ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 605 คุ้นตา(1)
ตอนที่ 605 คุ้นตา(1)
ตอนที่ 605 คุ้นตา(1)
ถานอี้อ่านหนังสือสัญญาในมือ ก่อนจะยิ้มแล้วพูดกับฉินมู่หลาน “สหายฉิน ยินดีที่ได้ร่วมงานกันนะครับ”
“ยินดีที่ได้ร่วมงานกันค่ะ”
ฉินมู่หลานก็ยิ้มและจับมือกับถานอี้ด้วย พลางแนะนำซูหว่านอี๋ และเหยาจิ้งจือขึ้นทันที “สองคนนี้คือผู้บริหารหลักในโรงงานของพวกเราค่ะ ต่อไปหากมีเรื่องอะไร พวกเธอจะสามารถติดต่อกับพวกคุณได้ตลอดค่ะ” จากนั้นก็แนะนำหลี่เสวี่ยเยี่ยนอีก “ส่วนนี่คือผอ.หลี่เสวี่ยเยี่ยนค่ะ รับผิดชอบเรื่องคำสั่งซื้อเป็นหลัก”
เมื่อได้ยินแบบนี้ ถานอี้ก็เหลือบมองฉินมู่หลานด้วยความประหลาดใจ เขาคิดมาตลอดว่าฉินมู่หลานเป็นผู้ดูแลหลักของโรงงานเครื่องสำอาง แต่กลับกลายเป็นว่าบริหารโดยแม่และแม่สามีของเธออย่างนั้นหรือ
ถึงแม้ในใจจะคิดอะไร ถานอี้ก็ยังคงยิ้มแล้วจับมือกับซูหว่านอี๋และพวกเหยาจิ้งจือ
“ตกลงครับ ต่อไปหากมีเรื่องอะไร ผมจะติดต่อหาสหายซูและสหายเหยานะครับ”
ซูหว่านอี๋และเหยาจิ้งจือผ่านการบ่มประสบการณ์มาทีละน้อยแล้ว พอตอนนี้ได้ฟังคำพูดของถานอี้ ก็สามารถยิ้มแล้วตอบกลับได้ “ค่ะ หลังจากพวกคุณจัดตั้งเคาน์เตอร์เครื่องสำอางเสร็จเรียบร้อย พวกเราสองคนจะกลับมาที่นี่อีกครั้งพร้อมกับสินค้าค่ะ”
“ตกลงครับ”
หลังจากนั้นทั้งสองก็คุยกับถานอี้ต่อ แล้วพูดเรื่องการถ่ายทำโฆษณาขึ้นมาอีกครั้ง
“หลังจากโฆษณาถูกปล่อยแล้ว พวกเราจะนำไปส่งสถานีโทรทัศน์ไห่เฉิง ถึงตอนนั้นคงจะสร้างชื่อให้กับเครื่องสำอางของเราได้มากขึ้นแน่นนอนค่ะ”
ถานอี้รู้สึกประหลาดใจเมื่อได้ยินแบบนี้
“พวกคุณจ้างนักแสดงจากไห่เฉิงมาถ่ายทำโฆษณาเหรอครับ”
ซูหว่านอี๋พยักหน้าแล้วกล่าว “ใช่ค่ะ ทางฝั่งฮ่องกงเคยมีโฆษณา ดังนั้นพวกเราก็เลยวางแผนอยากจะทำที่นี่สักหนึ่งอันค่ะ”
ถานอี้รู้สึกว่าสิ่งนี้เป็นความคิดที่ดี จึงยกยิ้มแล้วพยักหน้า “นี่เป็นความคิดที่ดีเลยครับ ผมรู้จักคนที่สถานีโทรทัศน์ ถึงเวลาพวกคุณก็ลองมาทำความรู้จักันนะครับ”
ซูหว่านอี๋นึกไม่ถึงว่าจะมีเรื่องน่าตื่นใจเช่นนี้ จึงรีบพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “ตกลงค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นทางผมจะติดต่อไปก่อน รอมีข่าวตอบกลับมา ผมจะให้คนไปแจ้งให้พวกคุณทราบ”
“หัวหน้าถาน รบกวนคุณแล้วค่ะ”
