ทะลุมิติทั้งครอบครัว - ตอนที่ 318 ตามความคิดของคนส่วนใหญ่
ท่านลุงซ่งรู้สึกว่าเรื่องนี้น่าสนใจมาก เพราะตอนหลังเริ่นกงซิ่นโมโหแทบจะเป็นลม เขามองดูเหตุการณ์ทะเลาะเบาะแว้งครั้งนี้ด้วยความสนใจ
นี่มันเรื่องอะไรกันหรือ
คาดว่าเริ่นกงซิ่นคงจะโมโหมาก คิดว่าทุกคนคาดคั้นเอาเงินค่าไก่กับเขาเพราะเขาถูกปลดจากตำแหน่งหลี่เจิ้งแล้ว อับอายขายหน้าจนจะเข้าไปดึงป้ายประกาศ
ทำให้ทุกคนถึงกับนิ่งงัน
คนคนนี้บ้าไปแล้วหรืออย่างไร? แม้แต่ป้ายประกาศก็กล้าดึง?
แต่เจ้าหน้าที่จะยืนมองดูเขาดึงป้ายประกาศได้อย่างไร
เจ้าหน้าที่สองนายไม่ได้อ่านเนื้อหาประกาศเสียงดังก็ถือเป็นการให้เกียรติแก่เริ่นกงซิ่นมากแล้ว เพราะคำนึงถึงเริ่นจื่อเซิงลูกชายคนโตของเริ่นกงซิ่น ไม่อยากผิดใจกัน
บอกเพียงแค่เปลี่ยนหลี่เจิ้งเป็นคนใหม่ก็พอแล้ว
แต่เจ้ายังสร้างเรื่องขึ้นอีก?
เจ้าหน้าที่สองนายเองก็รู้สึกเสียใจภายหลัง
เดิมที แค่ติดประกาศเสร็จก็สามารถกลับไปได้แล้ว แต่นี่มีคนลงมาแล้ว ก็มีคนไป
อากาศเหน็บหนาว พวกเขาก็คิดว่า อย่ามาเสียเที่ยว รอด้วยความหวังว่าหัวหน้าเริ่นจะเชิญพวกเขาไปดื่มน้ำซุปที่บ้าน แล้วหลี่เจิ้งที่เข้ารับตำแหน่งใหม่ก็จะได้ให้หงเปากับพวกเขาบ้าง
ไม่คิดว่าอยู่เพียงครู่เดียวก็เกิดเหตุการณ์ทะเลาะเบาะแว้งกันเสียแล้ว
เริ่นกงซิ่นเหมือนคนบ้า พยายามจะดึงประกาศออกมาให้ได้ พวกเขาสองคนจะเดินออกไปก็ไปไม่ได้ พวกชาวบ้านก็มองดูเหตุการณ์อยู่ ถ้าไม่สนใจคงพูดไม่ออก พวกเขาคงต้องล่วงเกินคนแล้ว ไม่เช่นนั้นเรื่องนี้คงจะคลี่คลายได้ยาก
ทั้งสองคนเข้าไปห้ามปราม
เริ่นจื่อจิ่วมองเจ้าหน้าที่ทั้งสองคนที่เข้ามาจะจับท่านพ่อของเขา ท่านพ่อของเขาอายุมากแล้วเขาจึงต้องวิ่งเข้าไป
เจ้าหน้าที่จับแขนของเริ่นจื่อจิ่วไว้
ในตอนนี้เองภรรยาน้อยของเริ่นกงซิ่นได้ทราบข่าว สามีของนางมาถึง แล้วถูกพวกชาวบ้านคาดคั้นถามหาเงินค่าไก่ นางจึงรีบมาเพื่อเหลือช่วยคลี่คลายสถานการณ์
สาวใช้พยุงนางพาเดินมายังหน้าศาล ท้องของนางขยายใหญ่ นางเองก็คอยลูบท้อง ทำเหมือนกลัวคนไม่รู้ว่านางกำลังตั้งครรภ์
เมื่อมาถึงก็เห็นเหตุการณ์ทะเลาะเบาะแว้งกัน เริ่นกงซิ่นเหมือนคนบ้า ผมสยายหลุดลุ่ย นางไม่อยากให้เจ้าหน้าที่จับตัวเขาไป จึงโบกผ้าเช็ดหน้าที่อยู่ในมือพร้อมตะโกนบอก “ท่านพี่ รีบกลับบ้านได้แล้ว ข้ารู้สึกไม่สบายท้อง”
