต่เหมาชุนเถาก็อดไม่ได้ที่จะมองเฉินเฉินด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เด็กน้อยช่างน่ารักจนใจละลาย
คนที่คุณนายเหยาชอบคือถวนถวนและหยวนหยวน แต่ตอนนี้ก็ต้องยอมรับ ว่าเฉินเฉินน่ารักมาก หลังจากกินข้าวเสร็จ ทุกคนก็มอบอั่งเปาให้เด็ก ๆ แม้แต่จี๋เซียงน้อยก็ได้ด้วย
เหมาชุนเถาอยากจะส่งซองอั่งเปาคืนกลับไป แต่ฉินมู่หลานกลับพูดขึ้นว่า “ไม่เป็นไรชุนเถา คุณยายให้ก็รับไว้เถอะ แล้วนี่ก็ถือว่าเป็นของจี๋เซียงน้อย เธออย่าปฏิเสธเลย”
คุณนายเหยาที่อยู่ข้าง ๆ ก็พูดเช่นกัน “ใช่แล้วชุนเถา นี่ถือเป็นเงินขวัญถุงของจี๋เซียงน้อย เธอรับเอาไว้เถอะ ต่อไปพวกเธอสองแม่ลูกก็มาเที่ยวเล่นที่บ้านเราให้บ่อย ๆ ขึ้นนะ”
เมื่อได้ฟังคำพูดนี้ เหมาชุนเถาจึงไม่ปฏิเสธ ยอมรับซองอั่งเปาด้วยรอยยิ้ม
เมื่อซูหว่านอี๋คิดว่าลูกชายของหล่อนจะไปอวยพรปีใหม่ที่บ้านของเชี่ยนเชี่ยน ดังนั้นหลังจากกินมื้อเที่ยงเสร็จหล่อนจึงกลับไป ฉินมู่หลานและคนอื่นก็กลับไปด้วยเหมือนกัน ส่วนครอบครัวของเซี่ยเจ๋อเหว่ยและเหยาจิ้งจือรวมถึงเซี่ยเหวินปิงยังอยู่ที่นั่นต่อ วางแผนว่าจะอยู่ฉลองปีใหม่กับผู้อาวุโสทั้งสอง
หลังจากฉินมู่หลานและคนอื่น ๆ กลับมาถึงบ้าน ซูหว่านอี๋ก็เข้าไปเตรียมกล่องของขวัญ ฉินมู่หลานก็พาพวกเด็ก ๆ ไปนอนกลางวัน โชคดีที่เหวินเชี่ยนและชุยเสี่ยวผิงก็อยู่ที่นั่นด้วย จึงช่วยกันดูแลเด็ก ๆ ได้สะดวกขึ้น
หลังจากพวกเด็ก ๆ หลับกันหมดแล้ว เธอก็หยิบของบางอย่าง เตรียมเอาไปให้คุณปู่ลั่ว
“มู่หลาน ทำไมวันนี้ถึงมาล่ะ”
เซี่ยเหยียนลั่วรู้สึกแปลกใจนิดหน่อยที่เจอฉินมู่หลาน เพราะช่วงวันหยุดปีใหม่ทุกคนต่างยุ่ง ยิ่งไปกว่านั้นวันนี้ยังเป็นวันที่หนึ่งของปฏิทินจีนด้วย
“คุณปู่ลั่วคะ หนูแวะมาอวยพรปีใหม่ค่ะ”
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
ในอนาคตเฉินเฉินจะเป็นคนช่างพูดหรือเปล่าน้า
ไหหม่า(海馬)