ทะลุมิติทั้งครอบครัว - ตอนที่ 316 อะไรกันล่ะ
ซ่งฝูเซิงก็คาดไม่ถึง กลุ่มจับหมาป่าจะมากินอยู่อาศัยกับพวกเขาที่นี่เพียงเพราะลู่พั่นได้บอกกับรองผู้บัญชาการว่า เมื่อมาถึงที่นั่นแล้ว ให้หาคนที่ชื่อซ่งฝูเซิง เขาจะคอยจัดการให้เอง เมื่อเสร็จกิจแล้วก็ให้รีบกลับมายังกลุ่มขบวน
นี่แสดงถึงความเชื่อมั่นในความเป็นผู้นำของซ่งฝูเซิงอย่างมาก
แต่ซ่งฝูเซิงกลับรู้สึกว่า โอ้ มันช่างน่าวุ่นวายเสียจริง
เขาเคาะโต๊ะพร้อมกับเอ่ยขึ้น “ข้างบนเสนอมาแล้วว่า ให้กลุ่มจับหมาป่ามาอาศัยอยู่กับพวกเราที่นี่…
…มากันประมาณร้อยกว่าคน…
…สถานการณ์ก็เป็นเช่นนี้”
เขาพูดจบก็ยกมือขึ้นเป็นสัญญาณให้พี่ชายรองพูด
ซ่งฝูสี่ “มาร้อยกว่าคน ข้าต้องเตรียมอ่างล้างหน้ากับถังน้ำเท่าไร?”
ซ่งฝูเซิงโบกมือเป็นสัญญาณรับรู้แล้ว อีกสักครู่ค่อยบอกเขา
ซ่งฝูเซิงชี้ไปที่กัวคนโตเป็นสัญญาณให้เขาพูด
กัวคนโต “ฝูเซิง พวกเขาเอาม้ามากี่ตัว? ห้องของเสี่ยวหงยังไม่ได้ทำความสะอาด สิ่งของของพวกเราเยอะมาก วัวหลายตัวก็ใช้พื้นที่ไปหนึ่งห้องแล้ว”
ซ่งฝูเซิงพยักหน้ารับรู้และบอกกับทุกคน
“ดังนั้นข้าถึงขายถ่านบางส่วนที่เก็บไว้…
…ส่วนที่เหลือก็นำมาวางสุมรวมกันให้เป็นระเบียบหน่อย…
…ส่วนห้องที่เก็บถ่านกับฟืนก็ทยอยขนออกมา ทำให้เป็นห้องว่าง…
…ส่วนฟืนนั่น ขนย้ายไปไว้ด้านนอกก่อนและนำกระดาษมันมาคลุมไว้…
…พวกเขาน่าจะมาอยู่ไม่กี่วัน รอพวกเขาไปก่อนแล้วค่อยขนกลับมา”
พี่ชายรองซ่งฝูสี่ อยากจะยกมือขึ้นพูดอีกครั้ง ไม่ใช่แค่ถังน้ำ เขายังต้องทำรางหญ้าให้ม้าเพราะคนพวกนั้นมีม้ามาด้วย
เกาถูฮู่ยกมือขึ้นถาม “ฝูเซิง ถ้าต้องทำห้องน้ำให้กับพวกเขา จะขุดเป็นหลุมลึกหรือตื้นดี แล้วจะทำห้องน้ำตรงไหน?”
ในตอนนี้เอง ท่านลุงซ่งก็ยกมือขึ้นมา
ซ่งฝูเซิงหันหน้าไปมองท่านลุง “ท่านพูดก่อน”
“ฝูเซิง พวกเราก็ไม่อยากไปจับหมาป่า”
ท่านย่าหม่าทำปากขมุบขมิบอยู่ด้านล่าง นางคิดในใจ เข้าใจแล้ว แต่ละคนสมองก็ไม่ค่อยดี หมาป่าก็ไม่ได้กัดพวกเรา พวกเราจะต้องเสียแรงคอยรับรองกลุ่มจับหมาป่ากันทำไมนะ
ท่านลุงซ่งพูดต่อ “หากพวกเขามาจับหมาป่าไปหมดแล้ว ต่อไปถ้าไม่มีหมาป่ามา พวกเราจะไปหาหนังหมาป่ามาจากไหน?”