เจ้าหน้าที่สองนายได้ฟังก็ปล่อยมือที่จับเริ่นจื่อจิ่ว
เดิมทีเขาก็ไม่อยากล่วงเกินใคร เพราะพวกนี้มีอิทธิพลในพื้นที่มานาน
อาศัยจังหวะที่ปล่อยตัวเริ่นจื่อจิ่ว พยุงเริ่นกงซิ่นออกไป ชาวบ้านก็คงสลายตัวกันแล้ว พวกเขาก็จะได้รีบไป พวกเขาพูดกับเริ่นจื่อจิ่ว “รีบตามภรรยาของเจ้ากลับบ้านไปเสียสิ”
เจ้าหน้าที่เพิ่งพูดจบ เมล็ดถั่วเหลืองก็ติดคอพวกป้าอ้วนพอดี
พวกป้าอ้วนทั้งไอและหัวเราะ “ฮ่าๆ”
อาจจะเป็นเพราะเสียงหัวเราะที่สร้างบรรยากาศ ทำให้คนที่อยู่รอบข้างแอบหัวเราะไปด้วย
แม่สามีของพวกป้าอ้วนรีบเข้ามาหยิกลูกสะใภ้
แต่แม่สามียังไม่ทันจะเข้าไปหยิก ตัวนางเองก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้
ป้าอ้วนเห็นแม่สามีหัวเราะก็ถามแม่สามี “ท่านแม่ ท่านว่ามันน่าขำหรือไม่?”
ในที่สุดทุกคนก็ต่างพากันหัวเราะ เสมือนคนบ้าจี้ถูกสะกิดเส้นให้หัวเราะออกมา
หัวเราะจนเจ้าหน้าที่ทั้งสองคนมีสีหน้างุนงง
เมื่อฟังชาวบ้านที่อยู่ข้างหน้าอธิบายให้ฟัง พวกเขาถึงทราบว่าแม่นางคนนั้นไม่ใช่ภรรยาของเริ่นจื่อจิ่ว ในครรภ์ก็ไม่ใช่ลูกของเริ่นจื่อจิ่ว นั่นคือ?
เจ้าหน้าที่สองนายต่างหันไปมองเริ่นกงซิ่น
พวกเขาใช้สายตามองตั้งแต่ใบหน้าของเริ่นกงซิ่น ไล่ลงมาจนถึงส่วนหนึ่งของร่างกาย ก่อนแสดงสีหน้าที่ไม่อาจจะอธิบายด้วยคำพูดได้
อายุมากขนาดนี้แล้ว วันๆ กินอะไรเข้าไป ทำไมถึงยังมีสมรรถภาพทางเพศ?
เริ่นกงซิ่นยิ่งโมโหมากขึ้น เขากระทืบเท้า “มีเรื่องอะไรน่าหัวเราะ ห๊ะ!”
หลังจากวันนั้นเป็นต้นมา
เมื่อเริ่นกงซิ่นกลับบ้านไปก็ล้มป่วยจริง
ต้องเชิญหมอมาจากอำเภอถงเหยา คนงานของเริ่นกงซิ่นก็ลากรถเกวียนออกจากหมู่บ้าน แค่มองเห็นก็รู้ว่าไปที่เมืองเฟิ่งเทียนเพื่อส่งข่าว
แต่ครั้งนี้เริ่นจื่อเซิงไม่ได้กลับมา พ่อบ้านของเซี่ยเหวินฮุ่ยมาแทน
เมื่อพ่อบ้านมาถึง ลุงสามของเริ่นกงซิ่นตลอดจนสองครอบครัวที่เลี้ยงไก่ก็อยู่ด้วย
ได้ยินเสียงพ่อบ้านท่านนั้นตะโกนบอก “นายหญิงของข้าบอกว่า ป่วยก็ให้พักผ่อนรักษาตัวให้ดี ไม่ต้องเหนื่อยใจและเสียเรี่ยวแรงเหมือนตอนเป็นหลี่เจิ้ง”
พ่อบ้านที่เซี่ยเหวินฮุ่ยส่งมาได้กลับไปแล้ว ไม่ทราบว่ามีข่าวหลุดออกมาจากไหนว่า เรื่องจองไก่ในปีหน้าถูกยกเลิกแล้ว
ข่าวถูกส่งต่อไปหลายครอบครัว ชาวบ้านที่เลี้ยงไก่ในหมู่บ้านต่างพากันแตกตื่น
