ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 613 อันตราย(2)
ตอนที่ 613 อันตราย(2)
ตอนที่ 613 อันตราย(2)
เยวี่ยจงจีนึกไม่ถึงว่าตู้เยว่เอ๋อร์จะมีปืนติดตัว แต่เมื่อเห็นพวกฉินมู่หลานและอีกหลายคนที่อยู่ที่นี่ไม่เป็นไรก็รู้สึกโล่งใจ “ต้องขอโทษด้วย เป็นเพราะพวกเราจับตาดูคนไม่ดี ทำให้หล่อนหนีไป แถมยังหนีมาถึงปักกิ่งด้วย”
เมื่อได้ยินแบบบนี้ ฉินมู่หลานก็หันมองเยวี่ยจงจีก่อนจะเอ่ยถาม “นายเป็นคนทำร้ายลูกของหล่อนเหรอ?”
“เปล่า”
เยวี่ยจงจีรีบอธิบายเพิ่มเติมทันที “เป็นเมียน้อยคนก่อน แม่ของเด็กที่หล่อนเคยฆ่า”
หลังจากพูดจบ เยวี่ยจงจีก็รีบเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
“หลังจากเมียน้อยคนก่อนของพ่อออกจากตระกูลเยวี่ยแล้ว หล่อนก็หายหน้าหายตาไปจากทุกคน แต่กลายเป็นว่าหล่อนกบดานฝึกฝนและรอเวลาเอาคืนอยู่ หลังจากที่พวกเราทราบว่าตู้เยว่เอ๋อร์ตั้งท้องแล้ว หล่อนก็ทราบด้วย ขณะที่พวกเรากำลังตามหาตู้เยว่เอ๋อร์ ก็กลายเป็นว่าหล่อนไปเจอตู้เยว่เอ๋อร์ก่อน และได้ลงมือทำร้ายเด็กในท้องของตู้เยว่เอ๋อร์”
ฉินมู่หลานนึกไม่ถึงว่าเรื่องจะกลายเป็นแบบนี้ ตู้เยว่เอ๋อร์ทำร้ายลูกของภรรยาน้อยนายท่านเยวี่ยคนก่อน ตอนนี้ลูกของหล่อนก็โดนอดีตภรรยาน้อยนายท่านเยวี่ยทำร้ายกลับเหมือนกัน
“ตู้เยว่เอ๋อร์อยู่ที่ไห่เฉิงใช่ไหม?”
“ใช่”
เยวี่ยจงจีพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “ก่อนหน้านี้เมียน้อยคนก่อนก็อยู่ที่นั่นแล้วบังเอิญเจอตู้เยว่เอ๋อร์ตอนอยู่ที่ไห่เฉิง เรื่องของพวกหล่อนทำให้พ่อของฉันตกใจมาก ในที่สุดพ่อก็ได้ทราบถึงสาเหตุที่ลูกชายคนเล็กเสียชีวิต เขาจึงโกรธมาก ให้พวกเราพาตู้เยว่เอ๋อร์กับอดีตเมียน้อยกลับไปที่ฮ่องกง ใครจะไปทันคาดคิด ว่าตู้เยว่เอ๋อร์เดินทางไปได้ครึ่งทางแล้ว จะหลบหนีขึ้นทางเรือไปปักกิ่ง”
“พวกนายดูแลคนยังไงเนี่ย”
หลังจากเซี่ยปิงหรุ่ยได้ฟังจบ ก็จ้องมองเยวี่ยจงจีด้วยความโกรธ “พวกนายมีกันตั้งเยอะแต่กลับดูตู้เยว่เอ๋อร์เพียงคนเดียวไม่ได้ นอกจากนี้หล่อนยังพกปืนติดตัวด้วย พวกนายไม่รู้เลยเหรอ”
“ฉันมั่นใจ ตอนที่พวกฉันพบตัวหล่อน ที่ตัวหล่อนไม่ได้พกปืนนะ”
“เป็นไปได้ยังไง”
เซี่ยปิงหรุ่ยไม่เชื่อ รู้สึกโกรธเยวี่ยจงจีนิดหน่อย หากไม่ใช่เพราะพวกเขาไม่จับตาดูคนให้ดี พวกเธอก็คงไม่ตกอยู่ในอันตรายเช่นนี้
“ตอนนั้นพวกฉันค้นตัวหล่อนแล้ว”
เยวี่ยจงจีกล่าวด้วยสีหน้ามั่นใจ “คงจะเป็นหลังจากที่ตู้เยว่เอ๋อร์หลบหนีไปแล้ว จึงไปหาปืนมาพกติดตัวไว้”
ฉินมู่หลานเห็นท่าทางของเยวี่ยจงจี ก็ทราบได้ว่าสิ่งที่เขากล่าวอาจเป็นความจริง ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้เธอไม่ได้สนใจเรื่องนี้แล้ว เธอสนใจเพียงแค่ว่าจะจัดการตู้เยว่เอ๋อร์อย่างไร
“เราจะพาตู้เยว่เอ๋อร์ไป”
เซี่ยปิงหรุ่ยขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อได้ยินแบบนี้ “พวกนายจะพาไปแบบซื่อ ๆ เลยเหรอ แต่ว่ามีอันตรายเกิดขึ้นกับพวกเราที่อยู่ที่นี่นะ จะไม่ส่งตัวหล่อนให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเหรอ?”