เมื่อพูดมาถึงตอนนี้ เขาก็ลูบเงินห้าสิบตำลึงที่ซ่อนไว้กับเอว
ทุกคนถึงนึกขึ้นมาได้
“จริงด้วย ต่อไปก็ไม่มีรายได้จากการขายหนังหมาป่าแล้วสิ…
…ลำพวกพังเราขายแค่กุยช่ายขาวคงได้เงินไม่เท่าไหร่ หนังหมาป่าสามารถทำรายได้สูง อดเสียดายรายได้ส่วนนี้ไม่ได้…
…พวกเขาฆ่าหมาป่าไปหมดแล้ว ต่อไปพวกเราจะจับอะไร?”
ซ่งฝูเซิงกุมขมับ คนพวกนี้ไม่สนแม้แต่ชีวิตของตนเองเพียงเพราะเห็นแก่ผลประโยชน์มากมายไปแล้ว
ซ่งฝูเซิงตบโต๊ะและพูดออกมาด้วยความจนใจ
“จับหมาป่าอะไรกัน…
…น้ำร้อนไม่เคยลวกพวกเจ้าหรือ? ไม่เคยกัดก้นพวกเจ้าหรือ? ไม่ได้ควักหัวใจของพวกเจ้าออกมากินหรือ? เป็นเพราะบาดแผลหายดีแล้ว เลยลืมความเจ็บปวดเหล่านั้นหรือ?…
…ข้าว่าพวกเจ้าคงลืมไปแล้วว่าพวกเราเป็นคนเช่นไร…
…อพยพลี้ภัยอย่างไรถึงทำให้ทุกคนมีสภาพเยี่ยงนี้…
…เมื่อก่อนพวกเราใช้ชีวิตธรรมดา ต่อไปก็ต้องใช้ชีวิตธรรมดาเช่นกัน จะเสี่ยงชีวิตเพื่อเงินได้อย่างไร?”
ทุกคนเงียบสนิท ใช่สิ พวกเขาเป็นคนธรรมดา
ซ่งฝูเซิงพูดอย่างจริงใจและตั้งใจพูดกับท่านลุงซ่ง
“ไม่ว่าพวกเราจะยินยอมหรือไม่ เบื้องบนก็มอบหมายให้เป็นหน้าที่ของพวกเรา…
…อีกอย่าง ถึงแม้พวกเราคอยต้อนรับพวกเขาเป็นอย่างดี ก็ไม่แน่ว่าจะได้รับคำชื่นชม…
…ถ้าพวกเราต้อนรับไม่ดี นี่ก็ไม่ใช่เรื่องของหลี่เจิ้งแล้ว ตำแหน่งของเขาไม่ได้ใหญ่โตอะไร แต่จะเป็นเรื่องของนายอำเภอกับผู้ช่วยนายอำเภอที่จะไม่พอใจพวกเรา”
ท่านลุงซ่งมีสีหน้าสงสัย “พวกเราต่างก็รู้จักท่านแม่ทัพเล็กแล้ว พวกเขาเทียบไม่ได้”
“ท่านลุงซ่ง ท่านคิดว่านายอำเภอกับผู้ช่วยนายอำเภอจะไม่ทราบเรื่องนี้หรือ?…
…คุณชายลู่มาแล้วเพิ่งจากไป ก็มีข่าวแพร่สะพัดออกมา…
…เป็นเพราะพวกเรารู้จักคุณชายลู่ถึงต้องจัดการเรื่องนี้ให้ดี…
…เพราะพวกเราจะทำให้คุณชายลู่เสียหน้าไม่ได้…
…คนอื่นจะพูดกล่าวหาว่าพวกเราเป็นคนอย่างไรก็ไม่เป็นไร แต่จะพูดถึงคุณชายก่อนว่าเขารู้จักคนแบบไหน”
ท่านลุงซ่งมีท่าทีจริงจังขึ้นมา เขาใช้ไปป์ยาสูบเคาะโต๊ะ “ทุกคนตั้งใจฟังฝูเซิงพูดหน่อย ห้ามทำเป็นเรื่องล้อเล่น พวกเราเสียหน้าไม่เป็นไร แต่อย่าทำให้ท่านแม่ทัพเล็กต้องเสียหน้า”