เพราะข่าวที่ออกมาดูน่าเชื่อถือ
ข้างนอกมีการกระจายข่าวกัน ไม่กล้าให้คนอย่างเริ่นกงซิ่นช่วยกองทหารรักษาเมืองซื้อวัตถุดิบในการประกอบอาหารเพราะเกรงว่า หลังจากที่เริ่นกงซิ่นทุจริตเรื่องเสบียงอาหารแล้วจะมาทุจริตเรื่องซื้อขายไก่อีก
ในหมู่บ้านต่างก็เล่าลือกันเช่นนี้
หลังจากข่าวได้กระจายไปทั่วแล้ว ยังมีการช่วยกันวิเคราะห์ไปอีก
“เขาทำให้คนอื่นหมดความเชื่อถือศรัทธาแล้ว…
…นายทหารมีความอดทนในการนับจำนวนที่ไหนกัน พวกเขายังยุ่งอยู่นะสิ ขี้เกียจเสียเวลามาพูด…
…แต่ถ้าเจ้าให้ไม่ครบจำนวนหลายครั้ง เมื่อวันเวลาผ่านไปก็สะสมจนเป็นจำนวนเยอะขึ้นได้…
…งานดีๆ แบบนี้ มีคนนอกหลายคนยังอยากจะช่วยกองทหารรักษาเมืองซื้อวัตถุดิบประ กอบอาหาร นายทหารก็เอาเขาออกไปสิ เปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่ไว้ใจได้มากกว่าไม่ดีกว่าเหรอ”
“นายทหารคงสบายใจแล้ว แต่พวกเราล่ะ พวกเราที่เลี้ยงไก่กัน ปีหน้าจะขายไก่ให้ใคร?”
“ยังคิดถึงปีหน้าอีกหรือ ตอนนี้ข้ายังกลัวว่าจะไม่ได้ค่าไก่ของปีที่แล้วด้วยซ้ำ แต่ละปีๆ เขาชอบเก็บเงินค่ามัดจำต่อปีก่อน และปีหน้าก็ไม่มีการค้าขายไก่แล้ว ถ้าเขาไม่คิดเงินย้อนหลังให้พวกเราจะทำอย่างไรกัน”
“หากเขากล้าทำเช่นนั้น พวกเราก็ไปหาเขากัน”
มีคนรวมตัวกันไปออกันอยู่หน้าประตูบ้านของเริ่นกงซิ่น
เริ่นจื่อจิ่วโมโหมาก มีแต่เรื่องปวดหัว
พี่ใหญ่ก็ยังไม่กลับมา
สองสามวันมานี้น้องสามก็ไปเก็บค่าเช่าข้างนอกแล้วด้วย เขาคนเดียวไม่อาจต้านทานคนหลายคนได้
“ตอนนี้พ่อของข้าล้มป่วย หมอก็เชิญมาตรวจแล้ว พวกเจ้าไม่เห็นหรือไง? อย่ารังแกกันมากเกินไปสิ!”
มีคนพูดแทรก “พ่อของเจ้าป่วยที่ไหนกัน พ่อของเจ้าแสร้งทำเป็นป่วยทุกวัน พอมีเรื่องที่เขาอยากทำเขาก็ดูมีชีวิตชีวาดี แต่พอเป็นเรื่องที่เขาไม่อยากทำ เขาก็เลียนแบบผู้หญิงใช้ผ้าโพกหัว แกล้งทำเป็นป่วย”
เริ่นจื่อจิ่วถลกแขนเสื้อขึ้น “เจ้าว่าใครเป็นพวกผู้หญิงกัน เจ้าลองพูดอีกครั้งซิ”
“โอ้ เจ้าอยากจะตีกับคนหรืออย่างไร เจ้าคิดว่าข้ากลัวบ้านเจ้าหรืออย่างไร?…
…ในเมื่อพ่อของเจ้าลงจากตำแหน่งแล้ว พวกเราก็เป็นชาวบ้านธรรมดาเหมือนกัน ข้าไม่กลัวเจ้าแล้ว…
…เพื่อนบ้านทั้งหลาย วันนี้ข้าจะพูดต่อหน้าทุกคนถึงเรื่องในสองปีนี้…