ซูหว่านอี๋รีบกล่าวขอบคุณ สุดท้ายก็ออกจากสำนักงานพาณิชย์ไปพร้อมกับพวกฉินมู่หลาน
“นึกไม่ถึงเลยว่าถานอี้จะเป็นคนดีขนาดนี้ แถมยังยินดีจะช่วยติดต่อคนจากสถานีโทรทัศน์ให้ด้วย”
ฉินมู่หลานก็พยักหน้าแล้วอดกล่าวไม่ได้ “ใช่ค่ะ นี่เป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงเลย”
จนกระทั่งหลายคนมาถึงโรงถ่ายทำ สวีก่วงซางและเฉาจิ้งกำลังรอพวกเขาอยู่แล้ว เมื่อเห็นพวกเธอมากันแล้ว จึงรีบลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “พวกคุณมากันแล้ว เชิญนั่งก่อนครับ”
หลังจากพวกฉินมู่หลานนั่งลง เธอก็หยิบบทต้นฉบับโฆษณาที่เธอเขียนเมื่อคืนนี้ออกมาแล้วส่งมอบให้ พลางพูดว่า “นี่คือบทโฆษณาเครื่องสำอางค่ะ พวกคุณลองดูกันก่อนนะคะ”
“ครับ”
สวีก่วงซางเริ่มอ่านทันทีหลังจากรับไป
เฉาจิ้งที่อยู่อีกด้านก็เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นเหมือนกัน เพียงแต่ยังไม่ทันได้มองไป ฉินมู่หลานก็หันมองหล่อนแล้วกล่าวว่า “สหายเฉา วันนี้พวกเรานำเครื่องสำอางมาที่นี่ด้วย เดี๋ยวฉันลองแต่งให้คุณก่อน แล้วลองดูผลลัพธ์นะคะ”
เฉาจิ้งได้ยินแบบนี้ ก็หยักหน้าแล้วกล่าวอย่างเป็นกันเอง “ได้ค่ะ” หลังจากพูดจบ หล่อนก็นึกถึงเรื่องการใช้เครื่องสำอางขึ้นมาอีกครั้ง ว่าหน้าของตัวเองจะต้องสะอาดหมดจด จึงขอตัวไปล้างหน้าอีกครั้ง
หลังจากฉินมู่หลานรอเฉาจิ้งล้างหน้าเสร็จแล้ว ก็แนะนำวิธีใช้เครื่องสำอางแต่ละตัวให้หล่อน
“นี่เป็นน้ำตบที่ให้ความชุ่มชื้นของแบรนด์เรา ลงพวกนี้เสร็จแล้วให้ลงเอสเซนส์ต่อ หลังจากนั้นก็ลงครีมบำรุงผิว”
เฉาจิ้งฟังตามทีละขั้นตอนแล้วตกตะลึงไปครู่หนึ่ง หล่อนใช้ครีมบำรุงผิวมาตังมากมาย แต่ไม่เคยเห็นผลิตภัณฑ์แบบนี้มาก่อนเลย นี่เป็นครั้งแรกที่หล่อนได้มาเห็นอะไรแบบนี้
สวีก่วงซางยังอ่านบทโฆษณาอยู่ หลังจากได้ยินสิ่งที่ฉินมู่หลานกล่าว ก็อดไม่ได้ที่จะมองมา ขณะเดียวกันก็เอ่ยถามด้วยความสงสัย “จำเป็นต้องลงเยอะขนาดนั้นในครั้งเดียวเลยเหรอครับ ถ้าอย่างนั้นผลิตภัณฑ์ของพวกคุณมีเยอะขนาดไหนครับเนี่ย?”
ฉินมู่หลานยังไม่ทันได้ตอบ หลี่เสวี่ยเยี่ยนที่อยู่ข้าง ๆ ก็กล่าวขึ้นเสียก่อนแล้ว “มีผลิตภัณฑ์บำรุงผิวและเครื่องสำอาง ในหนึ่งชุดมีเยอะมากค่ะ หนึ่งชุดก็ประมาณหกร้อยหยวน”
“อะ…อะไรนะ…”
สีหน้าของสวีก่วงซางเต็มไปด้วยความตกใจ ไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ตัวเองได้ยิน ของพวกนี้ราคาแพงขนาดนี้ ยังมีคนซื้ออีกเหรอ?