ท่านย่าหม่านั่งอยู่ด้านล่างสีหน้าเปลี่ยนไป “พวกเจ้าทำงานพวกนี้เพื่อเงินเดือน ฟังกันเข้าใจไหม? ให้ทำอะไรก็ทำไป อย่าทำให้เสื่อมเสียจะมีผลกระทบข้าไปด้วย”
ต้าหลังพูดขึ้น “ท่านย่า”
หวังจงอวี้ก็พูดขึ้น “ท่านป้า ท่านก็พูดพล่ามไป”
ตาเฒ่าของท่านยายฉีบ่นขึ้นมา “ใช่สิ พวกเราไม่ใช่คนในครอบครัวเดียวกันหรือ ทำไมจะต้องแบ่งแยกกันด้วย”
ท่านยายฉีค้อน “ใครเป็นครอบครัวเดียวกันกับเจ้า? พวกข้าเป็นกลุ่มทำงานห้องอบขนม อย่าทำให้มีผลกระทบกับการค้าขายของพวกข้าสิ”
“นี่ยายเฒ่า เจ้าจะไม่เป็นครอบครัวเดียวกันกับข้าได้อย่างไร?” ตาเฒ่าถอดรองเท้ามาแกล้งขู่ยายเฒ่า
ท่านยายฉี “นี่ตาเฒ่า ข้าอายุมากขนาดนี้แล้ว เหมือนกับลาที่เดินท่ามกลางหิมะ เจ้ายังจะกล้าตีข้าหรือ? เมื่อถึงฤดูใบไม้ผลิข้าจะสร้างบ้านของข้าเอง ข้าจะไม่อยู่กับเจ้าแล้ว”
ทุกคนพากันหัวเราะขึ้นมาทันที
มีคนพูดด้วยรอยยิ้ม “ท่านยายที่หาเงินได้นั้นก็ไม่เหมือนกัน”
แต่ก็มีตาเฒ่าคนอื่นหัวเราะเยาะสามีของท่านยายฉี “นี่ท่านพี่ ท่านไม่ไหวแล้ว แม้แต่ภรรยาก็คุมไว้ไม่อยู่แล้วนะ”
ลูกชายหลายคนของท่านยายฉี “ท่านพ่อ ท่านแม่ อย่าทะเลาะกันเลย พูดเหมือนเป็นเรื่องจริง พวกเราสร้างบ้านหลังหนึ่งยังลำบากเลย”
ท่านลุงซ่งคีบไปป์ยาสูบในปากเดินไปดูเหตุการณ์ “ฮ่าๆ ฮ่าๆ”
ซ่งฝูเซิงได้ยินเสียงหัวเราะของท่านลุงซ่งก็รู้สึกเหนื่อยใจ
“ฟังข้าพูดก่อน ฟังข้าก่อน ตอนนี้กำลังประชุมกันอยู่…
…เริ่มนับจำนวนจากทิศตะวันตก ข้าอ่านชื่อถึงใคร คนนั้นก็ต้องขนย้ายของออกจากบ้านออกมา เพื่อให้มีห้องว่าง…
…ครอบครัวพวกเจ้ามีบ้านหลังใหญ่ ต้องให้คนอื่นยืมพักอาศัยกันก่อน…
…สิ่งของสามารถขนย้ายไปไว้บ้านของคนอื่นก่อนได้ แต่ห้ามเอาสิ่งของคนอื่นไป…
…ครอบครัวกัว ครอบครัวท่านลุงซ่ง ครอบครัวท่านลุงใหญ่ ท่านแม่ ครอบครัวของท่านและครอบครัวของซ่งเอ้อร์”
เมื่อได้ยินว่าให้เริ่มนับจำนวนจากทิศตะวันตก ยังไม่ทันที่จะเอ่ยชื่อออกมา หลายครอบครัวก็ยอมรับ
พวกเขาต่างพยักหน้า “ได้สิ”
“ย้ายออกไปแล้ว ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ต้องสุมไฟไล่ความชื้นในบ้านนะ พวกเจ้าหลายครอบครัวยังต้องสุมไฟไล่ความชื้นด้วย”
“ได้สิ”