…สองปีที่ผ่านมา ข้าต้องยอมอ่อนข้อให้หลี่เจิ้ง ไม่ใช่สิ ตอนนี้เขาไม่ได้เป็นหลี่เจิ้งแล้ว…
…ข้าต้องทำตัวแทบจะเป็นทาส เพื่อเขาจะได้มารับซื้อไก่ที่บ้านของข้าเยอะหน่อย…
…มีครั้งหนึ่งข้าหมุนเงินที่บ้านไม่พอใช้ ไม่มีวิธีอื่นแล้ว พวกข้าสองคนจึงต้องแบกหน้าไปหาที่บ้านเพื่อเอาเงิน พวกข้ามีท่าทีนอบน้อมเพราะกลัวว่าจะไม่ได้เงิน และต่อไปจะไม่มารับซื้อไก่ที่บ้านอีก…
…ตอนหลังได้เงินมาแล้ว แต่ยังให้พวกข้าสองคนกวาดหิมะที่อยู่ตรงหน้าประตูบ้าน พวกเจ้าฟังดูสิ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ทุกคนก็มีปฏิกิริยาขึ้นมาทันที “พวกเรามาเอาเงินของพวกเราเอง เจ้าไม่ให้เข้าเรือน? เจ้าบอกว่าเบื้องบนยังไม่จ่ายเงินมา เบื้องบนไหนที่ยังไม่จ่ายเงิน? หัวหน้าเริ่นบอกว่าให้เขียนเป็นลายลักษณ์อักษรมา เขาจะไปสอบถามให้ วันนี้ถ้าไม่ได้เงินค่าไก่ ก็ต้องเอาหลัก ฐานที่เป็นลายลักษณ์อักษรมาให้ได้ อย่าทำเป็นกลบเกลื่อนพวกข้าเหมือนเมื่อก่อน”
เริ่นกงซิ่นที่นั่งอยู่ในห้องโถงมีสีหน้ากังวลใจ
ใจกระสับกระส่ายก็เป็นเพราะลูกชายคนโต เขาล้มป่วยลง ลูกชายก็ไม่กลับมา
นี่หมายความว่าอะไร? ไม่ต้องการพ่อคนนี้แล้วเหรอ
“ท่านพ่อ ข้างนอกมีคนเต็มไปหมด ปิดประตูใหญ่ไปก็ไม่มีประโยชน์ คนงานหลายคนในบ้านของเราก็ต้านทานไม่อยู่ ยังมีคนปีนกำแพงเข้ามาเพื่อมาถามเรื่องเงิน พวกเราคิดเงินให้กับพวกเขาไปเถอะ” เริ่นจื่อจิ่วปาดเหงื่อบนหน้าผากพร้อมกับพูดขึ้นมา
“เงินๆ แม่เจ้าโว้ย อ้าปากก็จะเอาแต่เงิน” เสียงเพล้งดังขึ้น ชามยาจีนที่เพิ่งต้มเสร็จถูกเริ่นกงซิ่นปัดตกกระทบพื้นจนแตกกระจาย
แต่ระบายอารมณ์โมโหไปจะมีประโยชน์อะไร ถ้าวันนี้ไม่คิดเงินให้ก็เหมือนจะไม่ยอมให้เรื่องมันผ่านไป เขาจึงเปิดหีบ
เริ่นกงซิ่นตอนนี้มีผ้าโพกหัวไว้แน่น ที่ทำแบบนี้ก็เพื่อลดอาการปวดหัวให้น้อยลง
เมื่อก่อนในหีบเต็มไปด้วยเงิน ตอนนี้มองเห็นแต่หีบว่างเปล่า ก็ถึงกับถอนหายใจยาว หัวหน้าเริ่นพาคนหกคนเข้ามา
เริ่นกงซิ่นนั่งอยู่บนตั่ง เขาถลึงตามองหัวหน้าเริ่นด้วยความโกรธแค้น “อะไรกัน เจ้าก็มาเอาเงินค่าไก่เหมือนกันหรือ? ข้าไม่ได้ติดเงินเจ้า ข้าไม่ได้รับซื้อไก่ของบ้านเจ้าสักหน่อย”
“ข้าก็ไม่ได้สนิทถึงขนาดต้องขายไก่ให้เจ้าเช่นกัน แต่เจ้าติดเงินข้าหรือไม่นั้นก็ยังด่วนสรุปไม่ได้ ส่งมอบบัญชีหลี่เจิ้งมาก่อน แล้วถึงจะรู้ได้”