แต่เฉาจิ้งตกใจยิ่งกว่า ทันใดนั้นหล่อนก็รู้สึกว่าสิ่งทาบนหน้าตัวเองไม่ใช่เครื่องสำอาง แต่เป็นทอง คนทั้งคนจึงเริ่มกังวล
ฉินมู่หลานเห็นแบบนี้จึงยิ้มแล้วกล่าวว่า “ใจเย็น ๆ ก่อนนะคะ คุณกังวลเกินไปจะแต่งหน้าไม่ได้นะ”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เฉาจิ้งก็พยายามสงบสติอารมณ์ตัวเองลง
และมือของฉินมู่หลานก็ยังคงเคลื่อนไหว หลังจากลงรองพื้นแล้วก็ลงเครื่องสำอางบนหน้าของเฉาจิ้งทันที จากรายละเอียดโครงหน้าของเฉาจิ้ง ต้องแต่งให้หล่อนในสไตล์ที่แตกต่างออกไป ทำให้คนทั้งคนสวยสดงดงาม
“นี่…นี่ฉันจริง ๆ เหรอคะ?”
เฉาจิ้งจ้องมองตัวเองในกระจก รู้สึกไม่ค่อยอยากเชื่อ
ก่อนหน้านี้หล่อนดูเป็นคนเรียบง่ายสง่างาม แต่ตอนนี้ผู้หญิงที่สะท้อนอยูในกระจกตรงหน้ากลับดูสดใสใจกว้าง ทำให้มองแล้วอยากจะมองอีก ละสายตาไม่ได้เลย
อย่าว่าแต่เฉาจิ้งเลย แม้แต่สวีก่วงซางก็ยังประหลาดใจ “นี่…ถ้าไม่เห็นว่าก่อนหน้านี้เฉาจิ้งกำลังแต่งหน้าอยู่นะ ผมคงจำหล่อนไม่ได้เลยจริง ๆ”
ฉินมู่หลานเห็นเฉาจิ้งนั่งนิ่งจ้องมองตัวเองในกระจก จึงอดถามไม่ได้ “แต่งแบบนี้คุณรู้สึกยังไงบ้างคะ?”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เฉาจิ้งก็กลับมาได้สติ รีบพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “ดูดีมากเลยค่ะ ดูดีมากจริง ๆ”
“คุณชอบก็ดีแล้วค่ะ”
ฉินมู่หลานลองดูให้ละเอียดถี่ถ้วนอีกครั้ง เมื่อพบว่าไม่มีปัญหาอะไรจึงส่งต่อเครื่องสำอางไปให้ทันที
“ถ้าคุณพอใจในการแต่งหน้าแบบนี้ ถ้าอย่างนั้นถึงเวลาถ่ายทำโฆษณาก็จะแต่งประมาณนี้นะคะ”
“ครับ เอาแบบนี้ เดี๋ยวรอโฆษณาออกมา ต้องมีคนประหลาดใจอีกเยอะแน่ครับ” สวีก่วงซางคาดเดาความสำเร็จของโฆษณานี่เอาไว้แล้ว ขณะเดียวกันก็รู้สึกดีใจมากที่ฉินมู่หลานได้มาเจอพวกเขา
“ผอ.สวีคะ ไม่ทราบว่าจะเริ่มถ่ายทำกันได้ตอนไหนเหรอคะ?”
“พรุ่งนี้ก็สามารถเริ่มได้เลยครับ”
เห็นฉินมู่หลานเอ่ยถามขึ้นมา สวีก่วงซางจึงบอกเวลาที่ชัดเจนทันที “เมื่อวานนี้ผมไปแจ้งทั้งหมดแล้วครับ วันนี้จะบรีฟพวกเขาให้เรียบร้อย พรุ่งนี้ก็เริ่มถ่ายทำกันได้เลย” พูดจบเขาก็หันมองเฉาจิ้งแล้วกล่าวว่า “เฉาจิ้ง วันนี้เธอควรจะลองท่องบทโฆษณาให้ขึ้นใจ แล้วพรุ่งนี้จะได้ลองถ่ายกัน”
เขาเพิ่งอ่านบทโฆษณาที่ฉินมู่หลานให้มาเสร็จ ไม่มีอะไรซับซ้อน ตรงกันข้ามมันกลับกระชับและได้ใจความชัดเจนมาก หากผ่านไปได้ด้วยดี พรุ่งนี้ก็น่าจะถ่ายทำเสร็จ
เฉาจิ้งได้ยินแบบนี้ ก็รีบพยักหน้าแล้วกล่าว “ค่ะ วันนี้ฉันจะท่องให้ขึ้นใจเลย”
หลังจากได้รับบทโฆษณาแล้ว สีหน้าของเฉาจิ้งก็เต็มไปด้วยความจริงจัง เพียงแต่หล่อนหันมองฉินมู่หลานด้วยความลังเลใจอีกครั้ง แล้วเอ่ยถาม “สหายฉินคะ คุณ…ช่วยสอนฉันแต่งหน้าได้ไหมคะ?”