“ส่วนหลายวันนี้ พวกเจ้าจะไปอยู่บ้านใครนั้น ข้าไม่สนใจและจัดการให้ไม่ได้ หาเวลาปรึกษากันเองและกระจายกันไปอยู่บ้านคนอื่น ช่วงนี้อดทนหน่อย รอจนพวกเขาไปแล้วก็เข้าสู่สภาวะปกติแล้ว”
“ได้สิ”
“ลูกสาม ข้าไปบ้านของเจ้าก็แล้วกัน” ท่านย่าหม่าพูดขึ้น
ซ่งฝูไฉกับซ่งฝูสี่พูดขึ้น “ท่านแม่ แล้วพวกข้าล่ะ”
“ข้าจะไปรู้ได้อย่างไรว่าพวกเจ้าจะไปไหน อยากไปอยู่ที่ไหนก็ไปเถอะ”
สรุปแล้ว ทุกๆ บ้านต่างก็มีคนกระจายไปอยู่
บ้านของหลี่ซิ่วมีเพื่อนร่วมงานที่ทำเค้กมาอยู่ด้วย นอกจากนี้ยังมีจูซื่ออีกคนหนึ่ง ในห้องมีแต่ผู้หญิงทั้งหมด
ส่วนบ้านท่านยายหวังมีเด็กๆ หลายคนเข้ามาอยู่ด้วย
ครอบครัวลุงใหญ่ของซ่งฝูเซิงไปอยู่บ้านของเถียนสี่ฟา
ครอบครัวของกัวคนโตรวมทั้งลูกชายทั้งสองบวกกับต้าหลัง เอ้อร์หลัง ไปอยู่กับซื่อจ้วงและหนิวจั่งกุ้ย
บ้านของซ่งฝูกุ้ย รับผิดชอบดูแลครอบครัวของท่านยายซ่งเอ้อร์ เมื่อเข้าไปอยู่ได้ไม่หมด ที่เหลือจึงต้องเข้าไปอยู่บ้านคนอื่น ผู้หญิงไปบ้านหลังหนึ่ง ผู้ชายไปบ้านอีกหลังหนึ่ง
ท่านย่าหม่ากับเฉียนเพ่ยอิง ซ่งฝูหลิง หมี่โซ่ว ซ่งจินเป่า ต่างก็นอนเบียดกันบนเตียงเตาของซ่งฝูหลิง
เตียงเตาของเฉียนเพ่ยอิงกับซ่งฝูเซิงนั้นมีท่านลุงซ่ง ลูกชายคนโตของท่านลุงซ่ง ซ่งฝูไฉ ซ่งฝูสี่ ตลอดจนกัวคนโตกับกัวคนรอง
นอนเบียดกันจนสามารถเข้าไปรวมอยู่ได้ทั้งหมด
วันรุ่งขึ้น เกาถูฮู่ขุดหลุมสร้างห้องน้ำและสร้างกระท่อมให้กับพวกทหาร ซ่งฝูสี่พาคนไปทําอ่างล้างหน้า ขณะที่ผู้หญิงหลายคนกําลังทําป้ายต้อนรับอยู่นั้น ก็มีเสียงฆ้องดังขึ้นมาจากปากทางเข้าหมู่บ้าน
เมื่อมองไปก็เห็นเจ้าหน้าที่สองนายเดินมาและตีฆ้องไปด้วย จนมาถึงศาลหมู่บ้านเหรินจยาและตีฆ้องอีกครั้งหนึ่ง ก่อนจะติดป้ายประกาศ
พร้อมกับตะโกนเรียกคนในหมู่บ้านทั้งหมดออกมา
ลูกชายคนที่สามของหัวหน้าเริ่น ดีใจวิ่งมาริมแม่น้ำที่มีประกาศ
ท่านลุงซ่งใช้ไม้ค้ำพยุงตัว “ไปกัน ข้าก็อยากไปดูสถานการณ์ที่ครึกครื้นเหมือนกัน”
ตอนนี้พวกป้าอ้วนก็จ้องประกาศตาเขม็ง ปากก็คายเปลือกถั่วเหลือง ก่อนเดินหน้าถาม “ใต้เท้า ข้างบนเขียนว่าอะไร?”
เขียนว่าอะไรกัน
ประกาศมีเนื้อความโดยรวมว่า หลี่เจิ้งของหมู่บ้านพวกเจ้า เริ่นกงซิ่น ได้ออกจากตำแหน่งแล้ว