“พวกเธอทำแบบนี้มันไม่สมเหตุสมผลนะ ตู้เยว่เอ๋อร์มาจากฮ่องกง สุดท้ายก็ต้องถูกส่งตัวกลับฮ่องกงอยู่แล้ว”
“เรื่องนั้นไม่สำคัญหรอก ถึงแม้ว่าตู้เยว่เอ๋อร์จะถูกส่งตัวกลับไป ยังไงเราก็ต้องส่งหล่อนไปให้ตำรวจก่อน” เซี่ยปิงหรุ่ยรู้สึกว่าจะยอมให้ตู้เยว่เอ๋อร์กลับไปแบบนี้ไม่ได้
ฉินมู่หลานก็เห็นด้วยเหมือนกัน “นายน้อยเยวี่ย ยังไงพวกเราก็ส่งตัวตู้เยว่เอ๋อร์ให้ทางสถานีตำรวจก่อนดีกว่า มาดูว่าพวกเจ้าหน้าที่จะจัดการอย่างไรต่อไป”
เยวี่ยจงจีขมวดคิ้วขึ้นมา
หลังจากที่ตู้เยว่เอ๋อร์ถูกส่งตัวคืนมา เขาก็อยากจะพากลับเลย แต่กลับต้องมารอทำตามทีละขั้นตอนจนกว่าจะจบกระบวนการตามกฎหมาย “ไม่ต้องลำบากขนาดนั้นหรอก ให้ฉันพากลับไปก็พอแล้ว”
แต่ฉินมู่หลานและเซี่ยปิงหรุ่ยไม่เห็นด้วย สุดท้ายแล้วตู้เยว่เอ๋อร์จึงถูกส่งตัวไปที่สถานีตำรวจ และพวกเธอก็ไปลงบันทึกให้ปากคำ
เยวี่ยจงจีรู้สึกว่าปวดหัวแทบจะระเบิด ตอนแรกคิดว่าจะแก้ปัญหาได้อย่างง่ายดายมาก แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นปัญหาใหญ่
แต่ต่อให้ไม่ค่อยพอใจนัก เขาก็ไม่ได้แสดงออกมาผ่านทางสีหน้า หันมองไปทางฉินมู่หลานและเซี่ยปิงหรุ่ยพลางกล่าวว่า “ในเมื่อมาส่งตัวคนเรียบร้อยแล้ว ถ้าอย่างนั้นพวกเธอก็รีบกลับไปเถอะ”
วันนี้ฉินมู่หลานและเซี่ยปิงหรุ่ยต่างผ่านเรื่องสะเทือนขวัญมาทั้งคู่ จึงรีบพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “ตกลง ถ้าอย่างนั้นพวกฉันกลับไปกันก่อนนะ”
เรื่องวันนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก ในไม่ช้าคนในครอบครัวจึงทราบข่าวนี้กันหมด แม้แต่เซี่ยเจ๋อหลี่ก็รีบกลับมาหาทันที
“มู่หลาน คุณบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า?”
เมื่อเห็นท่าทางตกประหม่าของเซี่ยเจ๋อหลี่ ฉินมู่หลานจึงยกยิ้มแล้วกล่าวว่า “ไม่มี คุณก็เห็นว่าฉันไม่เป็นไรไม่ใช่เหรอ ว่าแต่คุณรู้เรื่องนี้ได้ยังไง?”