“ได้แน่นอนค่ะ”
ฉินมู่หลานตอบตกลงพร้อมรอยยิ้ม “แต่มันก็ขึ้นอยู่กับว่าทำได้ถูกต้องหรือเปล่า นอกจากนี้ก็ยังขึ้นอยู่กับวิธีการแต่งของคุณด้วย แต่คุณไม่ต้องกังวลใจไปค่ะ หลังจากลองแต่งไปสักสองสามครั้งคุณก็จะค่อย ๆ ชินกับมันเอง”
เมื่อเห็นฉินมู่หลานตอบตกลง เฉาจิ้งก็ได้แต่รู้สึกดีใจ ขณะเดียวกันก็เอ่ยถามด้วยความประหม่าเล็กน้อย “สหายฉินคะ ก่อนหน้านี้ที่บอกว่าค่าตอบแทนเป็นเงินสามร้อยหยวนและเครื่องสำอางหนึ่งชุด ไม่ทราบว่าเป็นชุดแบบนี้หรือเปล่าคะ?”
ฉินมู่หลานพยักหน้าแล้วกล่าว “ใช่ค่ะ เป็นชุดเครื่องสำอางแบบนี้ เหมือนกับของวันนี้เลย ชุดนี้ใช้ไปแล้ว เดี๋ยวถึงเวลาฉันจะให้คนเอาชุดใหม่มาให้ค่ะ”
แต่ถึงอย่างนั้นเฉาจิ้งก็เอ่ยอย่างกระตือรือร้น “สหายฉินคะ จริง ๆ แล้วแค่นี้ก็พอแล้วแหละค่ะ จากที่ฉันเห็น เครื่องสำอางพวกนี้ก็เพิ่งเปิดใช้เองนะคะ ยังไงก็เป็นของใหม่ทั้งหมดเลย”
ยกเว้นดินสอเขียนคิ้วและอายแชโดว์ที่ทาบริเวณดวงตาที่ไม่ใช่ของใหม่ นอกนั้นเครื่องสำอางอันอื่นเป็นของใหม่ทั้งหมด หล่อนจึงไม่มีข้อกังขาอะไร เพียงแค่อยากจะได้เครื่องสำอางชุดนี้ไปครอบครองโดยเร็วที่สุด
“ไม่สำคัญจริงเหรอคะ ดินสอเขียนคิ้วกับอายแชโดว์นี้ใช้มาแล้วนะคะ”
“ไม่สำคัญค่ะ ถึงแม้ว่าทั้งสองอย่างนี้จะไม่ใช่ของใหม่ แต่ก็เกือบคล้ายว่าเป็นของใหม่ เพราะฉะนั้นเท่านี้ก็พอแล้วล่ะค่ะ” พูดจบ เฉาจิ้งก็หันมองฉินมู่หลาน แววตาเต็มไปด้วยความกระหายอยากได้
ฉินมู่หลานเห็นแบบนี้ก็ไม่พูดอะไรอีก
“ตกลงค่ะ ถ้าอย่างนั้นขอมอบเครื่องสำอางชุดนี้ให้คุณเลยแล้วกันค่ะ”
หลังจากเฉาจิ้งได้รับเครื่องสำอางทั้งหมดแล้ว สีหน้าก็เต็มไปด้วยความสุข ตอนแรกหล่อนคิดว่าเครื่องสำอางที่รวมอยู่ในค่าตอบแทนนั้นจะไม่ได้มากมายอะไร แต่ตอนนี้ได้รู้แล้วว่าที่แท้ก็เป็นชุดเครื่องสำอางขนาดใหญ่
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
เครื่องสำอางเว่อร์มาก อยากได้มาใช้เองเลยค่ะ
ไหหม่า(海馬)