“พี่สะใภ้คังอันเหอบอกน่ะ”
ฉินมู่หลานนึกไปถึงตอนที่คังอันเหอกลับไปก่อน จึงอดพยักหน้าไม่ได้พลางกล่าว “จริงสิ วันนี้หล่อนก็คงตกใจเหมือนกัน พวกเราถูกตู้เยว่เอ๋อร์ทำร้ายกันหมดเลย”
เมื่อนึกถึงคำพูดของคังอันเหอที่เล่าเรื่องในตอนนั้นให้ฟัง เซี่ยเจ๋อหลี่ก็ขวัญผวาไปพักหนึ่ง
“มู่หลาน ให้ชุยเสี่ยวผิงไปทำงานที่ซิงหลินถัง แล้วให้เหวินเชี่ยนคอยตามคุ้มกันคุณตลอดเวลาเถอะ”
ตอนแรกทั้งสองก็ตามคุ้มกันฉินมู่หลาน แต่เป็นเพียงแค่ตอนที่ต้องเดินทางไกลหรือเมื่อมีเรื่องอันตรายเท่านั้น มู่หลานจะพาสองคนนั้นไปด้วยตลอด แต่ช่วงนี้รู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องให้พวกหล่อนมาคอยตามคุ้มกันตลอดเวลา เพื่อให้ทั้งสองได้มีเวลาไปทำอย่างอื่น
นึกไม่ถึงว่าในวันนี้จะมีเรื่องเกิดขึ้น
เซี่ยเจ๋อหลี่รู้สึกว่าพวกเขาไม่สามารถวางใจได้ ถึงแม้ว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น มู่หลานก็ควรจะพาทั้งสองคนไปด้วยเพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายในครั้งต่อไป
ตอนแรกฉินมู่หลานคิดว่าตัวเธอเองต้องไปมหาวิทยาลัยทุกวัน และไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นที่ซิงหลินถังอยู่แล้ว ชิงชิงและเฉินเฉินก็ไปโรงเรียนกันหมด ถวนถวนและหยวนหยวนก็มีคนช่วยดูแล จึงรู้สึกว่าเหวินเชี่ยนและชุยเสี่ยวผิงไม่จำเป็นต้องคอยติดตามเธอตลอดเวลา พวกหล่อนจะได้มีเวลาทำอย่างอื่น ใครจะไปทันคาดคิดว่าเธอจะตกอยู่ในอันตราย
ครั้งนี้ฉินมู่หลานก็รู้สึกไม่ค่อยดีเหมือนกัน จึงพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “ได้ ให้พวกหล่อนกลับมาทำหน้าที่ต่อเถอะ ถึงแม้ว่าจะเป็นช่วงสถานการณ์ปกติไม่มีอะไร ก็ให้พวกหล่อนว่าอยู่ที่บ้าน”
“ใช่ ควรจะเป็นแบบนี้”
นอกจากเซี่ยเจ๋อหลี่แล้ว ซูหว่านอี๋และเหยาจิ้งจือก็เป็นกังวลเหมือนกัน ทุกคนเป็นห่วงเรื่องของฉินมู่หลาน ขณะเดียวกันก็สนับสนุนให้เหวินเชี่ยนและชุยเสี่ยวผิงมาอยู่ที่บ้าน
“ก่อนหน้านี้ก็บอกเหวินเชี่ยนกับเสี่ยวผิงแล้วว่าพวกหล่อนสามารถตามคุ้มกันลูกได้ ถึงลูกจะไปมหาวิทยาลัย พวกหล่อนก็ยืนรออยู่ข้างนอกจนกว่าจะเลิกเรียนแล้วค่อยพากลับบ้าน แต่ลูกกลับคิดว่าไม่จำเป็น ตอนนี้จึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นไง” ซูหว่านอี๋จ้องมองลูกสาว จนถึงตอนนี้ก็ยังรู้สึกขวัญผวาอยู่บ้างนิดหน่อย
“ตกลงค่ะ ต่อไปหนูจะเชื่อฟังทุกคน”
ฉินมู่หลานก็ทราบดีว่าครอบครัวเป็นกังวล จึงยอมพยักหน้ารัว ๆ
อีกด้านหนึ่ง ถึงแม้ว่าตู้เยว่เอ๋อร์จะถูกนำตัวส่งสถานีตำรวจแล้วก็ตาม แต่สุดท้ายก็ต้องถูกส่งตัวกลับไปทางฮ่องกง
เมื่อเยวี่ยจงจีเดินเข้ามา ก็หันมองฉินมู่หลานพลางกล่าว “พวกเราจะกลับฮ่องกงกันแล้ว และจะพาตู้เยว่เอ๋อร์ไปด้วยกันด้วย”
…………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
พากันขวัญผวาทั้งบ้านเลย ชีวิตเธอไม่ปลอดภัยแล้วล่ะมู่หลาน
ไหหม่า(海馬)